LOGINบรรยากาศรอบตัวของทั้งสองเงียบสงบลง เสียงดนตรีที่บรรเลงเลือนหายไป มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ เท่านั้น แสงจันทร์นวลส่องสว่างลงมาบนใบหน้าของทั้งคู่ ราวกับเป็นพยานเงียบๆ ในช่วงเวลาที่ความรู้สึกพิเศษบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้นในหัวใจของพวกเขา
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง...แล้วมีคุณอยู่ข้างๆ แบบนี้” ธาวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยหวานของเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับต้องมนต์สะกด แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลงใหลอย่างยากจะถอนตัว และเจือไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาคนตรงหน้า
พิมพ์มาดาสบตากับธาวิน ดวงตาคู่สวยของเธอมีประกายระยิบระยับ ราวกับดวงดาวที่ส่องแสงภายใต้แสงจันทร์อ่อนๆ ริมฝีปากบางของเธอคลี่ยิ้มหวานละมุนก่อนจะเอ่ยตอบด้วยเสียงสดใส
“บางที...พรหมลิขิตก็อาจจะมาในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึงก็ได้นะคะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความหมายบางอย่าง
ธาวินเลื่อนมือที่โอบไหล่เธออยู่ลงมาจับมือเธอไว้แน่น สัมผัสอบอุ่นนั้นส่งผ่านความรู้สึกที่ทั้งสองคนต่างก็รับรู้ได้
“แล้วคุณพิมพ์คิดว่า...พรหมลิขิตของเราในคืนนี้...มันจะเป็นยังไงต่อครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงกระซิบแผ่วเบา ดวงตาของเขาจ้องมองริมฝีปากอิ่มของเธออย่างเปิดเผย
พิมพ์มาดาก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นอีกครั้ง ฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสมกับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจ ทำให้เธอรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“พิมพ์...ไม่รู้หรอกค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่วเบา แต่สายตาของเธอกลับเงยขึ้นสบตากับเขาอย่างท้าทาย ธาวินยกมืออีกข้างขึ้นลูบแก้มเนียนของเธออย่างอ่อนโยน
“ปล่อยความรู้สึกของคุณออกมาสิครับ แล้วผมนำทางคุณเอง...” เขาโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“คุณพิมพ์!!!...คุณไว้ใจผมหรือเปล่าครับ” ลมหายใจอุ่นๆ ของธาวินรดต้นคอของพิมพ์มาดา ทำให้เธอรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก เธอเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ยากจะห้ามใจ
“พิมพ์!!!...” เธอพยายามจะพูดบางอย่าง แต่เสียงของเธอก็ขาดหายไป
ธาวินไม่รอให้เธอพูดจบ เขาก้มลงมาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากอิ่มของเธออย่างแผ่วเบา ราวกับกลีบดอกไม้ต้องน้ำค้าง ก่อนที่จูบนั้นจะค่อยๆ ทวีความลึกซึ้งและดูดดื่มขึ้นตามความรู้สึกที่ทั้งสองคนต่างก็ปรารถนามาเนิ่นนาน...ภายใต้แสงจันทร์นวลที่ส่องสว่างและเสียงคลื่นที่โอบล้อม ค่ำคืนแห่งความรักและความปรารถนากำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง ความรู้สึกวาบหวามแผ่ซ่านไปทั่วร่างของพิมพ์มาดา ราวกับกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ ที่ทำให้เธออ่อนระทวย
แต่แล้ว...ราวกับมีสติสัมปชัญญะบางอย่างดึงรั้งเธอไว้ พิมพ์มาดาค่อยๆ ประคองศีรษะของธาวินออกช้าๆ จากริมฝีปากของเธอ ดวงตาคู่สวยยังคงจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งความปรารถนาที่ยังคงคุกรุ่น ความเขินอาย และความรู้สึกผิดชอบบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น
“คุณพิมพ์ครับ...” ธาวินเอ่ยเสียงกระซิบแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าเสียงของเขาจะทำลายความโรแมนติกของเสียงกีตาร์ที่เริ่มบรรเลงอีกครั้ง แสงจันทร์นวลที่ส่องกระทบใบหน้าสวยหวานของเธอ ทำให้เขารู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด
“อะไรเหรอคะ” พิมพ์มาดาตอบรับเสียงหวาน ดวงตาคู่สวยเงยขึ้นสบตาเขาอย่างรอคอย หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเขินอาย ความปรารถนา และความสุขที่เอ่อล้นจนแทบจะเก็บไว้ไม่มิด
ธาวินยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนของเธออีกครั้งอย่างแผ่วเบา นิ้วเรียวยาวของเขาลูบไล้ผิวละเอียดของเธออย่างทะนุถนอม ราวกับกลัวว่าเธอจะแตกสลายไปหากสัมผัสแรงเกินไป ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้ริมฝีปากบางของพิมพ์มาดา แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่และรอคอยการอนุญาตจากเธอ
“คุณวินคะ!!!...” พิมพ์มาดาเอ่ยเสียงกระซิบแผ่วเบา ราวกับเสียงลมที่พัดผ่าน ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะสัมผัสริมฝีปากของเธออีกครั้ง
“อย่าค่ะ...” เธอพูดเสียงเบาลงอีก ดวงตาคู่สวยหลุบต่ำลงเล็กน้อย
“พิมพ์เขิน...แล้วก็อายผู้คนด้วย...เรารีบกลับกันเถอะคะ?” ใบหน้าหวานของเธอแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ราวกับดอกกุหลาบแรกแย้มที่ต้องแสงจันทร์
ธาวินผละริมฝีปากออกอย่างช้าๆ มองใบหน้าแดงก่ำของพิมพ์มาดาด้วยความเข้าใจและเอ็นดู เขายกมือขึ้นลูบแก้มเนียนของเธอเบาๆ อีกครั้ง นิ้วโป้งของเขาลูบไล้เบาๆ อย่างปลอบโยน
“ก็ได้ครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม พร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่น
“ผมตามใจคุณทุกอย่าง”
เขาลุกขึ้นยืนและยื่นมือให้พิมพ์มาดา หญิงสาวจับมือเขาไว้แน่น ทั้งสองเดินเคียงข้างกันออกจากบาร์เล็กๆ ริมหาด แสงจันทร์ส่องนำทางพวกเขาไปยังโรงแรมที่พัก ธาวินเปิดประตูให้พิมพ์มาดาเข้าไปก่อน จากนั้นเขาก็ตามเข้าไปข้างใน แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว พิมพ์มาดายืนอยู่กลางห้องด้วยความประหม่าเล็กน้อย
ธาวินหันมาเผชิญหน้ากับเธอ รอยยิ้มอ่อนโยนยังคงแต้มอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขา
“ทีนี้...ก็ไม่มีใครเห็นเราแล้ว” เขาเอ่ยกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความขี้เล่นเล็กน้อย
พิมพ์มาดาเงยหน้าสบตาเขา ดวงตาคู่สวยของเธอมีประกายแห่งความปรารถนาเจือด้วยความเขินอาย เธอค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ธาวินอีกครั้ง หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ธาวินโน้มตัวลงมาหาเธออย่างช้าๆ ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มของพิมพ์มาดาอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะประกบกันอีกครั้งในจูบที่หวานล้ำและดูดดื่มยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ในห้องที่เงียบสงบแห่งนี้ มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาของทั้งคู่และเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งเบาๆ เป็นพยานถึงค่ำคืนแห่งความรักและความปรารถนาที่กำลังเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง
จูบนั้นเริ่มต้นอย่างแผ่วเบา ทว่าเต็มไปด้วยความโหยหาและเสน่หาที่ทั้งสองคนเก็บซ่อนไว้ในใจมาตลอด สัมผัสจากริมฝีปากของธาวินอ่อนโยนแต่หนักแน่น ราวกับต้องการสื่อถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเขา พิมพ์มาดาตอบรับจูบนั้นด้วยความเต็มใจ ริมฝีปากบางของเธอเปิดรับรสจูบหวานล้ำอย่างไม่ประสา แต่กลับเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรง
ธาวินค่อยๆ สอดแทรกเรียวลิ้นอุ่นเข้าไปในโพรงปากหวานของเธออย่างนุ่มนวล ลิ้มรสความหอมหวานที่ทำให้เขารู้สึกราวกับต้องมนต์ พิมพ์มาดาสั่นสะท้านไปทั้งตัวกับสัมผัสที่แปลกใหม่และเร้าอารมณ์นี้ เธอเผลอคล้องแขนรอบคอของธาวินอย่างไม่รู้ตัว ปล่อยให้ความรู้สึกนำพาเธอไป
จูบนั้นยาวนานและลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับทั้งสองคนต้องการที่จะเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของกันและกัน ธาวินค่อยๆ เลื่อนมือลงมาโอบเอวบางของพิมพ์มาดา กระชับร่างเล็กของเธอให้แนบชิดกับร่างกายของเขามากขึ้น สัมผัสใกล้ชิดนั้นทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความร้อนรุ่มที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง
พิมพ์มาดารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน มีเพียงเธอและธาวินที่อยู่ท่ามกลางความรู้สึกที่แสนพิเศษนี้ หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ความเขินอายและความประหม่าในตอนแรกได้แปรเปลี่ยนเป็นความปรารถนาที่ร้อนแรงและยากจะควบคุม
ธาวินค่อยๆ ผละริมฝีปากออกเล็กน้อย ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่สวยของพิมพ์มาดาอย่างลึกซึ้ง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักใคร่และปรารถนาที่ยากจะเก็บซ่อนไว้ ลมหายใจของทั้งคู่หอบถี่ด้วยความตื่นเต้น
“พิมพ์จ๋า...” ธาวินกระซิบเสียงแหบพร่า ราวกับคนละเมอ
“คะ...” พิมพ์มาดาตอบรับเสียงแผ่วเบา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ายวนที่แม้แต่เธอเองก็อาจจะไม่รู้ตัว
ธาวินค่อยๆ โน้มตัวลงมาอีกครั้ง ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของเธออีกครั้งอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จูบนั้นจะนำพาพวกเขาสู่ค่ำคืนแห่งความรักและความปรารถนาที่แสนหวาน...
“พิมพ์...” ธาวินเอ่ยเรียกชื่อเธออีกครั้ง เสียงของเขาอ่อนโยนและสั่นเครือเล็กน้อย
“ผม...ผมขอรักคุณหน่อยนะ...คนดี” คำพูดนั้นราวกับเป็นคำสารภาพถึงความต้องการ เสียงครางต่ำในลำคอแกร่งของธาวินดังกระหึ่มอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อได้รับการตอบสนองที่เร่าร้อนและเกินความคาดหมายจากหญิงสาว ริมฝีปากบางของพิมพ์มาดาบดเบียดกับริมฝีปากของเขาอย่างไม่ประสา แต่กลับเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว มือเรียวเล็กของเธอเลื่อนขึ้นลูบไล้แผงอกกว้างของธาวินอย่างกล้าหาญ สัมผัสที่แผ่วเบาแต่หนักแน่นนั้นทำให้ร่างกายของชายหนุ่มสั่นสะท้าน
“อืม...” ธาวินครางออกมาเบาๆ ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงเคล้าคลึงอยู่กับริมฝีปากของพิมพ์มาดา มือของเขาก็กระชับเอวบางของเธอแน่นขึ้น ราวกับกลัวว่าเธอจะหลุดลอยไป
ความรู้สึกในใจของพิมพ์มาดาราวกับพายุที่โหมกระหน่ำ เธอไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือเพียงแค่ความฝันอันแสนหวานที่เธอไม่อยากตื่นขึ้นมา ความรู้สึกอบอุ่นและเร่าร้อนที่ธาวินมอบให้มันช่างแตกต่างจากความเหงาและอ้างว้างที่เธอเคยรู้สึกมาตลอด และในความฝัน...เธอสามารถทำทุกอย่างให้เป็นจริงได้
“คุณวินขา...” พิมพ์มาดากระซิบเสียงแหบพร่า ริมฝีปากของเธอยังคงคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มของธาวิน มือของเธอลูบไล้แผงอกของเขาอย่างย่ามใจ
“ว่าไงครับ...คนดี” ธาวินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าไม่แพ้กัน ดวงตาคมของเขาจับจ้องอยู่ที่ดวงตาคู่สวยของเธออย่างลึกซึ้ง แววตาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ร้อนแรง
ตอนที่ 25 ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้งพิมพ์มาดาเลิกคิ้วสูงด้วยความไม่เข้าใจ การต้องแสดงออกว่าเป็นคนรักของเขา ต่อหน้าลูกชายของเขา มันฟังดูซับซ้อนและอาจนำไปสู่ปัญหาได้ แต่เมื่อนึกถึงความจริงใจที่อัครเดชมีให้ พิมพ์มาดาก็ไม่กล้าปฏิเสธและพยายามทำความเข้าใจในเหตุผลของเขา แต่ความกังวลเกี่ยวกับ ทายาทของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว พิมพ์มาดาพลันนึกขึ้นได้อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอหันไปมองเขาที่กำลังมองเธอด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเรื่องที่ติดค้างในใจ“เอ่อ... คุณอัครเดชคะ” พิมพ์มาดาเอ่ยขึ้นอย่างลังเล“หนูขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหมคะ... คือ... ลูกชายของคุณ...เค้าอายุเท่าไหร่แล้วคะ” เธอถามออกไปพร้อม ๆ กับความกังวลในใจ“เขา... เป็นเด็กหรือเปล่าคะ คือ..หนูเกรงว่าเด็กจะอาจไม่เข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่...และอาจไม่เข้าใจสถานะของหนูน่ะค่ะ” คุณอัครเดชยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยนเมื่อได้ยินคำถาม“อ้อ ลูกชายฉันน่ะเหรอ” คุณอัครเดชตอบ พลางยิ้มกว้างขึ้นเล็กน้อย“ไม่ต้องห่วงหรอกหนู..ลูกชายฉันน่ะ..มันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว สบายใจได้ ถ้าฉันจำไม่ผิดปีนี้ลูกชายฉันก็อายุ 30 ปีแล้วมั่ง เพิ่งเรียนจบปริญญาโทจากต่างประ
ตอนที่ 24 สถานะที่พลิกผันหลังจากจัดการเรื่องที่ทำงานและหอพักเสร็จเรียบร้อย วันต่อมาอัครเดชก็พาพิมพ์มาดามายังบ้านของเขาที่อยู่เชียงใหม่ ซึ่งอัครเดชเรียกว่า 'บ้าน' แต่สำหรับพิมพ์มาดาแล้ว นี่มันคือคฤหาสน์ชัดๆ ความรู้สึกราวกับกำลังเดินทางข้ามมิติ ตั้งแต่รถตู้คันใหญ่เลี้ยวเข้ามาในซอยที่สองข้างทางเต็มไปด้วยกำแพงสูงและต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะชะลอความเร็วเมื่อถึงรั้วเหล็กดัดขนาดมหึมาที่เปิดออกอย่างช้าๆ ราวกับประตูสู่สรวงสวรรค์อีกแห่ง การ์ดรักษาความปลอดภัยในชุดเครื่องแบบสีเข้มยืนประจำการณ์คอยดูแลความสงบอยู่ตามจุดต่าง ๆ การ์ดยกมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นประตูไฟฟ้าก็เลื่อนเปิดออกรถเคลื่อนตัวไปตามถนนที่ทอดผ่านสวนพันธ์ไม้นานาชนิดขนาดใหญ่ราวกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ มีน้ำพุอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าอันเขียวขจีที่ได้รับการดูและอย่างพิถีพิถัน ไม้ดอกนานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อสายตาของหญิงสาวปะทะกับตัวอาคารเบื้องหน้าครั้งแรก เธอถึงกับตะลึง ตัวอาคารขนาดมหึมา ตั้งตระหง่านอย่างโอ่อ่า สถาปัตยกรรมดูคลาสสิกผสมผสานความทันสมัยได้อย่างลงตัว วัสดุที่ใช้ดูมีราคาแพงลิบ ทั้งหินอ่อนเนื้อดี กระจกใสบานใหญ่ แล
ตอนที่ 23 โลกใบใหม่รุ่งเช้า..วันต่อมาเป็นเช้าแรกที่รู้สึกแปลกไปจากเดิม พิมพ์มาดาร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับอัครเดชและคุณแม่ บรรยากาศเงียบสงบกว่าทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจาน และบทสนทนาเบาๆขณะที่กำลังจิบกาแฟอุ่นๆ อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของพิมพ์มาดาก็ดังขึ้น เป็นเบอร์ของหัวหน้างานที่แผนกบัญชี เธอลังเลเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย“สวัสดีค่ะ...” พิมพ์มาดาเอ่ยได้แค่เพียงประโยคทักทายเท่านั้น เสียงแว้ดๆ จากปลายสายดังลอดออกมาทันที แม้เธอจะพยายามลดเสียงแล้วก็ตาม“นี่พิมพ์! ถ้าวันนี้เธอยังไม่กลับมาทำงานอีก ฉันจะไล่เธอออกนะยะ!”พิมพ์มาดาหน้าซีดเผือดทันที เธอเกือบจะลืมเรื่องงานไปเสียสนิทในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้ เธอก็ยังมัวแต่ยุ่ง ๆคุณอัครเดช ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้าม และเพิ่งจิบกาแฟไปเมื่อครู่ ชำเลืองมองมาที่เธอ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเด็กสาว และได้ยินเสียงหัวหน้างานที่ดังลอดออกมา เขาก็พอจะเดาเรื่องได้เมื่อวางสาย พิมพ์มาดานั่งนิ่งอึ้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล“มีอะไรรึเปล่าลูก ใครโทรมาเหรอ” พิมพ์ดาวเอ่ยถามบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง“หัวหน้าโทรมาค่ะแม่ บอกว่าถ้าวันนี้หนูไม่ไปทำงาน เค้าจะไล่ออก
ตอนที่ 22 ข้อตกลง..ระหว่างเราพิมพ์มาดาตัดสินใจว่าเธอควรจะคุยกับคุณอัครเดชอย่างเปิดอก เธอรู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้สิทธิ์เธอตัดสินใจด้วยตัวเอง ไม่ได้บังคับให้เธอรับข้อเสนอเพียงเพราะเรื่องหนี้สิน แม้ว่านั่นจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอต้องมานั่งคิดหนักก็ตามหลังจากทานมื้อกลางวันกันอย่างเงียบๆ คุณอัครเดช ก็เห็นว่าพิมพ์มาดาดูมีบางอย่างในใจ เขาจึงหาจังหวะเอ่ยขึ้น เพื่อคุยกับเธอสองต่อสอง หลังจากพิมพ์ดาวลุกไป“หนูพิมพ์!!!... ถ้าหนูไม่สบายใจเรื่องที่ฉันเสนอ...ก็บอกกันตรง ๆ ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ฉันพร้อมรับฟังทุกอย่างที่” คำพูดของชายสูงวัยเป็นเหมือนการเปิดประตูให้เธอพิมพ์มาดาสูดหายใจลึกๆ เธอรู้ว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่จะต้องเคลียร์ความรู้สึกและความคิดของตัวเองกับเขาอย่างตรงไปตรงมา“คุณอัครเดชคะ... คือจริง ๆ แล้ว หนูยังมีหลายอย่างที่หนูอยากจะบอกให้คุณได้รับรู้ค่ะ”“โอเคร งั้นหนูพูดมาได้เลยนะ”พิมพ์มาดา สูดหายใจลึกๆ พลางมองใบหน้ายินดีของชายสูงวัยคราวพ่อ ที่กำลังนั่งรอฟังเธอด้วยความตั้งใจ ก่อนที่ตนเองจะเปิดเผยความรู้สึกที่วุ่นวายให้กับเขาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับเธอเหลือเกิน“คุ
ตอนที่ 21 ทางเลือก...บนคราบน้ำตาเช้าวันต่อมา หลังจากพิธีฌาปนกิจและวันอันแสนสาหัสผ่านพ้นไป บนผืนน้ำนิ่งสงบของลำน้ำสายหนึ่ง พิมพ์มาดาและพิมพ์ดาวผู้เป็นมารดา ยืนอยู่เคียงข้างคุณอัครเดช เถ้ากระดูกที่บัดนี้แปรสภาพเป็นเพียงธุลีถูกโรยลงสู่ผืนน้ำอย่างช้าๆ ท่ามกลางแสงแดดยามเช้าที่ทาบทาผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับบรรยากาศเงียบสงบแต่ในใจของสองแม่ลูกยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความเศร้า ความเหนื่อยล้า และความสับสนจากเหตุการณ์เมื่อวานที่เกิดขึ้นคุณอัครเดช ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วยท่าทีสงบนิ่ง แต่สายตาที่มองมาที่พิมพ์มาดาเต็มไปด้วยความห่วงใยเมื่อพิธีง่ายๆ เสร็จสิ้นลง พิมพ์ดาวหันมาทางคุณอัครเดช ด้วยใบหน้าที่มีร่องรอยของความเหนื่อยล้า แต่แววตาเจือด้วยความซาบซึ้งใจ“คุณอัครเดชคะ เรื่องหนี้สินที่พ่อยัยพิมพ์ก่อไว้ ดาวจัดการโอนเงินคืนให้พวกนั้นเรียบร้อยแล้วนะคะเมื่อวาน เย็น ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับความช่วยเหลือของคุณจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณดาวก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร...” เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย อัครเดช ยิ้มบางๆ ให้พิมพ์ดาว ก่อนจะเอ่ยขึ้นถึงความต้องการของตัวเองบ้าง“ไม่เป็นไรครับคุณดาว ผมยินดีช่วยค
ตอนที่ 20 เบื้องหลังของบิดา15.00 นช่วงเวลาอันเงียบสงบก่อนพิธีฌาปนกิจศพของคุณพ่อพิมพ์มาดา ได้ถูกรุกรานด้วยกลุ่มชายฉกรรจ์ร่างกำยำ ท่าทางไม่เป็นมิตร พวกเขากรูเข้ามาในบริเวณวัดอย่างไม่เคารพสถานที่ ส่งเสียงโวยวายและทวงถามถึงหนี้สินมหาศาลที่คุณพ่อของพิมพ์มาดาทิ้งไว้ ก่อนจะบอกยอดเงินเกือบยี่สิบล้านบาทรวมทั้งต้นและดอกให้พิมพ์ดาวรับรู้ ทำเอาเธอถึงกับเข่าอ่อน ใบหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ มือไม้สั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อได้ยินตัวเลขที่น่าตกใจนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นดูจะไม่ยอมรามือ พวกเขายืนกรานที่จะทวงหนี้ให้ได้ก่อนที่จะมีพิธีใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการอ่านประวัติของผู้ตาย พิมพ์ดาวกลัวว่างานศพของสามีจะสะดุด และพวกนั้นก็บอกว่าจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ในช่วงขั้นตอนการอ่านประวัติของผู้ตายอีกด้วย สร้างความกดดันให้กับพิมพ์ดาวเป็นอย่างมากอัครเดชที่ยืนต้อนรับแขกเหรื่อคู่กับพิมพ์มาดา สังเกตเห็นความผิดปกติและสีหน้ากังวลของพิมพ์ดาว จึงเดินเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านั้นด้วยท่าทีสงบนิ่งแต่หนักแน่นอย่างไม่เกรงกลัว“มีอะไรกันหรือครับ” เสียงทุ้มนุ่มของอั







