“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว “ไอ้พวกขี้ขลาด! กูจ้างพวกมึงมาเพื่อจะมานั่งกลัวอีแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนงั้นเหรอวะ!?” เสียงของวิวดังขึ้นด้วยความโมโห เมื่อสถานการณ์เริ่มผิดแผนไปจากที่วางไว้ “นั่นดิวะ! พวกมึงกลัวรึไง? มีดปลอมรึเปล่าก็ไม่รู้ ฮ่าฮ่าฮ่า!” กอบัวและเจสยืนชิดกัน สายตาไม่หลบ ไม่ไหวติง พร้อมเผชิญกับทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น พวกเธอไม่มีเวลาสำหรับคำพูดหรือการต่อรองอีกแล้ว “เฮ้ย! เล่นตัวอยู่ได้ มาเป็นของพวกพี่ซะดีๆเถอะ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฟึ่บ! “โอ๊ย!! อีห่านี่ แม่ง!” เจสไม่รีรอ เธอขว้างมีดในมือไปสุดแรงด้วยความแม่นยำ มีดปักเข้าเต็มฝ่ามือของชายหนึ่งในห้าคน ซึ่งบังเอิญเป็น หัวหน้าแก๊ง เสียด้วย! เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทำให้ทุกคนแตกตื่นกันหมด เจสรีบคว้ามือกอบัวแล้วกระชากให้วิ่งหนีทันที แต่…สองสาวตัวเล็กๆ จะเอาแรงจากไหนไปสู้กับผู้ชายห้าคนที่ทั้งใหญ่ ทั้งแรง? “อ๊ากกกกกกกก!!!” เสียงหวีดร้องดังขึ้นเมื่อต่างถูกกระชากกลับมาอย่างง่ายดาย พวกเธอไม่มีแรงต้านได้เลย “ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย?” ปึก!! “โอ๊ยยย!!” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลอดจากริมฝีปากเจส เมื่อหมัดหนักๆ กระแทกเข้าที่ท้องน้อยของเธอเต็มแรง เธอทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง วิวที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล แสยะยิ้มอย่างสะใจ ใบหน้าของเธอแสดงออกชัดเจนว่ารอวันนี้มานานแค่ไหน วันที่เธอจะเหยียบย่ำคนที่เคยทำให้เธอเจ็บปวดทรมานแทบตาย แต่จู่ๆ เสียงตะโกนโหวกเหวกก็ดังขึ้นจากด้านนอก ขัดจังหวะความสะใจของเธอ “แย่แล้วครับ! แย่แล้ว!!!” ชายร่างผอมแห้ง หน้าตาตื่น หอบหายใจแรงวิ่งพรวดเข้ามา “อะไรของมึงวะ แม่ง!!” “คุณปอร์เช่มาครับ!!” “ห๊ะ!? อะไรนะ!! มาได้ไงวะ?! หึ้ยยย!! พวกแกมัวทำบ้าอะไรอยู่ล่ะ!! ไม่อยากตายก็รีบหนีไปเลย แล้วอย่าให้เรื่องนี้โยงมาถึงกูเด็ดขาด!!” “แม่ง!! ยังไม่ทันได้สนุกเลย!” สิ้นเสียง พวกมันต่างลุกพรวด ใส่เข็มขัดที่เพิ่งถอดอย่างลวกๆ แล้วเผ่นหนีออกจากที่นั่นโดยมีวิววิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว “อีเจส! มึงเป็นไรวะ!” กอบัวทรุดลงข้างเจส รีบประคองเพื่อนด้วยสีหน้าตื่นตกใจ เธอพยายามเรียกเพื่อนสุดเสียงแต่เจสเจ็บจนไม่อาจเปล่งเสียงตอบได้เลยแม้แต่คำเดียว กอบัวกัดฟันแน่นพยายามลุกขึ้นเพื่อวิ่งออกไปตามปอร์เช่ให้มาช่วย เพราะสภาพแบบนี้เธอคนเดียวคงช่วยเจสไม่ไหวแน่ แต่ยังไม่ทันออกพ้นประตู… “เจส!!” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งตะโกนขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่พุ่งเข้ามาในห้อง “พี่เช่…” กอบัวเรียกเขาเสียงเบา แต่วินาทีนั้นปอร์เช่ไม่มีแม้แต่จะหันมามองเธอเลยด้วยซ้ำ เขาวิ่งผ่านเธอไปตรงหาเจส อุ้มหญิงสาวขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก กอบัวชะงักนิ่ง น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้เริ่มคลอเบ้า แต่เธอยังไม่สามารถอ่อนแอได้ตอนนี้ ลูกน้องของปอร์เช่ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็เดินเข้ามาหาเธอด้วยความรู้สึกเห็นใจ คุณกอบัวเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?” “ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” “รีบมาดิวะ!! ไม่เห็นเหรอเมียกูจะไม่ไหวอยู่แล้ว!” เสียงตะโกนของปอร์เช่ดังขึ้น ลูกน้องของเขาได้แต่หันมาหากอบัวแล้วพูดด้วยความเกรงใจ “รีบไปเถอะครับ คุณกอบัว” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวตามออกไปเงียบๆ ราวกับไม่มีตัวตน… ––– ณ โรงพยาบาล หลังจากที่รักษาบาดแผลเสร็จ กอบัวรีบวิ่งมายังห้องพักฟื้นของเจส เมื่อเปิดประตูเข้ามา เธอเห็นหญิงสาวยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง “พี่เช่…” เธอเรียกชายหนุ่มเบาๆ หวังเพียงได้คำตอบ แต่สิ่งที่เขาตอบกลับกลับเป็นถ้อยคำที่ทิ่มแทงหัวใจเธออย่างไม่ปรานี “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถึงไม่มีเจส…ฉันก็ไม่มีวันกลับไปชอบเธออีกแล้ว” กอบัวชะงัก…ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะพูดด้วยความงุนงงอย่างแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “พี่…พูดเรื่องอะไรคะ?” “หึ อย่าทำเป็นใสซื่ออีกเลย ฉันรู้ธาตุแท้เธอหมดแล้ว ยังไม่พอใจรึไง? ที่เห็นเจสเป็นแบบนี้เพราะเธอ!” “พี่พูดเรื่องอะไรคะ? บัวไม่ได้เป็นคนท––” “พอได้แล้ว! ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวจากเธออีก ออกไปได้แล้ว เจสเองก็คงไม่อยากมีเพื่อนแบบเธอหรอก” “พี่เช่…” น้ำตาไหลอาบแก้มของกอบัวทันที คนที่เธอรักหมดหัวใจ เปลี่ยนเป็นคนที่ไม่แม้แต่จะเหลียวแลเธอเลยสักนิด เธอไม่มีทางเลือก…ทำได้เพียงหันหลังเดินจากไป ตามที่เขาต้องการ“คุณเจสครับ…” เสียงของชายหนุ่มร่างสูงในชุดบอดี้การ์ดดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังกอดร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่แน่นจนตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากไม่หยุดราวกับจะขาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น “ใจเย็นก่อนเถอะครับ…คุณเจส” “ฮึก…จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” เธอตะโกนเสียงสั่น “คนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิตของฉันจากไปแล้ว…พวกนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆ อีกเหรอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจแผ่ว ดวงตาเศร้าหมองไม่แพ้กัน “พวกเราก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกครับ แต่ก่อนที่นายจะจากไป เขาฝากคำขอไว้ข้อหนึ่ง…คำขอสุดท้ายที่สำคัญมาก” หญิงสาวเงียบกริบ ก่อนถามทั้งน้ำตา “เขาขออะไรไว้…รีบไปทำสิ!” “ไม่มีใครทำได้หรอกครับ…นอกจากคุณเจสคนเดียว” “ทำอะไรล่ะ ก็รีบพูดมาสิ!” ชายลูกน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “นาย…อยากให้คุณเจสให้อภัยเขาครับ” เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก “ฮึก…ฉันให้อภัยเขาไปตั้งนานแล้ว เรากำลังจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่แล้วแท้ๆ…ฮึก…ทำไมเขาต้องมาทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย…” เธอหันกลับไปมองร่างที่นิ่งสงบ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยควา
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พ
“อีเจส มึงรู้ป่ะ กูโคตรเกลียดมึงเลย” “แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” “มึงโลกสวยไปป่ะ มึงมันอีตัวขัดขวาง… อีตัวทำลายชีวิตกู ถ้าไม่มีมึงเข้ามาในชีวิตกูตั้งแต่แรก กูคงจะมีแต่ความสุข!” “กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ…” “มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ? ไร้ยางอายสิ้นดี! จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูเกลียดมึงเข้าไส้เลย มึงมันอีเพื่อนทรยศ!!!” “ไม่จริง…” อีเพื่อนทรยศ “ไม่จริง!!!!” เฮือก!… แฮก… แฮก… หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความฝันอันเจ็บปวดนั้นเหมือนจริงยิ่งกว่าความจริง เธอกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนพบว่าตนเองกำลังสวมชุดผู้ป่วย และอยู่ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล “เจส!! เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มด้วยความตระหนกทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับสีหน้าอันเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มที่แม้เธอจะหลบซ่อนจากเขายังไง ก็ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาได้… และครั้งนี้ก็เช่นกัน “เปล่า… แค่ฝันร้าย” “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย” ปอร์เช่รีบยื่นมือมาแตะใบหน้าจิ้มลิ้มเพื่อเช็ดเหงื่อให้เธอ เจสไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เพียงแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาทำไป “กอบัวล่ะ… กอบัวเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว
“เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออ
“มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ ทำไมเรื่องบ้าพวกนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นสักที” ในที่ที่ดังไปด้วยเสียงเพลง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แสงสีกระจัดกระจาย หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวนั่งกระดกเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่สนว่าคนรอบๆ จะมีใครมองหรือพูดจานินทา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่นั่งดื่มมาตั้งแต่ช่วงเย็น หญิงสาวดื่มพลางถามคำถามตัวเองที่ตอบไม่ได้ “ชอบของขวัญสำหรับงานแต่งวันนี้มั้ยครับ ที่รัก…” ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากอีกแก้วนั้น ได้มีเสียงชายรูปหล่อกระซิบเข้ามาในหูเธอเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว… คนที่เธอแอบรอเขาอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่โผล่มา แต่มาตอนนี้กลับมาถามว่าชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่า คนตัวเล็กหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลานั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอ “หึ… เมื่อกี้คงเป็นแผนของนายสินะ” “เป็นไงครับ ชอบมั้ย” “ชอบหรอ… อืม… คงจะชอบมากกว่านี้ถ้าหากนาย—” ฟึบ! “อ้าว… ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ” เมื่อเธอพูดยังไม่ทันจบก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ ทั้งในมือยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้แน่น “พี่เธอมานั่งตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ เหล้าหมดไปเป็นเจ็ดขวดแล้วครับ” ชาย