"มีนพองหรือเปล่ากาแฟลวกขนาดนั้นนะ” มาลินถามด้วยความห่วงใยเมื่อพามินรญากลับมาที่โต๊ะทำงาน
"ไม่เป็นไรมากหรอกลิน เป็นผื่นแดงนิดหน่อย” มินรญาบอกหลังจากก้มมองหน้าขาตัวเอง ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น ที่วัลลภให้แม่บ้านหามาให้ เสื้อเธอแห้งเรียบร้อยดีแล้ว
ตลก! พอเสื้อแห้งกางเกงมาเปียกแทน วันนี้คงเป็นวันซวยของเธอ
มินรญาคิดอย่างเหนื่อยใจ ใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์น่าอายเมื่อช่วงสาย ใช่เขาจริง ๆ ผู้ชายคนที่ยืนหันหลังให้เธอถึงแม้เขาจะหันมามองเธอแค่แวบเดียว แต่เธอจำเขาได้ขึ้นใจดวงตาคมดุคู่นั้น มันยังฝังอยู่ในหัวใจเธอเสมอ
"ไม่รู้พี่ธีจะรับงานนี้หรือเปล่า” อนันต์ที่นั่งใกล้ ๆ เธอเอ่ยขึ้นเหมือนต้องการความเห็นจากใครสักคน
"ว่าไงวะลภ มึงเข้าประชุมด้วย พี่ธีว่าไงจะรับไหม” เมื่อไม่มีใครตอบ อนันต์เลยถามวัลลภเพราะเขาคือคนที่เข้าไปคุยกับลูกค้า
"ไม่แน่ใจว่ะ พี่ธียังไม่สรุป แต่คุณผู้หญิงเธองอแงอ้อนพี่ธีไม่หยุด” วัลลภตอบสายตายังจ้องจอคอมพิวเตอร์
"ก็น้องเขานี่หว่า” มานพเอ่ยเสริม
"ไม่ใช่น้อง ญาติโว้ยญาติฝ่ายน้อง” อนันต์ค้านเพราะสองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ
"ก็ไม่ต่าง” มานพยังคงพูดต่อ
"สมมุติว่าพี่ธีรับงานนี้สนุกแน่มึง ขับรถไปมากันมันเลย พี่ธีหมดค่าน้ำมันเป็นแสน” มานพเอ่ยติดตลก
"เว่อร์ไปย่ะไอ้นพ” กิ่งดาวที่ตามมาสมทบเอ่ยขัดขึ้น เมื่อมานพพูดถึงค่าเดินทางที่ธีรเทพต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเกือบ ๆ สองเท่าตัว
"จริง ๆ นางเรื่องมากนะ บ้านอยู่ปากช่องโน่นแต่จะให้บริษัทที่กรุงเทพไปทำ เห็นว่าแฟนนางเป็นคนออกแบบสร้างเองเลยนะ คงสวยน่าดู ผู้ชายอะไรตาดุฉิบ ตอนหันมามองมีนนะฉันนี่เสียวแทน” มาลินยังคงเอ่ยไปเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงคู่รักญาติของเจ้านาย
"แต่หล่อมากนะแก หล่อคุณชายฉันยังแอบอิจฉาแฟนเขาเลย” กิ่งดาวพูดต่อด้วยท่าทางเคลิ้มฝัน
"ระวังปากหน่อยดาว เดี๋ยวพี่ธีมาได้ยินจะเป็นเรื่อง นั่นแฟนน้องเขานะ ญาติกันก็คงอยากจะช่วยพี่ชาย” มานพเอ่ยปรามเพื่อนร่วมงาน
"ช่วยให้เจ๊งสิไม่ว่า งานนี้ฉันปักหลักที่นี่นะ ไม่ลงพื้นที่” กิ่งดาวเริ่มหาแนวร่วม
"ฉันด้วยนะ ๆ นะ ๆ” ทุกคนเอ่ยพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกัน
"เอออยู่กันให้หมดนั่นแหละ กูลุยกับมีนสองคนเอง ว่าไงมีนเราไปกัน” วัลลภหันมาถามมินรญา ที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน มือยังคงค้างไว้ที่เมาส์แต่กดเข้าไปเปิดหน้าไหน เจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัว วัลลภสังเกตจากมือบางที่คลิกเมาส์ไปเรื่อย ๆ
"มีน! แกฟังที่พวกเราคุยไหมเนี่ย” วัลลภเอ่ยถาม
สายตาของเพื่อนร่วมงานทุกคู่ ต่างก็จ้องมาที่มินรญาที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอย แต่มือยังคงกดเมาส์ไม่หยุด
"มีน อาการหนักนะเนี่ยช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” มาลินถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่บ่ายมา มินรญาเหม่อลอยแปลก ๆ
"มีน มีน ห่วงมดยิ้มหรือเปล่า มดยิ้มไม่สบายเหรอ” อรวรรณตั้งข้อสังเกต ตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานกลุ่มเพื่อน ๆ เลยมารวมตัวกันที่โต๊ะทำงานด้านล่าง จับกลุ่มคุยกันเพื่อรอเวลาเลิก
งานที่นี่ค่อนข้างอิสระ แต่พวกเขาก็เกรงใจเจ้านายถึงแม้ไม่มีอะไรทำก็กลับบ้านได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะรอเวลาเข้าและเลิกงานให้ตรงเวลา
คำว่ามดยิ้มที่ลอยมาเข้าหู ทำให้ร่างบางกะพริบตาถี่ ๆ
ใช่สิ มดยิ้มจะเป็นอย่างไรถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นรู้ว่า เธอมีมดยิ้ม เธออุตส่าห์เก็บซ่อนเรื่องนี้มาเกือบสองปีเต็ม
น่าแปลกที่บ้านของเธอกับเขาใกล้กันแค่อำเภอกั้น แต่เธอกลับไม่เคยเจอเขาอีกเลย
ครั้งสุดท้ายก็คงเป็นที่สนามบินในวันนั้น ภพธรก็ไม่เคยมาหาเธอ และมินรญาเองก็ไม่อยากเจอเขาเช่นกัน
ลองคิดกลับกันถ้าคนที่โดนตัดความสัมพันธ์เป็นเธอ มินรญาก็คงไม่ไปหาเขาเหมือนกัน ดูจากสายตาที่เขามองเธอวันนี้ ไม่บอกก็รู้ว่ายังโกรธอยู่ มินรญาได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้ธีรเทพรับงานนี้เลย
ร่างอวบอิ่มยืนมองร่างสูง ที่นั่งหันหลังบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมหรูส่วนตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว
ตั้งแต่กลับมาจากออฟฟิศของธีรเทพ ภพธรดูเหม่อลอยแปลก ๆ บางครั้งหัวคิ้วบนหน้าหล่อเหลาก็ย่นเข้าหากัน เหมือนคนกำลังใช้ความคิด
อนงค์นางนึกสงสัย แต่พอถามเขาก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับคำตอบที่เธอแสนเบื่อหน่าย
‘ไม่มีอะไรครับผมก็คิดอะไรไปเรื่อย ๆ’
บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนเข้าไม่ถึงตัวเขา ระหว่างเธอกับภพธรเหมือนมีเส้นบาง ๆ กั้นไว้ ถึงแม้เธอจะอยู่ในฐานะคนรัก แต่ในบางครั้งอนงค์นางกลับรู้สึกห่างเหิน เหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้มีอีกมุมที่ซ่อนบางอย่างเอาไว้ ที่เธอก็เข้าไม่ถึง
แต่เธอไม่สนใจเพราะวันนี้เขายังอยู่กับเธอ และกำลังจะเป็นของเธออย่างสมบูรณ์ในอีกไม่นาน อนงค์นางยิ้มให้กับชัยชนะของตัวเอง
ผู้ชายคนนี้เป็นที่หมายปองของบรรดาสาว ๆ หลายคน เขาหล่อรวย และเก่งมาก ทุกอย่างที่เป็นเขาสมบูรณ์แบบ ถึงแม้นามสกุลจะไม่โด่งดังอะไร แต่ถ้าเทียบฐานะกันแล้ว ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งมันก็เหมาะสมกับเธอแล้ว 'คุณหนูอนงค์นาง กีรติกานต์' แค่นามสกุลก็ชนะทุกสิ่ง
ร่างอวบยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินทอดน่องแบบนางพญาไปยืนใกล้ ๆ ร่างสูง ที่ตอนนี้เหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน สังเกตจากแก้วเหล้าบนโต๊ะที่ละลายจนจาง ดูแล้วเขาก็ไม่สนใจจะดื่มอะไรจริงจังเท่าไร
"เต้ยคะ ๆ” อนงค์นางเอ่ยเรียกซ้ำ ๆ
ดูเถอะขนาดเธอมายืนค้ำหัวอยู่แบบนี้เขายังไม่สนใจ มือเรียวเอื้อมไปโอบรอบคอแกร่งเมื่อเธอหย่อนก้นงอนนั่งซ้อนทับบนตักกว้าง ร่างสูงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวก็ตอนที่หน้าขารับน้ำหนักที่จงใจทิ้งมาบนตักเขานั่นเอง
"หืม…มีอะไรครับ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวย เมื่ออนงค์นางจงใจรั้งต้นคอแกร่งให้หันมาทางเธอ
"คิดอะไรอยู่คะ น้องเรียกตั้งนาน” ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปนัยน์ตาคมดุเพื่อค้นหาคำตอบ
"เปล่าครับ (เปล่าครับ)” อนงค์นางพูดแทรกขึ้นระหว่างคำพูดของภพธร เธอฟังจนจำได้ขึ้นใจ ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มขำปนเอ็นดูบนใบหน้าหล่อเหลา
ภพธรเจอกับอนงค์นางที่มหาวิทยาลัยตอนที่เขาไปติดต่อเรื่องเรียน ตอนนั้นเขาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในต่างแดน ดีที่ได้เธอเข้ามาช่วยเหลือ เธอเก่งเรื่องที่ทางแถวนั้นเพราะอยู่มานาน เธอแนะนำเขาทุกอย่าง เป็นไกด์ให้เขาทุกเรื่อง เธอเข้ามาเติมเต็มในขณะที่ภพธรกำลังเจ็บช้ำจากใครบางคน ทำให้เขาเปิดรับเธอเข้ามาในเวลาไม่นาน
"รู้ทันอีกแล้ว” ภพธรพูดแบบเขิน ๆ เมื่อถูกดักทาง ปลายจมูกโด่งคลอเคลียใกล้ ๆ ปลายจมูกเล็กสวย ริมฝีปากร้อนอยู่ชิดปากอิ่ม
"น้องฟังคำตอบแบบนี้มาหลายปีแล้วนี่คะ” อนงค์นางตอบด้วยกิริยาน่ารัก ดวงตาสวยจ้องลงในดวงตาดุ ริมฝีปากบางแนบชิดจนสัมผัสถึงไอร้อนที่เป่ารดบนปากหยักได้รูปสวย
ภพธรฝังริมฝีปากหนัก ๆ ลงบนปากอิ่ม ร่างบางตอบสนองอย่างคุ้นชินต่อการสัมผัสที่แนบชิดนี้ ทั้งสองแลกจูบกันอยู่สักพัก จนเมื่อร่างอิ่มประท้วง ภพธรจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อให้คนในอ้อมแขนได้หายใจ
ดวงตาคมดุจ้องมองใบหน้าสวยด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นเธอหอบหนัก ๆ
"น้องกลับนะคะ” อนงค์นางบอก หลังจากหายใจได้ปกติ ภพธรจูบเธอแบบนี้เสมอ จูบสูบวิญญาณ ทำเธอเหนื่อยและหายใจไม่ทัน
"อ้าว ไม่ค้างเหรอดึกแล้วนะ” ภพธรถามอย่างสงสัยดวงตาคู่ดุก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตั้งแต่กลับมาอนงค์นางมักจะค้างคืนกับเขาเสมอ
"คืนนี้กลับค่ะ เช้าจะคุยงานกับคุณพ่อ เต้ยละคะว่างหรือยัง คุณพ่ออยากเจอค่ะ” อนงค์นางให้เหตุผล เธอกำลังจะเข้าทำงานกับบริษัทของบิดาและเธออยากรู้รายละเอียดของงานก่อน
“เฮ้ย!”ผมร้องเสียงดัง เมื่อสายน้ำเบ่งของเก่าออกมาทางตูด! เจ๊มดที่นั่งข้างๆวิ่งเลยครับ ไม่ได้วิ่งมาช่วยนะ นางวิ่งหนีไปหน้าประตูครัวโน้น ไหนใครบอกว่ามดยิ้มรักน้อง! “สายน้ำทำอะไรเนี่ย หึ้ย!วางระเบิดพ่อได้ไง”ผมพูดกับสายน้ำ เอาไงดีล่ะผมน่ะเลี้ยงลูกได้ แต่ตอนอึเนี่ยบอกตรงๆผมไม่ชอบเลย เด็กห้าเดือนนะ คุณคิดภาพตามดิ เหมือนซุปข้าวโพดอะ แล้วกลิ่นเนี่ยไม่ต้องพูดถึง พูดแล้วขมคอ ตอนนี้ผมมีทางเลือกสองทางคือหนึ่งโทรตามเด็กที่บ้านใหญ่ให้มาจัดการลูก และสองคือผมทำเอง . . . “มดยิ้มหยิบผ้าขนหนูน้องให้พ่อหน่อยลูก!”ครับตามที่เห็น ตอนนี้ผมจัดการกับสายน้ำแล้วครับ พามาล้างอึในห้องน้ำแล้วก็อาบน้ำให้เลยครับ “มดยิ้มลูก ได้ยินพ่อไหม”ผมตะโกนถามเจ๊มดอีกครั้ง ไม่นานก็เห็นร่างเล็กๆเดินเข้ามาในห้องน้ำ มดยิ้มถือผ้าขนหนูมาวางไว้ให้น้องด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย นางยืนกอดอกดูน้องที่เล่นน้ำในอ่างด้วยสีหน้าที่เดาอารมณ์ไม่ออก แต่ผมจะบอกว่าโครตเหมือนมีนเลยครับ หน้าแบบนี้การกระทำแบบนี้ มันมีนชัดๆเวลาที่ผมเมาแล้วงอแง มีนก็จะมายืนทำหน้าแบบนี
“แล้วมึงกับแก้วไปถึงไหนกันแล้ววะ”ผมถามตรงๆ อยู่กันมาขนาดนี้ก็ไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว สองปีแล้วที่มันวิ่งไปกลับแบบนี้ มันก็น่าจะได้อะไรกลับมาบ้างแหละ “เหมือนเดิม” “แค่เนี้ย” “อืม...”ไอ้ธามตอบก่อนจะหันไปหาลูกผมบนตักมีน เหมือนเดิมอีกแล้วเอากับมันสิ แล้วไอ้ที่ว่าเหมือนเดิมน่ะคืออะไรวะ ผมสงสัยต่ออีกนิด “เดือนหน้าเนยจะย้ายไปอยู่อังกฤษ”อยู่ๆไอ้ธามก็พูดเรื่องนี้ออกมา หลังจากที่เราย้ายกันมานั่งดื่มกันที่หน้าบ้าน “อ้าว...ไปอยู่เลยหรือแค่ไปเที่ยว”ผมถามกลับหลังจากเติมเครื่องดื่มในแก้วให้มัน วันนี้มันดื่มหนักนะผมว่า เพราะผมเติมให้มันแบบแก้วต่อแก้วเลย “ไปอยู่เลย...” “อ้าวแล้วลูกมึงล่ะ” “ก็ไปกับแม่มัน” “มึงมีอะไรจะบอกกูไหม” “ไม่มี กูแค่คิดถึงลูก”มันพูดพร้อมกับกระดกแก้วเหล้าเข้าปากอีกคำใหญ่ ผมก็พูดไม่ออกครับ ไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของพวกมัน ตั้งแต่ที่มันรู้ว่ามีลูกกับน้องเนยมันก็เสนอช่วยดูแลลูก ก็ทำแบบที่ผมทำกับมีนนี่แหละครับ แต่มันไม่ได้เอาแม่แบบผม ก็อย่างที่พวกคุณรู้ ใ
“แม่มีน ตื่นแล้วหรอคะ มดยิ้มขอโทษ มดยิ้มจะมาหาน้องค่ะ”พอได้ยินเสียงแม่แค่นั้นแหละ เจ้าตัวเล็กข้างๆผมหน้าเสียเลยครับ “มดยิ้มย่องแล้วค่ะ มดยิ้มไม่ได้ตั้งใจ”นี่คือคำพูดเด็กห้าขวบจริงๆใช่ไหม:) “ไม่เป็นไรค่ะลูก มาหาแม่มา มาให้แม่ดูสิคะว่าพ่อใส่กระโปรงถูกหรือเปล่า”มีนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วเรียกคนตัวเล็กเข้าไปหา พร้อมกับจับลูกหมุนดูนี่นั่นสำรวจไปทั่วตัวลูก ใช่ผมเคยใส่กระโปร่งให้ลูกกลับด้าน แล้วไงวะก็แค่สี่ห้าครั้งเอง:( “น้องตื่นยังคะ” “ยังเลยค่ะน้องเพิ่งหลับ เมื่อคืนน้องงอแงค่ะ แม่มีนเลยตื่นสาย”ยัยตัวเล็กถาม เพราะเมื่อคืนมดยิ้มของผมไปนอนบนตึกใหญ่มาครับ เด็กเพิ่งเอามาส่งให้เมื่อเช้านี้เอง ก็เหมือนเดิมครับ เจ้มดก็ยังต้องเดินสายนอนกับอาม่า นอนกับก๋งเหมือนเดิม ใครว่ามีลูกใหม่พวกเค้าจะเห่อมดยิ้มน้อยลง เปล่าเลยครับ นอกจากจะไม่เบื่อแล้ว แถมยังเอามดยิ้มไปนานกว่าเดิมอีก เพราะไม่อยากให้มดยิ้มมากวนแม่กับน้อง ผมว่ามันคือข้ออ้างครับ คนโตอยากได้มดยิ้มไปนอนกอดเลยเอาน้องมาอ้างมากกว่า “มดยิ้มทานข้าวยังคะ” “ทานแล้วค่ะ
“คุณพ่อไปไหนมาคะ”เจ้ามดยิ้มร้องถาม พร้อมกับวิ่งมากอดที่เอวผม ออลืมบอกไปตอนนี้มดยิ้มสูงเลยหัวเข่าผมมาแล้วครับ เด็กห้าขวบกับความสูงแค่นี้คุณว่าปกติไหม ก็อย่างว่ามีนมันเตี้ย ส่วนผมก็เสือกสูงเองลูกเลยไม่รู้ว่าอันไหนคือมาตฐาน นาทีนี้ตัดเรื่องความสูงมดยิ้มไปก่อน เมื่อผมอุ้มลูกขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินไปหาคนที่นอนอมยิ้มบนเตียง มีนนะมีนไม่ต้องมาขำเลย ผมงอนจริงด้วยงานนี้ “มีนเป็นไงบ้าง”ผมเอ่ยถามเมื่อมายืนข้างเตียง “มีนน่ะสบายดี ห่วงตัวเองก่อนไหมตี๋ฮาๆๆ”สิ้นเสียงของคนที่ว่าแดกผม คนในห้องก็พากันขำกระจายครับ เจ็กเก้าครับเขาก็คือคู่ปรับตลอดกาลของผมเอง “มีนไม่เป็นไร เต้ยล่ะเป็นไงบ้าง”ใช่เวลาห่วงผัวไหมเมีย ยิ่งเมียถามกลับมาแบบนี้คนให้ห้องก็ยิ่งได้ใจครับ ขำกันหนักกว่าเดิมอีก “พอๆ อย่าล้ออะไรมันมากเลยแค่นี้มันก็อายจะแย่แล้ว ตี๋ป๊ากับม๊าดีใจมากที่ได้หลานชาย ขอบใจมากนะ ชอบใจมากนะมีน”ป๊าเอ่ยขัดขึ้น ก่อนจะขอบใจผมกับลูกสะใภ้อย่างสุดซึ้ง พ่อกับแม่มีนด้วยครับ ท่านทั้งสองมองมาที่ผมด้วยสายตาอ่อนโยนจนผมขนลุก ไม่บอกก็รู้ว่าท่านทั้งสองมีความสุขมากเช่น
“มีน มีน ไม่เป็นไรนะมีน ถ้ามีนเจ็บมีนปวดจนทนไม่ไหวบีบมือเต้ยนะ จะกัดเต้ยก็ได้”นี่เป็นคำพูดของผมครับ เพราะทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลหมอก็พาคนตัวเล็กเข้าห้องคลอดทันที ผมก็เข้ามาด้วยเพราะเราฝากท้องแบบพิเศษครับ พิเศษสุดๆเลยเอาแบบที่โรงพยาบาลจะจำเราได้ไปอีกนาน และอยากให้เมียผมท้องทุกปีเลยล่ะครับ ลืมบอกไปวันนี้มีนเจ็บท้องและกำลังจะคลอดครับ “เต้ยมีนไม่เป็นไร มาคลอดลูกไม่ได้เจ็บขนาดนั้น”คนตัวเล็กยังพยายามบอกให้ผมโอเค ทั้งๆที่มือเธอยังกำมือผมไว้แน่น เหงื่อก็เริ่มซึมออกมาตามหน้าผาก แถมหน้าก็ซีดลงๆ เอาจริงๆผมไม่รู้หรอกครับว่าเจ็บท้องคลอดลูกเนี่ยมันเจ็บขนาดไหน แต่สำหรับผมแค่มีดบาดก็โครตเจ็บแล้วครับ ภรรยาผมเธออดทนมากแต่ผมรู้ว่าเธอกำลังเจ็บมาก ยิ่งคิดมาถึงตรงนี้ยิ่งโมโหตัวเองครับ เพราะต่อให้มีเงินล้นฟ้าก็ช่วยให้เมียหายเจ็บไม่ได้ เพราะเมียผมเลือกจะคลอดตามธรรมชาติครับ เธอไม่ผ่าคลอดเพราะเมื่อตอนคลอดมดยิ้มเธอก็คลอดเอง แล้วไงล่ะครับทีนี้ก็เลยลำบากมายันผม ทำไมนะหรอครับก็ผมเนี่ยอยากจะเจ็บแทนเธอไง “มดลูกขยายอีกสองเซนเเล้วค่ะ คุณแม่อย่าเพิ่งเบ่งนะคะ รออีกนิด”หมอคนที่ทำหน้า
คุณญดาตื้นตันจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เมื่อได้เห็นลูกสมหวัง หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูกท่านคิดในใจ เมื่อเอื้อมมือมาลูบหัวลูกรัก ผู้ใหญ่อวยพรให้คนทั้งสอง บ่าวสาวขอบคุณก่อนจะเดินขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน ถึงแม้มินรญาจะกำชับให้จัดแค่งานเล็ก ๆ แต่ครอบครัวของภพธรเป็นครอบครัวใหญ่ เฉพาะญาติ ๆ ก็เกือบ ๆ ร้อย ไม่รวมเพื่อนร่วมรุ่นและรุ่นน้องที่แห่กันมาอวยพรและแสดงความยินดีกับเธอ อธิปกับแก้วสุนีย์มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว มินรญาสังเกตอาการคนทั้งสองตามคำบอกเล่าของภพธร จะเป็นอธิปที่คอยเอาใจแก้วสุนีย์เสียส่วนใหญ่ ในขณะที่แก้วสุนีย์ยังเฉยจนดูไม่ออก งานแต่งงานที่จบไปเมื่อตอนเช้าสร้างความเมื่อยล้าให้ว่าที่คุณแม่ลูกสองไม่น้อย ใช่มินรญากำลังจะกลายเป็นคุณแม่ลูกสองอีกครั้ง เพราะตอนนี้เธอตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว หลังจากที่รู้ว่าท้องภพธรก็ไม่ให้เธอทำอะไรอีกเลย ให้เธอดูแลลูกกินแล้วก็นอน เวลาที่มดยิ้มไปโรงเรียน มินรญาก็ทำงานบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลมินรญาก็ถูกสั่งให้ย้ายมาอยู่บ้านใหญ่ทันที เพราะทุกคนต่างก็รักและเป็นห่วงเธอ แต่คืนวันเสาร์อาทิตย์ภพธรจะ