LOGIN
"ว้าว ชอบจังเวลาคุณพูดให้ฉันเข้าใจ"
"ผมหล่อมากใช่ไหม? รักผมคนเดียวซิ ผมยอมตกเป็นทาสคุณไปตลอดชีวิตดีไหม?" มิรินเกือบจะสำลักกอาหารออกมา ไม่คิดว่าไช่อิงเหวินจะยิงมุกตรงท่ามกลาง ผู้คนมากมายที่นั่งทานอาหารได้อย่างหน้าตาเฉย มิรินรีบคว้าแขนเขา เดินออกไปจากตรงนี้ ด้วยความเขินอาย ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งเธอขึ้นไปอีก จุ๊บ! ไช่อิงเหวิน หอมแก้มกลม สัมผัสถึงกลิ่นหอมละมุนต่อหน้าผู้คนในงาน ซึ่งการแสดงความรักของหนุ่มสาวมักเจอปล่อยในช่วงเทศกาลลอยโคมไฟ ถือว่าเป็นเรื่องปกติโดยปริยายของผู้คนที่นี่ "รอตรงนี้นะ เดี๋ยวผมมา" "อืม" มิรินหลบตาเขาอย่างเขินอาย ไช่อิงเหวินหายเข้าไปยังกลุ่มคนมากมาย ก่อนจะกลับออกมาด้วยโคมไฟขนาดใหญ่ ที่จุดแสงสว่างไฟเรียบร้อย พอให้เห็นอักษรที่สลักไว้ในตัวโคมไฟได้อย่างชัดเจน 'ไช่อิงเหวินรักมิริน' มิรินยิ้มกว้างอย่างสดใส ก่อนจะวิ่งไปยังไช่อิงเหวิน ถือโคมไฟคู่กันเหมือนคู่อื่นๆ โคมไฟถูกปล่อยขึ้นสู่ฟ้ากว้างพร้อมกัน ทุกคนต่างชื่นชมความงดงามของการลอยโคมไฟท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม สนุกกับกิจกรรมของพื้นเมือง มันช่างน่าอัศจรรย์อย่างอลังการ "ชอบไหม" เขาถามขึ้นในระหว่างทางที่เดินมาส่งเธอกลับห้องพัก "ชอบสิ สนุกมากเลย ขอบคุณค่ะ" "ไม่ใช่ หมายถึงผม" "เป็นอะไรเนี่ย อืม..." ไช่อิงเหวินได้ยินดังนั้นตาลุกวาวเปล่งประกายก่อนจะทิ้งจักรยานลง เพื่อคว้ารางบางโอบกอดไว้อย่างแน่น "ไช่อิงเหวิน นายปั่นหัวฉันแล้วใช่ไหม? นายลืมไปแล้วเหรอว่าฉันกำลังจะแต่งงาน" ไช่อิงเหวินไม่เพียงไม่ตอบคำถาม แต่กลับโอบร่างบาง ก่อนส่งจูบอันดูดดื่ม อย่างสุดจะทนอีกต่อไป ดวงตาคู่สวยเบิกโต ไม่คิดว่าเขาจะอย่างนี้กับตน "ยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าผมมาที่นี่เพื่ออะไร?" น้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้อีกคนหวั่นไหว แต่มิรินยังคงพยายามขัดขืนเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของเขา "ปล่อยนะ! แล้วไง" "คนที่คุณแต่งงานด้วยต้องเป็นผมเท่านั้น!" "เอ๊ะ!! มีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่ง..." "สิทธิ์ของความเป็นสามีไง!" ไช่อิงเหวินพูดขึ้นด้วยความร้อนรุ่ม หมดกันความโรแมนติกที่เขาตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อเธอ "นี่แนะๆ" กำปั้นน้อยทุบเข้าแผ่นหลังกว้างของเขาอย่างต่อเนื่อง ไช่อิงเหวิน ขบกรามแน่น ก่อนจะอุ้มร่างบางมายังห้องนอนของตน "ถ้ายังไม่หยุด ผมจะสิบแปดบวกกับคุณตรงนี้เลย" น้ำเสียงเย็นชาฟังดูจริงจังใช้ได้ผล อย่างที่คิด "...." มิรินหยุดนิ่งลงอย่างง่ายดาย แม้ว่าในใจไช่อิงเหวินจะแอบเสียดายเล็กน้อย ที่ไม่เผด็จศึกเธอในคืนนี้ "ดึกแล้ว นอนบ้านผมก่อนละกัน พรุ่งนี้ค่อยผมไปส่ง เข้าใจ!" "อืม..." เธอตอบปากรับคำอย่างดี คงเป็นเพราะไช่อิงเหวินเป็นคนพูดจริงทำจริง หากดื้อดึงต่อไปเธอคงถูกเขาขย้ำให้แหลกแน่นอน2 ปีผ่านไปทุกอย่างยังคงผ่านไปตามกาลเวลา แม้ว่าความรู้สึกนั้นจะคงเป็นเช่นเดิมก็ตาม นานเท่าไหร่แล้วที่มิรินยังคงยุ่งอยู่กับการทำงาน ไม่ใช่ในบริษัททางเคมีชื่อดัง หรือบริษัทชั้นนำของประเทศ แต่กับเป็นรั้งมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศ "อาจารย์ค่ะ หนูมีเรื่องอยากจะปรึกษาค่ะ""ได้สิ! เรื่องอะไรเหรอ อาจารย์ยินดีเสมอ.." รอยยิ้มอันอบอุ่นของเธอทำให้นักศึกษาหญิงคลายความกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด การเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา สามารถทดแทนสิ่งที่พยายามซ่อนไว้ได้เป็นอย่างดี "อาจารย์มิรินนี่ สอนภาษาจีนได้ดีมากเลยนะคะ แถมไม่เคยปริปากบ่น ว่าเหนื่อยกับนักศึกษาเลย" หญิงวัยกลางคืนเอ่ยขึ้น ด้วยความจริงใจ" ทำไมต้องบ่น ต้องเหนื่อยด้วยละค่ะ ถ้าอาจารย์มิรินเป็นอย่างว่า มิรินคงเรียนจบมาไม่ได้หรอกค่ะ" มิรินยิ้มตอบอย่างสุภาพ ตั้งแต่บทเรียนในครั้งนั้น เธอจึงตั้งใจว่า จะไม่จมอยู่กับอดีต ทิ้งมันไว้ข้างหลัง แม้ว่าจะยากแค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยยังมีข้อดีที่ได้ไปเรียนไต้หวัน จึงตัดสินใจ เขาสอบเพื่อเป็นอาจารย์สอนภาษาจีนในมหาวิทยาลัย โดยมีครอบครัวคอยสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ "แม่ค่ะ วันนี้รินตรวจข้อสอบ กลับดึกตามเคย แม่ไม่ต้องรอนะค
"จบแล้วโว้ย!!" เสียงตะโกนด้วยความดีใจของเฉิงทำให้รู้ว่างานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ขอเพียงจบลงด้วยดี มันถึงจะเป็นความทรงจำที่คุ้มค่า และน่าจดจำไปตลอดชีวิต"เฮ้..มาถ่ายภาพกัน?" เจียอีที่โบกมือไปมาให้ ไม่นานฉัน ไช่อิงเหวิน เฉิง และเจียอี เราถูกบันทึกไว้เป็นภาพถ่าย รอยยิ้มนั้นยังคงแสดงมิตรภาพที่ดีต่อกันตราบนานเท่านาน ดวงตากลมสวยกระตุกเล็กน้อย เมื่อเพ่งมองภาพถ่ายใกล้ๆ อย่างละเอียด มันสายไปไหม ที่ฉันเพิ่งมองเห็นแววตาอันว่างเปล่าของไช่อิงเหวินตอนนี้"เฉิง ไช่อิงเหวินอยู่ไหนเหรอ?""อ๋อ...คงไปพบอาจารย์มั้ง!""เอ๊ะทำไมล่ะ?""เธอยังไม่รู้หรือว่า ไช่อิงเหวินสอบชิงทุนไปเรียนปริญญาโทได้นะ" แววตาของเจียอี ลุกวาวอย่างแปลกใจ พอๆ กับฉันที่แทบจะล้มทั้งยืน คบกันมาตั้งนาน เธอคิดว่ารู้เรื่องเขาทั้งหมด ไม่มีปิดบังซ่อนเร้นต่อกัน แต่เปล่าเลยเขากลับแอบสอบเพื่ออะไรกัน "อึก! เพราะอะไรกัน?"เหมือนมีดแทงลงกลางใจ หายใจติดขัดขึ้นมา"มิริน เราคิดว่าไช่อิงเหวินพูดกับเธอแล้ว!" เฉิงเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างรู้สึกผิด"พวกนายยังรู้..อึก! แต่เขากลับไม่บอกอะไรฉันเลย อึก! " น้ำเสียงที่สั่นเครือถูกเปล่งออกมาพร้อมความสับสน และค
นับจากวันนั้น เฉิงไม่เคยปรากฏตัวในคาบเรียนอีกเลย แม้ว่า ไช่อิงเหวิน เจียอี และมิริน จะวีแชทหาเขาก็ไร้ซึ่งการตอบกลับมา ทุกอย่างมืดแปดด้าน เพราะพวกเขากังวลว่า เฉิงจะคิดทำร้ายตนเอง ตลอดชีวิตของเฉิง หากตนได้หมายปองหญิงสาวแล้ว ไม่เคยผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ครั้งนี้เขาจริงจังกับมิรินถึงขั้นวาดฝันเรื่องแต่งงานไว้ล่วงหน้า แม้จะดูเหมือนเป็นคนเจ้าชู้ แต่ไช่อิงเหวินรู้ดีว่าเพื่อนตนไร้เดียงสากว่าภาพลักษณ์ ถึงจะคบหาหญิงสาวมากมายแต่ก็ไม่เคยล่วงเกินพวกเธอเลย ไช่อิงเหวิน และมิริน ยืนอยู่หน้าห้องหมายเลข 609 ที่เต็มไปด้วยกล่องพัสดุมากมายวางไว้ บ่งบอกว่าห้องนี้ไร้ผู้อาศัยมานานแล้ว 'ก๊อก ก๊อก ก๊อก'"เฉิง เฉิง นายอยู่หรือเปล่า ฉันไช่อิงเหวิน เปิดประตูหน่อย""ดูจากของพวกนี้แล้ว เขาไม่อยู่ที่นี่นานแล้วค่ะ" มิรินกุมมือเขาไว้เพื่อปลอบโยน ทำให้ไช่อิงเหวิน คลายความกังวลเล็กน้อย "ยังมีอีกที่หนึ่ง ผมว่าเฉิงน่าจะอยู่ที่นั่น!" แววตาดูจริงจังของไช่อิงเหวิน ทำให้มิรินพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แม้ภายในใจจะแอบคิดว่าตนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เฉิงเป็นแบบนี้ เมื่อนึกย้อนไปก่อนหน้านั้น เฉิงยิ้มร่าพร้อมดอกไม้ช่อใหญ่
กริ๊ง กริ๊ง เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ผู้เป็นแม่รีบวางมือจากโต๊ะอาหาร มุ่งตรงไปเปิดประตูด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชุดสวย ลายดอกไม้สีชมพู ที่แม่เคยซื้อเก็บไว้ แถมยังพกติดตัวไปทุกที่ ราวกับเป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้ ในที่สุดก็ได้สวมใส่ดั่งใจหวัง"สวัสดีค่ะ ฉันเฟยหรง แม่ไช่อิงเหวิน ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ" น้ำเสียงนุ่มนวลกล่าวทักทายสตรีเบื้องหน้าตน ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน "ไม่เลยค่ะ คุณสวยจังเลย" แม่ฉันยิ่งปลื้มใจในความสวยเป็นธรรมชาติของเธอ "คุณก็สวยมากค่ะ" เธอตอบแก้เขิน ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ราวกับเป็นเด็กสาว"เชิญคะๆ เราเตรียมอาหารดีๆ ไว้ต้อนรับคุณโดยเฉพาะ""เอ๊ะ! ขอบคุณมาก ฉันเองก็เตรียมราเม็งรสเด็ดของร้านมาให้ลองทานด้วยเหมือนกัน " เธอยิ้มสวยวางกล่องราเม็งร้อนๆ ที่ห่อหุ้มด้วยผ้าสีสันสดใสลงบนโต๊ะอาหารอย่างประณีต ไช่อิงเหวินดึงเก้าอี้ออกเพื่อให้แม่นั่งใกล้ตน เฟยหรงเหลือบมองลูกชายด้วยความรู้สึกปลื้มใจ บทสนทนาเริ่มขึ้น ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ค่ำคืนนี้มีเพียงเสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องไปทั่ว ไช่อิงเหวินจ้องมองมิรินยิ้มแก้มปริ อย่างสุขสมใจปรารถนา แต่แววตาเขาดูกังวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะก
ความเงียบนั้นหนาวสะท้านไปทั้งตัว คนทั้งคู่นั่งคุกเข่าอย่างสงบนิ่ง ต่อหน้าก้องภพ และหลิน ที่จ้องดูคนทั้งคู่ด้วยความรู้สึกมากมายที่อยากจะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ โดยเฉพาะก้องภพที่รู้สึกผิดหวังกับลูกสาว แม้ว่าการคบหาดูใจกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของหนุ่มสาวสมัยนี้ แต่สำหรับตนผู้ที่กังวลใจว่าผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าของเขาเป็นอย่างไร ถึงเข้ามาในชีวิตลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตนเองได้ หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง หากเป็นเช่นนั้น ผู้นำครอบครัวเช่นเขา ไม่มีทางให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกๆ เป็นแน่ "นาย..." เสียงทุ้มใหญ่ทำให้ชายหนุ่มขยับตัวเล็กอย่างนอบน้อมถ่อมตน"ชื่อไช่อิงเหวิน ครับ" ความสงบนิ่งอย่างใจเย็นของชายหนุ่ม ทำให้ผู้เป็นพ่อลังเลเล็กน้อย "ตามฉันมา""พ่อค่ะ!""เงียบ..คุยกับแม่ไป เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างลูกผู้ชาย" สีหน้าและท่าทางที่จริงจังของพ่อ มิรินส่งแววตาเว้าวอนให้พ่อเมตตาไช่อิงเหวิน สักนิด"แม่ไม่ติดขัดอะไรหรอกนะ! แค่ความหล่อเหลาของเขาก็ชนะใจแม่แล้ว อิอิ""แม่!!" มิรินโอบกอดแม่อย่างสุขใจ คลายความกังวลลงไปอีกขั้นหนึ่ง หลินเองก็เบื่อการปั้นหน้าเมื่ออยู่ต่อหน้าสามี เธอยิ้
ไช่อิงเหวินมีแผนว่าจะพาฉันนั่งกระเช้าคริสทัลชมวิวไร่ชาที่เมาคง เราทั้งคู่เดินทางด้วยรถไฟใช้เวลานานมากจนพลบค่ำ กว่าจะถึงที่หมาย จึงต้องหาที่พักเพื่อค้างคืนกันเสียก่อน เพื่อภารกิจในวันใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนฝัน ฉันแทบจะเป็นเจ้าหญิงของเขา ทุกเรื่องราวของฉันอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา ช่างมีความสุขเหลือเกิน กริ๊ง...กริ๊ง...กริ๊งเสียงนาฬิกาปลุกมือถือดังขึ้น ตอนเจ็ดโมงเช้า พบว่าไช่อิงเหวินนั่งอ่านหนังสือตรงระเบียงห้องพักสีหน้าที่ดูจริงจัง มาพร้อมความหล่อเหลาสงบสุขุมราวกับสายน้ำ ดูมีเสน่ห์มากมายจนฉันแอบสงสัยไม่ได้ว่า เขาคนนี้คือ ผู้ชายของฉันจริงๆ "มองแบบนี้.. ผมขึ้นเตียงอีกครั้งดีไหม" แม้น้ำเสียงจะดูเรียบเฉย แต่นัยน์ตาที่เปล่งประกายฉายความต้องการ ทำเอาฉันเก็บทรงไม่อยู่จนได้ "เอ๊ะ! สายแล้ว"ฉันรีบลุกจากที่นอน อาบน้ำ และจัดธุระส่วนตัวเหมือนที่เคยทำ จะว่าไปตั้งแต่ครั้งนั้นเขาก็ไม่เคยล่วงเกินฉันอีกเลย คงเป็นเพราะเหนื่อยล้าจากการทำงานวิจัย อย่างน้อยไช่อิงเหวินก็ค่อยสนับสนุนฉันในเรื่องที่ฉันต้องการ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเรามุ่งตรงไปตามเส้นทางที่มีผู้คนพลุกพล่าน เพราะเป็นตลาดนัดในไทเป รวบร







