หลังจากเดินทางกันมาหลายชั่วโมง ในที่สุดรถบัสคันใหญ่ก็จอดลงเมื่อถึงจุดหมายปลายทาง
“เจสค้าบ ตื่นได้แล้ว ถึงแล้วนะ” เสียงทุ้มเบาเอ่ยกระซิบข้างหูหญิงสาว ร่างเล็กค่อยๆพลิกตัวก่อนจะลืมตาด้วยความงัวเงีย เมื่อมองไปรอบๆก็พบว่าตนเองกำลังซบอยู่บนไหล่กว้างอย่างสบายใจ “อุ่ย! เจสทำพี่เมื่อยรึเปล่าคะ ทำไมพี่ไม่ปลุกเจสล่ะ” “ปลุกอะไรล่ะ หนูหลับมาตลอดทางเลย อีกอย่าง…พี่ก็ไม่เมื่อยหรอก” เขาตอบพลางยิ้มเอ็นดู มือใหญ่ขยี้ศีรษะเธอเบาๆ “บัว!!” “หะ…ห๊ะ!?” “บัวมองอะไรอยู่น่ะ พี่เรียกตั้งนานก็ไม่ได้ยิน” “เอ่อ…เปล่าค่ะ” กอบัวที่นั่งอยู่ข้างๆ รุ่นพี่หนุ่มซึ่งตามจีบเธอมานาน หันหน้ากลับมาด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก สายตาของเธอดูเหม่อลอยราวกับจ้องมองอะไรบางอย่าง เซนเซจึงหันไปมองตามสายตานั้น แล้วก็เห็นคู่ที่กำลังสวีตกันอยู่เบาะด้านหน้า จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปอร์เช่กับเจส เพราะตอนนี้ทุกคนในรถลงไปหมดแล้ว เหลือเพียงพวกเขาสี่คน “งั้น—” ฟึ่บ! เซนเซพูดยังไม่ทันจบ กอบัวก็ลุกพรวดขึ้นและเดินตรงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำเอาเขามองตามด้วยความงุนงงก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินตามไป “เจส… เราลงไปกันเถอะ ถึงนานแล้วนะ” เสียงหวานนุ่มนวลของกอบัวทำให้ปอร์เช่และเจสสิก้าหันมามอง “อื้ม ไปสิ” เจสมองหน้าปอร์เช่นิดหนึ่งก่อนหันกลับมายิ้มให้เพื่อน แล้วลุกเดินออกไปด้วยกัน ปล่อยให้ผู้ชายอีกสองคนเดินตามลงมา ลมทะเลเย็นๆ พัดผ่านใต้ท้องฟ้าสีคราม เสียงคลื่นแผ่วเบาสร้างความผ่อนคลาย เพื่อนสาวสองคนเดินห่างจากรถมาไกล แต่บรรยากาศกลับชวนอึดอัด เพราะปกติแล้วจะมีจีโน่อยู่ด้วยเสมอ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้อยู่กันตามลำพัง หลังจากเงียบกันอยู่นาน เจสสิก้าก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน “มึง…เป็นอะไรป่ะ ยัยบัว ทำไมหน้ามึงดูเหม่อๆ เลยอ่ะ” “เจส…” “หื้อ?” กอบัวเม้มปากแน่น ราวกับลังเลใจ “กู…ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่กูอยากพูด เพราะกูหวังดีจริงๆ” “…? อื้อ พูดมาเถอะ” “คือ…กูว่ามึงไม่ควรอยู่ใกล้พี่ปอร์เช่มากเกินไปนะ มันดู…ไม่ค่อยดีอ่ะ เพราะพวกแกยังไม่ได้เป็นอะไรกันเลย…” เงียบ… เจสไม่ตอบอะไร ดวงตาเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อน กอบัวหลบตาอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าลงด้วยความกังวล “อื้อ… ขอบคุณที่เป็นห่วงนะบัว แต่มึงก็รู้ คนอย่างเจสสิก้า ไม่แคร์คำพูดคนอื่นอยู่แล้ว” น้ำเสียงเรียบๆ ฟังดูเย็นเล็กน้อย แต่เจสยังคงมองเพื่อนอย่างแน่วแน่ ทำเอาอีกคนไม่กล้าสบตา ทั้งสองเดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่นักศึกษาคนอื่นๆ กำลังเล่นสนุกกัน บรรยากาศตึงเครียดก็คลี่คลายลงทันที เมื่อมีเสียงตะโกนดังขึ้นจากไกลๆ “อีเจส!!! อีบัว!!!” เสียงคุ้นเคยของจีโน่ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่วิ่งตรงเข้ามา “กูรอมึงสองคนตั้งนาน! ทำไมเพิ่งมา! ไปๆ เปลี่ยนชุด ถ่ายรูปกันเร็ว!” ไม่เปิดโอกาสให้ใครได้อธิบายอะไรเลย จีโน่รีบคว้ามือเพื่อนทั้งสองแล้ววิ่งลากไปด้วยกัน ในอีกมุมหนึ่งของที่พัก “ไอ้ปอร์ มึงจริงจังกับน้องเจสจริงดิ?” เซนเซถามขึ้นขณะช่วยกันจัดกระเป๋า “อืม… ก็คงงั้น” “เฮ้ย! พูดจริงปะเนี่ย! ตั้งแต่กูรู้จักมึงมา ไม่เคยเห็นมึงจริงจังกับใครเลยนะเว้ย!” “ไม่รู้สิ กูรักเจสไปแล้ว แล้วก็กำลังวางแผนจะขอน้องคบ” “เฮ้ย!!! มึงจริงจัง?” “ก็บอกว่าเออ! มึงจะเฮ้ยอะไรนักหนา” “ถามจริง ก่อนหน้าที่จะรู้จักเจส มึงเคยรักใครจริงๆบ้างมั้ย?” ปอร์เช่นิ่งไป สีหน้าดูเปลี่ยนไปทันที “เฮ้ย…ถ้าไม่อยากพูดก็—” “เคย!” เซนเซสะดุ้งเมื่อเพื่อนตอบสวนขึ้นมากะทันหัน “เป็นรักวัยเด็ก…” “ห๊ะ? รักวัยเด็ก…แบบในนิยายที่ต้องจากกันอะไรแบบนั้น?” “อืม…ก็ประมาณนั้นแหละมั้ง…” “เอ้า แบบนี้เจสอาจจะเป็นรักวัยเด็กของมึงก็ได้นะ!” “เพ้อเจ้อว่ะ ไอ้เซน” แม้ปากจะสวนเพื่อนไปแบบนั้น แต่ในใจกลับมีบางอย่างเปลี่ยนไปจากคำพูดของเพื่อน มันเหมือนมาโดนใจให้เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา… หรือความหวังลึกๆกันแน่สหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข