ANMELDEN“ข้าน้อยจะไปนำยารักษาจากเทวโลกมาให้นายท่านขอรับ ความพึงพอใจของนายท่านเปรียบดั่งภารกิจสำคัญ เท่าชีวิตพวกข้า” เอ่ยพลางยกมือก้มศีรษะคำนับท่านผู้นำ จางเหว่ยออกไปถ่ายทอดคำสั่งเรื่องการนำยารักษาสัตว์เทพ นำมันมาให้นายท่านให้ได้ภายในสามราตรี ตงหยางสั่งให้แยกย้ายกำลังพลไปเมืองเหยียนของปีศาจอสรพิษ มิให้เอิกเกริกมากนัก ส่วนหนึ่งให้เดินทางไปเทวโลก เพื่อเสาะหาเทพแห่งการรักษา อาจไปภพภูมิลับแล ขอยารักษามาจากบรรดานักพรตผู้บำเพ็ญตนอย่างแม่เฒ่าเมิ่งเฉียนเป่ย อาวุโสผู้มีเมตตา เป็นที่นับหน้าถือตาของทั้งเหล่าเทพและปีศาจ เป็นไปได้ว่าอาจมีสักหนทางหนึ่ง หากมีสิ่งอื่นติดมือกลับมาด้วยก็เป็นเรื่องดี จะได้รับการตกรางวัลอย่างงาม
ฮุ่ยเฟินคงไม่ถือสาที่มีปากเสียงกับองครักษ์เล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุนัขล้วนมีอุปนิสัยซื่อสัตย์ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นปีศาจ เขายังใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก นำเจ้าปักษาวางลงบนฟูกแล้วนั่งลง ฉับพลันนั้น ชายอาภรณ์สีนิลสะบัด เผลอปัดพลังหยินใส่นาง จึงหลับใหลไปในสภาพปักษาหมดสติ กว่าที่นัยน์ตาสีมรกตจะเปิดเผยขึ้นให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง เขาออกคำสั่งให้บ่าวรับใช้ทำฟูกนอนอันใหม่ เสมือนเบาะนอนของสัตว์เลี้ยงซึ่งมนุษย์หันมานิยมปักทอเบาะผ้ายัดด้วยต้นนุ่น
นัยน์ตาคู่คมสีชาดเปล่งประกาย แลดูชอบพอปักษาตนนี้ยิ่งนัก ฟูกนอนขนาดเท่าฟูกของลูกสุนัข วางอยู่บนที่นอนข้างกายเสมอ กระทั่งตะวันลาลับขอบฟ้า ปรากฏจันทร์รุธิระกลมโต ซึ่งสว่างไสวในภพภูมิปีศาจ
ร่างสูงสง่าในอาภรณ์งดงามของผู้สูงศักดิ์ก้าวเข้าไปในห้องโถงกว้างขวางโอ่อ่า ปักษาสง่างามเกาะยืนบนแขนเป็นล่ำสัน ตั่งนั่งของปักษาถูกเนรมิตขึ้นด้วยพลังหยาง เคียงข้างกายเก้าอี้ไม้โอฬารของผู้นำแดนจิ้งจอก
“ปักษาในเมืองเทพไม่สามารถมีชีวิตรอดในภพภูมิปีศาจ หากมันไม่ถูกสังหาร ข้าพนันได้เลยว่ามันจะถูกไอปีศาจกัดกินจนตาย” เสียงแหลมเล็กของปีศาจสตรี เรือนร่างเย้ายั่วในอาภรณ์สีนิลปรากฏขึ้นกลางจวน
ใบหน้างามโฉบเฉี่ยวจ้องมองเจ้าปักษาด้วยแววตาเกลียดชัง มิใช่เพียงเพราะว่าเจ้านครหันไปเอาใจสัตว์ตัวใหม่ มีข่าวลือหนาหูว่าสัตว์ในเมืองเทพมาล่อลวงราชาจิ้งจอก
“ข้ารู้แก่ใจดีว่าพวกเจ้าเกลียดชังเทพ เพียงแต่ข้าเป็นผู้เก็บนางมาจากโคลนพิษนอกประตูเมือง การที่นางจะตาย ย่อมตายด้วยมือข้าเท่านั้น”
“มิใช่เพราะว่าท่านย่าของท่านเคยเป็นเซียน จึงเกิดคิดถึงนางขึ้นมา?”
มีเพียงผู้เดียวที่กล้าพูดจาด้วยกิริยาไร้ความนอบน้อม ญาติห่าง ๆ ทางฝั่งมารดามีศักดิ์เป็นว่าที่คู่หมั้น ‘ลี่อิน’ กำลังโกรธเกรี้ยวริษยา นางอาจปลิดชีพเจ้าปักษาตนนี้ได้หากว่ามันไม่เกาะอยู่บนเสื้อสีนิล
“ช่างเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรเสียท่านฮุ่ยเฟินคงโปรดปรานมันได้ไม่นาน ประเดี๋ยวท่านก็คงจะเบื่อหน่าย ยามได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่มาชื่นชม”
“หากข้าเกิดความโปรดปรานการเลี้ยงสัตว์ขึ้นมาสักตัวหนึ่ง สักหลายตัว ข้าจะสังหารสัตว์ตัวไหนเพราะว่าข้าอารมณ์ไม่ดี มันเรื่องอะไรของเจ้า? ลี่อิน” เสียงเข้มถามกลับด้วยวิสัยเฉกเช่นปีศาจ ฮุ่ยเฟินตอบรับแววตารังเกียจเดียดฉันท์โดยไร้ความยำเกรง นัยน์ตาสีชาดหลุบมองสตรีที่ยืนอยู่ในระดับต่ำกว่า เขี้ยวคมโผล่พ้นออกมาจากมุมปาก
ปักษาขนขาวโผปีกบินกระง่อนกระแง่น นางบินแทบไม่ไหว หากทว่ายังผงาดคอสง่างามดุจพญาหงส์ มิให้ถูกตำหนิได้ ปลายเท้าเกาะอยู่บนไหล่กว้างกำยำ ก้มหน้าลงจิกกินอาหารในมือหนา เป็นเมล็ดข้าวโพด
“ยามนี้เจ้าควรให้เกียรตินางสักเล็กน้อย อย่าได้เรียกนางว่า ‘มัน’ ต่อหน้าข้า เพราะว่าข้าจะไม่ปล่อยให้ใครก็ตาม ก้าวเดินออกไปจากประตูจวนเมืองจิ้งจอก ผู้ใดขัดใจข้าในเรือนของข้า หมายถึงความตาย...”
บรรยากาศตึงเครียดระหว่างทั้งสองทำให้องครักษ์คนสนิทปรากฏตัวขึ้น จางเหว่ย ตงหยางยืนระหว่างกลางพวกเขา เพื่อไม่ให้เกิดการเข่นฆ่าสังหารในจวนสะอ้านสะอ้าน รุ่งอรุณสดชื่นแจ่มใสเช่นนี้ ไม่ควรมีผู้หลั่งโลหิต
“ข้าแลเห็นว่านางทนไม้ทนมือนายท่าน แม้ว่านางอาจหมดสติได้วันละสามเวลา”
“ใช่ นางมีชีวิตสุขสบายดีในจวนนายท่านมาเก้าวันแล้ว เจ้าอย่าได้เป็นกังวลเรื่องปักษาตนนี้เลย ลี่อิน” จางเหว่ยกล่าวเสริมให้คำพูดขององครักษ์เคียงกายมีน้ำหนัก
เหล่าสตรีจิ้งจอกคงไม่พอใจอยู่วันยังค่ำ แลเห็นท่านผู้นำปัดมือตีอากาศ เนรมิตงานแกะสลักงดงามวดลายพฤกษชาติ รอบฟูกขนาดเล็กของเจ้าปักษา
จิ้งจอกนับสิบตนปรากฏขึ้นกลางจวนในอีกไม่นาน ห้องเงียบสงบบัดนี้เต็มไปด้วยจิ้งจอกในอาภรณ์สง่า ทั้งบุรุษสตรี ล้วนเป็นปีศาจ จะมีปีศาจอาวุโสอยู่สองท่าน เป็นผู้ดูแลเรื่องความเรียบร้อยในจวนท่านผู้นำ
“ตามธรรมเนียมจิ้งจอก ท่านผู้นำจะมีคู่ครองเมื่ออายุขัยครบห้าหมื่นปี มีราชาย่อมมีราชินี”
“ได้ยินท่านเตือนความจำข้าขึ้นมาพอดี อาวุโสเยี่ย เป็นไปได้ว่าราตรีนี้ข้าอาจเฉลิมฉลองงานวิวาห์”
แล้วใครคือเจ้าสาวจิ้งจอกเก้าหางผู้นี้?
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







