"มีนพองหรือเปล่ากาแฟลวกขนาดนั้นนะ” มาลินถามด้วยความห่วงใยเมื่อพามินรญากลับมาที่โต๊ะทำงาน
"ไม่เป็นไรมากหรอกลิน เป็นผื่นแดงนิดหน่อย” มินรญาบอกหลังจากก้มมองหน้าขาตัวเอง ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้น ที่วัลลภให้แม่บ้านหามาให้ เสื้อเธอแห้งเรียบร้อยดีแล้ว
ตลก! พอเสื้อแห้งกางเกงมาเปียกแทน วันนี้คงเป็นวันซวยของเธอ
มินรญาคิดอย่างเหนื่อยใจ ใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อคิดไปถึงเหตุการณ์น่าอายเมื่อช่วงสาย ใช่เขาจริง ๆ ผู้ชายคนที่ยืนหันหลังให้เธอถึงแม้เขาจะหันมามองเธอแค่แวบเดียว แต่เธอจำเขาได้ขึ้นใจดวงตาคมดุคู่นั้น มันยังฝังอยู่ในหัวใจเธอเสมอ
"ไม่รู้พี่ธีจะรับงานนี้หรือเปล่า” อนันต์ที่นั่งใกล้ ๆ เธอเอ่ยขึ้นเหมือนต้องการความเห็นจากใครสักคน
"ว่าไงวะลภ มึงเข้าประชุมด้วย พี่ธีว่าไงจะรับไหม” เมื่อไม่มีใครตอบ อนันต์เลยถามวัลลภเพราะเขาคือคนที่เข้าไปคุยกับลูกค้า
"ไม่แน่ใจว่ะ พี่ธียังไม่สรุป แต่คุณผู้หญิงเธองอแงอ้อนพี่ธีไม่หยุด” วัลลภตอบสายตายังจ้องจอคอมพิวเตอร์
"ก็น้องเขานี่หว่า” มานพเอ่ยเสริม
"ไม่ใช่น้อง ญาติโว้ยญาติฝ่ายน้อง” อนันต์ค้านเพราะสองคนนั้นไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ
"ก็ไม่ต่าง” มานพยังคงพูดต่อ
"สมมุติว่าพี่ธีรับงานนี้สนุกแน่มึง ขับรถไปมากันมันเลย พี่ธีหมดค่าน้ำมันเป็นแสน” มานพเอ่ยติดตลก
"เว่อร์ไปย่ะไอ้นพ” กิ่งดาวที่ตามมาสมทบเอ่ยขัดขึ้น เมื่อมานพพูดถึงค่าเดินทางที่ธีรเทพต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีกเกือบ ๆ สองเท่าตัว
"จริง ๆ นางเรื่องมากนะ บ้านอยู่ปากช่องโน่นแต่จะให้บริษัทที่กรุงเทพไปทำ เห็นว่าแฟนนางเป็นคนออกแบบสร้างเองเลยนะ คงสวยน่าดู ผู้ชายอะไรตาดุฉิบ ตอนหันมามองมีนนะฉันนี่เสียวแทน” มาลินยังคงเอ่ยไปเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงคู่รักญาติของเจ้านาย
"แต่หล่อมากนะแก หล่อคุณชายฉันยังแอบอิจฉาแฟนเขาเลย” กิ่งดาวพูดต่อด้วยท่าทางเคลิ้มฝัน
"ระวังปากหน่อยดาว เดี๋ยวพี่ธีมาได้ยินจะเป็นเรื่อง นั่นแฟนน้องเขานะ ญาติกันก็คงอยากจะช่วยพี่ชาย” มานพเอ่ยปรามเพื่อนร่วมงาน
"ช่วยให้เจ๊งสิไม่ว่า งานนี้ฉันปักหลักที่นี่นะ ไม่ลงพื้นที่” กิ่งดาวเริ่มหาแนวร่วม
"ฉันด้วยนะ ๆ นะ ๆ” ทุกคนเอ่ยพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียวกัน
"เอออยู่กันให้หมดนั่นแหละ กูลุยกับมีนสองคนเอง ว่าไงมีนเราไปกัน” วัลลภหันมาถามมินรญา ที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน มือยังคงค้างไว้ที่เมาส์แต่กดเข้าไปเปิดหน้าไหน เจ้าตัวก็คงไม่รู้ตัว วัลลภสังเกตจากมือบางที่คลิกเมาส์ไปเรื่อย ๆ
"มีน! แกฟังที่พวกเราคุยไหมเนี่ย” วัลลภเอ่ยถาม
สายตาของเพื่อนร่วมงานทุกคู่ ต่างก็จ้องมาที่มินรญาที่ตอนนี้นั่งเหม่อลอย แต่มือยังคงกดเมาส์ไม่หยุด
"มีน อาการหนักนะเนี่ยช่วงนี้มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” มาลินถามอย่างสงสัย เพราะตั้งแต่บ่ายมา มินรญาเหม่อลอยแปลก ๆ
"มีน มีน ห่วงมดยิ้มหรือเปล่า มดยิ้มไม่สบายเหรอ” อรวรรณตั้งข้อสังเกต ตอนนี้ใกล้เวลาเลิกงานกลุ่มเพื่อน ๆ เลยมารวมตัวกันที่โต๊ะทำงานด้านล่าง จับกลุ่มคุยกันเพื่อรอเวลาเลิก
งานที่นี่ค่อนข้างอิสระ แต่พวกเขาก็เกรงใจเจ้านายถึงแม้ไม่มีอะไรทำก็กลับบ้านได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะรอเวลาเข้าและเลิกงานให้ตรงเวลา
คำว่ามดยิ้มที่ลอยมาเข้าหู ทำให้ร่างบางกะพริบตาถี่ ๆ
ใช่สิ มดยิ้มจะเป็นอย่างไรถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นรู้ว่า เธอมีมดยิ้ม เธออุตส่าห์เก็บซ่อนเรื่องนี้มาเกือบสองปีเต็ม
น่าแปลกที่บ้านของเธอกับเขาใกล้กันแค่อำเภอกั้น แต่เธอกลับไม่เคยเจอเขาอีกเลย
ครั้งสุดท้ายก็คงเป็นที่สนามบินในวันนั้น ภพธรก็ไม่เคยมาหาเธอ และมินรญาเองก็ไม่อยากเจอเขาเช่นกัน
ลองคิดกลับกันถ้าคนที่โดนตัดความสัมพันธ์เป็นเธอ มินรญาก็คงไม่ไปหาเขาเหมือนกัน ดูจากสายตาที่เขามองเธอวันนี้ ไม่บอกก็รู้ว่ายังโกรธอยู่ มินรญาได้แต่ภาวนาในใจขออย่าให้ธีรเทพรับงานนี้เลย
ร่างอวบอิ่มยืนมองร่างสูง ที่นั่งหันหลังบนเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมหรูส่วนตัวมาสักพักหนึ่งแล้ว
ตั้งแต่กลับมาจากออฟฟิศของธีรเทพ ภพธรดูเหม่อลอยแปลก ๆ บางครั้งหัวคิ้วบนหน้าหล่อเหลาก็ย่นเข้าหากัน เหมือนคนกำลังใช้ความคิด
อนงค์นางนึกสงสัย แต่พอถามเขาก็ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้พร้อมกับคำตอบที่เธอแสนเบื่อหน่าย
‘ไม่มีอะไรครับผมก็คิดอะไรไปเรื่อย ๆ’
บางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนเข้าไม่ถึงตัวเขา ระหว่างเธอกับภพธรเหมือนมีเส้นบาง ๆ กั้นไว้ ถึงแม้เธอจะอยู่ในฐานะคนรัก แต่ในบางครั้งอนงค์นางกลับรู้สึกห่างเหิน เหมือนกับว่าผู้ชายคนนี้มีอีกมุมที่ซ่อนบางอย่างเอาไว้ ที่เธอก็เข้าไม่ถึง
แต่เธอไม่สนใจเพราะวันนี้เขายังอยู่กับเธอ และกำลังจะเป็นของเธออย่างสมบูรณ์ในอีกไม่นาน อนงค์นางยิ้มให้กับชัยชนะของตัวเอง
ผู้ชายคนนี้เป็นที่หมายปองของบรรดาสาว ๆ หลายคน เขาหล่อรวย และเก่งมาก ทุกอย่างที่เป็นเขาสมบูรณ์แบบ ถึงแม้นามสกุลจะไม่โด่งดังอะไร แต่ถ้าเทียบฐานะกันแล้ว ก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน ซึ่งมันก็เหมาะสมกับเธอแล้ว 'คุณหนูอนงค์นาง กีรติกานต์' แค่นามสกุลก็ชนะทุกสิ่ง
ร่างอวบยกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินทอดน่องแบบนางพญาไปยืนใกล้ ๆ ร่างสูง ที่ตอนนี้เหม่อลอยไปถึงไหนต่อไหน สังเกตจากแก้วเหล้าบนโต๊ะที่ละลายจนจาง ดูแล้วเขาก็ไม่สนใจจะดื่มอะไรจริงจังเท่าไร
"เต้ยคะ ๆ” อนงค์นางเอ่ยเรียกซ้ำ ๆ
ดูเถอะขนาดเธอมายืนค้ำหัวอยู่แบบนี้เขายังไม่สนใจ มือเรียวเอื้อมไปโอบรอบคอแกร่งเมื่อเธอหย่อนก้นงอนนั่งซ้อนทับบนตักกว้าง ร่างสูงเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวก็ตอนที่หน้าขารับน้ำหนักที่จงใจทิ้งมาบนตักเขานั่นเอง
"หืม…มีอะไรครับ” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสวย เมื่ออนงค์นางจงใจรั้งต้นคอแกร่งให้หันมาทางเธอ
"คิดอะไรอยู่คะ น้องเรียกตั้งนาน” ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปนัยน์ตาคมดุเพื่อค้นหาคำตอบ
"เปล่าครับ (เปล่าครับ)” อนงค์นางพูดแทรกขึ้นระหว่างคำพูดของภพธร เธอฟังจนจำได้ขึ้นใจ ส่งผลให้เกิดรอยยิ้มขำปนเอ็นดูบนใบหน้าหล่อเหลา
ภพธรเจอกับอนงค์นางที่มหาวิทยาลัยตอนที่เขาไปติดต่อเรื่องเรียน ตอนนั้นเขาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ในต่างแดน ดีที่ได้เธอเข้ามาช่วยเหลือ เธอเก่งเรื่องที่ทางแถวนั้นเพราะอยู่มานาน เธอแนะนำเขาทุกอย่าง เป็นไกด์ให้เขาทุกเรื่อง เธอเข้ามาเติมเต็มในขณะที่ภพธรกำลังเจ็บช้ำจากใครบางคน ทำให้เขาเปิดรับเธอเข้ามาในเวลาไม่นาน
"รู้ทันอีกแล้ว” ภพธรพูดแบบเขิน ๆ เมื่อถูกดักทาง ปลายจมูกโด่งคลอเคลียใกล้ ๆ ปลายจมูกเล็กสวย ริมฝีปากร้อนอยู่ชิดปากอิ่ม
"น้องฟังคำตอบแบบนี้มาหลายปีแล้วนี่คะ” อนงค์นางตอบด้วยกิริยาน่ารัก ดวงตาสวยจ้องลงในดวงตาดุ ริมฝีปากบางแนบชิดจนสัมผัสถึงไอร้อนที่เป่ารดบนปากหยักได้รูปสวย
ภพธรฝังริมฝีปากหนัก ๆ ลงบนปากอิ่ม ร่างบางตอบสนองอย่างคุ้นชินต่อการสัมผัสที่แนบชิดนี้ ทั้งสองแลกจูบกันอยู่สักพัก จนเมื่อร่างอิ่มประท้วง ภพธรจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อให้คนในอ้อมแขนได้หายใจ
ดวงตาคมดุจ้องมองใบหน้าสวยด้วยความเอ็นดู เมื่อเห็นเธอหอบหนัก ๆ
"น้องกลับนะคะ” อนงค์นางบอก หลังจากหายใจได้ปกติ ภพธรจูบเธอแบบนี้เสมอ จูบสูบวิญญาณ ทำเธอเหนื่อยและหายใจไม่ทัน
"อ้าว ไม่ค้างเหรอดึกแล้วนะ” ภพธรถามอย่างสงสัยดวงตาคู่ดุก้มมองนาฬิกาข้อมือ ตั้งแต่กลับมาอนงค์นางมักจะค้างคืนกับเขาเสมอ
"คืนนี้กลับค่ะ เช้าจะคุยงานกับคุณพ่อ เต้ยละคะว่างหรือยัง คุณพ่ออยากเจอค่ะ” อนงค์นางให้เหตุผล เธอกำลังจะเข้าทำงานกับบริษัทของบิดาและเธออยากรู้รายละเอียดของงานก่อน
"เต้ย! ทะลึ่งไม่เลือกเวลาเลย เมื่อกี้มีนซึ้งจนแทบจะร้องตาม อะไรตัดมาหื่นเฉยเลย ไม่เอาแล้วมีนไปนอนดีกว่า" "เดี๋ยวสิ กำลังจะบอกเรื่องสำคัญเลย" "เรื่องอะไรอีก" "พรุ่งนี้กลับไปอยู่ที่บ้านนะ บ้านมีนหรือบ้านเต้ยก็ได้ เดี๋ยวตอนเช้าเต้ยไปส่ง" "ไม่เอาจะอยู่กับเต้ย" "โอ้โฮทูนหัว ชื่นใจมากที่ได้ยินแบบนี้ แต่เวลานี้ไม่เหมาะที่เราจะอยู่ด้วยกัน อย่างที่บอกเต้ยยุ่งและดูแลมีนไม่ได้ เต้ยไม่อยากทิ้งมีนกับลูกไว้ตามลำพัง เลยอยากให้กลับไปอยู่ที่บ้านก่อน ถ้าเต้ยเลิกงานเร็วเต้ยก็กลับไปบ้าน ปทุมฯ ใกล้แค่นี้เอง" "ขอเหตุผลจริง ๆ” มินรญาถาม ตากลมโตจ้องตาดุอย่างคนรู้ทัน "ก็ได้ ๆ คืองี้นะ ไอ้ตี๋มันหนีออกไปได้ และยังหาตัวไม่เจอ พวกเรากลัวมันจะมาที่นี่มาทำร้ายมีนกับลูก เต้ยเลยอยากให้มีนกลับไปอยู่บ้านก่อน เอาจริง ๆ นะธามมันกลัวว่าตอนนี้จะมีคนของไอ้ตี๋ปนอยู่ด้วย และคอยส่งข่าวให้ไอ้ตี๋รู้เต้ยกลัวมันย้อนรอยมาทำร้ายมีนกับลูก เลยอยากให้มีนไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อน ได้ยินแบบนี้สบายใจหรือยัง เต้ยพูดความจริงหมดแล้ว" "ทำไมมันดูซับซ้
"เต้ย” มินรญาเรียกชื่อคนตรงหน้า น้ำเสียงของภพธรมีความเจ็บปวดปนมาในนั้น แขนเรียวโอบรอบเอวหนา ก่อนจะซุกใบหน้าลงกับอกกว้างเพื่อซ่อนน้ำตา นาทีนี้เธอสงสารเขาเหลือเกิน ผู้ชายร้าย ๆ คนนั้นไปไหนกันนะ "ทำไมวะมีน การที่เต้ยให้เงินลูกน้องเยอะ ๆ มันคือการใช้เงินเลี้ยงคนเหรอ เพราะไว้ใจพวกมัน ปล่อยให้มันทำหน้าที่กันไป ไม่เคยเข้าไปแทรกแซงงานของพวกมัน ทำให้เต้ยกลายเป็นคนไม่ทำงานเหรอวะ" "เต้ย" "เต้ยรวยแล้วไง เงินที่สร้างบริษัททุกบาททุกสตางค์มันมาจากน้ำพักน้ำแรงเต้ยทั้งนั้น เต้ยทำงานตั้งแต่สมัยเรียน เต้ยใช้เงินเก็บที่มีมาสร้าง เต้ยใช้ฝีมือเปล่าวะ มันถึงได้มาไกลขนาดนี้ พวกมันไม่เคยคิดเลย มันว่าเต้ยด่าเต้ยสารพัด" "ไม่เอาเต้ย แค่คำพูดของคนคนเดียวอย่าเอามาตัดสินชีวิตตัวเองสิ ยังมีคนอีกตั้งเยอะที่รักเต้ย ไม่เอาอย่าคิดมากสิ” มินรญาปลอบ พยายามปรับน้ำเสียงให้ฟังดูเป็นปกติที่สุด ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอก็รู้สึกอ่อนไหวไปกับเขาด้วย "คนตั้งเยอะเหรอมีน ลับหลังมามันก็ด่าเต้ยทั้งนั้น เต้ยแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ" "ใครจะว่ายังไงก็ช่างมันนะ สำหรับมีนแล้ว
ตาดุมองไปที่หน้าท้องขาวนวลที่นูนป่องขึ้นมาจนกลม ลำพังแค่เขาคนเดียวคงรับมือกับไอ้พวกคนพาลได้ไม่ยาก แต่นี่เขามีห่วงเพิ่มขึ้นมาอีก และเป็นห่วงที่คนพวกนั้นรู้ว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของเขา นับว่าตี๋ฉลาดมากที่ยังไม่ย้อนกลับมาที่นี่แต่พวกมันคงไม่ปล่อยไว้แน่ ถือว่าวันนี้เขายังโชคดีที่ยังมีเวลารับมือกับคนพวกนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเรื่องนี้มากไปหรือเปล่า แต่กันไว้ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือร่างสูงเดินมาสวมกอดเอวคนท้องไว้หลวม ๆ ก่อนจะพาเดินกลับเข้าไปด้านใน เป็นจังหวะเดียวกับที่อธิปกับปอมาถึงพอดีมินรญาตกใจเมื่อเห็นหน้าเพื่อนร่วมรุ่นอีกคน อธิปโล่งอกเมื่อมองเห็นคนหน้าหวานในอ้อมกอดเพื่อน ก่อนจะค่อย ๆ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันไปล้อเล่นกับมดยิ้มเพื่อกลบเกลื่อน มองสบตาดุที่มีแววขอร้องปนมาในนั้น อธิปยักคิ้วตอบเมื่อเข้าใจสิ่งที่เพื่อนสนิทส่งมา ก่อนจะถอยไปหากลุ่มเพื่อนที่นั่งสงบในห้องรับแขก เมื่อภพธรต้อนคุณแม่และลูกเข้าห้องนอนด้านใน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลังจากที่ส่งกลุ่มเพื่อน ๆ กลับร่างสูงก็ยังนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนั้น คนที่กำลังก้าวมาหาชะงักเท้านิดหนึ่งยืนมองคนที่นั่งทอดอ
ตาคมดุกวาดมองไปเรื่อย ๆ เมื่อวิ่งไปเปิดประตูห้องนอน ไอ้สามคนที่ตามมาก็ช่วยกันวิ่งหาจนทั่ว ห้องครัว ห้องรับแขกทุกอย่างเงียบสนิท ตาดุเงยหน้าขึ้นมองชั้นบนที่เป็นห้องนอนเล็กและห้องทำงานของเขา แต่มินรญาไม่เคยเข้าไปเพราะเธอชอบคิดว่าเขากันตรงนั้นไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เท้าหนาซอยขึ้นบันไดชั้นบนพลันสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูระเบียงที่แยกออกไปยังสระว่ายน้ำเปิดออก ให้ตายเถอะทำไมเขามองไม่เห็นแต่แรกนะ เท้าหนาถอยกลับลงมาก็เป็นเวลาเดียวกับที่ไอ้สามคนนั่นวิ่งพรวดออกไปที่ระเบียงพร้อมกันพอดี "พี่เต้ย!” คนทั้งสามคนประสานเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาพร้อมกัน ภพธรยังไม่ทันตอบอะไร พวกมันก็เรียกชื่อเขาซ้ำอีกรอบ หัวใจชายหนุ่มปวดหนึบเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ตื่นตกใจของคนเรียก "พี่เต้ย!” ร่างสูงโผล่หน้าออกไปที่สระว่ายน้ำ ก่อนจะตั้งสติแล้ววิ่งไปบริเวณขอบสระเร็ว ๆ "มีน!” ภาพที่เห็นทำให้ภพธรเข่าทรุด มินรญาในชุดบิกินีสีส้มอิฐที่เขาซื้อให้ที่ทะเลวันนั้น กำลังประคองห่วงยางเป็ดเหลืองอันใหญ่อยู่กลางสระ ในห่วงยางมีร่างเล็กที่ใส่ชุดสีเดียวกันของมดยิ้มอยู่ในนั้น คนที่อยู่ในสระหัน
เสียงเปิดและปิดประตูดัง ๆ เรียกสายตาของคนที่กำลังนั่งทอดอารมณ์ให้หันไปมอง "มีเรื่องอะไรอีก” อธิปถามเมื่อเห็นมุ้ยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา มุ้ยหลบตาก้มมองมือตัวเอง "แย่แล้วพี่ธาม ไอ้ตี๋มันหนีไปแล้ว!” มุ้ยละล่ำละลักตอบคำถาม "สัตว์! กูสั่งให้เฝ้ามันให้ดีไง” อธิปตบโต๊ะดังปัง เมื่อลุกขึ้นมาประจันหน้ากับมุ้ย "ผมบอกพี่แล้วว่าให้ส่งมันให้ตำรวจ” มุ้ยเถียง "มันหายไปตั้งแต่ตอนไหน” ภพธรถาม เมื่อรู้สึกใจเต้นแปลก ๆ "ไม่รู้พี่เต้ยผมกับไอ้คิงขังมันไว้บนห้องชั้นสอง ปิดล็อกประตูอย่างดี แต่มันปีนหน้าต่างหนีไป" "แม่งเอ้ย! ใช้พวกมึงเหมือนใช้ควาย” อธิปสบถลั่น มุ้ยหน้าเสีย "ไอ้คิงล่ะ” ภพธรถาม "ไปกับแอม" "ห่าเอ้ย! แต่ละคน” อธิปหัวเสียไปกันใหญ่ "กูจะโทรหามีน ไม่รู้แอมไปถึงหรือยัง” ภพธรบอกเมื่อรู้สึกห่วงมินรญากับลูกขึ้นมา "มึงรีบกลับเลยเต้ย ถ้าแอมไปถึงมึงให้มีนออกมากับแอมเลย” อธิปเสนอเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง "มึงหมายความว่า” ภพธรจ้องหน้าเพื่อน ก่อ
"คุณออกไปได้แล้วผมรีบ เสื้อผ้าก็ร่วงอยู่ตามพื้นนั่นแหละ หาเอา อ้อ...อย่าเล่นตุกติกกับผม จำไว้ผมมีหลักฐาน คงจำห้องพักได้นะ ผมไม่ส่ง เชิญ” ธนากรมองไปที่ร่างบางอีกครั้ง ตาคมเข้มสำรวจไปทั่ว ถึงจะสงสารแต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลา ร่างบางสั่นจากแรงสะอื้น ก่อนจะค่อย ๆ พยุงตัวเองลงจากเตียง มือบางไล่เก็บชุดที่ร่วงเกลื่อนพื้น ธนากรตัดใจเดินหลบไปอีกมุม เมื่อมองเห็นน้ำตาที่ไหลทะลักลงมาบนแก้มสวย ถึงแม้จะสะใจที่ได้แกล้งคนอวดดี แต่น้ำตาที่อาบแก้มนวลกลับทำให้หัวใจชายหนุ่มอ่อนยวบ อารดากลั้นใจก่อนจะใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน จำได้ว่าเธอไม่มีอะไรติดตัวมานอกจากกระเป๋าถือที่ใส่ของใช้และเงินจำนวนหนึ่งทุกอย่างยังอยู่ครบ ตากลมโตมองแบงก์สีเทาที่วางซ้อนทับกันอยู่บนหัวเตียงก่อนจะหยิบขึ้นพลิกไปมา รู้สึกเจ็บร้าวที่กลางอก "ค่าตัว" มือบางกำเข้าหากันแน่น ธนบัตรในมือยับผิดรูปก่อนจะโยนกลับไปที่เก่า ไม่รอให้เสียเวลาเธอใช้จังหวะนี้หนีไปให้พ้นจากที่นี่ ถึงแม้จะยังเสียใจและเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่โวยวายไปก็เท่านั้นทุกอย่างมันชัดเจนตามที่ผู้ชายคนนั้นบ