共有

รุ้งปลายเมฆ
รุ้งปลายเมฆ
作者: ผการุ้ง ช่อชมพู

ตอนที่ 1.

last update 最終更新日: 2025-03-04 19:42:28

ตอนที่ 1.

“เชิญทางนี้ค่ะ มาเลือกดูเลือกชมภาพวาดสื่อความงาม สื่อชีวิต กันได้ค่ะ สนใจภาพไหนสอบถามได้นะคะ! ”

เจ้าของเสียงเชิญชวนเป็นหญิงสาวร่างเล็กในชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีดำ ปักลวดลายดอกไม้เล็กๆกระจุ๋มกระจิ๋มตามชายกระโปรง สวมเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวมีสายเล็กๆผูกเป็นโบว์ตรงไหล่ เผยให้เห็นต้นคอขาวผ่องและแผ่นหลังนวล ผมยาวดำสนิทเกล้าเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย เสียบปิ่นปักผมทำมาจากไม้ตรงปลายมีแผ่นโลหะสีเงินรูปผีเสื้อ ห้อยสายลูกปัดแก้วหลากสี วงหน้ารูปไข่แต่งแต้มเครื่องสำอางบางเบา ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูระเรื่อ ดวงตากลมโตมีขนตางอนหนา ทอประกายสดใส ยามลูกค้าหยิบรูปวาดขึ้นมาดู คนขายจะบรรยายความหมายของภาพนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ เมื่อลูกค้าตกลงซื้อเธอจะจบการขายอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องต่อรองราคาให้ลำบากใจทั้งสองฝ่าย จัดแจงเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อรูปแล้วใส่ถุงให้ลูกค้าทันที

มุมหนึ่งของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวผิวขาวจัดนั่งอยู่ใกล้ทางเดิน มีกล้องถ่ายรูปซึ่งเป็นอุปกรณ์คู่กายวางไว้บนโต๊ะ ใบหน้าคมคายหล่อเหลาของเขา สะดุดสายตาของผู้พบเห็นโดยเฉพาะหญิงสาว เขาสวมกางเกงยีนส์สีซีดบริเวณหัวเข่าขาดแหว่งโหว่ ยามที่เจ้าของขยับขาไปมาหัวเข่าจะแพลมลอดรอยขาดนั้นออกมาเป็นระยะ เสื้อเชิ๊ตสีฟ้าถูกพับแขนรั้งจนเลยข้อศอกอย่างลวกๆ คนสวมกำลังก้มหน้าก้มตาจัดการกับชามก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า เหงื่อเม็ดเล็กๆผุดพรายตามหน้าผากและไรผมสีน้ำตาลเข้ม ที่ถูกมัดรั้งไว้ตรงท้ายทอย มองเห็นไฝเม็ดเล็กบริเวณต้นคอชัดเจน เสียงแจ้วๆแว่วเข้าหูมา ทำให้เขาเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยว หันไปมองต้นเสียงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น

บริเวณที่หญิงสาวแสดงผลงานของตนเองนั้น เรียกว่า“ถนนคนเดิน” อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจุดที่รวมผลงานประเภทเดียวกันวางเรียงรายตลอดทาง จิตรกรต่างนำงานศิลปะของตนมาจัดแสดง ให้ผู้คนได้ชื่นชม รวมทั้งขายพร้อมกันไปด้วย บางคนรับจ้างวาดภาพเหมือนหรือภาพล้อเลียนกันสดๆ มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมามุงดูอยู่โดยรอบ ส่วนใหญ่มักเลือกจัดแสดงบนพื้นถนน ตลอดเส้นทางสายนี้ มีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของใช้ของที่ระลึกพื้นเมือง ตลอดจนของทำมือ

ช่างภาพหนุ่มลุกขึ้นยืน ล้วงกระเป๋ากางเกงวางเงินค่าก๋วยเตี๋ยว ก่อนจะคว้ากล้องคู่กายจัดการถ่ายรูปน่าประทับใจนั้น แสงแฟลชสว่างวาบเป็นระยะ นางแบบจำเป็นเริ่มรู้สึกตัว ใบหน้าหวานๆเมื่อครู่บึ้งขึ้น ร่างเล็กๆเดินตรงรี่มายังคนถ่าย เอาฝ่ามือปิดหน้ากล้องพร้อมกับแหวเข้าใส่

“อ่านป้ายไม่ออกหรือไงว่าห้ามถ่าย โนโฟโต้เข้าใจมั้ย!” เสียงใสเปลี่ยนมาแหลมขึ้น ตาโตๆจ้องเจ้าของกล้องราวกับนางเสือ

ช่างภาพหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากเลนส์กล้อง เขายิ้มกวนๆพร้อมกับยักคิ้ว ดวงตาคมวาวจ้องคนขี้โมโหด้วยแววตากระจ่างใส

“นาย...”

เจ้าหล่อนชี้นิ้วค้าง หัวใจดวงน้อยเต้นรัวแรง เมื่อมองเห็นหน้าอีกฝ่ายเต็มๆตา

บานประตูห้องทำงานเปิดกว้างขึ้น พร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ทำให้เจ้าของห้อง ที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตา อยู่กับแฟ้มเอกสารเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบลุกขึ้นต้อนรับ

“คุณเมฆ...” 

ชายสูงวัยมองชายหนุ่มลูกชายของนายจ้างด้วยแววตาชื่นชม ฆนากร มีรูปร่างสง่างามไม่ต่างกับนายสุริยะผู้เป็นบิดาในวัยหนุ่ม ดวงตาเรียวใหญ่คมกริบบ่งบอกถึงความฉลาด หากเจ้าตัวจะลดความแข็งกร้าวในแววตาลงสักนิด คงน่ามองไม่น้อย จมูกโด่งงามเป็นสัน บนริมฝีปากบางที่ถอดมาจากมารดา... ขจรเกียรติไม่เคยลืม รอยยิ้มของคุณผู้หญิงผู้แสนจะนุ่มนวล อ่อนโยนคนนั้น ทว่าผู้เป็นลูกชายดูเหมือนจะไม่ได้รับคุณสมบัติข้อนี้มาแม้แต่น้อย

“คุณพ่อล่ะ ลุงจร”

“นายท่านเดินทางไปพักผ่อนต่างจังหวัดครับ คุณเมฆ...” ชายสูงวัยตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“ไปพักผ่อน ฮึ... ” คนพูดเหยียดปาก ดวงตาสีเข้มกระยับไหว ขณะเอ่ยประโยคต่อมา “ไปมั่วกับสาวๆ อีกสิท่า”

“ไม่ทราบครับ...”

ขจรเกียรติตอบคำถามด้วยประโยคเดิมๆ เหมือนทุกครั้งที่ถูกถาม

“จงรักภักดีกันจริงนะ”

ฆนากร กระแทกเสียง ปรายตามองหน้ายับย่นของผู้ช่วยของบิดาด้วยสายตากึ่งรำคาญ กึ่งเห็นใจ ขจรเกียรติหรือ ลุงจร ที่เขาเรียกขานจนติดปากทำหน้าที่ ทนายประจำตระกูล เป็นกึ่งลูกจ้างกึ่งญาติสนิทของครอบครัว ด้านความซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อนายจ้างนั้น แทบจะมอบโล่ให้ ต่อให้เอามีดมาจี้คอ เอาปืนมาจ่อหัว แน่ใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า ความลับไม่มีวันหลุดออกมาจากปากคนๆนี้เป็นอันขาด

“คุณพ่อบอกลุงจรหรือเปล่า ว่าจะกลับเมื่อไหร่” ชายหนุ่มผ่อนคลายสีหน้าเคร่งลง น้ำเสียงพลอยนุ่มนวลขึ้น

ชายชราส่ายหน้า “ไม่ได้บอกไว้ครับ บอกแค่ว่าอาจไปนาน”

คำตอบนั้นทำให้ คนฟังถอนหายใจยาว ริมฝีปากหยักโค้งเจือสีแดงเบ้เล็กน้อย ดวงตาฉายแววเหนื่อยหน่ายออกมา ร่างสูงสง่าหมุนกายหันหลังให้

“แบบนี้ทุกที ขนาดหมอบอกว่าสุขภาพไม่ค่อยดี ยังไม่วาย” เขาบ่นบิดาเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กเล็กๆ

ขจรเกียรติยิ้มอย่างเข้าใจ นายน้อยของเขาคงเป็นห่วงนายท่าน แต่ยักท่าตีหน้าขรึมเหมือนไม่ใส่ใจ สองพ่อลูกมีนิสัยและความคิดอ่านคล้ายกัน แต่คนเป็นลูกดูจะเลือดร้อนกว่าตามวัย ไม่ต่างกับคนเป็นพ่อในวัยหนุ่ม รายนั้นเลือดเดือดกล้าลุยกล้าเสี่ยง ยามนี้คนเป็นลูกเดินตามรอยพ่อไม่ผิดเพี้ยน อาณาจักรธุรกิจของผู้เป็นนายยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน จากอดีตไกด์นำเที่ยว สุริยะพัฒนาตัวเองสู่เจ้าของบริษัททัวร์ ก่อนจะมาจับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงกิจการด้านส่งออกอีกด้าน เมื่อธุรกิจทั้งหลายตกมาอยู่ในมือของคนรุ่นลูก ยิ่งไปได้สวย ร่วมสามสิบปีที่เขาทำงานให้บิดาของชายหนุ่ม รับรู้มองเห็นความเป็นไปในชีวิตของนายจ้างมาตลอด รวมถึงได้มีโอกาสสั่งสอนการทำงานให้ผู้เป็นลูก ไม่ต่างจากสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว บัดนี้เขี้ยวเล็บทางธุรกิจของอีกฝ่ายแหลมคม จนหยัดยืนได้ด้วยตัวเอง พลอยให้คนที่เฝ้ามองรู้สึกชื่นชมไปด้วย

“ผมจะไปดูงานที่รีสอร์ท ถ้าคุณพ่อกลับมา บอกด้วยว่าผมแวะมา” ชายหนุ่มพูดจบก็เดินออกไป

ขจรเกียรติถอนหายใจพรู โล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ติดใจถามไถ่มากกว่านี้ เขาเองไม่ถนัดการพูดโกหกนัก ขืนถูกซักมากเข้าอาจหลุดปากบอกอะไรไปหมดเป็นแน่ ผู้ช่วยชราหยิบโทรศัพท์มากดโทร

“นายครับ คุณเมฆเพิ่งมาหาผมเมื่อครู่”

“บอกอย่างที่สั่งหรือเปล่า” ปลายสายถามเสียงเรียบ

“ครับ”

“ขอเวลาอีกสักอาทิตย์นะ ดูแลงานให้ด้วย แค่นี้ก่อนนะ”

ขจรเกียรติถอนหายใจอีกเฮือก ส่ายหน้าอย่างระอาใจ พอกันทั้งพ่อทั้งลูก คนหนึ่งชอบทำอะไรตามใจตัวเองตั้งแต่หนุ่มจนแก่ยังไม่เลิกนิสัยนี้ อีกคนจริงจังระเบียบจัด ไม่ปล่อยตัวเองให้หลุดจากกรอบ ที่เหมือนกันคงจะเป็นอารมณ์รุนแรงราวพายุ ที่พร้อมจะพัดเข้าใส่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชายามไม่ได้ดั่งใจ ลูกจ้างอย่างเขาเคยชินกับนิสัยนี้ของนายจ้างทั้งสองมานานวัน จนไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป ชายชราวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานของตนต่อ

เรื่องของนาย... ลูกจ้างอย่างเขาไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย...

“วินท์... วินท์... มาได้ไงเนี่ย!”   

จิตรกรสาวชี้หน้าชายหนุ่ม มือไม้สั่น แล้วกระโดดตัวลอยกอดคอหมับทันที นภวินท์ยิ้มกว้างตบไหล่บางนั้นสองสามแปะ เชิงทักทาย

“ปล่อยได้แล้วยายปลาย อายคน”

เขาว่าพลางปลดแขนกลมกลึงนั้นออกจากคอ ก่อนหันมาสำรวจกล้องคู่ใจ

“มือเปื้อนสีหรือเปล่า เอามาถูกเลนส์กล้องลายหมดแล้วมั้ง”

ท่าทางทะนุถนอมราวกับเลือดเนื้อเชื้อไขนั้น เรียกความหมั่นไส้จากปลายรุ้ง จนอดไม่ไหวเลยแกล้งดีดข้างกล้องแปะหนึ่ง

“นี่แหนะ! เอาอีกสักทีพ่อแกจะได้ขาดใจตาย”

 “โหย... เล่นแรงเลยนะ ลูกฉันช้ำในตายกันพอดี” เจ้าของดึงกล้องคู่ใจหนี ทำตาดุๆใส่คนทำ

ปลายรุ้ง หัวเราะคิก ตบไหล่หนาแรงๆ ทีหนึ่ง เอ่ยถามออกมาว่า

“มาทำอะไรที่นี่”

นภวินท์หันมามองหน้าคนถามตรงๆ “ฉันมาทำงาน แล้วเธอล่ะ มาทำอะไรอยู่นี่” เขาตอบพร้อมย้อนถาม

ปลายรุ้งยิ้มกว้างเดินไปหยุดตรงหน้า ภาพวาดที่เรียงราย พร้อมกับผายมือ

“ฉันมาตั้งแกลลอรี่ แสดงผลงานของฉันไงล่ะ”

“แกลลอรี่ข้างถนนนี่นะ!”

“ก็งั้นซี...” จิตรกรสาวยักไหล่

นภวินท์เลิกคิ้วสูง กวาดสายตามองภาพรวมของสถานที่รอบๆกายปลายรุ้ง แล้วเดินไปชะโงกหน้าดูผลงานของเพื่อนสาว ภาพวาดสีน้ำมันหลากหลายสไตล์วางเต็มพื้น สายตามองเลยไปยังผลงานศิลปะแบบเดียวกันของจิตรกรคนอื่น ที่วางเรียงรายอยู่ข้างๆ สภาพแบบนี้หรือที่เรียกว่าการแสดงผลงาน

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 92.(จบ)

    “ตายยากจังวินท์ คิดถึงทีไร โทรมาทุกที” เธอรีบกดรับ ก่อนที่อีกฝ่ายจะวางสายไปก่อน “ไปไงวินท์ อื้อ... ใช่ปลายกับคุณเมฆกำลังจะไปที่บ้านพักที่จัน อะไรนะวินท์อยู่ที่นั่นเหรอ อีกสักชั่วโมงนะปลายกับคุณเมฆจะไปถึง อย่าแย่งกินกุ้งย่างหมดก่อนล่ะ”“นายวินท์ อยู่ที่รีสอร์ทเหรอ” ฆนากรถามคนที่เพิ่งกดวางสาย“ค่ะ บอกว่าพายายสิงห์ หลานเฮียเป๋งไปด้วย” ปลายรุ้งเล่าสิ่งที่ได้ยินให้สามีรับรู้ ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม“ยายสิงห์ หลานเฮียเป๋งเป็นใครกัน” เขาขมวดคิ้ว แปลกใจชื่อประหลาดนั่นปลายรุ้งหัวเราะขำ ใครได้ยินชื่อเล่นของสิงหกัลยา เป็นต้องทำหน้าแบบนี้ทุกคน ผู้หญิงในประเทศไทยที่ชื่อสิงห์ จะมีสักกี่คน“เธอชื่อสิงหกัลยาค่ะ เป็นรุ่นน้องของปลายกับวินท์ที่มหาลัย ปลายเป็นพี่รหัสของยายสิงห์ เฮียเป๋งเจ้านายของวินท์เป็นน้าชายของยายสิงห์ นี่คงโดนเฮียเป๋งบังคับให้พายายสิงห์มาเที่ยวด้วยแหงๆ”“และคุณสิงห์ที่ปลายว่าเนี่ย หน้าตาเป็นยังไงสวยมั้ย”“สวยสิคะ ยายสิงห์แกเป็นลูกครึ่งไทยอิตาลี่ ขาวสูงหุ่นนางแบบเชียวแหละ เสียอย่าง...” ปลายรุ้งยิ้มแห้งๆ เมื่อนึกถึงวีรกรรมของสิงหกัลยา“เสียอะไร นิสัยหรือว่าอะไร” ฆนากรซักไซร้ เขาช

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 91.

    “ให้มันได้อย่างนี้สิวะ รับรองสิ้นปีเฮียแจกโบนัสไม่อั้น” เปรมศักดิ์ตบไหล่ช่างภาพหนุ่มแรง สีหน้าสดชื่นขึ้นทันตาเห็น“แล้วจะให้ใครไปเป็นล่ามให้ผม บอกก่อนนะว่าผมได้แค่ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปนอิตาลี่เนี่ยผมไม่รู้สักคำ” นภวินท์ยังกังวลใจ“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมผู้ช่วยให้แกแล้ว รับรองมีเซอร์ไพรซ์” เปรมศักดิ์หลิ่วตาให้ เขาหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาใครบางคน“เออ... ไอ้วินท์มันรับปากแล้ว ไอ้ช่วงมันขาหักไปไม่ได้ เป็นไอ้วินท์ทำแทน รีบมารายงานตัวเลยนะ ไอ้วินท์มันอยู่ที่นี่แล้ว จะได้เตรียมแผนงานกันล่วงหน้า มาเลย มาเร็วๆ” พูดจบก็วางหู“ใครเหรอพี่ ที่หามาเป็นผู้ช่วยผม ที่สำนักพิมพ์เราไม่เห็นมีใครเก่งภาษาสเปนกับอิตาลี่สักคน” นภวินท์อยากรู้เหลือเกิน ว่าผู้ช่วยเขาเป็นใคร“น่าเดี๋ยว มาถึงแกก็รู้เอง” เปรมศักดิ์เอ่ยยิ้มๆราวครึ่งชั่วโมง ประตูห้องของบรรณาธิการฝ่ายบริหารก็ถูกเคาะ เมื่อได้ยินเสียงอนุญาตคนเคาะก็เปิดประตูเข้ามา นภวินท์หันไปมองพร้อมกับลุ้นตัวโก่ง คนที่เดินเข้ามาส่งยิ้มมาแต่ไกล“ดีจ้า น้าเป๋ง เฮียวินท์” เสียงใสแจ้ว ราวกับระฆังแตก ทักทายคนในห้องร่างสูงเพรียวในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าลวดลายแบบยิปซี มีเ

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 90.

    “อย่าคิดอะไรแบบนั้นอีกนะ คนดี”เขาแย้มริมฝีปากมอบรอยยิ้มแสนอบอุ่น ดวงตาคมทอประกายอ่อนหวาน ขณะก้มลงแตะริมฝีปากบนหน้าผากเนียน บนเปลือกตาทั้งสอง บนจมูกโด่งเล็กนั้น ก่อนจะกดริมฝีปากบนเรียวปากนุ่มหนักๆ“ปลาย... คุณคือผู้หญิงคนแรก คนเดียวในชีวิตผม”ชายหนุ่มทอดเสียงนุ่ม เอ่ยช้าและชัดเจน คลื่นความอบอุ่นไหลรินสู่หัวใจคนฟัง ปลายรุ้งหลับตาลงปล่อยให้ตัวเองซึมซับทุกถ้อยคำนั้นไว้ในหัวใจ ไม่มีคำว่ารักสักคำสิ่งที่สัมผัสนั้นมากกว่าคำว่ารักหญิงสาวแทบไม่รู้ตัวว่าร่างของตัวเอง ถูกเขาโอบประคองพามาถึงระเบียงริมน้ำบ้านของป้ารจตั้งแต่เมื่อไหร่“คุณพาปลายมาที่นี่ทำไมคะ ดึกแล้ว” น้ำเสียงของเธอช่างแผ่วพร่า เหลือเกินเมื่อเอ่ยถามเขาฆนากรยิ้มละมุน เขาประคองร่างบางให้นั่งบนผ้านวมหนาที่ปูไว้บนพื้นไม้ ดวงไฟสีนวลถูกเปิดไว้เพียงดวงเดียว บรรยากาศยามนี้เงียบสงบเย็นสบาย ท้องฟ้ากระจ่างนวลตาด้วยแสงจันทรา สายลมพัดพาความสดชื่นของแม่น้ำมากระทบกายแผ่วๆ สองร่างทอดกายนอนเคียงกัน ศีรษะเล็กหนุนท่อนแขนแข็งแรงของคนตัวโตต่างหมอน“เวลาผมเหงาหรือคิดอะไรไม่ออก ผมจะหอบผ้านวมมานอนดูดาว ดูดวงจันทร์แบบนี้” มือหนากุมมือเรียวไว้ในอุ้งมืออุ่น

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 89.

    “มีอะไรก็ผัดๆรวมกันมาเถอะ ฉันหิวแล้วนะ” ปลายรุ้งพูดแก้เก้อมือบางจับหน้าอกข้างซ้ายตัวเองที่กำลังเต้นรัวแรงด้วยความตกใจ ทำไมเธอต้องใจสั่นแบบนี้ด้วยนะ หญิงสาวมองร่างสูงใหญ่ ที่กำลังหั่นผัก เตรียมทำอาหารให้เธอด้วยสายตาไม่เข้าใจ เธอไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบนี้กับนภวินท์มาก่อน เขาเคยจับมือโอบไหล่หลายครั้ง ทุกครั้งไม่เคยรู้สึกแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปลายรุ้งหาคำตอบให้ตัวเองไม่พบ“เสร็จแล้ว ข้าวผัดไส้กรอกของเชฟกระทะเหล็ก”ข้าวผัดไส้กรอกหอมน่าอร่อยถูกวางตรงหน้า ปลายรุ้งมองคนทำที่ภูมิใจนำเสนออาหารของตน ก่อนจะหยิบช้อนมาตักเข้าปาก ตาโตๆของจิตรกรสาวโตกว่าเดิม เมื่อพบว่ามันอร่อยเหลือเชื่อ รีบตักอีกคำเข้าปาก จากนั้นก็ไม่สนใจสายตาที่จ้องมองอีก“อร่อยใช่ไหม”ดวงตาคมจ้องหน้าเธอนิ่งริมฝีปากหยักโค้งเจือสีแดงสดขยับแย้ม ก่อนที่มือหนาจะยื่นมาแตะมุมปากหญิงสาว หยิบเม็ดข้าวที่ติดออกมาส่งเข้าปากตัวเองหน้าตาเฉย“อื้อ... อร่อยจริงๆด้วย”ปลายรุ้งอ้าปากค้าง มองคนที่กำลังกินข้าวด้วยความตกใจ หน้าร้อนผ่าวกับการกระทำของอีกฝ่ายคนบ้าอะไรกินข้าวติดปากคนอื่นได้ด้วย“นี่น้ำเดี๋ยวสำลักตาย ขี้เกียจผายปอด”เขาหัวเราะเบาๆ

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 88.

    “ฉันมีอะไรจะบอกนายแผนสักอย่าง”เฟอร์นันโดขยับเข้าไปใกล้นายแผน เขาก้มศีรษะป้องปากกระซิบบางอย่างที่หูของอีกฝ่าย บอดี้การ์ดของภัทรมือสั่นระริก หันมามองหน้าคนพูดก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แววตาอ่อนแสงลง“ไอ้สุริยะ ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่าคนที่ตายแล้วอย่างแก ให้มือฉันต้องเปื้อนเลือดสกปรก แกกำลังจะได้รับกรรมของแกแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”ร่างใหญ่ตัวของแผนขยับออกห่าง พร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะบาดหัวใจคนฟังเหลือเกิน จนทนไม่ไหว“แกหัวเราะอะไรกัน นี่แกไม่ฆ่าฉันแล้วใช่ไหม”“ฉันไม่ฆ่าแกหรอก ถ้าแกตายแกจะไม่ได้ลิ้มรสความเจ็บปวด ของการตายทั้งเป็น”นายแผนหยุดหัวเราะ ดวงตาดำใหญ่จ้องหน้าเขาด้วยแววตาสมเพช ก่อนจะเอ่ยประโยค ที่ทำให้สุริยะต้องช็อคตาตั้ง“แกจำผู้หญิงสวยๆ ชุดแดง ที่งานเลี้ยงของคุณเฟอร์นันโดได้ไหม เธอเป็นเอดส์!”“แกพูดบ้าอะไร ฉันไม่เชื่อแกหรอก ถึงผู้หญิงคนนั้นจะเป็นเอดส์ แต่ฉันไม่เคยนอนกับผู้หญิงโดยไม่ป้องกัน” เขาค้านเสียงหลง“หึ... ป้องกันเหรอ คืนนั้นแกเมา แกลืมป้องกัน แกกำลังจะตายไอ้สุริยะ ตายด้วยความมักมากในกามของแกไงล่ะ” นายแผนตอกย้ำอีกครั้งสุริยะทบทวนความทรงจำก่อนจะใจหายวาบชาไปทั้งตัว คืนน

  • รุ้งปลายเมฆ   ตอนที่ 87.

    นภวินท์ยิ้มบางๆ ตบบ่าพี่ชายแรงๆ “อย่าคิดมากสิ ยายปลายน่ะขี้เหงา อีกไม่เกินอาทิตย์ ต้องรีบแล่นกลับมาหาพวกเราแน่” เขามั่นใจเหลือเกิน“นายเข้าใจปลายดีนี่ สมแล้วที่ปลายรักนาย”ฆนากรมองหน้าน้องชายด้วยแววตาเศร้า ชายหนุ่มเฝ้ามองปลายรุ้งกับนภวินท์ อย่างเงียบๆ ตั้งแต่กีรดารินทร์จากไป ปลายรุ้งพาตัวเองเข้าไปใกล้ชิดกับนภวินท์ จนไม่สนใจเขาเลย เขาพยายามจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าปลายรุ้งรักเขา แต่ท่าทีที่จิตกรสาวปฏิบัติต่อนภวินท์ ทำให้ฆนากรต้องถอยกลับมาอยู่ในมุมมืดของตัวเอง พ่อกับแม่และน้องชายกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ฆนากรกลับรู้สึกว่าตัวเองเหมือนอากาศที่ไม่มีใครสนใจ แม่เอาใจใส่ดูแลพ่อที่ไม่ค่อยสบาย ส่วนปลายรุ้งขลุกอยู่กับนภวินท์แทบเป็นเงาของกันและกัน ตัวเขาต้องรับภาระดูแลบริษัทแทนบิดา เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับงาน เมื่อมีเวลาส่วนตัวเขาอยากใช้มันกับปลายรุ้ง แต่หญิงสาวกลับออกเดินทางท่องเที่ยว โดยไม่บอกลาเขาสักคำ เหมือนเขาไม่ใช่คนที่เธอเห็นความสำคัญอีก“ใช่ ฉันกับปลายเรารักกัน เรารักกันมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่นายจะได้รู้จักกับเธอ”นภวินท์มองอาการคอแข็งของพี่ชายอย่างขบขัน ฆนากรไม่เคยเปลี่ยนนิสัยชอบคิดเองเออเ

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status