ANMELDENคำถามของเหล่าปีศาจจิ้งจอกสตรี บอกผ่านนัยน์ตาสีชาดทอประกายจรัส กระบอกตาของพวกนางร้อนผ่าว ขณะจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาคมคายของบุรุษจิ้งจอกผู้เปี่ยมด้วยพละกำลัง จะมีเพียงผู้อาวุโสจิ้งจอกสองตน พวกเขากำลังใช้ความคิดด้วยสีหน้าคร่ำเครียด ตะโกนกร้าวออกมา
“จำต้องหาสตรีจิ้งจอกผู้มีใบหน้างดงามเหมาะสม มีพลังเวทเท่าเทียมท่านฮุ่ยเฟิน!”
“พลังเวทเทียมเท่าข้าในแดนจิ้งจอก เป็นไปได้ด้วยหรือ? การจัดงานประลองฝีมือ ฟังดูครึกครื้นน่าภิรมย์ใจเสียยิ่งกว่าจัดงานวิวาห์ให้นายท่านของพวกเจ้า ไยต้องเดือดเนื้อร้อนใจแทนข้า จะมีภรรยาหรือไม่มี”
ฮุ่ยเฟินบ่นปาว ๆ ทว่าคงไม่ทันกาล อาวุโสจิ้งจอกพลันหายไปในกลุ่มไอหยิน วิ่งวุ่นไปตระเตรียมการประกาศหาสตรีจิ้งจอกผู้มีความเพียบพร้อมเหมาะสมให้ท่านผู้นำ งานวิวาห์ของฮุ่ยเฟินจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ตระการ
“เมืองสวี เมืองฉาง สตรีจิ้งจอกใบหน้างามสง่า สติปัญญาเป็นเลิศ จิ้งจอกเงินจิ้งจอกแดงจะต้องยอมรับการผูกไมตรีกับเผ่าพันธุ์จิ้งจอกนิล ท่านฮุ่ยเฟินเป็นผู้รวบรวมดินแดนทั้งห้าของเหล่าจิ้งจอกให้เป็นปึกแผ่น มีกำลังพลมากมหาศาล เราจึงสามารถต่อกรกับเหล่าเทพ”
“ข้าเห็นด้วยกับข้อนี้ การผูกไมตรีเพื่อขยายดินแดนนับเป็นเรื่องดี ต่อให้เป็นต่างเผ่าพันธุ์ หากว่าท่านฮุ่ยเฟินพึงใจนาง ย่อมได้ทั้งนั้น...”
เฟยฟาเข้าร่วมสนทนากับผู้อาวุโส องครักษ์อีกสองเข้ามาในจวน พวกเขาปรากฏกายขึ้นและติดตามนายท่านไปในสวนหย่อมด้านหลังจวน
การหายตัวด้วยไอหยินเป็นเรื่องคุ้นชินของเหล่าจิ้งจอกผู้เคลื่อนไหวว่องไวดุจลม พริบตาเดียวก็ปรากฏกายในอีกสถานที่หนึ่ง
ตะวันลาลับขอบฟ้าแล้วหากยังคงมีแสงสลัวจากเปลวเทียนนับพันเล่ม ใต้จันทราสีชาดดวงเดียวในภพภูมิปีศาจทำให้โดยรอบบริเวณแลดูงดงาม ลึกลับ น่าพิศวง บุปผชาตินานาพรรณเบ่งบาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เจ้าของจวนมิได้โปรดปรานการปลูกสวนดอกไม้ จะมีเพียงประปรายพอให้เป็นที่สำหรับรับรองแขก
“ปีศาจแมงมุม นายท่านกล่าวว่าพวกนางเจ้าเล่ห์เกินงาม ชื่นชอบการวางยาพิษ กักขังสามีไว้ในใยแมงมุมของพวกนาง ปีศาจเงือก นายท่านกล่าวว่าเหม็นคาว ท่านไม่โปรดปรานภรรยาผู้จะทำให้รู้สึกว่าท่านกำลังกินนอนอยู่กับปลาทุกวัน”
จางเหว่ยตอบผู้อาวุโสทั้งหลาย ส่วนตัวเขาเคยพบนางเงือกใบหน้างดงามดุจธิดาสวรรค์ พวกนางมีกลิ่นกายยั่วยวนปานบุปผาทว่าไม่ใช่กับเหล่าสุนัขจิ้งจอก ซึ่งรับรู้กลิ่นได้มากกว่ากลิ่นของดอกไม้ บางคราพวกนางก็มีกลิ่นของปะการัง! เศษซากศพในท้องนทีที่พวกนางกลืนกิน
“มัจฉา เอร็ดอร่อยกว่าที่พวกท่านคิด...”
“เช่นนั้นข้าอนุญาตให้เจ้ามีภรรยาเป็นมัจฉา ตงหยาง แต่ระวังให้ดี ข้าได้ยินว่านางปีศาจเงือก แม้กระทั่งสามีเพิ่งแต่งงานหมาด ๆ สามารถเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยของพวกนาง”
ทหารจิ้งจอกล้วนเคยต่อสู้กับปีศาจเงือก จึงรู้ว่าความงดงามเป็นเพียงสิ่งนอกกาย ปั้นแต่งขึ้นได้ด้วยเวทปีศาจ เขี้ยวของพวกนางอาบยาพิษ ทำให้กล้ามเนื้อชา การกินบุรุษร่างใหญ่กำยำ พละกำลังมากกว่าไม่ใช่เรื่องยาก
ฮุ่ยเฟินพึ่งเสกสรรตั่งนั่งขนาดเล็กที่แกะสลักอย่างประณีต ประดับด้วยมรกตงดงาม สีเดียวกับนัยน์ตาของปักษา อุ้มประคองปักษาที่แสนบอบบางมายืนเกาะบนสันไม้สักแดง เมื่อเขามิได้นำพานางมาด้วยการเคลื่อนย้ายตนเยี่ยงปีศาจ
ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย แลดูอารมณ์ดี เจรจามากกว่าทุกวันในสายตาของเหล่าทหาร ถึงสุดท้ายแล้วมิอาจหาข้อสรุปได้ว่าท่านผู้นำจะเลือกเผ่าพันธุ์ใดเป็นภรรยา เพียงพูดเปรยขึ้นมาด้วยแววตาเอ็นดู มองไปยังปักษา
“ดีล่ะ ราตรีที่สิบนี้... ข้าจะมีภรรยา”
---------
ร่างสูงสง่าในอาภรณ์สีนิล ปักทอด้วยด้ายทองลวดลายพฤกษชาติ หางที่พลิ้วไหวทั้งเก้าตัดกับสีชาดบริเวณปลายหาง คงมีเพียงผู้เดียวในดินแดนปีศาจจิ้งจอก
รองเท้ากำมะหยี่ก้าวย่างสุขุมออกจากห้องพำนักอาศัยในจวนโอ่อ่า ทั้งอาภรณ์และเครื่องหยกสีนิลเต็มยศเจ้าเมืองฟู่ ผู้เฒ่าทั้งหลายเข้ามาไถ่ถามเรื่องอาภรณ์ในวันสำคัญ การจัดงานเฉลิมฉลองวิวาห์ยิ่งใหญ่
ฮุ่ยเฟินไม่คิดว่าจำเป็นสำหรับพิธีรีตอง ซ้ำยังปล่อยให้สตรีจิ้งจอกผู้มาเฝ้ารอการคัดเลือกตัวเจ้าสาว นั่งรอในจวนตามอัธยาศัย โดยไม่ได้พูดถึงการเลือกคู่ครอง หลังจากที่อาวุโสทั้งหลายวิ่งวุ่นเป็นธุระไปคัดสรรสตรีผู้สูงศักดิ์ทรงพลังในเมืองปีศาจมาให้ท่านผู้นำ ด้วยความยากลำบาก ให้เขาเชยชมใบหน้างามโฉบเฉี่ยวของพวกนาง บ้างมีความอ่อนหวานหากแอบแฝงจริตมารยาเยี่ยงปีศาจ ฮุ่ยเฟินตรงไปหาองครักษ์คนสนิทด้านหน้าจวน บริเวณลานกว้าง มิได้ให้ความสนใจสตรีผู้สวมอาภรณ์งดงามสีชาด ไม่ต่างจากว่าจะมาตบแต่งกับเขาในค่ำคืนนี้
“ตงหยาง! เจ้าได้ของที่ข้าให้ไปหามาหรือยัง?”
“ขอรับนายท่าน!”
จางเหว่ยทุบกำปั้นลงพสุธา เฟยฟา ตงหยางปรากฏตัวในฝั่งตรงกันข้ามนายท่าน กำลังยืนรอของวิเศษจากพวกเขา คนใดคนหนึ่งซุกซ่อนมันเอาไว้ใต้ชายอาภรณ์ ทั้งสามมองหน้ากันด้วยท่าทีเป็นกังวล
ถึงนางจะบอกว่าไม่เป็นไร นั่นเป็นความเจ็บปวดทรมานที่แสนเป็นสุข ฮุ่ยเฟินไม่ยอมให้นางเจ็บปวดทรมาน“เราจะไม่มีบุตรอีก เว้นเสียแต่ว่าข้าสามารถอุ้มครรภ์แทนภรรยาได้ ข้าจึงจะเปลี่ยนใจ” ถ้อยคำอ่อนโยนทำให้ภรรยาหัวเราะออกมา นางยกมือป้องปากอย่างรักษากิริยา“ข้าเคยได้ยินเรื่องใต้เท้าจีกงอุ้มครรภ์แทนธิดาฟางเหนียง ท่านเป็นสามีที่มีเมตตารักใคร่ต่อภรรยานัก”“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้”จือจือเล่าให้สามีฟังว่านางถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต ไม่มีความทรงจำในอดีต ทว่านางทำงานในเรือนเทพแห่งสายน้ำ เรื่องเล่ากล่าวขานมากมายเกี่ยวกับใต้เท้าจีกงทำให้ผู้คนเลื่อมใส“อ้อ... สรุปว่าเทพสามารถให้กำเนิดบุตรได้ ท่านไปพบผู้เฒ่าลึกลับในทะเลลึก เพื่อขอลูกแก้วมาใส่ท้องตน เพราะว่าเห็นบุรุษเทพตั้งครรภ์แทนภรรยาได้ น่าขันนัก”เสียงหัวเราะลั่นดังไปทั่วเรือนปีศาจ สีหน้าของเขาเหยียดหยัน ไม่ว่าอย่างไร ปีศาจก็ยังไม่ชอบเทพอยู่ดี ธิดาจือจือคงเป็นกรณียกเว้นผู้เดียวขณะนัยน์ตาสีชาดราวกับว่ามีแสงวิ่งอยู่ภายในยามจ้องมองแก้มแดงซ่าน นางพูดจาเจื้อยแจ้วถึงเรื่องที่นางจะขอบาดเจ็บแทนสามี เฉกเช่นที่เขาขอเจ็บปวดแทนนาง หากเป็นเช่นนี้ก็คงไม่ได้มีบุ
“ท่านใจเต้นแรงเพราะภรรยาอยู่เสมอ”“ในภพภูมิบาดาล... ไม่มีบุรุษมาชอบพอเจ้าหรือ? ไม่มีใครทำให้เจ้ามีความรู้สึกเช่นนี้”“อาจมีแต่ข้าไม่รู้ ก็เป็นไปได้”รู้ทั้งรู้ว่าสามีพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ริษยา จือจือมองเห็นเขี้ยวคมของสามี ปีกปักษาสีชาดกะพริบแสงในอกของเขา สีของปีกปักษาในอกเข้มขึ้นตามลำดับ พอ ๆ กับนัยน์ตาที่อาบด้วยโทสะในหัวของราชาจิ้งจอกวางแผนลอบสังหารบุรุษเทพผู้นั้น หลังตามหาตัวพบว่าเป็นใครแน่ ภรรยาผู้แสนดีทำลายแผนการของเขาลงเสียหมด“ข้าล้อท่านเล่น ไม่มีแน่นอนเจ้าค่ะ”“เจ้านี่ชอบหยอกล้อข้า ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง” ว่าแล้วเคาะหน้าผากเนียนเข้าทีหนึ่ง บนแต้มสีชาดปรากฏสัญลักษณ์ของภรรยาจิ้งจอกขณะดวงตาเรียวรีของนางราวจะยิ้มออกมาได้ เด็กชายทั้งสองวิ่งกลับมาหาบิดามารดาอ้ายเฉินมีนัยน์ตาสีชาด อ้ายเยว่มีนัยน์ตาสีมรกตทอประกายอย่างเผ่าพันธุ์ปักษา หากใบหน้าละม้ายคล้ายบิดามากกว่า โดยเฉพาะคิ้วหนาที่เรียบขนานไปกับดวงตาสดใส เขาดูเป็นปีศาจเข้มขรึมดุดัน ทว่ายังซุกซนอย่างเด็ก แม้เติบโตอยู่ในร่างของเด็กวัยสิบสองปีแล้ว แค่ผ่านพ้นไปไม่กี่วันบิดามารดานั่งฟังพวกเขาแย่งกันพูดจา บอกเล่าเรื่องราวสารพัด“ข้าไม่ว่าพว
ฮุ่ยเฟินนั่งหงุดหงิดภรรยา ไม่เข้าใจว่าทำไมนางจึงยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตน นางควรเห็นแก่ตัวบ้างในเมืองปีศาจ ไม่นานนัก ขนตางามงอนเป็นแพที่ขยับไหวเปิดเผยดวงตาสว่างใสให้เห็นอีกครา แสงสีชาดกะพริบในอกพร้อมหัวใจที่เต้นระรัวแรงจือจือชะโงกคอมองหาบุตรชายทั้งสอง “ลูกชายข้าเล่า?”“จะไม่ถามถึงสามีเลยหรือ?”“ข้าเชื่อว่าท่านคงดูแลตนเองดี โดยเฉพาะตอนนี้ บิดาอาจกำลังเวียนหัวกับการเลี้ยงดูเด็ก ๆ”“ข้าให้บ่าวรับใช้ดูแล เพียงออกไปดูพวกเขาเป็นครั้งคราว พวกเขาเข้ามาดูอาการของเจ้าอยู่ เพิ่งออกไปไม่นาน”“ข้าอยากพบลูกชายเจ้าค่ะ” ในสีหน้าออดอ้อนของนาง สามีจอมบงการเลื่อนมือไปแตะหน้าผากและแก้มเย็นเฉียบ“เจ้ายังไม่หายดี อดทนรออีกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ข้าไม่อยากให้ใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนของเจ้า ข้าเองก็จะออกไป”“ได้โปรดเถิด เขาเป็นความรักของข้าและท่าน จะห่วงภรรยาก็ห่วง แต่จะริษยาเด็กน้อยไปทำไม อย่างไรเสียข้าก็มอบหัวใจให้ท่าน บุรุษเพียงผู้เดียว”“ภรรยา เจ้าทำเป็นพูดดีไป ข้าไม่ได้ริษยาพวกเขาเลย ข้ากำลังเป็นห่วงเจ้า”ถึงต่อว่าไปอย่างไร ฮุ่ยเฟินกลับใจอ่อนยอมนาง เห็นแววตาสุกใสเปล่งประกาย ปรารถนาจะพบบุตรชาย นางรับปากว่าห
นี่อาจเป็นการสมานฉันท์ระหว่างเผ่าพันธุ์จิ้งจอกและเหล่าเทพ แม้อาจทำให้เกิดสงครามระหว่างดินแดนขึ้น องค์ชายทั้งสิบจากเมืองฉางส่งสารมาถามไถ่เรื่องฝาแฝดทั้งสองอย่างไม่พึงพอใจนักเมืองฉางตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองฟู ในภพภูมิแห่งจิ้งจอก ถัดไปเป็นเมืองเหยียนของเหล่าอสรพิษ ได้ยินข่าวคราวจากองครักษ์ว่าพวกเขาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด“ข้าไม่ชอบเสียงดัง คำโต้แย้ง ที่ผ่านมาถือว่าข้าเกรงใจพวกเขามาก กลายเป็นว่ามีเพียงองครักษ์ทั้งสาม บ่าวรับใช้ในจวนที่เป็นมิตรต่อจือจือ ส่วนผู้อื่น ไม่มีผู้ใดหยุด...”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าเกรี้ยวกราดของราชาฮุ่ยเฟิน อาจสังหารปีศาจได้ทั้งเมืองโดยง่ายดาย เขาเดินผ่านโถงกว้างขวางในจวนอย่างสุขุม บอกตงหยางให้ส่งสารผ่านจิ้งจอกลูกสมุนไปเมืองเหยียน ขอให้เหล่าจิ้งจอกเอ็นดูเด็กชายทั้งสอง นั่นเป็นคำสั่งเสียมากกว่าคำขอร้อง“การต่อสู้กับแคว้นฟู่ซึ่งทุกเมืองปีศาจสวามิภักดิ์ เป็นเรื่องยากต่อกร จะเสียกำลังพลปีศาจไปโดยเปล่าประโยชน์ ใครดูถูกเหยียดหยามบุตรชายของนายท่าน เท่ากับเป็นปฏิปักษ์” ตงหยางให้ท้ายนายท่านหลายวันมานี้เหล่าองครักษ์ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กชายทั้งสองไม่น้อย
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไปจือจือ ไม่ว่าใครก็ตามเข้ามาขัดขวางการคลอดบุตรของภรรยาข้า มีโทษสถานเดียว ทุกชีวิตในสายเลือดมันผู้นั้นต้องตาย”“ท่านเดินทางไปร้องขอชีวิตข้าและบุตรของเราจากแดนยมทูตไม่ดีกว่าหรือ?”“ยากเกินไป” เอ่ยแล้วจึงก้มหน้าลงจูบหน้าผากเนียน “ข้าจะปกป้องเจ้าเป็นอย่างดี เจ้าจะคลอดบุตรโดยปลอดภัย ทั้งฝาแฝดสตรีหรือบุรุษจิ้งจอก ล้วนน่ายินดี พวกเขาจะเป็นพี่น้องที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน”จือจือได้ยินเช่นนั้น เงยหน้าขึ้นลอบมองกรามแกร่งด้วยสีหน้าเป็นสุข“ท่านไม่ควรเป็นกังวลไป สามี เทพล้วนโปรดปรานเด็กตัวเล็ก ๆ นัก บุตรของเราทั้งสองจะได้รับคำอวยพรจากเทพในเทวโลก แม้กระทั่งราชาผู้ยิ่งใหญ่...”ชั่วครู่หนึ่งของการสนทนา นางได้พบรอยยิ้มอ่อนโยน จากที่เคยแลดูเกรี้ยวกราดหากพูดถึงราชาแห่งสวรรค์เมื่อไร เขาไม่ได้ปฏิเสธเมตตาธรรมของท่านผู้ยิ่งใหญ่ ใครเมตตาบุตรของเขาก็ยินดี“เราจะตั้งชื่อ... พวกเขาว่าอะไร? เจ้าคิดไว้หรือยัง”“อ้ายเฉิน อ้ายเยว่ ชื่อของเขาหมายความถึงความรัก ข้าคิดว่าไม่เป็นอุปสรรค เมื่อเขาเติบใหญ่อาจไปบำเพ็ญเพียรในเมืองเทพก็ย่อมได้”“เจ้าไม่อยากให้บุตรชายเดินทางมาร?”จือจือส่ายหน้าไปมา “เขาอ
“หลายล้านปีเทวโลก อาจมีเพียงหนึ่ง นางผู้เปรียบดั่งดวงใจข้า สวรรค์ลิขิตให้ปีศาจผู้ไร้ใครต้านทานอย่างข้ามีความรักครั้งหนึ่ง เมื่อการถือกำเนิดของข้าไม่ควรมีอยู่ในทุกภพภูมิโลก หากนางไม่รับรักข้า จะสิ้นใจไปอย่างเชื่องช้า ร่างกายแข็งเป็นหิน เกล็ดน้ำแข็งเกาะกุมไปทั่วร่าง...”จางเหว่ยหัวเราะอย่างรักษากิริยา เป็นเรื่องน่าขันสำหรับเขา“เห็นทีว่านายท่านคงเป็นอมตะนิรันดร์กาล พวกข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าเผ่าพันธุ์ปักษามีความรักที่มั่นคง”องครักษ์จิ้งจอกไม่ให้นายท่านได้กลายเป็นก้อนน้ำแข็งสมใจ ขณะใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มดีใจ ปรารถนาความรักของธิดาปักษาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่าเป็นวาสนา ชะตากรรม พรหมลิขิต หรือว่าสิ่งใดแน่ทว่าการพบสบตานางผู้เปรียบดั่งดวงใจ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุด...สตรีตั้งครรภ์ย่อมเป็นกังวลต่าง ๆ นานา สารพัดเรื่องราวซึ่งนางสามารถจินตนาการได้ จือจือชงชาให้สามี ระหว่างนั่งสนทนากับเขาอยู่ด้านหลังจวนกว้าง ในสวนที่มีพรรณพฤกษางอกเงย ดอกจื่อเถิงใต้จันทราสีชาด สามีภรรยานั่งพักพิงอิงแอบในอ้อมแขนกันและกันเป็นนิจราตรีนี้บ่าวรับใช้ยกจานใส่ขนมแป้งปั้นหน้าตาน่ารับประทานเข้ามาวางบนโ







