คอนโดเจสสิก้า
“อ่า… นี่เสื้อค่ะ ไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนนะ” มือเล็กส่งเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ให้ชายหนุ่มตรงหน้า เพื่อให้เขาได้เปลี่ยนจากสภาพเปรอะเปื้อนที่ดูไม่ได้เลยสักนิด “แต่… ทำไมคอนโดหนูถึงมีเสื้อผู้ชายอยู่ล่ะ?” คำถามแฝงความสงสัยดังขึ้นจากริมฝีปากชายหนุ่ม เขานั่งอยู่บนเตียงของเธอ จ้องมองเสื้อตัวนั้นอย่างไม่สบายใจนัก คนถูกถามชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันไปสบตาเขาแล้วตอบเสียงเรียบ “พี่ก็รู้นี่… ไม่ใช่พี่คนเดียวหรอกนะ ที่มีเด็ก” คำตอบนั้นเหมือนมีดแทงเข้ากลางใจเขา เขาก้มหน้าลงอย่างเจ็บปวด เงียบงันโดยไม่เอ่ยสักคำ ⸻ [Talk – เจส] ฉันควรรู้สึกผิดไหม… ที่พูดออกไปแบบนั้น? ตอนนี้ฉันมองหน้าเขา แล้วก็เห็นได้ชัดว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของเขา มันทำให้ฉันรู้สึกผิดจริงๆ ความจริงคือ… ต่อให้ฉันเคยมีแฟนหลายคน แต่ไม่เคยพาใครเข้าคอนโดเลยสักคน พี่ปอร์เช่… อาจจะเป็นคนแรกก็ได้ แล้วเสื้อตัวนั้น… ก็เป็นของพี่ชายฉันเองต่างหาก !!! ฉันเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเขานั่งนิ่งน้ำตาคลอเบ้า ริมฝีปากสั่นราวกับกำลังกลั้นเสียงสะอื้นอย่างเต็มที่ ครั้งแรกเลยนะ ที่ฉันเห็นเขาร้องไห้แบบนี้ เขา… อ่อนแอได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ? เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว จะไม่ให้ใจอ่อนได้ยังไงกัน… ฉันเดินเข้าไปหาเขา ก่อนจะประคองใบหน้าเขาให้เงยขึ้นสบตา “พี่ร้องไห้ทำไมคะ? จริงๆแล้ว… เสื้อที่พี่เห็น มันเป็นของพี่ชายเจสเองค่ะ” “ฮึก… ไม่จริงใช่ไหม เจสแค่พูดปลอบพี่ใช่ไหม…” “จริงค่ะ เมื่อกี้แค่แกล้งพี่เล่น ใครจะไปรู้ว่าพี่จะร้องไห้แบบนี้ล่ะ” ฉันยิ้มแห้ง เมื่อเขาจ้องหน้าฉันเขม็ง ใจนึงก็กลัวว่าเขาจะโกรธ แต่กลับกัน… เขาดึงฉันเข้าไปกอดแน่น มุดหน้าลงกับหน้าท้องแบนราบของฉัน แล้วสะอื้นเบาๆ “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ… พี่เป็นห่วง ตอนที่หาเจสไม่เจอ พี่แทบคลั่งเลยรู้มั้ย…” “พี่… ไม่โกรธหนูเหรอ” “เรื่องเสื้อน่ะเหรอ… พี่ไม่โกรธหรอก พี่โกรธที่อยู่ๆหนูก็หายไปต่างหาก” “พี่ปอร์เช่…” “ตอนแรกพี่ก็คิดนะ ว่าคนเจ้าชู้แบบพี่จะรักใครจริงได้เหรอ พี่สับสนอยู่นาน ว่าที่รู้สึกกับหนูมันเป็นแค่ความหลงหรือเปล่า แต่ตอนนี้พี่แน่ใจแล้ว… ว่าพี่รักหนูจริงๆ” ฉันเงียบไป ไม่รู้จะตอบอะไร ความรู้สึกมันแน่นอกเกินจะพูดออกมาได้ เขาหันมามองฉันอีกครั้ง “เจส… หนูไม่มีความรู้สึกอะไรกับพี่เลยเหรอ…” … ฉันยังคงเงียบ เอาแต่เม้มปาก เมื่อเขาเห็นแบบนั้น จึงถอนมือออกจากเอวฉัน แล้วลุกขึ้นอย่างช้าๆ “พี่เข้าใจแล้ว…” เขาหันหลังเดินไปที่ประตู กำลังจะเปิดมันออก แต่ทันใดนั้น ฉันก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง “เจส…” “หนูก็รักพี่ค่ะ… ไม่รู้ว่ารักตอนไหน ไม่รู้ว่ารักเพราะอะไร แต่เวลาที่เห็นพี่อยู่กับผู้หญิงคนอื่น มันเจ็บ เจ็บจนทนไม่ไหว… ฮึก… เจ็บจนจุกไปหมดเลย…” ฉันรัดเอวเขาแน่น น้ำตาไหลเปรอะอยู่บนแผ่นหลัง เขาหันกลับมากอดฉันแน่น ราวกับไม่อยากปล่อยมือไปอีกแล้ว “หนูพูดจริงใช่มั้ย…” “ฮึก… หนูพูดจริง…” “โอ๋ ไม่ร้องนะครับ” เขาเช็ดน้ำตาให้ฉันเบาๆ แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ “พูดแต่คนอื่น ตัวเองก็ร้องเหมือนกันนี่นา” “ไม่ร้องแล้วนี่ไงครับ ถ้าพี่ร้องแล้วใครจะปลอบเด็กขี้แงล่ะ” “ไอ้พี่บ้า” “หึ…” ⸻ มหาวิทยาลัย “กรี๊ด!!! จริงดิ!! พี่ปอร์เช่บอกรักแกเหรอ เจส!! โอ๊ยยยยย!!” จีโน่กรี๊ดลั่นเมื่อเจสสิก้าเล่าเรื่องให้ฟัง “มึงจะกรี๊ดทำไมเนี่ย!” กอบัวนี่นั่งอยู่ข้างๆแหวใส่ “แล้วตกลงคบกันรึยัง คบยังงงงง?” ทั้งจีโน่และกอบัวยื่นหน้ามาใกล้เจสด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดขีด “ยังหรอก…” เจสตอบเบาๆ “อ้าว… แล้วไงอ่ะ บอกรักกันแล้วแต่ไม่ขอคบเนี่ยนะ?” ทันทีที่จีโน่พูดจบ รอยยิ้มของเจสสิก้าก็ค่อยๆจางหาย สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นเหงาหงอยอย่างเห็นได้ชัด จีโน่ถึงกับกัดปากตัวเองอย่างรู้สึกผิด หรือว่า… เธอจะคิดเร็วเกินไป? “นักศึกษาทุกคนเงียบก่อนค่ะ” เสียงอาจารย์ดังขึ้นจากหน้าห้อง ทุกคนรีบกลับเข้าสู่โหมดสงบเรียบร้อย “อาจารย์มีเรื่องจะประกาศ สัปดาห์นี้ เราจะมีกิจกรรมไปทะเลนะคะ เตรียมตัวกันให้พร้อมค่ะ” “ทะเลเหรอ!! ว๊ายยยยย!! เย้!!!” “ตื่นเต้นอ่ะแก~” “พรุ่งนี้ไปซื้อบิกินี่กันเถอะ!” นักศึกษาหญิงชายตื่นเต้นกันจนห้องแทบแตก “แต่!!!” เสียงอาจารย์ตวาดขึ้นอีกครั้ง ห้องกลับมาเงียบกริบ “ก่อนจะไปเที่ยว อาจารย์จะอธิบายหัวข้อโปรเจกต์ธุรกิจของเราก่อนนะคะ” “โห… อาจารย์~~~” นักศึกษาพากันโห่เป็นเสียงเดียวกัน แต่อาจารย์ก็ไม่สนใจและเริ่มอธิบายทันทีสหรัฐอเมริกา “ข่าวเด็ดสดๆใหม่ๆค่ะคุณผู้ชม! ประธานแห่ง K กรุ๊ป ผู้ที่เพิ่งก้าวขึ้นรับตำแหน่งได้เพียงหนึ่งปี กลับสามารถสร้างอิทธิพลในแวดวงธุรกิจได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ประเด็นร้อนที่เราจะมาพูดถึงในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องอิทธิพลของคุณปอร์เช่นะคะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจค่ะ! ใช่แล้วค่ะ ภาพหลุดของคุณปอร์เช่กับซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหน้าใหม่อย่างคุณกอบัว กำลังเป็นประเด็นร้อนในโลกโซเชียล! หลายคนกำลังลุ้นกันว่า หรือทั้งคู่จะแอบคบหากันอยู่จริงๆ!?” หญิงสาวผู้หนึ่งนั่งฟังข่าวจากอีกซีกโลกผ่านไอแพดในมือ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาทั้งคมและเย็นชาราวกับรู้อะไรมากกว่าที่ใครคิด “หึ…คบกันงั้นเหรอ…น่าสนใจดีนี่” “คุณหนูเล็กคะ คุณท่านให้มาตามให้ไปรับประทานของว่างค่ะ” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นจากหน้าห้อง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เดี๋ยวเจสลงไปค่ะ” ⸻ ด้านล่างคฤหาสน์ “มาเร็วสิหลานรัก ย่าทำของโปรดไว้ให้เพียบเลยนะจ๊ะ” มาเดลิน ผู้เป็นย่าเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม ขณะหญิงสาวเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เจสสิก้ารีบเดินตรงไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยของว่างหน้าตาน่ารับ
ประเทศสหรัฐอเมริกา เสียงเบรกของรถหรูดังขึ้นเบาๆ หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เอี๊ยด~ รถยนต์คันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าคฤหาสน์สุดหรู ก่อนที่ประตูหน้าจะเปิดออกพร้อมร่างสูงในชุดสูทดำของบอดี้การ์ดคนสนิท เขาก้าวเท้าไปยังประตูหลังด้วยท่วงท่าสง่างามและมั่นคง ก่อนจะเปิดมันออกอย่างสุภาพเพื่อรับหญิงสาวคนสำคัญ ขาเรียวยาวของหญิงสาวเหยียบลงจากรถทีละข้างอย่างเรียบหรูร่างของเธอปรากฏพร้อมกับเสื้อผ้าสุดหรูดูมีระดับ และทันทีที่คนตัวเล็กก้าวลงมาเต็มตัว ชายชุดดำก็ก้มศีรษะทำความเคารพด้วยความนอบน้อม “หลานรักของย่า~~~” เสียงหญิงชราเอ่ยขึ้นอย่างเปี่ยมสุข รอยยิ้มอบอุ่นของท่านปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ ผู้เป็นย่ายืนกางแขนออกพร้อมต้อนรับหลานสาวที่ตนรักสุดหัวใจ “คุณย่า!!” หญิงสาวร้องเรียกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างอันอบอุ่นของย่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ทั้งสองสวมกอดกันแน่นราวกับโลกนี้มีกันแค่สองคน “คิดถึงที่สุดเลยหลานรักของย่า” “หนูก็คิดถึงคุณย่ามากกกกเลยค่ะ” เสียงใสๆ ที่แฝงด้วยความน่ารักของหญิงสาวทำเอาผู้สูงวัยยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความรักและความคิดถึง ทั้งสองเดินเคี
“ทำไมไม่ยิ้มหน่อยวะไอ้ปอร์เช่” “นั่นดิ กูเห็นมึงเหม่อตั้งนานละ” เสียงเพื่อนสองคนดังขึ้นติดกัน คล้ายจะดึงสติชายหนุ่มให้กลับมาจากภวังค์ แต่ปอร์เช่ก็ยังคงนั่งเงียบ สีหน้าเรียบนิ่งจนเกือบจะดูเย็นชา ดวงตาเขาไม่หยุดเหลือบมองไปทั่วบริเวณคล้ายกำลังตามหาใครบางคน ทว่า…ไม่ว่าจะมองเท่าไรก็ไม่เห็นเธอคนนั้นเลย “…..” ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบาย มีแค่ความเงียบที่แผ่ซ่านไปทั่วโต๊ะ จนเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดแทน “อ่อ กูรู้ละ…” “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก มึงจะคิดมากทำไม น้องเจสเขาอาจจะติดธุระอยู่ก็ได้” เซนเซพูดพลางตบบ่าเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจ แต่ปอร์เช่กลับไม่แม้แต่จะหันมามอง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อยเหมือนกำลังพยายามสะกดกลั้นบางอย่างไว้ ทันใดนั้น เขาก็ลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ คว้าโทรศัพท์ในมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร “เอ้า! มึงจะไปไหนวะ!” เสียงเพื่อนร้องตามหลัง แต่ชายหนุ่มไม่ได้หยุดเดิน เขากดโทรศัพท์หาหมายเลขเดิมอีกครั้ง รอสาย แต่ก็เหมือนเดิม หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้… มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่นเล็กน้อย เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เสียงบรรยากาศงานด้านหลังก็ดูจะค่อยๆ เ
ซ่า… ซ่า… ซ่า… เสียงเนื้อที่กำลังถูกผัดอยู่ในกระทะดังต่อเนื่องในห้องครัวของคอนโดสุดหรู หญิงสาวร่างบางกำลังยืนเตรียมอาหารเช้าด้วยท่าทีคล่องแคล่ว ขณะที่แสงแดดยามเช้าส่องผ่านม่านโปร่งบางเข้ามาอาบตัวเธอเบาๆ ฟุ่บ… แขนแกร่งวงใหญ่เข้ามารัดรอบเอวเธอจากด้านหลัง พร้อมกับใบหน้าคมที่ซุกลงมาตรงซอกคอขาวอย่างออดอ้อน “หอมจัง ที่รักทำอะไรครับ” เสียงทุ้มแหบเอ่ยถามพลางสูดกลิ่นหอมจากผิวเนียนตรงลำคอ “ที่รัก หนูทำอาหารอยู่นะคะ อย่าเพิ่งกวนสิ” “ก็พี่คิดถึงนี่นา” เขาไม่ฟังเลยสักนิด มือยังคงกอดแน่นราวกับไม่อยากให้เธอขยับไปไหน ร่างสูงเอาแต่แนบชิดจนหญิงสาวต้องถอนหายใจนิดๆ อย่างเอ็นดู “อีกไม่กี่วันก็วันรับปริญญาแล้ว พี่อยากได้อะไรคะ?” “พี่อยากได้หนู” “หนูบ้านหรือหนูนาคะ?” “ที่รักอ่ะ!” หญิงสาวหลุดหัวเราะออกมากับสีหน้าและน้ำเสียงแบบเด็กน้อยสามขวบของเขา ใบหน้าที่เคยเคร่งขรึมกลายเป็นออดอ้อนราวกับแมวที่อ้อนเจ้าของ เพราะรู้ว่าเขาจะไม่มีวันหยุดกวนหากยังยืนอยู่แบบนี้ ร่างเล็กจึงยื่นมือไปปิดเตาแก๊ส และหันกลับมาเผชิญหน้า— !!! แต่ไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงก็พุ่งเข้าประกบริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว พร
“อย่าคิดว่ากูต่อยยัยนั่นเพราะมันว่ามึงล่ะ กูทำเพราะหมั่นไส้มันเฉยๆ” “กูก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนี่ มึงจะรีบแก้ตัวทำไม” ได้ยินแบบนั้น กอบัวเงียบลงทันที ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาแล้วเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้เจสยืนอยู่ลำพังโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม ไม่นาน เจสสิก้าก็เดินออกจากคาเฟ่โดยไม่มองกลับหลัง เธอเดินเรื่อยๆ ไปตามทางเท้าที่ทอดยาวราวกับปล่อยให้มันพาไปตามความรู้สึก หัวใจที่ปั่นป่วนทำให้เธอต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ความสงบในความโดดเดี่ยวนั้นก็จบลง เมื่อจู่ๆก็มีใครบางคนเดินเข้ามาทักเธออย่างไม่คาดฝัน “มีเรื่องไม่สบายใจอยู่หรอครับ” เสียงนั้น…เสียงที่คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก ใครกัน? เธอหันกลับไปมองต้นเสียง และพบกับชายหนุ่มร่างสูงในชุดแต่งกายสไตล์ผู้ชายจีนทันสมัย แต่ใบหน้าของเขากลับมองไม่เห็นชัดเจน เพราะหมวกสีดำกับแมสสีขาวที่บดบังใบหน้าทั้งหมด เขาเดินเข้ามาเคียงข้างเธออย่างใจเย็น หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยก่อนจะเอ่ยถาม “นายเป็นใคร?” “พี่ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกครับ รู้แค่ว่า…ตอนที่เราเจอกันครั้งล่าสุด พี่ก็อยู่ในสภาพแบบนี้…แต่เพิ่มเติมคือกลิ่นควันบุหรี่” “อ้อ…นายคือเด็กคนนั
“พี่ยอมรับว่าพี่เคยชอบกอบัวจริงๆ แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว… ตอนนั้นพี่ยังไม่เข้าใจเลยด้วยซ้ำว่าความรักมันคืออะไร แต่ตั้งแต่ที่พี่ได้เจอเจส…พี่พูดได้เลยว่า นอกจากแม่แล้ว พี่ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้เลย”เสียงของปอร์เช่เอ่ยขึ้นช้าๆ แววตาเขาสงบนิ่งขณะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเหนือหัว ดวงดาวนับพันดวงลอยอยู่กลางความมืด เสียงลมหอบเบาๆ พัดผ่านเส้นผมของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่บนดาดฟ้าสูง ทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงบและอบอุ่นเจสนั่งอยู่ข้างๆ มองเขาเงียบๆ ดวงตาของเธอสะท้อนแสงดาว และบางอย่างในใจเธอก็เริ่มชัดเจนขึ้น เธอยิ้มบางๆ ออกมาอย่างอ่อนโยน…ยิ้มที่แฝงด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งโล่งใจ ทั้งเศร้า ทั้งอบอุ่นและเสียใจไปพร้อมๆกัน หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอคงไม่หนี ไม่หลบหน้าปอร์เช่อย่างที่เคยทำ เธอควรจะฟังเขาตั้งแต่แรก“ทีนี้หนูเข้าใจแล้วใช่มั้ย?” เขาหันมาถามเสียงนุ่ม“เข้าใจแล้ว~” เจสตอบกลับด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ดวงตาเธอมองเขาอย่างแน่นิ่ง เหมือนคนที่เพิ่งยอมรับความจริงบางอย่างได้อย่างเต็มหัวใจ“เจส…” เขาเรียกชื่อเธออีกครั้ง คราวนี้สายตาเขาจริงจังขึ้น เหมือนกำลังจะพูดอะไรที่สำคัญแต่ก่อนที่เข