ตีสองในคืนเดียวกัน หลังกลับมาจากคฤหาสน์ใหญ่ คุณคอปไม่ได้แวะคอนโดซะทีเดียว แต่กลับมุ่งหน้าสู่ผับใจกลางเมือง ดื่มด่ำบรั่นดีจนกระทั่งเมาได้ที่ แล้วจึงเลิก ทว่าขากลับไม่วายควงหญิงมาด้วย มันคือสิ่งที่ทำประจำ และชอบเป็นชีวิตจิตใจ ขณะเวลาเดียวกัน ตึกคอนโดของเขา ห้องข้างๆ ยังคงเปิดไฟอยู่ ร่างบางเดินหุนหัน ผุดลุกผุดนั่งเสมือนร้อนใจ สายตาเฝ้ารอคอยน้องชายคนกลาง ชะเง้อชะแง้ทั้งๆ ที่ง่วงจะแย่ เมื่อตอนกลางวันหล่อนมีปากเสียงกับเขา หนักถึงขั้นถูกผลักจนล้มฟุบถนน ส่งผลให้คอนกรีตหยาบๆบาดผิวหล่อน ตึงแสบตั้งแต่ข้อศอกลามมายันเข่าคู่ ที่ตอนนี้เธอทำได้เพียงเอาปลาสเตอร์แปะมัน
" บอลนะบอลทำไมถึงได้เหลวไหลอย่างนี้ "
ปากบ่นเสียงแหบ สีหน้าและแววตาทุกข์ร้อนเต็มทน อันที่จริงหล่อนรู้มันคือเรื่องปกติ ที่น้องชายมีนิสัยแบบนี้ เที่ยวเตร่ติดเพื่อน สร้างความห่วงใยให้พี่สาวต่างแม่อย่างบลูต้องคอยเป็นห่วงเสมอ ทว่าวันนี้ ที่มันดูมากไป ถึงขั้นหล่อนปิดตาหลับไม่ลง นั่นก็เพราะบอลถูกคุมประพฤติอยู่ ความร้อนใจของหล่อน ทำก้นหล่อนอยู่ไม่ติด ชะเง้อคอรอนานแล้ว บอลก็ยังไม่กลับมา โทรหาไม่รับสาย อยู่เฉยๆ ยิ่งกระวนกระวายใจ สุดท้ายหนีไม่พ้นหล่อนต้องไปตามเอง ร่างบางสวมชุดคลุมสีดำทับชุดลำลองข้างใน หยิบกุญแจรถซึ่งมันคือสมบัติชิ้นที่สองยังคงเหลือ หากตอนเรียนมหาลัยพ่อไม่ซื้อไว้ให้ก่อนตาย วันนี้ก็คงจะเหลือแต่ตัวจริงๆ
" ฟู่ววว! นี่ฉันทำอะไรอยู่ .."
เสียงแหบถามตัวเองหน้าเศร้า ขณะนั่งอยู่ในรถ ทอดสายตามองออกไปหน้าผับ คนนับร้อยเดินเข้าออกกันจ้าละหวั่น หญิงสาวกลืนน้ำลายดังอึก ใจเต้นตุบๆ นั่นเพราะต้องทำสิ่งที่ตัวเองไม่อยากจะทำ ยังคงนั่งมองอยู่จุดๆ นั้น รอคอยเวลาที่จะเจอใครบางคน จนกระทั่งสายตาเจ้าหล่อนเหลือบไปปะทะ เห็นน้องชาย ที่เดินออกมากับเพื่อนอีกหย่อมหนึ่ง
" บอล.."
ร่างสูงที่ดูไม่ค่อยจะเต็มร้อย เดินโซซัดโซเซอย่างกับคนไร้เรี่ยวแรง หล่อนรู้ทันทีว่าน้องเมา
" เอ้ย โชคดีโว้ย เจอกันพรุ่งนี้ที่เดิม "
เสียงโหวกเหวกพร้อมมือที่ยกบอกลาเพื่อน อยู่ดีๆ ก็ทำบลูชะงักค้าง หลังหลุดจากรถมายืนรอประคองเขาได้ไม่นาน
" บอล..."
เพราะนั่น หล่อนรู้ดี ยังไงก็ต้องเกิดปัญหาอีก เจ้าของชื่อหันมาตามเสียง เหลือบตาเหยียดมองหล่อนแวบหนึ่ง แล้วจึงเดินผ่านไป ทำเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน
" บอล เดี๋ยวสิ! "
บลูไปคว้าแขนไว้ ทว่า กลับถูกผลักออกมาไม่เป็นท่า
" เฮ้! พี่หยุดตามผมสักทีจะได้ไหม ผมอายเพื่อน! "
" กลับบ้านเถอะ เธออยู่ในช่วงถูกคุมประพฤตินะ "
" ก็แล้วยังไง พี่...เป็นแม่ผมเหรอ "
เขาเลิกคิ้วถาม ขณะคนฟังหน้าชาเป็นแถบ
" บอล.."
" แม่ฝากพี่ดูแล พี่ก็ช่วยดูให้มันห่างๆ หน่อยได้มั้ย.. อย่าจุ้นทุกเรื่อง"
ประโยคท้าย กัดฟันบอก ทำท่าจะผงะเดินหนีอีกรอบ แต่เพราะความเมากลับเซล้มซะงั้น
" บอล! "
ลำบากสาวร่างเล็กต้องมาคอยพยุง ทั้งที่แรงตนไม่มีพอที่จะรับไหว กัดฟันฝืนจนกระทั่งมีคนมาช่วย
" มาครับ ผมเอง "
" ขอบคุณค่ะ "
เขาคือการ์ดของผับ ที่คอยดูแลลูกค้า
" คันไหนครับ "
" คันนี้ค่ะ "
เมื่อทำหน้าที่เสร็จก็เดินจากไป ปล่อยบลูยืนปาดเหงื่อภายหลังแทน
....แล้วตอนถึงคอนโดเล่า ใครจะแบก....
" โอ๊ย บอลนะบอล ให้ตายเถอะ! "
แกร็ก!!
เสียงสุดท้ายตอนเครื่องยนต์จะดับ บลูดึงเบรกมือ พลันถอนหายใจเสมือนคนใกล้ตายเต็มที เพราะถูกยัดเยียดชะตากรรม ชาติที่แล้วหล่อนทำกรรมกับใครไว้หนอ ชาตินี้ถึงต้องมายอมอะไรขนาดนี้
“ บอล..ถึงแล้ว เดินเองไหวไหม “
สามนาทีกับการนั่งช่างใจ สุดท้ายหล่อนจำใจต้องสะกิด ทั้งอันที่จริงหล่อนไม่อยากเลยจะให้เขาตื่น ไม่อยากได้ยินเสียงโวยวายเลยด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับเสียงฟ้าร้องที่หล่อนเคยกลัวมาก ตอนนี้.. ยังจะน่าฟังกว่าอีก ดูสิ! ร่างก็ใหญ่ แถมน้ำหนัก คนตัวเล็กอย่างหล่อนจะแบกไหวได้ยังไงกัน!
...เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่จะเรียนให้จบๆ แล้วออกไปทำงาน มีครอบครัวสักที ...
“ บอล ..”
“ อื้มมม อย่ามายุ่งได้ไหมวะ คนจะนอน..”
“ เฮ้อ...”
ตาคู่หวานเหลือบมองเวลาจากมือถือในกระเป๋า ก่อนปิดปุ่มดับหน้าจอ แล้วหย่อนมันกลับไปใหม่ เป่าลมออกปาก กลอกตาด้วยความเซ็ง
“ ตีสาม..จะได้นอนไหมเนี่ยฉัน "
"....."
" ฟู่ววว! มา.. ถ้าได้ล้มสักที เผื่อจะสร่างเมาขึ้น “
ร่างบางประชด เมื่อรู้ว่าคงหนีไม่พ้นหล่อนเป็นคนแบก นึกไปถึงตอนเช้าแล้วอยากจะร้องไห้ หากไม่ได้นอนเลยแบบนี้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำงานไหว
“ อะไรวะ บอกว่าอย่ามายุ่งไง “
“ เงียบๆน่ะ หรือจะนอนในรถ “
ปากบ่นอุบ ขณะหน้าหย่นคิ้วขมวด นี่คงจะเป็นการออกกำลังที่หนักสำหรับหล่อนสุดๆแล้วในชีวิต กว่าจะก้าวขาเดินได้แต่ละก้าว ก็กัดกินเวลาไปหลายนาทีเหมือนกัน
“ อึ้บ! หนักเป็นบ้าเลย! “
ขบกรามเข้าหากันจนขึ้นสันนูน เมื่อต้องรับน้ำหนักคนเมาเต็มๆแบบนี้ ใช้กลยุทธิ์ลากบ้างดึงบ้าง มาจนถึงหน้าลิฟต์ ก่อนจะสะดุ้งกับลมหายใจที่มารดต้นคอเบาๆตอนนี้
“ จะอ้วก...”
“ ว้าย! อย่าเพิ่งนะบอล นี่มันในลิฟต์ “
บลูถึงกับตาเหลือกทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ภาวนาในใจให้ถึงที่หมายไวๆ พร้อมกล่อมบอลมาตลอดมทาง
ติ๊ง!
จนกระทั่งลิฟต์เปิด แบกเขามาถึงหน้าห้อง ปล่อยคนเมายืนพิงผนังทางเดินไปพักนึง ส่วนตัวเองควานหากุญแจ มือสั่นปากสั่นเร่งสแกนคีย์การ์ด
“ คลื่นไส้ ..”
“ ใกล้แล้วๆ อย่าเพิ่งนะ...”
ทว่า!!
“ อ้วกกก!! “
“ บอล!! O.O”
ไม่ทันแล้ว เขาอาเจียนออกมาเต็มๆ เรียกได้ว่าหมดไส้หมดพุง ก่อนจะปล่อยตัวตามแรงโน้มถ่วงทรุดลงไปนั่งกับพื้น .
..พระเจ้า....
ซึ่งเหตุการณ์นี้บลูจะไม่ช็อกเลย ถ้าหากอ้วกนั้นไม่ไปกองอยู่หน้าประตูห้องข้างๆ แถมตอนนี้เจ้าของห้องก็ยืนมองเธออยู่ ด้วยสีหน้าที่แบบ...อึ้งสุดๆ
".............."
" อะ เอ่อ..."
อย่างที่บอก จะไม่ให้บลูอึ้งได้ยังไง เจ้าของรองเท้ามาเห็นตำตาแบบนี้...
" ทำบ้าอะไรวะ!! "
สะดุ้งโหยง คีย์การ์ดเกือบหลุดมือกับเสียงตะเพิด บลูมองคนมาใหม่สลับกับน้องชายของตัวเองประมาณสองรอบ นั่นเพราะสติสัมปชัญญะยังไม่กลับคืน มาสะดุ้งอีกที ก็ตอนคอเสื้อน้องชายกำลังถูกกระชาก
" ลุก! "
" ใครวะ"
" ยะ อย่าค่ะ อย่า.. ฉันขอโทษแทนเขานะคะ เขาเมาค่ะเขาไม่ได้ตั้งใจ "
รุดหน้าไปห้ามเสียงดัง ไม่สนว่าใครจะออกมามองบ้าง แถมความทะเล่อทะล่าของหล่อน ยังส่งผลให้พุ่งไปชนผู้หญิงข้างๆเขาด้วย
" โอ๊ย! นี่เธอ!! "
" ขะ ขอโทษค่ะ "
ย่อเข่าลนลานเสมือนถอนสายบัว ขณะอุ้งมือเล็กกำลังยื้อมือคุณคอปไว้ พยายามอย่างมากที่จะดึงให้มันหลุดออก ในขณะเดียวกันบอลเองก็ส่งเสียงโวยวาย
" เฮ้ย อะไร ปล่อยกู! "
" รองเท้ากูคู่ตั้งใหญ่ มึงหลีกอ้วกให้พ้นมันสักนิดไม่ได้หรือไงวะ"
ทว่า เหมือนเขาไม่ได้สนใจหล่อนเลย แต่หันหน้าไปด่าทอบอลซะมากกว่า
" คนมันจะอ้วก มึงจะห้ามได้ไง.."
" ไอ้! ..."
" ฉันจะซักให้ค่ะ! "
ทำท่าจะง้างมือชก พลันมาชะงักกับประโยคนี้ ที่สาวข้างๆโพล่งขึ้น คุณคอปขมวดคิ้วเป็นปมทันที พลางคิดในใจ
...ยังมีผู้หญิงที่รักผัวขนาดนี้อยู่ในโลกอีกเหรอวะ...
ถึงขั้นไม่เกรงกลัวลูกหลง วิ่งมาขวางหมัดแบบนี้เนี่ย
" หืม... ซักหรือ.."
ร่างสูงเลิกคิ้ว ตั้งคำถามยียวนกวนบาทาไปให้บลู ที่เอาแต่นิ่วหน้าตาสลดอยู่ตอนนี้ มัวแต่ห่วงใยคนเมามายไม่ได้สติ เลยไม่ทันฟัง
" ค่ะ..ฉันจะซักให้เองค่ะ"
เผลอตอบออกไปเหมือนคนโง่ ก่อนจะสะดุ้งเพราะถูกตะเพิดสวนกลับมา
" จะซักได้ยังไง มันโดนน้ำไม่ได้! "
ทำสาวเจ้าตกใจหนัก ก้มลงไปมองรองเท้าแล้วเบิกตาโต
" รองเท้า..หนังแกะ.."
ครางอยู่ในลำคอ ก่อนกลืนน้ำลายลงไปจนจุก เธอรู้ดี รองเท้าหนังแกะ เป็นรองเท้าที่โดนน้ำไม่ได้ ทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาสำหรับขัดหนังเท่านั้น โดนแดดจัดแล้วสีจะซีด แถมอยู่ในที่มิดชิดก็จะมีกลิ่นอับอีก แล้วมาโดนอาเจียนเป็นก้อนๆ แบบนี้ จะทำความสะอาดยังไง
" เฮ้อ.."
ในขณะที่คอปตอนนี้หัวเสียไปแล้ว สำหรับเขาถือว่าไม่แพงเท่าไหร่หรอก หากจะซื้อใหม่อีกสักคู่ แต่ที่แสดงกิริยา เสมือนโมโหจัดขนาดนี้ ก็แค่ไม่ชอบการกระทำมักง่ายของใครบางคน เขาเห็นพฤติกรรมมาตั้งแต่บลูลงจากรถแล้ว
... เมาแล้วอ้วก เมาแล้วลำบากเมีย เมาทำซากอะไรวะ...
" คือ..ฉัน..เฮือก!! O.O"
ผลั่ก!!
ก่อนจะทำหญิงสองคนข้างๆ สะดุ้งโหยง ด้วยปลายเท้าเตะรองเท้าตัวเองจนปลิว หันหรี่มองบลูตาขวาง แล้วกัดฟันพูด
" เก็บมันไปทิ้งถังขยะ อย่างเธอน่ะ มีปัญญารับผิดชอบแฟนให้ได้ซะก่อนเถอะ.."
ที่ทำบลูจุกในใจไม่เบา พลันก้มหน้างุด กำมือแน่น หลังประโยคนี้
" เอ้อ.. เธอคงเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน กับที่ถูกผลักล้มตรงหน้าโรงพักสินะ "
แล้วเหลือบไปมองบอลที่นั่งส่ายหัวให้สร่างเมาอยู่
" มีแฟนไม่เอาไหนแบบนี้.. เลิกไปเถ๊อะ..ภาระเปล่าๆ"
เหยียดยิ้มดูถูก ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไป ปล่อยบลูที่ยืนกัดปากแน่นอยู่ตอนนี้ คับแค้นใจสุดๆ เหลือบมองบอลแล้วสะอื้นให้
" ฮึก...เห็นมั้ย ฉันโดนอีกจนได้.."
รุ่งสางที่บลูไม่ได้นอนเลยแม้แต่วินาทีเดียว เพราะมัวแต่นั่งใจระทึกกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับความรู้สึกทั้งหมด เสียใจจริงๆ และรับไม่ได้ อายเกินกว่าจะกล้าออกไปสู้หน้ากับเขาอีก
...เพื่อนข้างห้อง ต่อไปหากเกิดอะไรขึ้นมา เรื่องขอความช่วยเหลืออย่าไปหวังจากเขาเลย
เจ็ดโมงเช้าคุณคอปลืมตาตื่น ร่างกำยำไร้เสื้อผ้าปกปิดช่วงบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อแผงอกเป็นมัดๆ ลุกจากเตียงใหญ่ไปยังระเบียง แล้วจึงจะจุดบุหรี่ดูด สายตาเกิดเหลือบไปเห็นใครคนนึงในจังหวะพ่นควัน ทำเขาชะงัก ก่อนจะเพ่งเล็งเพื่อมองมันให้ชัด
“ ฮึ..”
เค้นยิ้มออกมาแค่เพียงมุมปาก ขณะแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์นั้นยังลอบมอง
.... ถึงว่า ตามใจอย่างกับเทวดา ที่แท้มันเด็กกว่านี่เอง.....
ครุ่นคิดไปเองคนเดียวในใจ แล้วจึงจะเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่รู้ทำไม ถึงได้จงเกลียดจงชังผู้หญิงแบบนี้นัก แสร้งทำตัวไร้เดียงสา ถ้าไม่มาเห็นกับตา คงดูไม่ออกว่าเป็นคนที่ชอบรสนิยมกินหญ้าอ่อนอะไรทำนองนี้ หรือจะบอกว่าเขานั้นคิดมาก?? จะคิดมากได้อย่างไร ก็ในเมื่อการกระทำของหล่อนเผยให้เห็นทนโท่ขนาดนั้น วิ่งตามไปดึงแขนไอ้เด็กบ้านั่น เสมือนมีปากเสียงอะไรกันสักอย่าง ซึ่งสุดท้ายแล้วก็เหมือนเดิม หล่อนถูกผลักจนก้นคะมำ ทว่า กลับไร้ความเคืองโกรธใดๆ ทั้งสิ้น หล่อนไม่มีอารมณ์เถือกนั้น นอกจากยืนเม้มปากมองแผ่นหลังร่างสูงที่เดินรุดๆ ห่างไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ตนเองแล้วบิดออกไปนิ่ง
“ สารเลว “
ถึงกับทำคุณคอปที่ยืนมองจากระเบียงชั้นสูงกัดฟันกรอด เขาไม่นึกเลย ว่าหล่อนจะยอมถึง ขนาดนั้น
“ บ้า..ผู้ชาย “
“ อะไร ใครบ้าผู้ชายกันคะ “
ทว่า กลับต้องชะงักนิ้วที่คีบแท่งบุหรี่ ลดมันลงจากริมฝีปาก หันไปมองต้นเสียง
“ เปล่า “
ริซ่า ผู้หญิงคนเดียวกันกับเมื่อคืน ยันตัวจากท่านอนเป็นท่านั่งเผยให้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าทุกสัดส่วน เอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูมาพันตัวทีหลัง แล้วจึงจะลุกมายืนเต็มความสูงในท่ารวบผมยุ่งๆขึ้น
“ ก็ได้ยินคุณพูดอยู่ นึกว่าบ่นริซ่าซะอีก “
“ อย่าร้อนตัวไปหน่อยเลยน่า “
ร่างเซ็กซี่นั่น ทำคุณคอปหลุดออกจากภวังค์จากข้างล่างนั่นเลยทันที หรี่ตามามองคู่นอน ใหม่ ทิ้งก้นบุหรี่ลงถัง แล้วเดินเข้ามาโอบข้างหลัง
“ อุ๊ย...”
มีอารมณ์ร้อนแรงขึ้นมาอีกรอบ
“ นังร่านของฉัน..”
“ อย่าค่ะ ยังเช้าอยู่เลยนะคะ “
“ แน่ใจหรือ ว่าจะปฏิเสธฉันลง คิดให้มันดีๆเสียก่อน “
บังคับร่างบางหันประจันหน้า ก่อนโน้มลงไปฉกริมฝีปากเอิบอิ่ม
“ .........”
เสียงหัวใจเต้นระรัวของริซ่า ที่ดังกระเพื่อมจนหน้าอกขยับ ทำคุณคอปตอนนี้แทบคลั่ง ผลักร่างบางล้มไปกับเตียงเช่นเดิม ก่อนตัวเองจะตามลงตามไป
" ว้าย.. ใจเย็นสิคะ "
" ไม่ไหวแล้ว นอนเฉยๆ อย่าสะดีดสะดิ้ง "
ร่างบางที่ไม่ผอมมาก จัดไปทางน่าถะนุถนอมเสียมากกว่า ราศีจับไม่ต่างกับลูกผู้มากรากดี หากไม่รู้จักกันมาก่อนมองเผินๆ คงนึกว่าเป็นคุณหนูแน่ๆ ทว่า ต่างกับเครื่องหน้าโดยสิ้นเชิง ที่ตอนนี้ซีดเผือดซะจนดูไม่ได้ เดินเชื่องช้าเข้ามายังคลีนิกสัตว์ไร้เรี่ยวแรงเพราะหล่อนยังไม่ได้นอนทั้งคืน" สวัสดีค่ะคุณหมอ "" ค่ะ คุณผู้ช่วย "ผู้ช่วยสัตวแพทย์คนหนึ่งเธอยิ้มแพรวพราวเป็นมิตร ขณะกำลังเดินสวนผ่าน บลูปลดกระเป๋าจากไหล่ตัวเองลง ก่อนจะดึงเสื้อกาวน์มาสวมทับ แล้วถึงจะทำหน้าที่ของตนปกติ ทว่า ไม่ทันได้เดินไปถึงห้องทำงาน ติ๊ด..ติ๊ด... โทรศัพท์ กลับร้องขัดเสียก่อน สาวเจ้าดึงมันออกมาดู ถึงกับกลอกตาด้วยความเซ็ง" คะ แม่.."(ไอ้บอลมีเรื่องอะไร ถึงถูกคุมประพฤติ)แล้วมาน่าฉงนเอาทีหลังเมื่อได้ยินคำถามนี้" แม่รู้แล้วรึจ๊ะ ใครบอกแม่ "(ใครจะบอก มันไม่สำคัญหรอก! เอาเป็นว่าไม่ใช่แกก็แล้วกัน)พลันมาเหน็บหล่อน"....."(ทำไมไม่บอกฉัน)" บลูแค่ไม่อยากให้แม่เครียดน่ะ เพราะคิดว่ายังไง คนจัดการและดูแลเรื่องนี้ ก็คือบลูอยู่แล้ว "(จ้า! แม่คนเก่ง ดูแลให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้มันมากวนฉันอีกล่ะ)ประโยคหลังเธอจงใจเน้นคำ แล้วตัดสายทิ้ง
รถครอบครัวเจ็ดที่นั่งแต่ถูกพับเบาะเก็บมาไว้ใช้สำหรับการรับส่งสัตว์เดลิเวอรี่ภายในคลีนิก แล่นมาจอดเทียบลาดจอดหน้าคอนโด บลูลอบผ่อนหายใจออกมาหลายเฮือก เพราะไม่ได้เต็มใจจะกลับนัก เหลือบมองคนขับเล็กน้อย“ ขอบคุณนะคะ ““ ให้ผมไปส่งไหม ““ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่นี้เองสบายมาก “ปลดล็อกเข็มขัด เตรียมจะลงในขณะฝั่งตรงข้ามวิ่งมาประคอง ดูแลหล่อนอย่างนี้เสมือนไข่ในหิน“ ดูแลตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยสิ ““ บลูไม่มีเวลาขนาดนั้น ““ บลูมี แต่ไปใช้กับอย่างอื่นหมด “หญิงสาวเม้มปากนิ่ง ทำหน้าฉงน“ หมอนนท์...”“ หรือว่าไม่จริง ““ เฮ้อ.. ส่งแค่นี้พอนะคะ ที่เหลือบลูไปเองได้ หมอกลับไปทำงานเถอะค่ะ ฝากดูแลไข่กวนด้วยนะ มันยังมีโอกาสจะรอด “บอกปัด เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำด้วย ในขณะหมอนนท์ประคองมาส่งถึงหน้าลิฟท์“ โอเคครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมโทรมาเช็คนะครับ ““ หืม เช็คอะไร ““ เช็คว่าบลูแอบไปเฝ้าใครหน้าผับอีกหรือเปล่า”“ หมอรู้...”“ ห๊า! มันจริงเหรอ ““ เอ๋...นี้หมออำบลูเหรอ “ร่างบางถึงกับทำตาโตทันที ในขณะคนข้างๆหัวเราะร่วน พอใจหนักที่สามารถแกล้งหล่อนได้ ทว่า กลับต้องมาชะงักเพราะเสียงนี้ ติ้ง! พร้อมกับใครคนนึงยืนอยู่
บริษัทกรุปใหญ่ แตกสาขาสายงานออกไปนับไม่ถ้วน เป็นที่ยกย่องถึงความเก่งและแกร่งของใครคนนึง ที่สร้างเครือข่ายเอาไว้ให้ลูกตัวเองนั้นได้มีงานทำกันทุกคน และลูกแต่ละคนก็ไม่เคยทำหล่อนผิดหวังสักครั้ง ยกเว้นก็แต่คราวนี้ กับลูกคนกลางของหล่อน ที่กำลังนั่งแถลงข่าว อยู่ในจอทีวี ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอบคำถามของนักข่าวได้อย่างฉะฉาน ใช้วาจาเสมือนรู้สึกผิดซะเต็มประดา และอ้างทุกอย่างคือเรื่องเข้าใจผิดกัน ทว่า แววตานั้นกลับไม่ได้รู้สึกผิดอะไรด้วย อดทำคุณนายอารีย์แค่นยิ้มออกมาไม่ได้ ต่อพฤติกรรมความก้าวร้าวที่ลูกชายนั้นมี นึกย้อนกลับไปถึงใครคนหนึ่ง กับสีหน้าฉงนเหนื่อยใจเกินบรรยาย.....นิสัยเหมือนสามีเธอตอนมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด ......“ เตรียมรถ ฉันจะออกไปหาเจ้านั่นที่บริษัท ““ ครับผม “ร่างสูงตระหง่านที่เพิ่งกลับเข้ามาในห้องทำงานตน หลังจากแถลงข่าวเสร็จ ยืนหันหลังให้กับแฟ้มใหญ่ทุกแฟ้มที่มีเลขาอุ้มหอบอยู่ หันหน้าออกไปทางวิวหน้าต่าง ด้วยท่วงท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง ปากเม้มเข้ากันแน่น เป็นเส้นตรงเส้นเดียว คิ้วหย่อนชนกันยุ่งเหยิง บ่งบอกถึงความร้อนใจ สมองต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่ จนกระทั่งต้องชะงักกึก หลังจากมีใครบ
กริ๊ง....กริ๊ง.....ตึง! “.................”บ้าชิบ! เสียงคำรามสบถในใจชายหนุ่ม หลังได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์เผลอลุกขึ้นพรวด จนเก้าอี้ขยับ ทำบลูที่นั่งอยู่อีกฝั่งเงียบกริบพูดไม่ออก ปาดน้ำตาหน้าเหวอ ตัวแข็งทื่อนึกว่าเป็นผี ยกมือท่วมหัวด้วยความตกใจ“ ใครน่ะ... ผะ ผีเหรอ?? ”“..............”“ บลูขอโทษนะเจ้าคะ ที่บลูร้องไห้เสียงดังรบกวนท่าน อย่ามาหลอกมาหลอน...”“ ผีบ้านเธอสิ ““ เออะ.......”พลันมาอ้าปากค้างหนักกว่าเดิม เพราะเสียงทุ้มนี้ ที่อยู่ดีๆ โพล่งแทรกออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย หล่อนนั่งเงียบไปอึดใจเสมือนคิด มานึกได้ภายหลังก็ตอนที่คุณคอปลุกขึ้นบิดขี้เกียจเตรียมจะไปแล้ว“ เพ้อชิบเป๋ง..”“ คะ คุณ!! ““ อืม ผมเอง “บลูอายถึงขั้นลุกขึ้นพรวดเต็มความสูงมาโวยวาย นานเท่าไหร่ที่เขามานั่งฟังหล่อนคุยโทรศัพท์กับแม่เลี้ยง ป่านนี้คงได้ยินไปถึงต่อไหนต่อไหนแล้ว“ นี่คุณมาแอบฟังฉันคุยโทรศัพท์เหรอคะ ““ แอบบ้าอะไร เสียงคุณดังซะเหมือนพูดโทรโข่งขนาดนั้น ยืนห่างสามห้องยังได้ยิน ““ .....................”โอ๊ย หมอนี่! ปากคอเราะร้ายได้โล่จริงๆ หล่อนได้แต่สบถในใจ อายจนเถียงไม่ออก ปิดปากเงียบเสมือนตัวเธอ
หญิงสาวที่อายุอารามไม่ได้ห่างไกลไปจากบลูเท่าไหร่นัก ทว่า กลับมีความคิดที่โก้กว่า วางแผนจับได้สามีรุ่นราวคราวพ่อไม่สนว่าเป็นหม้ายหรือทำใครบางคนต้องทุกข์ใจ มีเพียงเจตจำนงอยากจะได้สมบัติเขาเท่านั้น ครั้งนึงเคยทำตัวดีมาก อาจจะถูกสร้างมาเพื่อให้ตายใจ ทว่า อย่างไรเสียหล่อนก็พลาดท้องลูกของตัวเองอยู่ดี และเพราะหล่อนยังเสียดายความสาว หรือสิ่งที่เกิดมันไม่ได้อยู่ในแผนที่วางไว้ หล่อนจึงแสดงธาตุแท้ออกมา อิงอรพยายามสรรหาถิ่นทำบาป หวังจะเอาเด็กออก แอบหนีไปทำแท้งเกือบสำเร็จโชคดีสามีจับได้ เพราะความรักที่มีต่อหล่อน หรือเรียกได้ว่าหลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้น หล่อนทำผิดขนาดนี้ยังมองว่าดี ปราโมทย์กลายเป็นคนเห็นกงจักรเป็นดอกบัวนับตั้งแต่ได้แต่งงานดับหล่อนเป็นต้นมา ลงทุนส่งบุตรสาวคนเดียวไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเพราะแค่ต้องการจะตัดความรำคาญ ระงับสงครามเย็นภายในครอบครัวระหว่างเมียใหม่กับลูกสาวเท่านั้น ความหยิ่งยโส บาดหมางภายในจิตใจบลูคราวนั้น ยังฝั่งลึกเป็นตราบาปไม่จางหายมาถึงทุกวันนี้ เธอยังคงคิดเสมอ หากระงับสติไม่ใจร้อนจนใช้อารมณ์วัยรุ่นตัดสินเหนือเหตุผล พ่อของเธอคงไม่ต้องมาตายแบบนี้.....ที่อยู่ๆก็ตาย ด้วยโรคกล
ร่างบางเดินโซซัดโซเซลงมาจากรถตอนเจ็ดโมงเช้า หล่อนอยู่ในสภาพอิดโรยเต็มที กว่าจะลากขามาถึงกล่องลิฟต์ได้ กินเวลาไปมากมายเลยทีเดียวติ๊ง! ชั้นที่สิบ ประตูเหล็กเปิดออกหลังหล่อนมาถึง ทำบลูชะงัก เปลี่ยนสีหน้าที่เศร้าสลดเป็นหน้าบึ้งตึงไปเลยทันที“ ไอ้บอล แก...”ผั๊วะ! ผั๊ว! ผั๊ว! “ โอ๊ย อะไรของพี่เนี่ย “หวดกำปั้นลงกลางหัวไม่ยั้ง ทำผู้หญิงที่มากับเขาด้วยถอยหลังกรูด ขณะบอลตอนนี้ปัดป้องตัวเองเป็นพัลวัน“ นี่แกพาผู้หญิงมานอนในห้องฉันเหรอ “ เหลือบตาไปมองผู้หญิงคนนั้นตอนประโยคท้าย หล่อนหลบตาแทบไม่ทันด้วยความละอาย " ไหนแกบอกว่า จะมาหาฉันที่โรงพยาบาล! "“ เปล่านะพี่ เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ เธอเป็นเพื่อนที่วิทลัย ““ โกหก! เพื่อนแกสิ หน้าแก่กว่าฉันแบบนี้ “ใส่อารมณ์ยับ กะจะทุบลงไปอีกแต่คราวนี้บอลหลบทัน ฉีกตัวเองออกไปยืนไกล แล้วชี้หน้า“ พี่เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ““ เออ! ฉันบ้า! “ตอบทันควัน พร้อมดวงตาตะลึงโต แล้วถึงมาถอนหายใจเอาภายหลัง เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ใน กับความรู้สึกของเธอที่พกติดมาตอนชั่วโมงก่อนหน้า“ บ้าเพราะน้องฉันตาย...ฮืออออ”ปล่อยโฮทรุดนั่งลงตรงหน้าลิฟต์ ระหว่างทางเดินไปยังห้องของเธอ หมดค
เสร็จจากพิธีการเคลื่อนย้ายศพไปยังวัดบ้านเกิด ซึ่งถูกจัดการโดยบลูทั้งสิ้น นอกเหนือจากหมอนนท์ ผู้ช่วยเพชร และคนอื่นๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ในเครือเดียวกันอาสาช่วยแล้ว ก็มีคุณคอปอีกคนนี่แหละที่ยังคงมองอยู่ห่างๆ เขากะจะไปในคืนสุดท้ายและวันเผาทีเดียว เพราะไม่ได้เป็นญาติหรือเป็นอะไรกันกับหมอบลู ความละอายกระดากเลยเข้าแทรก ทั้งอันที่จริงไม่ต้องไปก็ได้ ทว่า กลับซ้ำให้คุณคอปรู้สึกไม่สบายใจไปอีก ซึ่งอาการนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร เขาเองก็ยังไม่รู้...“ ถามกูทุกอย่าง กูเป็นแฟนน้องเขาหรือไงวะ “โจ๊กบ่นอุบ ตามประสาคนปากเสีย หลังเริ่มรำคาญที่คุณคอปเทียวไปเทียวมาสืบเรื่องของหมอบลูไม่หยุด สร้างความระแคงใจให้แก่เขาไม่น้อย อยู่ดีๆเพื่อนเขาอยากจะรู้เรื่องราวของสาวข้างห้องขึ้นมาซะงั้น ทั้งๆที่หมอบลูเองก็ใช่ว่าจะเพิ่งไปอยู่ หรือเพิ่งจะสนใจ ไอ้อาการแบบนี้ชักไม่ธรรมดา“ กูมีหน้าที่ถาม มึงมีหน้าที่ตอบ “แถมเอือมระอาด้วยกับความชอบแถของเขา“ เฮ้ย ไอ้คอป ถามจริง ทำไมมึงไม่ไปถามเขาเอง แต่เลือกที่จะมาถามกู กูไม่ใช่ญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของเขานะคร้าบบบบ ““ ก็ถ้ากูมีความกล้าพอ กูจะมาหามึงเหรอ ไอ้ฟัค! “ประโยคหลังคุณ
ร่างสูงเดินปราดเปรียวเข้ามายืนตรงหน้า ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกง โน้มหน้าลงมามองหน้าหญิงสาว เสมือนจะถามความเป็นมาของสภาพจิตใจหล่อน กลายเป็นมาทำหล่อนเขินอายซะงั้น“ มาได้ยังไงคะ ““ นึกไม่ถึงเหรอว่าผมจะมา “เสียงทุ้มถาม ทำอย่างกับว่าบริเวณนี้มีเพียงเขากับเธอแค่สองคน“ เอ่อ..”“ แฮ่มมมม”ก่อนเสียงกระแอมของโจ๊กจะแทรกกลางคัน ขัดใจคุณคอปไม่น้อย“ อะไร “กระชากสายตาไปมองแกมตำหนิเหมือนคาดโทษ ที่บังอาจจมาทำให้เขาเสียฟอร์มต่อหน้าสาวสวยแบบนี้“ คุณ...? ”“ ผมโจ๊กครับ เป็นเพื่อนรุ่นพี่ น้องชายของคุณ “ทว่า มีหรือคนกวนโอ๊ยอย่างเจ้าของร้านขายรถอย่างเขาจะใส่ใจ ถลากระแทกหัวไหล่เพื่อน แย่งซีนแนะนำตัวกับสาวตรงหน้าซะเฉยๆ หมอบลูพยักหน้าเข้าใจ พลางปรายตามามองคุณคอป ทำนองจะถาม เหมาะเจาะกับคนถูกมองร้อนตัวพอดี รีบแทรกตอบทันควัน“ ไอ้โจ๊ก กูบอกแล้วไง ว่าอย่าชวนกูมา มึงก็คะยั้นคะยอจนได้ เห็นไหม เขางงกันหมดแล้ว เพราะไม่รู้จักกู” “ ห๊า......”ทำเอาโจ๊กถึงกับน็อคกลางอากาศ อ้าปากเหวอคิดไม่ถึงว่าเพื่อนเขาจะแถได้สุดยอดอะไรเบอร์นี้ ทำหน้ายึกยัก ปากพะงาบๆ ไปไม่ถูก“ ไม่เป็นไรค่ะ ไหนๆ ก็มาแล้ว จะไหว้ศพไหมคะ ฉันจะได้ไป
7 เดือนผ่านไปบูรพาไม่ได้แต่งงานเหมือนใครเขา เนื่องจากฟังความคิดเห็นที่ค่อนข้างจะเบี่ยงเบนไปทางโอดโอยมากจนเกินไป ประสบการณ์เจ้าสาววัยละอ่อนสองคนก่อนหน้านี้อัดแน่นพร้อมรีวิวสีหน้ามาสมทบ ....มันไม่สนุกเลย ที่จะให้คนท้องโย้ สวมชุดเจ้าสาว นอกจากไม่สวยแล้ว มันแสนจะทรมานใช่! นี่คือคำเล่าอ้าง ไหนจะต้องยืนยิ้มทั้งวัน คอยเอาใจแขกเหรื่ออีก แค่บูรพานึกภาพ แทบจะกลืนน้ำลายไม่ลงแล้ว เธอเลยเลือกที่จะอยู่เฉยๆ ดูแลตัวเอง เป็นคนรักที่ดี คอยเอาใจสามี รอวันคลอดจะดีกว่าและเหมือนว่าความสนิทสนม ในช่วงเวลาอยู่ด้วยกันจะเพิ่มขึ้นทำให้พวกเขาต้องเปลี่ยนสรรพนามไปโดยปริยาย" พี่คอปคะ พี่ว่า สีนี้จะสวยรึเปล่า "บูรพาเดินถือหนังสือแคตตาล็อกอุ้มท้องแก่ใกล้คลอดของตัวเองมายังห้องโถงกลางห้อง ในขณะเจ้าของชื่อกำลังวุ่นวายอยู่กับเอกสารกองโตหน้าจอคอม เธอหมายถึง ผ้าม่านสีครีมสีสวยที่ต้องการจะนำไปติดที่บ้านสวนของเธอ ก่อนหน้านี้ พวกเขาเกทับตัวเองไปพักที่นั่นกันมาแล้ว หลังจากโมดิฟายต่อเติมได้ไม่นาน มันดูชีวิตชีวาขึ้น และน่าอยู่ขึ้น นับตั้งแต่มีคนไปอยู่ ก่อนจะย้ายกลับมา เมื่อไม่กี่วันมานี้ ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้น และระยะทางร
ร่างบางในชุดนอนเนื้อผ้าซาตินลนลานหมุนตัวกลับ เกือบปาดน้ำตาแทบไม่ทัน หลังนึกอะไรขึ้นได้ ปิดประตูอย่างเบามือ ทิ้งตัวลงกลางเตียงแกล้งหลับ ในจังหวะคุณคอปเดินเข้ามาพอดี เขากำกล่องกำมะหยี่นั้นแน่น ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตั้งแต่เดินเข้ามา ก่อนค่อยๆ โน้มตัวนอนลงข้างเธอ ไม่ได้ผลักร่างบางซึ่งนอนตะแคงหันหลังอยู่เข้ามา ทว่ายัดกล่องเล็กนั่นเข้าไปในอุ้งมือแทน" อะไรหรือคะ "บูรพาแกล้งถาม ใช้ศอกยันตัวลุกขึ้นอิงแผ่นหลังพิงกับร่างใหญ่ คุณคอปโน้มหน้ามาฉกริมฝีปากเธอเร็วๆ พลางยิ้มละมุน" ของคุณ"" คะ? "" เก็บไว้ใส่นิ้วนี้ "กระซิบเสียงแผ่ว พร้อมดึงมือข้างซ้ายมาเขย่าเบาๆ บูรพายิ้มตาม ก่อนจะใช้มือข้างขวาปิดปากปล่อยโฮ คราวนี้เธอไม่ได้แกล้ง แต่กลับร้องไห้ออกมาจริง เนื่องจากภาพตอนเธอแอบมองมันไกลเกินกว่าจะเห็น ในมือสามีนั่นถืออะไร ได้ยินเพียงแค่คำขอโทษ กับการสวมกอดของคนสองคนแค่นั้น ก็ดีใจมากพอแล้ว ไม่คิดว่าคุณนายจะเล่นใหญ่ถึงขั้นยกแหวนวงนี้ให้กับคนอื่น วงที่บูรพาเห็นมันบ่อยๆบนนิ้วชี้ด้านขวาของหล่อนใช่ เธอจำได้ และรู้คุณนายหวงมันมาก" ฮึก..."นิ้วใหญ่ยื่นมาปัดก้อนน้ำตาให้ ในขณะริมฝีปากเขายังเปื้อนยิ้มอยู่ ไล้ลงมา
มือบางจัดไปค่อนข้างเหี่ยว บีบเข้ากันแน่น ต่างกันแต่สีหน้าที่ยังเรียบเฉย หัวใจภายใต้เนื้อในเสื้อหรูผ้าซาตินเต้นแรงไม่เป็นจังหวะคุณนายอารีย์ไม่ได้เขินอายเสมือนหญิงสาววัยรุ่น กลับกันหล่อนรู้สึกชื่นใจแปลกๆใจที่บางอยู่แล้ว ยิ่งทวีคูณความบางเข้าไปอีก เมื่อหางตาเกิดชำเลืองไปมองหน้าอดีตสามี ในจังหวะที่เขาเอื้อมมือ ถือวิสาสะมาโดน****" อ๊ะ.."และผลที่เกิดขึ้น คือไม่ต่างจากไฟช็อต คุณนายอารีย์เลื่อนมือตนออกห่าง ยอมรับหล่อนยังไม่ใจอ่อน หรือพร้อมที่จะเจอกับสถานการณ์แบบนี้" คุณได้ยินที่ผมพูดไหม "ทว่า คู่กรณีเจ้ากรรม ก็พร่ำแต่จะก่อกวน ขยี้คำถามให้หัวใจดวงน้อยๆเต้นหนักซะเหลือเกิน มือเรียวเลยบีบเข้าหากันใหม่ ซึ่งคราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะมันขึ้นเส้นเลือดปูด" ผมยังจำเรื่องราวในตอนนั้นได้อยู่นะ ยังสามารถเล่าให้คุณฟังได้อยู่ "" อย่ามายุ่งกับฉัน "ตัดสินใจ ลุกขึ้นยืนทันควัน แต่เหมือนจะช้าไป พ่อเลี้ยงผู้รู้นิสัยหล่อนดี เดินมาดักหน้าเสียก่อน" ผมจะปล่อยให้คุณหนีผมแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว "" หยุดพล่าม คุณก็รู้ว่ามันไม่มีทาง "" เพราะอะไร "ร่างสูงขมวดคิ้ว บ่งบอกถึงความไม่เข้าใจสุดๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ คราวนี
การปรึกษาหารือกันระหว่างพ่อลูก อยู่ในสายตาของบูรพาห่างๆ ด้วยระยะที่ไกล เธอจะไม่มีทางฟังได้สรรพ ยกเว้นจากท่าทีที่ทั้งคู่แสดงออกมาหากให้เดาตามสัญชาตญาณ วินิจฉัยด้วยสมอง จะรู้ในทันทีว่าพ่อเลี้ยงสยามไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ ไม่ต่างจากเธอ กับการขายหุ้นมรดกและการเปลี่ยนนามสกุลนั้น เพราะนั่นหมายความว่าคุณคอปเสียผลประโยชน์ไปโดยปริยายอย่าลืม บุคคลในตระกูลจรัญทิพย์ไม่ได้มีแต่คุณนายอารีย์และบุตรชายเท่านั้น ทว่ายังมีบุคคลอื่นที่พร้อมจะแย่งสมบัติ ตามสายเลือดซึ่งหัวเชื้อได้สร้างไว้ใช่ คุณนายอารีย์มีคู่แข่ง และ อดีตสามีหล่อนก็รู้ เพียงแต่อำนาจการตัดสินใจใยตกมาเป็นของหล่อน มีสิทธิ์มากกว่าผู้ใดในผลประโยชน์ นั่นก็เพราะหล่อนคือบุตรีคนโต ที่ได้เปรียบเรียนรู้งานก่อนคนอื่น ซึ่งแน่นอนผู้มาใหม่ อย่างบูรพาเองก็ยังรู้ เลยคิดว่าเหตุผลทั้งหมดที่จะทำเพื่อแลกกับอิสระในการมีเธอเพียงคนเดียวนี้ มันไม่สมควร เธอจะไม่มีวันปล่อยให้สามีตัวเองหมดตัว หากมันจะจนตรอก นี่ต้องไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย! จะอย่างไรเธอก็เข้าใจคุณนายอารีย์ แม้ว่าทุกเวลาเธอนั้นโดนกระทำ ต่อให้เธอต้องถูกชิงชัง ทว่ายังทำให้เธอเข้าใจหล่อนอยู่ ยิ่งมาถึงวันนี
สายโด่ นาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมงเศษ คุณคอปงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หลังนอนเกลี่ยผมภรรยาเพลินจนเผลอหลับไป สิ่งแรกที่ใจคิดถึง คือคนที่นอนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นยังนอนอยู่ที่เดิมและท่าเดิม ก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงหนักเข้าไปอีก" เฮ้..ยังไม่ตื่นอีกเหรอ"เขาเขย่าตัวเธอ นานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ที่บูรพานั้นหลับสนิทไร้เสียงตอบรับใดๆ และเปลือกตาถ่างขึ้น แต่น่าแปลก ลมหายใจเข้าออกของเธอกลับสม่ำเสมอไร้อาการคนป่วย เธอเหมือนคนนอนหลับสบายเสียมากกว่าก็อก ก็อก ก็อก" ไม่ได้ล็อก"สีหน้าวิตกกังวลของคุณคอปเบี่ยงไปตามเสียง ก่อนบานประตูไม้สีน้ำตาลเข้มจะถูกเปิดเข้ามาเบาๆ คนโผล่หน้ามาให้เห็นเป็นคนแรกคือป้าแม่บ้าน หลังจากนั้นจึงจะเป็นหน้าหมอรองลงมา" หมอมาแล้วค่ะ "หล่อนบอกก่อนโค้งหัวให้แล้วเดินออกไป มีเพียงหมอ คุณคอป และ ภรรยาเขาที่นอนไม่ไหวติงเหลืออยู่เท่านั้น" ตามสบายครับ"ร่างสูงพยักหน้ายิ้มเล็กๆ ก่อนจะลุกจากเตียง หลีกทางให้หมอได้ทำงาน ในขณะรอหมอตรวจ เป็นเวลาที่เขาได้เช็คโทรศัพท์ และไม่คิดว่าจะได้ดูดบุหรี่ควบคู่กันไปด้วย" ขอตัวนะครับ ตรวจเสร็จก็เรียกผม "" ครับ "เขายอมพาตัวเองออกไปนอกระเบียง ปิดประตูหลังจนมิดช
สี่ล้อรถหรูค่อยชะลอก่อนจะจอดนิ่งในที่สุด เมื่อถึงที่หมาย บ้านหลังหนึ่ง ไม่ได้หรูหราเทียบเท่าคฤหาสน์จรัญทิพย์ รูปทรงต่างจากทั่วไป ทว่าสวยได้ใจสุดๆ ตั้งตระหง่านหลังเดียวโดดเด่นอยู่กลางป่า คุณคอปดับเครื่องยนต์สนิท ก่อนผ่อนลมหายใจระงมใหญ่ ไม่เคยคิดว่าวันนึงจะได้มาเหยียบที่นี่ บ้านสวนพ่อซึ่งยกให้เขา ปิดประตูรถฝั่งตัวเอง พลางเดินอ้อมไปจุ๊บผากมนทีนึง และอุ้มคนข้างกายที่หลับสนิทอย่างเบามือ" ไปนอนต่อในบ้านนะครับ "บูรพาหลับไม่ตื่น นับตั้งแต่ออกมาจากบริษัทท่ามกลางความเป็นห่วงเป็นใยอย่างเขา สามีของเธอ เขาพร่ำภาวนาให้ภรรยาไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้ จนกระทั่งมาถึงที่นี่แอดมันคงจะเป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่พอสมควร จากคนที่เคยมาล่าสุดตอนเป็นเด็ก หลังจากอายุสิบห้าปีเขาไม่มาเหยียบอีกเลย ทว่า ยังคงจ้างแม่บ้านและคนสวนคอยดูแลสม่ำเสมอ" คุณเป็นใคร"" ...."และเหมือนสภาพเขาไม่รู้ว่าโตขึ้น หรือว่าโทรม ทำแม่บ้านจำแทบไม่ได้ เมื่อหล่อนวิ่งหน้าตาตื่นด้วยความตกใจมายืนหอบตัวโยน หลังเห็นไฟในบ้านเปิดเกือบทุกดวง ร่างสูงค่อยๆหันกลับมาด้วยความเหนื่อย เคล้าโคลงรูปหน้าค่าตาแปรเปลี่ยนไปจากเด็กน้อยเพียงนิดเดียว ทำแม่บ้านชะงัก
ดึกดื่นสงัด บูรพาสะลึมสะลือตื่น ตกใจกับเสียงบิดลูกบิดประตู คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณคอป เมื่อหล่อนรู้ว่าใครมา เลยปิดเปลือกตาลงไปใหม่ เพราะความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเมื่อตอนกลางวันมันทำให้เธอง่วงจนยื้อตาไม่ขึ้น คุณคอปไม่ได้เรียก แต่กลับปิดประตูกลับอย่างเบามือแทน แหงนหน้ามองนาฬิกาติดผนังบอกเวลาเที่ยงคืน แล้วถอนใจระงม หลายวันมานี้ เขายุ่งมาก ยุ่งหนักจนไม่มีเวลาให้หล่อน เขารู้ งานที่เขาต้องทำต้องสืบมันจำกัดเวลา หากเขาไม่ใช้เวลาหลังพนักงานเลิก เพื่อหาหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม สิ่งที่คาดคะเนจะให้บรรลุผลในเร็ววัน และต้องการให้เป็นอย่างนั้น คงไม่สำเร็จ สำหรับงานนี้ โอกาสไม่ได้มีให้เขาคว้าได้เสมอ หากพลาดก็จะพลาดแล้วพลาดเลย เพียงแต่ไม่สามารถจะเอ่ยบอกภรรยารักตามตรงได้ เพราะรู้นิสัยใจคอเธอดี ถ้ารู้ .. อย่างไรหล่อนก็โวยวาย และไม่มีทางยินยอมหรอก แต่เชื่อเถอะ ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อหล่อนทั้งนั้นร่างสูงเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากนั้นสิบห้านาทีจึงเดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวคาดเอวสอบ คุณคอปยิ้มบางๆให้กับร่างบางที่นอนตะแคงหันหลัง ทอดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะไปสะดุดตรงขาอ่อนขาวเนียนนั่น ที่ชุดนอนถกเลิก
" เอาล่ะ ที่รัก คุณต้องฟังผม "หลังคุณคอปเห็นท่าไม่ดี ดูแล้วคนบนเตียงต้องจัดหนักเขาแน่ จึงตัดสินใจเดินไปล็อกประตูก่อนจะหันกลับมา จ้องหน้าเธอ" หรือจะโวยวายเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลยก็ได้ ผมพร้อม! "ยักคิ้วท้าทายหล่อน ในขณะบูรพาตอนนี้แม้มปากแน่นสนิท น่าจะเก็บข่มอารมณ์อยู่ รอชายหนุ่มสะกิดแผลอีกนิดเดียว คงจะร้อนได้ที่" เอาเซ่! "" เออ ฉันเกลียดคุณ! "ตะโกนประโยคนี้ ที่คุณคอปเดาไม่เคยผิด บูรพาหน้าแดงก่ำ กำมือแน่น ต่างกับคนถูกทำร้ายจิตใจโดยสิ้นเชิง ที่ตอนนี้เขาเหมือนจะยืนรอเวลาอะไรบางอย่าง กับการมองนาฬิกา แล้วยกยิ้มที่มุมปากให้กับมัน สร้างความงงให้แก่บูรพาไม่น้อย" แล้วไงต่อ "คราวนี้มองโทรศัพท์ นิ้วใหญ่กดยิกๆ เสมือนส่งข้อความโต้ตอบกับใครบางคน" กะ ก็ ฉันเกลียดคุณไง "...คนบ้า มีอย่างที่ไหน ทะเลาะกันอยู่ ยังจะยืนทำงานอีก ...ขมวดคิ้วนิ่วหน้า หยุดเถียงอึดใจนึง เพื่อเคลียร์ปัญหาในนั้นให้เสร็จ ก่อนแค่นหัวเราะเสมือนพอใจกับประโยคสุดท้ายที่ส่งมาของปลายทาง แล้วจึงจะเก็บมันลงกระเป๋ากางเกง" บลู คุณเคยเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลที่สุดนะบลู จำได้ไหม คุณเป็นผู้หญิงอะไรก็ได้ "บูรพานิ่วหน้า ขุ่นมัว" คุณคุยกับใ
หลังรถหรูแล่นมาจอดในลาน บอกเวลาตีสองพอดี เจ้าของรถเงยหน้าขึ้นมองระเบียงห้องตัวเอง รู้สึกแปลกใจที่ไฟในห้องยังเปิดอยู่ ภรรยารักยังไม่นอนอีกหรือนี่!!อันที่จริงเขารู้สึกกังวลตั้งแต่สายไม่ได้รับของหล่อนแล้ว ปกติบูรพาไม่เคยโทรติดต่อกันหลายสายขนาดนี้ ส่วนใหญ่แล้วเขาเป็นฝ่ายโทรไปก่อนด้วยซ้ำเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้น หญิงสาวรู้แล้วว่าเขากำลังขึ้นมา ปกติจะลุกขึ้นต้อนรับ ทว่าวันนี้กลับเปลี่ยนไป สองมือบางถูกันไปมา หากมันเป็นหินคงติดไฟไปเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่เห็นคลิปนั้นเมื่อสองชั่วโมงก่อนแอด..บานประตูถูกเปิดเข้ามา ภาพที่คุณคอปเห็นคือภรรยาเขานั่งหันหลังให้ ตรงปลายเตียง ห่อไหล่เข้ากันเสมือนมือกำลังบีบอะไรบางอย่าง" บลู คุณโอเคมั้ย "ถามเสียงเนือยๆ เดินพลางปลดเน็คไท้พลาง ปากหันไปถามด้วยความเป็นห่วง และวันนี้ดูอาการแปลกๆ ทว่า หล่อนกลับลุกพรวดทั้งตัว เพื่อพุ่งมาตบเขาเพี้ยะ!!!คุณคอปหน้าชาวาบไปทั้งแถบ ทั้งมึนทั้งงง" อะไรกันเนี่ย "หันมาถามคนตรงหน้าด้วยความตระหนก คิดจะเอ็ดบ้าง เนื่องจากความเหนื่อยล้าเข้ามาถาโถม สะสมมาตั้งแต่แรกที่พบเจอไดอาน่า แต่กลับต้องเปลี่ยนแผนฉับพลัน เมื่อเจอกับสิ่งนี้ ดวงตา