ห้องโถงของเรือนใหญ่กลางจวน...ร่างสูงใหญ่ของฟงจินหมิงนั่งคุกเข่าต่อหน้าบิดามารดาอยู่นิ่งๆ ดวงตาเรียวคมบนใบหน้าคมคายมีแต่ความเรียบเฉย เขาพอจะรู้อยู่แล้วว่าพวกท่านเรียกเขามาด้วยเรื่องอันใด “เรื่องของลี่เหมยล้วนเป็นความผิดของข้าเองขอรับ” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังเขาจำต้องยอมรับความผิดประเด็นนี้แต่โดยดี เขาคิดว่าที่จินเยว่ชิงเข้ามาในจวน นางคงมีจุดประสงค์ที่จะเข้าหาเขาเพื่อสานสัมพันธ์จากครั้งเก่า เพราะก่อนหน้านั้นเพื่อช่วยตัดปัญหาให้พี่ใหญ่และน้องเล็กในคราเดียวกันเขาจึงเข้าหาจินเยว่ชิงจนนางเปลี่ยนใจมาหาเขา ในครานั้นเขายังไม่มีใครในใจเขาจึงบอกนางไปว่าจะให้โอกาสนางได้ปรับปรุงตัว นั่นจึงกลายเป็นคำสัญญาระหว่างเขากับนาง“ความผิดของเจ้าหรือ?” ฟงซือหลางถามบุตรชายคนรองด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ในความคิดของบุตรชายหาใช่ความผิดอันใดไม่“ย่อมเป็นความผิดของข้า” เส้นเสียงทุ้มห้าวกล่าวหนักแน่น “หากกาลก่อนในวันนั้นข้ามิได้เข้าหาท่านหญิง นางคงไม่กล้าเข้ามาหาข้าจนเกิดเรื่องขึ้นในวันนี้และลี่เหมยก็คงไม่หึงหวงข้าถึงปานนั้น” สองผู้เฒ่าที่นั่งยังเก้าอี้ประธานในห้องโถงหันมองหน้ากันไปมาฟงชินหยางและห
หลี่ลี่เหมยถึงกับหน้าม้านเนื้อตัวสั่นเทา นางกำลังขลาดเขลากับเรื่องอย่างนี้ บิดามารดาสอนสั่งนางมาอย่างดีถึงการรักตัวถนอมกายเพื่อสามีที่ต้องร่วมพิธีมงคลแค่เพียงหนึ่งคนเท่านั้น ฟงจินหมิงนั่งนิ่งจ้องมองหลี่ลี่เหมยที่พยายามดึงสาบเสื้อขึ้นปิดเรือนร่างอย่างยากลำบาก ฝ่ามือน้อยๆ ของนางสั่นระริก ใบหน้าของนางแดงก่ำทั่วทั้งใบหูและลำคอ ริมฝีปากที่เคยเก่งกาจกำลังเม้มแน่น ดวงตาที่เคยดุร้ายกลับทอประกายเฉกเช่นเด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสาและไม่ประสาต่อโลกหล้า เขาจึงรับรู้ได้ไม่ยาก เขาถึงกับรู้สึกผิดคาดเมื่อได้เห็นอย่างนั้น “เจ้าเป็นสตรีที่เคยมีคู่หมั้นแล้วจริงหรือ ทำท่าเหมือนสตรีอ่อนต่อโลกกระนั้น” เขาถามเชิงเย้ามิได้ต้องการคำตอบหรือมีความหมายอื่นซ่อนเร้น ขณะถามยังช่วยนางจัดสาบเสื้อให้เข้าที่ เพราะดูมือน้อยๆ ของนางที่สั่นมากหนักหนา แล้วคงใส่เสื้อไม่เสร็จง่ายๆ เป็นแน่อีกอย่างเขาเป็นคนถอดเองกับมือ ย่อมต้องใส่คืนให้นาง!หลี่ลี่เหมยถลึงตาคมดุฟาดใส่ฟงจินหมิงอย่างอับอายยิ่งกว่าเดิม หากแต่ยังปล่อยให้เขาช่วยใส่เสื้อให้เหมือนที่นางเคยจำได้รางเลือน เขาเคยถอดและใส่ให้นางมาแล้ว “ข้ามีคู่หมั้นตั้งแต่ลืมตาเกิดม
หลี่ลี่เหมยยิ่งสะดุ้งเฮือกๆ บิดตัวเร่าๆ ตามจังหวะการตวัดปลายลิ้นของชายหนุ่มเหนือร่างและฝ่ามืออีกข้างของเขาอีกครั้งที่หญิงสาวต้องหลับตาพริ้มเมื่อถูกใครบางคนละเลียดชิมผิวเนื้อนวลนาง “ไม่นะ...พอแล้ว...” เสียงหวานเหลือเกินที่เอ่ยห้ามปรามหากแต่งงานกันแล้วนางจะไม่ห้ามสักคำ แต่เหตุไฉนนางถึงผลักเขาไม่ออก ห้ามเขาไม่ได้กัน“จินหมิง...” เสียงนางเริ่มเพี้ยน“พอแล้ว...” เริ่มสั่นแล้วลากยาว“อืม...” เริ่มครางเลยทีเดียวใจชายในอกแกร่งยิ่งเต้นระส่ำรุนแรงเมื่อได้ยินน้ำเสียงแว่วหวานผิดจากยามปกติที่มักจะแหลมสูงเสียดแทงแก้วหูร่างงามของนาง เขาเห็นมาแล้วทุกสัดส่วน สัมผัสนางมาแล้วทุกซอกทุกมุมในเวลาหลายวันที่ก้นเหวนั่น เขาทั้งกอดทั้งปลอบประโลมเช็ดเนื้อเช็ดตัวดูแลนางไม่ห่างกาย กระทั่งนางกลับมาจากนิทราคล้ายตายจาก แล้วหายใจได้เป็นปกติเขาดูแลนางจนกระทั่งนางกลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหลังจากนางไร้สติอยู่หลายวัน ฟงจินหมิงพยายามอีกครั้งอย่างยากลำบากเพื่อจะถอนริมฝีปากออกมาจากรสชาติอันโอชาของเนื้อนวลนางเขาค่อยๆ ถอนฝ่ามือออกจากร่างนวลนุ่มนิ่มเขาพยายามเหลือเกิน พยายามอย่างสุดชีวิต“เจ้า...” ในที่สุดเขาก็ถอนร
“ไม่นะ หยุดนะ”น้ำเสียงของหลี่ลี่เหมยที่เคยแหลมสูง ทว่าบัดนี้กลับหวานต่ำสั่นพร่ายิ่งนัก นางกำลังจะพ่ายแพ้ให้แก่บุรุษที่นางพึงใจ หากแต่ริมฝีปากแดงระเรื่อของนางรีบออกปากห้ามในทันทีทันใดเมื่อได้รับอิสระจากริมฝีปากร้อนชื้นของเขาฟงจินหมิงถอนริมฝีปากของเขาออกจากนางใต้ร่างอย่างยากลำบากแต่ท้ายที่สุดเขาก็สามารถทำได้ เขาเอ่ยเสียงพร่าพร้อมลมหายใจร้อนกรุ่นอยู่ใกล้แก้มนาง “เจ้าบอกว่าชอบข้ามิใช่หรือ” จบคำเพียงยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจมากเสน่ห์เหลือร้าย “นี่คือคำตอบจากข้า”“ท่าน!” หลี่ลี่เหมยคำรามได้แค่นั้นด้วยดวงตาที่พยายามจ้องถลึงแต่กลับกลายเป็นจ้องมองอย่างฉ่ำหวานเสียเหลือเกิน“ทำไม?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างยียวนหญิงสาวยิ่งหน้าแดงปานเลือดซึม “ข้าชอบท่านแต่ท่านไม่ชอบข้า” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “เราควรเป็นพี่น้องกัน”“ไม่มีทาง” เขาเปล่งเสียงดังก่อนก้มหน้าลงหอมแก้มนางหลี่ลี่เหมยพลันเบิกตากว้างเมื่อแก้มถูกหอมฟอดใหญ่ฟงจินหมิงยิ่งนึกขัน “มีพี่น้องที่ใดทำแบบนี้บ้าง” จบคำก็ก้มหน้าลงต่ำหอมแก้มนางอีกที อีกทีและอีกที สลับซ้ายขวา สตรีใต้ร่างยิ่งอ้าปากค้างกะพริบตาตัวเกร็งชายหนุ่มถึงกับ
ความซ่านเสียวเริ่มหลั่งไหลคล้ายสายธาราเชี่ยวกรากกลางภูผาสูงชัน ความรู้สึกยามถูกริมฝีปากดูดกลืนแทรกซึมปานถูกฟาดด้วยสายฟ้าที่มีกระแสสังหาร หลี่ลี่เหมยทำได้เพียงหลับตาแน่นทั้งๆ ที่เร่าร้อนและรุนแรงทรงพลังปานนั้นแต่กลับให้ความรู้สึกนุ่มลื่นหอมหวานจนร่างของนางสั่นสะท้านไปหมดฝ่ามือใหญ่หนาเริ่มเคลื่อนที่แบบไร้ทิศทาง เขาลากผ่านเรียวนิ้วแกร่งไปทั่วทั้งเรือนร่างนุ่มนิ่ม ทั้งแต่ไหล่กลมมนจนกระทั่งถึงบั้นท้ายกลมกลึง ถึงแม้จะมีเสื้อผ้ากางกั้นแต่ความร้อนเร่ากลับแผ่ซ่านทะลุทะลวง หลี่ลี่เหมยเริ่มบิดตัวเร่าๆอา...นางกำลังถูกสูบจิตวิญญาณเขากำลังจะขืนใจนางรึ?ไม่นะ!หลี่ลี่เหมยรีบร้องปรามในใจ แต่ทว่านางทำได้แค่นั้น นางห้ามเขาแบบไร้เสียงเพราะทั้งริมฝีปากและลิ้นน้อยๆ ของนางถูกพันธนาการพัลวันโดยริมฝีปากและลิ้นสากของคนตัวใหญ่เหนือร่างนางหญิงสาวดิ้นรนภายใต้อ้อมอกอบอุ่นที่นางชื่นชอบ นางพยายามเบี่ยงใบหน้าออกจากพันธนาการที่ถูกดูดดันลึกล้ำจากเขา คนที่นางพึงใจ แต่ก็หาได้เป็นผลอันใดไม่นางยังคงถูกเขาดูดกลืนสูบพลังงานเขากำลังลงทัณฑ์นาง...ไม่นะ! นางไม่ยอม...หากเขาจักทำนาง ก็ควรทำนางดีๆ ทำเบาๆ ค่อยๆ ได้เส
เมื่อซินหรูคิดมาถึงตรงนี้จึงส่งสายตาวาวโรจน์สายหนึ่งส่งให้สามีข้างกาย นางกำลังระลึกถึงเหตุการณ์วุ่นวายในอดีตที่สามีของนางเกือบพลาดพลั้งให้กับมารยาของสตรีงดงามนางหนึ่งบุรุษนั้นต่อให้แข็งแกร่งปานหินผาปานใดยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่สตรีเจ้ามารยาที่ขยันมาร่ายมนต์ใส่เช้าสายบ่ายเย็น ฟงซือหลางเข้าใจสายตาของภรรยาได้ไม่ยาก เขาถึงกับเสียวสันหลังวาบๆ เม็ดเหงื่อเย็นเกิดไหลซึม เขามีชนิกติดหลังเกี่ยวกับสตรีงดงามนางหนึ่งที่มักจะมาออดอ้อนโปรยเสน่ห์ยามเมื่อเขาห่างไกลภรรยาฟงชินหยางผู้ซึ่งรับรู้เรื่องราวของบิดามารดาในอดีตกาลมาโดยตลอดจึงเอ่ย “ท่านพ่อ ท่านแม่ โปรดใจเย็น” เขาอยากจะบอกว่า พวกท่านกำลังนอกเรื่องแล้วขอรับหลิงเวยเอียงหน้าน้อยๆ ช่วยวิเคราะห์ตามประสาสายตาของคนนอกที่กำลังมองคู่รักคู่ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น“ข้าคิดว่าท่านหญิงคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปแน่ๆ ด้วยนิสัยใจคอของนางที่ถือดีในตนเองเป็นอย่างมากและถือดีในอำนาจของตนไม่ยิ่งหย่อนและยิ่งถูกทำให้อับอายต่อหน้าบุรุษด้วยแล้ว เรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆ เป็นแน่ ลี่เหมยอาจจะตกอยู่ในอันตราย ข้าเกรงว่าท่านหญิงต้องการเอาคืนลี่เหมยด้วยการใช้อำนาจในทางที่มิชอบ”