“เฮือก!”
หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เสร็จแล้วเหรอครับ พี่เตรียมมื้อเช้าไว้ให้—” “สนุกมั้ย” “หื้อ…” คำพูดที่เขายังพูดไม่ทันจบต้องสะดุดกลางประโยค เมื่อเจสพูดสวนขึ้นมา น้ำเสียงของเธอเรียบเย็นและนิ่งเสียจนเขารู้สึกได้ถึงพายุที่กำลังจะมา “ทั้งๆ ที่คุณรู้ว่าเราอยู่ในสถานะอะไร…ทำไมคุณถึงยังทำแบบนั้นกับฉัน” “พี่เคยบอกไปแล้วไง ว่าพี่ไม่เคยเลิกกับหนู” “แต่ฉันเลิกกับคุณแล้ว!” “ไม่เจส…ยังไงหนูก็เป็นของพี่” “คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุด!! ฉันเกลียดคุณ!” “หนูพูดว่าไงนะ” “ฉันเกลียดคุณ!!! ได้ยินมั้—” อุ๊บส์!! ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ประโยคนั้นมันราวกับจุดชนวนระเบิดในใจของชายหนุ่มทันที เขาดึงเธอเข้าไปจูบอย่างรุนแรง ราวกับต้องการปิดปากเธอ และตอกย้ำว่าเขาจะไม่ยอมเสียเธอไป มือใหญ่ข้างหนึ่งโอบเอวบางของเธอแน่นเข้าหาตัว มืออีกข้างประคองท้ายทอยเธอไว้เพื่อเพิ่มแรงจูบ จนเธอแทบจะขยับตัวหนีไม่ได้เลยแม้แต่นิด เขาทำราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว ความรู้สึกทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในใจถูกถ่ายทอดผ่านสัมผัสที่ร้อนแรงและรุนแรงเกินควบคุม แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มผ่อนจูบลง และนั่นคือจังหวะที่หญิงสาวรีบคว้าไว้ ผลักเขาออกเต็มแรง ก่อนจะฟาดมือลงไปยังใบหน้าหล่อเหลาอย่างเหลืออด เพี๊ยะ! เสียงตบก้องสะท้อนอยู่ในห้อง รอยฝ่ามือปรากฏเด่นบนใบหน้าของเขา แต่ปอร์เช่กลับไม่ตอบโต้ ปล่อยให้เธอทำอย่างที่ต้องการ “ออกไปจากชีวิตฉันสักที!!” พูดจบ เธอก็หันหลังเดินออกจากห้องไปด้วยความโมโหเต็มเปี่ยม แอร์เช่ได้แต่มองตามแผ่นหลังบางเงียบๆ ไม่ได้ห้ามไว้ เพราะในใจของเขา… “ออกไปจากชีวิตหนูงั้นเหรอ…มันจะไม่มีวันนั้น เจส…” เขาเคยปล่อยเธอไปแล้วหนึ่งครั้ง และมันจะไม่มีครั้งที่สองอีก … “ฉันพูดแรงไปรึเปล่า…ไม่หรอก” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองในขณะที่เดินออกมา แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความค้างคา เจ็บปวด…ทั้งที่เธอเป็นคนพูด แต่ความเจ็บนั้นก็ซัดใส่หัวใจเธอไม่แพ้เขาเลย ตริ้ง! เจส…ฉันขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมานะ แกออกมาหาฉันที่ ### หน่อยได้มั้ย ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย…เป็นครั้งสุดท้ายนะเจส ขอร้อง… แชทจากอดีตเพื่อนรักที่เธอไม่ได้ติดต่อกันมานานกว่า 2 ปีเด้งขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด เจสอ่านซ้ำอยู่หลายรอบ หัวใจเธอสั่นไหว ไม่ใช่เพราะกลัว…แต่เพราะยังมีความรู้สึกเก่าๆ ผูกพันอยู่ แม้จะไม่รู้ว่ากอบัวพูดความจริงหรือมีแผนอะไรแอบแฝง แต่สุดท้าย…เธอก็ตัดสินใจไป เพื่อเคลียร์ทุกอย่างให้มันจบ … “อีเจส…นี่มึงมาจริงเหรอ ทำไมมึงโง่ขนาดนี้วะ” ในสถานที่รกร้างไม่มีแม้แต่คนเดินผ่าน โกดังเก่าๆ นอกเมืองที่ดูเหมือนจะถูกทิ้งร้าง เจสเดินเข้าไปโดยไม่แสดงความกลัวใดๆ ภาพที่เธอเห็นคือกอบัวถูกมัดมือมัดเท้ากับเก้าอี้กลางห้อง “บัว! เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมมึงถึงถูกมัดไว้แบบนั้น!” “มึงอย่ามาสนใจกูเลย รีบออกไปจากที่นี่ซะ!!” “ไม่!” เจสไม่ฟังคำเตือนใดๆ เธอรีบเข้าไปหากอบัว ถึงแม้เพื่อนสาวจะตะคอกเสียงดังให้เธอถอยไป “กูบอกให้ไปไง! กูไม่อยากได้ความช่วยเหลือจากมึงหรอกนะ!” “มึงจะพูดอะไรก็ช่างแม่ง…กูไม่ไป!” ฮ่าๆๆๆ!! เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นจากเงามืด “รักกันเข้าไปเถอะ…ยังไงมึงสองตัวก็ต้องตายพร้อมกันในนี้อยู่ดี!” ทั้งสองคนหันไปมองตามเสียงนั้น ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ พร้อมผู้ชายตัวใหญ่ล่ำสักเต็มตัวห้าคนที่เดินตามมาประกบหลัง “อีวิว…” “ไงเจส คู่อริเก่าที่รัก…ไม่เจอกันนาน มึงก็ยังกล้าเหมือนเดิมไม่มีผิดนิ” “หึ…นั่นสิ มึงมันก็ยังใช้วิธีขี้ขลาดอยู่แบบเดิม” “จุ๊ๆ…อย่าเพิ่งพูดเลย กูอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้าหากผู้หญิงที่พี่ปอร์เช่รักนักรักหนา เปรอะเปื้อนไปด้วยความน่าขยะแขยงแบบนี้…เค้ายังจะรับได้อยู่มั้ยนะ…” วิวแสยะยิ้ม สีหน้าผิดปกติอย่างชัดเจน แววตานั้นบอกได้ทันทีว่าเธอไม่มีสติหลงเหลืออยู่อีกแล้ว … “นายครับ…จีพีเอสของคุณเจสเหมือนจะออกไปนอกเมืองครับ” ลูกน้องคนสนิทที่ได้รับหน้าที่ให้ตามดูความปลอดภัยของเธอรีบรายงานทันทีเมื่อพบความผิดปกติ “เตรียมรถ ฉันจะตามไปดูเธอ” “ครับ!”“คุณเจสครับ…” เสียงของชายหนุ่มร่างสูงในชุดบอดี้การ์ดดังขึ้นเบาๆ เมื่อเห็นหญิงสาวกำลังกอดร่างไร้วิญญาณที่ถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนใหญ่แน่นจนตัวสั่นสะท้าน น้ำตาไหลพรากไม่หยุดราวกับจะขาดใจ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา เมื่อได้ยินเสียงเรียกนั้น “ใจเย็นก่อนเถอะครับ…คุณเจส” “ฮึก…จะให้ใจเย็นได้ยังไง!” เธอตะโกนเสียงสั่น “คนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิตของฉันจากไปแล้ว…พวกนายยังมีหน้ามายืนอยู่เฉยๆ อีกเหรอ!” บอดี้การ์ดหนุ่มถอนหายใจแผ่ว ดวงตาเศร้าหมองไม่แพ้กัน “พวกเราก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าคุณหรอกครับ แต่ก่อนที่นายจะจากไป เขาฝากคำขอไว้ข้อหนึ่ง…คำขอสุดท้ายที่สำคัญมาก” หญิงสาวเงียบกริบ ก่อนถามทั้งน้ำตา “เขาขออะไรไว้…รีบไปทำสิ!” “ไม่มีใครทำได้หรอกครับ…นอกจากคุณเจสคนเดียว” “ทำอะไรล่ะ ก็รีบพูดมาสิ!” ชายลูกน้องสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “นาย…อยากให้คุณเจสให้อภัยเขาครับ” เธอสะอื้นหนักกว่าเดิม หัวใจดวงน้อยบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก “ฮึก…ฉันให้อภัยเขาไปตั้งนานแล้ว เรากำลังจะกลับมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่แล้วแท้ๆ…ฮึก…ทำไมเขาต้องมาทิ้งฉันไปแบบนี้ด้วย…” เธอหันกลับไปมองร่างที่นิ่งสงบ ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยควา
หญิงสาวกลับมาถึงคอนโดหรูของตัวเอง ร่างเล็กไม่อาจอยู่นิ่งได้ เดินวนไปมารอบห้องอย่างกระวนกระวาย ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนอยู่ข้างใน มือที่กำโทรศัพท์ไว้แน่นถูกยกขึ้นมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เธอจะตัดสินใจจะโทรออกไปยังหมายเลขที่ห่างหายจากการติดต่อมานาน ทว่าปลายนิ้วที่เตรียมจะกดโทรกลับต้องชะงัก เมื่อเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเบาๆ ตริ้ง! เธอแตะเข้าไปดูข้อความนั้น และถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาคล้ายคนที่ยังถูกความรู้สึกเก่าทำร้ายไม่เลิก “พี่ครับ ออกมาเจอผมที่ร้าน XXX หน่อยได้มั้ยครับ ผมอยากเล่าความจริงทั้งหมดให้พี่ฟัง ผมขอร้องนะครับ” เอาเถอะ ในเมื่อปัญหาอย่างหนึ่งเพิ่งจะถูกคลี่คลาย เหลือเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ยังค้างคาอยู่ในใจ ก็คงถึงเวลาต้องจัดการให้มันจบสิ้นเสียที ส่วนเรื่องที่เธอกำลังจะทำเมื่อครู่ ก็คงต้องเลื่อนออกไปก่อน ⸻ “พี่ครับ ทางนี้” เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาในร้านอาหารหรูตามนัด เธอก็พบกับเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของข้อความนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านใน เขาโบกมือเรียกเธอด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หญิงสาวเดินเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉยและไร้อารมณ์ “เข้าประเด็นเลยดีกว่า” เพิ่งจะนั่งลง เธอก็พ
“อีเจส มึงรู้ป่ะ กูโคตรเกลียดมึงเลย” “แต่ยังไงเราก็ยังเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ” “มึงโลกสวยไปป่ะ มึงมันอีตัวขัดขวาง… อีตัวทำลายชีวิตกู ถ้าไม่มีมึงเข้ามาในชีวิตกูตั้งแต่แรก กูคงจะมีแต่ความสุข!” “กูผิดขนาดนั้นเลยเหรอ…” “มึงยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ? ไร้ยางอายสิ้นดี! จำใส่หัวมึงไว้ด้วยว่ากูเกลียดมึงเข้าไส้เลย มึงมันอีเพื่อนทรยศ!!!” “ไม่จริง…” อีเพื่อนทรยศ “ไม่จริง!!!!” เฮือก!… แฮก… แฮก… หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความฝันอันเจ็บปวดนั้นเหมือนจริงยิ่งกว่าความจริง เธอกวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนพบว่าตนเองกำลังสวมชุดผู้ป่วย และอยู่ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล “เจส!! เป็นอะไรรึเปล่า?” เสียงทุ้มด้วยความตระหนกทำให้เธอหันไปมองต้นเสียงทันที แล้วก็พบกับสีหน้าอันเต็มไปด้วยความกังวลของชายหนุ่มที่แม้เธอจะหลบซ่อนจากเขายังไง ก็ไม่มีวันรอดพ้นสายตาเขาได้… และครั้งนี้ก็เช่นกัน “เปล่า… แค่ฝันร้าย” “ดูสิ เหงื่อเต็มเลย” ปอร์เช่รีบยื่นมือมาแตะใบหน้าจิ้มลิ้มเพื่อเช็ดเหงื่อให้เธอ เจสไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด เพียงแต่นิ่งเฉย ปล่อยให้เขาทำไป “กอบัวล่ะ… กอบัวเป็นยังไงบ้าง?”
“เฮ้ย! จัดการดิ รออะไรอยู่ล่ะ? เหยื่อสวยๆ ขาวๆ อึ๋มๆ แบบที่พวกแกชอบเลยไม่ใช่เหรอ เอาให้เต็มที่เท่าที่พวกแกต้องการเลย ฮ่าฮ่าฮ่า!” เสียงหัวเราะสะใจดังลั่นจากริมฝีปากของ วิว เธอยืนกอดอกด้วยท่าทีพึงพอใจ มองเหตุการณ์ตรงหน้าราวกับเป็นฉากละครที่เธอรอคอยมานานแสนนาน “หึ ได้เลย แบบนี้แหละ…ของชอบ~” หนึ่งในชายร่างใหญ่กล่าวขึ้น พลางยักคิ้วให้พรรคพวกอย่างพออกพอใจ ก่อนที่ชายฉกรรจ์ทั้งห้าคนจะก้าวเท้าเข้าหาเหยื่อสาวสองคนอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวก่อน!!” เสียงหวานแฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยวของ กอบัว ดังขึ้นอย่างกะทันหัน เรียกความสนใจของพวกมันได้ทันที “อะไรวะ?” “ถ้าจะทำอะไร ก็แก้มัดฉันก่อนสิ! มัดไว้กับเก้าอี้แบบนี้ จะทำอะไรก็ลำบากมั้ยล่ะวะ!” “เออว่ะ จริงของมึง” หนึ่งในชายห้าคนเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวร่างเล็กด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือกับดัก เจส ที่อยู่ข้างกอบัวค่อยๆ ชักมีดพับขนาดเล็กซึ่งเธอซ่อนไว้บริเวณเอวอย่างแนบเนียน เธอเตรียมไว้ตั้งแต่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของสถานที่นี่ “เฮ้ย! มันมีมีด!!” ชายที่กำลังจะเข้ามาแก้มัดรีบถอยกรูดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นมีดแหลมคมวาววับสะท้อนแสงในมือหญิงสาว
“เฮือก!” หญิงสาวสะดุ้งลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมหอบหายใจแรงเหมือนคนเพิ่งเผชิญกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัวสุดขีด เธออยู่ในสภาพเหมือนช็อก ความรู้สึกเหมือนจิตหลุดออกจากร่าง “นี่ฉันฝันไปเหรอเนี่ย…ฝันบ้าอะไรวะ” เธอยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองเบาๆ ราวกับจะเรียกสติกลับคืนมา หัวใจยังเต้นระรัวขณะที่เธอครุ่นคิดถึงภาพในฝันเมื่อครู่ มันทั้งน่าอาย น่าเวทนา และเหมือนจริงเสียจนเธอแทบแยกไม่ออก “พึมพำอะไรแต่เช้าครับ…ที่รัก” “เฮือก!!” เสียงทุ้มข้างๆเรียกคนตัวเล็กให้รีบหันควับไปมอง แล้วต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม ภาพตรงหน้าแทบจะทำให้เธอหยุดหายใจ ชายหนุ่มรูปร่างเซ็กซี่ หุ่นกำยำ นอนเปลือยท่อนบนอยู่ข้างๆ ร่างกายเขาถูกคลุมไว้เพียงท่อนล่างด้วยผ้าห่ม บนใบหน้าประกบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มือขาวข้างหนึ่งยังโอบเธอไว้แน่นราวกับเธอเป็นของเขา “อร๊าย!!” เจสสิก้ากรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง พร้อมดีดตัวลุกขึ้นทั้งที่ยังเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือยเปล่าของตัวเองไว้แน่น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนยิ้มพอใจอยู่บนเตียงกับปฏิกิริยานั้นของเธอ “หึ…เด็กน้อย…” แกร๊ก! ไม่นานนัก ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ร่างเล็กเดินออ
“มันเรื่องบ้าอะไรอีกวะ ทำไมเรื่องบ้าพวกนี้ถึงต้องเกิดกับฉันด้วย ทำไมมันไม่จบไม่สิ้นสักที” ในที่ที่ดังไปด้วยเสียงเพลง เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แสงสีกระจัดกระจาย หญิงสาวในชุดราตรียาวสีขาวนั่งกระดกเหล้าอยู่หน้าเคาน์เตอร์ ไม่สนว่าคนรอบๆ จะมีใครมองหรือพูดจานินทา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงก่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่นั่งดื่มมาตั้งแต่ช่วงเย็น หญิงสาวดื่มพลางถามคำถามตัวเองที่ตอบไม่ได้ “ชอบของขวัญสำหรับงานแต่งวันนี้มั้ยครับ ที่รัก…” ก่อนที่เธอจะกระดกเข้าปากอีกแก้วนั้น ได้มีเสียงชายรูปหล่อกระซิบเข้ามาในหูเธอเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองก็พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว… คนที่เธอแอบรอเขาอยู่ลึกๆ แต่ก็ไม่โผล่มา แต่มาตอนนี้กลับมาถามว่าชอบของขวัญที่เขาให้หรือเปล่า คนตัวเล็กหรี่ตามองใบหน้าหล่อเหลานั้น ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอ “หึ… เมื่อกี้คงเป็นแผนของนายสินะ” “เป็นไงครับ ชอบมั้ย” “ชอบหรอ… อืม… คงจะชอบมากกว่านี้ถ้าหากนาย—” ฟึบ! “อ้าว… ทำไมไม่พูดให้จบล่ะ” เมื่อเธอพูดยังไม่ทันจบก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะ ทั้งในมือยังคงถือแก้วเหล้าเอาไว้แน่น “พี่เธอมานั่งตั้งแต่ร้านเปิดเลยครับ เหล้าหมดไปเป็นเจ็ดขวดแล้วครับ” ชาย