Share

บทที่ 5

ไท่ซั่งหวงเคาะโต๊ะลงมติ ไม่มีผู้ใดเห็นต่างอีก

ฉินอวิ๋นฟานเอ่ย “เสด็จปู่ ไม่ทราบว่าแค่แต่งงานกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวก็สืบทอดบัลลังก์ได้แล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“ถูกต้อง ไม่ว่าใครที่สามารถแต่งกับฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวได้ ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร ข้าก็จะคุ้มครองให้เขาได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น!”

ไท่ซั่งหวงเด็ดขาดมีพลัง แฝงความเผด็จการและความแข็งแกร่งเยี่ยงจักรพรรดิในวาที

“เสด็จปู่ ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวคัดเลือกราชบุตรเขยมีกติกาอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

เพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นาน ฉินอวิ๋นฟานไม่เข้าใจรูปแบบการเลือกราชบุตรเขยในสมัยโบราณ ในภาพจำของเขายังหยุดอยู่ที่ขั้นตอนการโยนบอลผ้า หรือไม่ก็หาคู่โดยการประลองยุทธ์

ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกว่าการเลือกราชบุตรเขยของฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวไม่น่าจะธรรมดาอย่างนั้น

“ย่อมมีกติกา ทั้งหมดแบ่งออกเป็นประลองด้านบุ๋นและประลองด้านบู๊ โดยจะประลองสามด้านละสามรอบ”

ไท่ซั่งหวงอธิบาย “ประลองด้านบุ๋นแบ่งออกเป็นกลอนคู่ การเขียนและดนตรี ประลองด้านบู๊แบ่งออกเป็นยิงธนู ประลองกำลังและประลองกำลังยุทธ์ ผู้ที่คว้าชัยทั้งสองการประลองก็คือผู้ชนะ แต่ในการประลองบุ๋นบู๊สามารถเชิญผู้ช่วยได้หนึ่งคน”

“เชิญผู้ช่วยก็ได้ด้วย? นั่นมิใช่ลดระดับความยากในการแข่งขันของเราได้มากหรือ?”

“เป็นเช่นนั้นจริง พวกเราแค่คว้าชัยในการประลองด้านบุ๋นและบู๊อย่างละรอบก็พอ เลือกที่ตัวเองชำนาญที่สุดมิผ่านได้สบาย ๆ หรอกหรือ?”

......

ก็ขณะที่เหล่าองค์ชายกำลังตื่นเต้นอยู่นั้น องค์ชายรองกลับก้าวออกมาราดน้ำเย็นใส่ทุกคนตรง ๆ

เขาเอ่ยเสียงหนัก “ความจริงการประลองทั้งสองอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเราคิดหรอกนะ กลับกันยังจากยากเย็นยิ่งกว่า พวกเจ้าอย่าลืมสิ กติกาใช้กับองค์ชายทุกคน นั่นหมายถึงพวกเราต้องหากำลังเสริมสองคน”

“หากเป็นเช่นนี้ พวกเราต้องขับเคี่ยว แข่งขันกันไม่หยุด ต่อให้ตัดรายการที่ตัวเองถนัดที่สุดไป แต่อีกสองรายการจะเลือกคนที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงคนเดียว พร้อมกันนั้นยังต้องพยายามขัดขวางไม่ให้องค์ชายองค์อื่นเลือกคนที่เก่งอีกด้านหนึ่งที่สุดด้วย”

“ดังนั้น นับจากฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวกำหนดกติกานี้ ในหมู่พวกเราองค์ชายก็มีคนที่ถูกคัดออกไปแล้ว”

ซี้ด...

หลังจากองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยวิเคราะห์ ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นต่างสูดลมเย็นกันหมด ครั้งคิดอย่างถี่ถ้วนกลับเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงตำแหน่งประมุข ทุกคนต้องใช้เส้นสายทั้งหมดที่มีและต้องเลือกคนที่ดีเด่นที่สุดแน่นอน

ในราชวงศ์ต้าเฉียน ผู้ที่เก่งกล้าสามารถในแต่ละด้านก็มีอยู่เพียงไม่กี่คน อยู่ที่ฝีมือของแต่ละคนแล้ว ตอนนี้คือการแข่งขันทั้งแบบทางลับและทางแจ้งระหว่างองค์ชาย หากไม่ได้ยอดผู้ช่วยมือดีมาก็เท่ากับถูกคัดออกก่อนกำหนด

ฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวร้ายจริง ๆ!

ฉินอวิ๋นฟานยืนอยู่ด้านข้างไม่ยี่หระ สำหรับเขานี่ก็แค่ลดมิติเองมิใช่หรือ?

“อีกสามวัน พวกเจ้าก็แสดงฝีมือกันที่ตำหนักว่านฉงเถอะ!”

ไท่ซั่งหวงไม่พูดอะไรอีก โบกมือนั่งรถม้าและจากไป ขุนนางคนอื่น ๆ ก็ตามบรรดาองค์ชายฝ่ายตนแยกย้ายไปด้วย

“รัช รัชทายาท...”

ขณะที่ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะออกไปเหมือนกัน ชายหนุ่มอายุอานามยี่สิบต้น ๆ วิ่งพรวดเข้ามาด้วยความร้อนใจจนไม่อาจสนใจสิ่งอื่น ครั้นเห็นว่าฉินอวิ๋นฟานยังมีชีวิตอยู่ก็ร้องไห้จ้า “ฮือ ๆ ท่านยังอยู่ ดีจริง ๆ เลย ดีจริง ๆ”

ชายหนุ่มผู้นี้มีนามว่าเฉินม่อ เป็นเพื่อนร่วมเรียนแต่เล็กจนโตของฉินอวิ๋นฟาน จงรักภักดี ทุ่มเทกับเขาไม่เป็นสอง ตอนที่เขาโง่เขลา ปัญหาแทบทุกเรื่องล้วนเป็นเขาที่แก้ไขให้หมด

“ฮ่า ๆ ๆ ข้าไม่ใช่แค่รอดนะ ยังจะขึ้นนั่งประมุขนั่นด้วย”

ฉินอวิ๋นฟานแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังกับฟ้า “ไป ตามข้ากลับตำหนักรัชทายาทเถอะ!”

เฉินม่ออึ้งเดี๋ยวนั้น ทำไมรู้สึกเหมือนรัชทายาทเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยเล่า?

แววตานั้น บุคลิกนั้นมันยังไงกันเนี่ย?

ไม่มีเวลาคิดมาก เขารีบสาวเท้าตามไป

ตามความทรงจำที่ฟื้นคืน ฉินอวิ๋นฟานหวนคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับคนรอบกายรอบหนึ่ง คิดถึงชีวิตที่ต้องคอยเอาใจผู้อื่นตลอดสองปี แม้แต่มือของพระชายารัชทายาทก็ยังไม่เคยลูบคลำ ช่างอนาถโดยแท้!

“รัชทายาท วันนี้ท่านจะไปตำหนักตะวันออกหรือว่าจะกลับตำหนักหลักเลยขอรับ?”

เฉินม่อเอ่ยปากถาม

“ถามมาได้ ข้าเป็นถึงรัชทายาทผู้ว่าราชการแผ่นดินจะอยู่ที่ตำหนักข้างหรือ?”

ในความทรงจำของฉินอวิ๋นฟาน พระชายารัชทายาทมีชื่อเรียกว่ามู่หรงจิ่น เป็นบุตรีหัวแก้วหัวแหวนของตระกูลมู่หรง ตระกูลวาณิชชื่อดังแห่งต้าเฉียน เป็นสตรีตระกูลใหญ่อันได้มาตรฐาน ไม่เพียงแต่มีบุคลิกยอดเยี่ยมแต่กำเนิด แต่ไม่ว่าพิณ หมาก พู่กันหรือการวาดภาพก็เชี่ยวชาญทั้งสิ้น

ครั้งนั้นอดีตฮ่องเต้ประทานสมรส มู่หรงจิ่นจำใจต้องแต่งงานกับเขา แต่สองปีมานี้มู่หรงจิ่นไม่เคยให้เขาได้เข้าใกล้เลย รังเกียจเดียดฉันท์เขาที่สุด กระทั่งจวนเจียนถึงขั้นว่าจงเกลียดจงชังแล้ว ถ้าไม่ให้เขาอยู่ที่ตำหนักข้าง ก็ให้เขานอนพื้น ไม่ให้เขาเฉียดข้างเตียง

“หา งั้นข้าน้อยจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

เฉินม่อหัวใจเป็นสุข แต่ขณะที่เขากำลังจะวิ่งเหยาะไปแจ้งข่าวกลับถูกฉินอวิ๋นฟานคว้าเอาไว้ “ข้าแค่จะไปนอนต้องให้เจ้าไปแจ้งด้วยหรือ? ปกติอยู่ในบ้านข้ามีฐานะเช่นนี้หรือ?”

“เออ...รัชทายาท หรือว่านี่มิใช่ฐานะของพวกเราในบ้านยามปกติหรือ?”

เฉินม่อย้อนถามอย่างขื่นขม

“เฮ้ย! จำเอาไว้เลย ต่อไปข้าจะพลิกตัวจากขี้ข้าเป็นนายให้ดู เจ้ากลับไปเถอะ พรุ่งนี้เช้าตามข้าไปทำธุระ”

ฉินอวิ๋นฟานพูดอย่างน่าเกรงขาม

เฉินม่อตกตะลึงอีกครั้ง ยืนทื่ออยู่กับที่สงบสติอารมณ์ไม่ได้ พูดให้เพราะหน่อยคือปกติรัชทายาทเป็นคนทื่อแข็งกระด้าง พูดให้แย่หน่อยก็คือมีปัญหาทางสติปัญญา เป็นคนโง่งมตามแบบแผน

เรื่องของหยางกุ้ยเฟยแพร่สะพัดไปทั่วรั้วกำแพงวังแล้ว เดิมคิดว่ารัชทายาทผู้โง่งมต้องมีอันตรายถึงชีวิต นึกไม่ถึงว่าไม่เพียงแต่ปลอดภัย ยังเปลี่ยนเป็นเผด็จการแข็งกร้าวกว่าเดิมด้วย

“เฮ้อ! หวังว่าจะไม่ได้คิดไม่เองนะ!”

ตำหนักหลักในตำหนักรัชทายาท สตรีนางหนึ่งกำลังชำระล้างร่างกายผล่อนคลายสบายใจ ทันทีที่ฉินอวิ๋นฟานย่างเท้าเข้าห้องมา กลิ่นหอมสดชื่นปะทะเข้าโพรงจมูกฉับพลัน เขารู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นเป็นร้อยเท่าเดี๋ยวนั้น

“เสี่ยวจวี๋ เอาผ้าเช็ดตัวมาเร็ว แล้วมานวดไหล่ให้ข้าด้วย!”

ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามา เบื้องหลังฉากบังลมแว่วเสียงดรุณีนางหนึ่งทันที น้ำเสียงใสกังวานอ่อนนุ่มนั้นราวกับเสียงแห่งธรรมชาติ เพียงยินเสียงนี้ก็วินิจฉัยได้แล้วว่าต้องเป็นหญิงงามแห่งยุคแน่นอน

ตามเสียงน้ำที่ดังซ่า อะดรีนาลีนในไตของฉินอวิ๋นฟานพุ่งปรี๊ดเป็นเส้นตรง ท้องน้อยร้อนรุ่ม

“เฮ้ย เร้าใจอย่างนี้เลยเหรอะ? เพิ่งจะทะลุมิติมาก็ลุ้นระทึกมารอบ เกือบเอาตัวไม่รอดแล้ว เพิ่งจะพ้นจากวิกฤตก็เจอกับความไฉไลอีก ไม่ถูก นี่มันเมียเรานี่ แน่ล่ะ เราเป็นพวกสวมรอยยึดของของคนอื่น”

เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าฉินอวิ๋นฟานอารมณ์ดีขนาดไหน การทะลุมิติมาคราวนี้คุ้มจริง ๆ “ไอ้ผงหยินเหอฮวนบ้าเอ๊ย ฤทธิ์ยาเพิ่งมาออกเอาตอนนี้ ไม่สนแล้ว พิชิตสาวงามก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ฉินอวิ๋นฟานพกพาความทะยานอยากอันรุนแรงย่องเข้าไปหลังฉากบังลม ปรากฏเค้าโครงร่างเปลือยขาวสะอาดที่คล้ายเห็นคล้ายไม่เห็นตรงหน้าเขาผ่านผ้าม่านมากทุกที

“ทำไมวันนี้เจ้าชักช้าอย่างนี่นะ เรียกเจ้าค่อนวันแล้วยังไม่มีปฏิกิริยาอีก”

มู่หรงจิ่นเริ่มหงุดหงิด น้ำเสียงแฝงความขุ่นเคืองเล็ก ๆ แต่นางกลับไม่รู้ว่าผู้ที่เข้ามาไม่ใช่เสี่ยวจวี๋ แต่เป็นสามีโง่ที่เชื่อฟังทุกสิ่งอย่างและทำให้นางรังเกียจที่สุดของนางนั่นเอง

“นังแพศยา เมื่อกี้ผัวเธอเกือบถูกคนทำตายแล้ว เธอยังมีกะจิตกะใจอาบน้ำสบายใจเฉิบอย่างนี้อีกเหรอ?”

“เธอต้องการปฏิกิริยาใช่ไหม? หึ ๆ ฉันก็กำลังมีปฏิกิริยาพอดี เดี๋ยวจะให้เธอได้สัมผัสสักหน่อยว่าอะไรเรียกว่าปฏิกิริยาทางกายภาพของจริง!”

ฉินอวิ๋นฟานมองมือใหญ่ทั้งสองของตัวเอง เผยยิ้มร้าย เขาเลิกผ้าม่านออกเป็นช่องเล็ก ๆ จากนั้นก็มุดเข้าไปเลย...

Bab terkait

Bab terbaru

DMCA.com Protection Status