Home / รักโบราณ / ลมหายใจจอมยุทธ์ / บทที่ 6 ประตูเลือดของหุบเขาหยกขาว

Share

บทที่ 6 ประตูเลือดของหุบเขาหยกขาว

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-07-08 20:21:14

เสียงกระทบพื้นเบา ๆ ของเงาร่างในชุดดำสามคนดังก้องอยู่ทั่วแนวหุบเขา ลมหายใจของพวกมันมิใช่เพียงผิดจังหวะกับธรรมชาติ แต่ยังส่งแรงกดดันที่บีบรัดเหมือนเชือกรัดคอ

หลัวซิงยืนนิ่ง ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน ดวงตาคมจับจ้องชายคนกลางซึ่งร่างสูงใหญ่กว่าใคร แม้ใบหน้าถูกปิดด้วยหน้ากากครึ่งซีก แต่แววตากลับเผยความรู้จักบางอย่างที่หลัวซิงไม่คาดคิด

“พวกเจ้าคือศิษย์ของ ‘เหยี่ยวนิล’ งั้นหรือ?”

คนกลางยกมือขึ้นวางบนด้ามกระบี่ ร่างไม่ไหวติงแต่แรงลมหายใจกลับทวีขึ้นทุกลมหายใจ

“เรามาเพื่อพาตัวเด็กคนนั้นกลับไป” เสียงของมันแหบพร่า

“เขาคือ ‘ภาชนะ’ ที่พวกเราตามหามานาน”

หยางเหวินก้าวออกไปข้างหน้าโดยไม่รอให้หลัวซิงกล่าวสิ่งใด ลมหายใจของเขาส่งแรงสะเทือนบางเบาออกไปปะทะพลังของอีกฝ่าย

“ข้าไม่ใช่ภาชนะของผู้ใดทั้งสิ้น” เขากล่าวเสียงหนักแน่น

ไป๋หรูอวิ๋นจับพิณแน่นขึ้นเล็กน้อย ก้าวมายืนข้างเขา นางยังไม่พูด แต่ลมหายใจเริ่มเข้าจังหวะพร้อมกัน

หลัวซิงเอ่ยเบา ๆ จากด้านหลัง

“เจ้าไม่จำเป็นต้องชนะ เพียงแค่ไม่ปล่อยให้ใครกลืนลมหายใจของเจ้าไปก็พอ”

จากนั้น เงาร่างของศัตรูก็พุ่งเข้ามารวดเร็วอย่างไร้เสียง ศัตรูในหน้ากากดำพุ่งเข้าหาหยางเหวินด้วยความเร็วเหนือสายตา ฝ่ามือของมันแผ่แรงลมปราณเป็นเส้นบางเหมือนเสี้ยวกระบี่ ลมหายใจของมันเร็วและแรงราวหมื่นลูกธนูที่ถูกยิงพร้อมกัน

หยางเหวินไม่ขยับ แต่ลมหายใจของเขาเปลี่ยนเป็นจังหวะถี่สั้นชั่วขณะ เพื่อรับแรงกระแทกก่อนจะเปลี่ยนเป็นยาวลึก ผลักพลังออกไปคล้ายกับทะเลที่ซัดคลื่นกลับ

เสียงระเบิดอากาศดังสนั่น ร่างของเขาถูกดันถอยหลังไปสามก้าว แต่ยังคงยืดตัวมั่นคง

“ดี” ศัตรูเอ่ย “เจ้าควบคุมมันได้จริง ๆ”

“ข้ายังไม่ควบคุมมัน ข้าเพียงฟังมัน”

หยางเหวินตอบเสียงเรียบ ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึก พริบตานั้น คลื่นพลังจากปลายเท้าของเขากระจายลงสู่พื้น กระแทกหินใต้ฝ่าเท้าแตกเป็นรอยแยกเล็ก ๆ

เสียงพิณดังขึ้นหนึ่งห้วงจากเบื้องหลัง

“ติง”

เป็นไป๋หรูอวิ๋น นางยกพิณขึ้นบนตัก ปลายนิ้วสะบัดผ่านสายพิณอย่างแผ่วเบา เสียงแรกนั้นมิใช่เพียงดนตรี แต่คือสัญญาณของการประสานลมหายใจ

ศัตรูอีกสองคนแยกตัวโอบล้อม ด้านหนึ่งพุ่งเข้าหาไป๋หรูอวิ๋น อีกคนยกกระบี่หมายสกัดหลัวซิง

แต่หลัวซิงยังยืนนิ่ง เขาหายใจเพียงหนึ่งครั้ง กระบี่ไม้ไผ่ที่ปักอยู่บนผนังบ้านลอยออกจากฝัก พุ่งเข้าใส่ศัตรูด้วยแรงอัดที่ไร้ผู้ใดหยิบจับ

“เพียงลมหายใจก็เพียงพอ หากเจ้ารู้ว่าใช้มันอย่างไร”

ขณะเดียวกัน ไป๋หรูอวิ๋นดีดพิณอีกหนึ่งครั้ง เสียงพิณผสานลมหายใจที่สั่นไหวส่งแรงคลื่นบาง ๆ กระแทกศัตรูตรงหน้าจนร่างมันหยุดชะงักกลางอากาศ

หยางเหวินอาศัยจังหวะนั้น เข้าประชิดศัตรูคนแรกด้วยฝีเท้าที่ไม่ส่งเสียง ลมหายใจของเขาหยุดลงเพียงชั่วอึดใจ แล้วปล่อยพลังออกเหมือนการระเบิดเงียบ

“ฟึบ!”

เงาร่างของศัตรูถูกแรงอัดกระแทกกระเด็นกระแทกต้นไม้เสียงดังสนั่น ก่อนสลายหายไปเป็นเงาควัน

“ร่างแยก” หยางเหวินเอ่ยเบา ๆ

“ศัตรูตัวจริง ยังไม่เผยตัว” หลัวซิงกล่าวขณะมองขอบฟ้าที่เริ่มคลุ้มอีกครั้ง

เสียงลมหายใจหนึ่งดังขึ้นจากยอดไม้ด้านบน มั่นคง หนักแน่น แต่แฝงด้วยกลิ่นอายโลหิต และจากเงาทึบของพุ่มไม้ เงาร่างสูงในชุดคลุมสีแดงเลือดก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวพร้อมกับคำพูดเพียงประโยคเดียว

“ภาชนะ ในที่สุด เจ้าก็ตื่นแล้ว”

เงาร่างในชุดคลุมสีแดงเลือดก้าวออกจากเงาไม้ช้า ๆ แสงแดดอ่อนที่ลอดผ่านกิ่งไม้สะท้อนให้เห็นชายเส้นผมยาวประบ่า ร่างสูงสง่าเกินสามัญยุทธ์ แต่สิ่งที่น่าพรั่นพรึงที่สุดคือดวงตาของเขา สีเทาเข้มราวหมอกในหุบเหว สงบนิ่ง แต่ลึกสุดคือเงาแห่งความคลั่ง

หลัวซิงจ้องเขาเขม็ง สีหน้าแปรเปลี่ยนช้า ๆ

“ซ่างจื่ออวี้”

ไป๋หรูอวิ๋นสะดุ้ง นางหันมามองหลัวซิงด้วยแววตาตกใจเป็นครั้งแรก

“ท่านรู้จักเขาหรือ?”

หลัวซิงพยักหน้าเบา ๆ “เขาเคยเป็นศิษย์พี่ของข้า เคยเป็นผู้ฝึกคัมภีร์กลับด้านก่อนข้า”

ซ่างจื่ออวี้หัวเราะเบา ๆ เสียงหัวเราะของเขาไม่ได้ดังกังวาน แต่กลับเย็นเยียบ

“ข้าคือผู้ที่สวรรค์ไม่รับ ยุทธภพไม่เอ่ยถึง และอาจารย์ไม่กล้าเอ่ยนาม”

หยางเหวินก้าวออกมาเผชิญหน้า ลมหายใจของเขาเริ่มหมุนวนรอบตัวโดยไร้การบังคับ เขาไม่รู้จักชายผู้นี้ แต่ทุกอณูในร่างกลับสั่นสะเทือนราวกับกำลังเผชิญหน้ากับ ‘เงาของตนเอง’

“เจ้าต้องการอะไรจากข้า?”

ซ่างจื่ออวี้ยิ้ม “ข้าเคยเป็นผู้ถือครองพลังของคัมภีร์นี้ แต่ข้าไปไม่ถึงปลายทาง เพราะข้าขาดสิ่งหนึ่ง ร่างภายในที่รองรับเสียงของทุกลมหายใจในใต้หล้า”

เขาชี้มาที่หยางเหวิน “และเจ้า ก็คือร่างนั้น”

ไป๋หรูอวิ๋นก้าวมายืนข้างหยางเหวิน ลมหายใจของนางสะท้อนเสียงพิณในอกแม้ยังไม่แตะสาย

“เขาไม่ใช่ของใคร” นางเอ่ยช้า ๆ

ซ่างจื่ออวี้ยิ้มแค่นเสียง “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าเสียงลมหายใจของเขาเป็นของเขาเองหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า ทุกครั้งที่เขาหายใจเข้า มีหนึ่งเสียงที่ดับไปจากใต้หล้านี้?”

หยางเหวินรู้สึกหัวใจเต้นแรง ลมหายใจในอกพลันแปรปรวน เขาไม่แน่ใจว่าคำพูดนั้นจริงหรือหลอก แต่ในห้วงหนึ่งของสำนึก เขาเคยเห็นภาพของเงาไร้เสียงที่แตกดับในยามเขาหายใจ

ซ่างจื่ออวี้เดินเข้ามาใกล้อีกก้าว “มาเถิด ร่วมกับข้า เจ้าจะเป็นมากกว่าภาชนะ เจ้าจะเป็นเสียงสุดท้ายที่ใต้หล้าต้องยอมรับ”

หลัวซิงกล่าวเสียงเข้มทันที “เจ้าอย่าหวังใช้วิชาเก่ามาผูกพันเด็กผู้นี้!”

เสียงของเขาแผ่พลังคลื่นลมหายใจดันซ่างจื่ออวี้ให้ถอยหลังหนึ่งก้าว แต่ชายผู้นั้นกลับหัวเราะเบา ๆ

“ข้าไม่ได้มาขอ แต่ข้ามาเลือก”

สายลมรอบเขากระเพื่อมราวกับเสียงคำราม และในพริบตา กระบี่สีดำที่เคยถูกผนึกไว้ใต้หุบเขาหยกขาวก็พุ่งขึ้นจากพื้น แหวกผืนดินเลือดเปิดทางเข้าสู่ประตูหินโบราณเบื้องหลัง

ประตูเลือดของหุบเขาหยกขาวได้เปิดออกอีกครั้ง เมื่อกระบี่สีดำพุ่งแทงพื้นหินกลางลานเสียงดังกึกก้อง เศษหินและไอเลือดลอยขึ้นเป็นม่านหมอกบาง ๆ รูปร่างของประตูโบราณขนาดมหึมา ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากใต้ผืนดิน เสาหินสองต้นที่สลักด้วยอักขระยุคโบราณหมุนวนรอบแกนตนเองช้า ๆ ส่องแสงแดงเรื่อ

ซ่างจื่ออวี้ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ ลมหายใจของเขาแผ่ออกเป็นวงกลมรอบตัว คล้ายกับสะกดพื้นที่ให้หยุดนิ่ง

“ประตูเลือดจะเปิดเพียงเมื่อมีผู้สืบทอดลมหายใจกลับด้านเท่านั้น และเจ้า หยางเหวิน คือผู้เปิดมันโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่คราแรกที่หายใจ”

หยางเหวินรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก ทุกจังหวะหายใจของเขากำลังสะท้อนเสียงจากประตูบานนั้น เหมือนมีกระจกสะท้อนพลังภายในตนกลับมาอย่างเกินควบคุม

“ข้าไม่ต้องการเปิดอะไรทั้งสิ้น!”

เสียงของเขาสั่น แต่มั่นคง ทันทีที่พูดจบ เขาปรับลมหายใจเข้าจังหวะ “ย้อนทวน” ที่หลัวซิงเคยสอน เพื่อลดการสะท้อนพลัง

ไป๋หรูอวิ๋นเริ่มดีดพิณ ร่ายทำนองที่ใช้สะกดความกลัว เสียงสายพิณถักทอเป็นระลอกน้ำใจกลางสายลมเลือดที่แผ่ปกคลุมรอบประตู หลัวซิงเดินก้าวออกไปหนึ่งก้าว กระบี่ไม้ไผ่ลอยขึ้นอีกครั้ง

“ซ่างจื่ออวี้ เจ้าคือผู้ที่ข้าละทิ้งความเป็นพี่น้องเพื่อปกป้องยุทธภพ และวันนี้ ข้าจะทำอีกครั้ง”

“เช่นนั้นเรามาทบทวนบทเรียนด้วยลมหายใจเถิด” ซ่างจื่ออวี้ตอบเบา ๆ

สองจอมยุทธ์เผชิญหน้ากัน ลมหายใจทั้งคู่ประสานและปะทะกันโดยไร้กระบี่ใดแตะต้อง แต่แรงอัดจากพลังของทั้งสองคนทำให้หินแตก ต้นไม้รอบบริเวณโค่นล้ม เสียงระเบิดจากคลื่นลมหายใจดังต่อเนื่อง

หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่วงนอก ทั้งสองมองการประลองที่ไม่ได้ใช้มือหรือกระบี่ แต่เป็นสงครามแห่งพลังภายใน

จู่ ๆ เสียงลมหายใจของซ่างจื่ออวี้ก็แปรเปลี่ยน มันไม่ได้เพียงสะท้อนพลังของเขา แต่เริ่มกลืนกินลมหายใจของสิ่งรอบตัว

หลัวซิงสีหน้าหนักแน่น เขาส่งเสียงกระซิบ “หยางเหวิน เจ้าต้องรีบไปที่ประตู ใช้ลมหายใจของเจ้าทำลายตราผนึกที่ซ่างจื่ออวี้เพิ่งเปิด มันยังไม่มั่นคง!”

หยางเหวินพยักหน้า เขาวิ่งฝ่าคลื่นพลังเข้าไปใกล้ประตูหิน พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกและปล่อยออกอย่างแรงเป็นเส้นตรง ทันใดนั้น อักขระบนเสาหินสว่างวาบ แสงแดงแปรเป็นขาว ก่อนแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยง

เสียงกรีดร้องของซ่างจื่ออวี้ดังขึ้นพร้อมไอเลือดที่พุ่งออกจากปากเขา

“เจ้ากล้าทำลายเส้นทางสู่ฟ้า”

ก่อนที่เขาจะกล่าวจบ หลัวซิงพุ่งเข้าด้วยแรงสุดท้าย ฝ่ามืออัดพลังทั้งหมดใส่กลางหน้าอกของซ่างจื่ออวี้

“ข้ายอมเป็นคนทรยศอีกครั้ง หากต้องแลกด้วยความสงบของยุทธภพ!”

ร่างของซ่างจื่ออวี้ปลิวกระแทกผาหิน หายไปในม่านหมอกเลือด ทุกอย่างก็เงียบลง แล้วเสียงลมหายใจของทั้งหุบเขาก็กลับมาเป็นปกติ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ 2 ในยามที่ลมหายใจสั่นไหว

    คืนหนึ่ง หยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นนั่งเคียงกันที่เรือนริมหน้าผา ยามค่ำคืนทาบเงาให้ทั่วผืนป่า และสายลมพัดเย็นจนเปลวเทียนบนโต๊ะกลางห้องสั่นไหวหยางเหวินกำลังร้อยสร้อยหินหยกเส้นเล็กด้วยมืออย่างตั้งใจ เขาไม่ได้พูดอะไรมาเป็นเวลานาน แต่สีหน้าเต็มไปด้วยสมาธิไป๋หรูอวิ๋นนั่งมองเขา มือประคองถ้วยชาร้อนเอาไว้ ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อยราวกับไม่อาจห้ามใจ“เจ้ารู้ไหม” เขาพูดขึ้นในที่สุด โดยไม่เงยหน้าขึ้นจากสายสร้อย “ข้าร้อยสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน แต่เพิ่งมาถักปมสุดท้ายได้วันนี้”“เพราะอะไร?”“เพราะวันนี้ ข้ารู้สึกว่ามีอะไรที่สมบูรณ์มากพอแล้วจะมอบให้แก่เจ้า”นางรับสายสร้อยมาอย่างเงียบงัน หยกเขียวที่ถูกขัดจนใสราวหยดน้ำวางอยู่บนฝ่ามือ“เจ้าเคยบอกว่า ไม่ต้องการสิ่งผูกมัด”“ข้าเคยคิดเช่นนั้น” เขาพยักหน้า “แต่ตอนนี้ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ว่า ไม่ว่าเราจะเดินไปที่ใด สายลมหายใจของข้าจะมีกลิ่นชาอบอุ่นแบบเจ้าเสมอ”ไป๋หรูอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย“ข้าก็คิดเหมือนกัน แต่อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้ากลัว...”“กลัวอะไร?”“กลัวว่าสักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่หายใจอยู่เคียงข้า” นางกล่าวเสียงแผ่วเบาหยางเหวินย

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   ตอนพิเศษ ลมหายใจแห่งความรัก

    เสียงพิณจากหอเล็กด้านหลังดังขึ้นเบา ๆ เป็นศิษย์สาวคนหนึ่งที่กำลังฝึกบรรเลง“เจ้าจำเพลงแรกที่ข้าเล่นให้เจ้าฟังได้หรือไม่?” ไป๋หรูอวิ๋นถาม“จำได้สิ มันคือ คืนแรกที่ข้าเห็นเจ้าผ่านสายลมและเสียงพิณ”“ตอนนั้นเจ้ายังแทบจะควบคุมลมหายใจของตนไม่ได้”“ตอนนี้ ข้ากลับรู้สึกว่า ลมหายใจของข้าสงบที่สุดเมื่ออยู่กับเจ้า” หยางเหวินยิ้มเสียงพิณยังดังต่อไปเบื้องหลัง ขณะที่สองเงานั่งเคียงกันท่ามกลางแดดยามสายค่ำคืนนั้น แสงจันทร์เต็มดวงสาดส่องทะลุม่านบางหน้าต่าง ตกกระทบบนพื้นไม้ของเรือนเล็กกลางหุบเขา เงาจากต้นไม้ภายนอกไหวเบา ๆ ตามจังหวะลมหยางเหวินนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาผิง มือถือพู่กันเขียนตำราใหม่อย่างตั้งใจ ไฟจากเตาผิงสะท้อนเงาใบหน้าของเขาให้ดูนิ่งลึก มีแววอ่อนโยนในแววตาเสียงประตูเลื่อนเปิดช้า ๆ ก่อนที่ไป๋หรูอวิ๋นจะเดินเข้ามาพร้อมผ้าห่มผืนบาง นางสวมชุดคลุมบางสีขาวทับเสื้อผ้าด้านใน เส้นผมยาวถึงเอวถูกรวบไว้ลวก ๆ“ยังไม่เข้านอนหรือ?” นางถาม พลางวางผ้าห่มลงข้างเขา“ข้าเขียนได้เพียงไม่กี่บรรทัดเอง” เขาหัวเราะเบา ๆ“แสดงว่าเจ้าคิดถึงเรื่องอื่นอยู่” นางนั่งลงข้างเขา ม้วนขาแนบกับตนเอง เหมือนเคยทำในคืนฤดูหนาวเ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 20 ลมหายใจที่ใต้หล้าจดจำ

    ยุทธภพเงียบสงบมาได้หลายเดือนหลังเหตุการณ์ที่สำนักใหญ่ทั้งหลายหยุดตามล่าคัมภีร์ลมหายใจกลับด้าน เมื่อรู้ว่าเจ้าของพลังได้สละมันไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในเรือนกลางหุบเขาเงียบสงัด ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และเปิดตำราเก่าให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ไม่ใช่แค่กระบวนท่า แต่รวมถึงการเข้าใจหัวใจของตนเองข่าวเล่าขานถึง “จอมยุทธ์ผู้ไม่มีลมหายใจ” แพร่สะพัดออกไปในหมู่บ้านห่างไกล สำนักเล็ก สำนักใหญ่ รวมถึงลูกศิษย์ลูกหาในยุทธภพต่างอยากพานพบชายผู้หนึ่งที่มีพลังจากใจ ไม่ใช่จากฝีมือวันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งจากเมืองหลวงมาปรากฏตัวที่หน้าประตูบ้านของหยางเหวิน“ข้าได้ยินว่า ที่นี่มีคนที่สามารถสอนข้าวิชาที่ไม่ต้องใช้ลมหายใจ” เขาเอ่ยด้วยดวงตาที่เปล่งแสงจริงจังหยางเหวินยิ้ม เพียงกล่าวว่า “ไม่มีวิชาที่ไม่ใช้ลมหายใจ มีแต่ใจที่หายใจให้ถูกเท่านั้น”เขาพาเด็กหนุ่มไปนั่งใต้ต้นหลิว สอนให้หลับตาฟังเสียงหัวใจตนเองแทนการเร่งฝึกฝนพลังภายนอกไป๋หรูอวิ๋นมองภาพนั้นจากระยะไกล ดวงหน้าเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะหันกลับไปคัดลอกคัมภีร์เล่มใหม่ที่พวกเขาตั้งชื่อว่า “ลมหายใจแห่งใจ”ขณะเดียวกัน ที่

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 19 ชีวิตที่หายใจแทนกัน

    ไป๋หรูอวิ๋นเงียบงันในคืนที่สายลมสะบัดผ่านยอดไม้ ดวงตานางทอดมองสายน้ำเบื้องหน้าโดยไม่กะพริบ แม้ท่าทีภายนอกจะนิ่งเฉยเช่นเดิม แต่หยางเหวินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่แปลกไป“เจ้าหายใจถี่ขึ้น” เขากล่าวเบา ๆ ขณะนั่งลงข้างนางใต้ต้นหลิว “เกิดอะไรขึ้น”ไป๋หรูอวิ๋นไม่ตอบในทันที ริมฝีปากขยับเพียงน้อยราวลังเล“ข้ารู้ตัวดีว่าข้า ไม่มีลมหายใจของตนเองมาตั้งแต่เกิด” นางกล่าวช้า ๆ “ชีวิตของข้าอาศัยลมหายใจของผู้อื่น ผ่านพิธีของสำนักเก่าที่ข้าจากมา”หยางเหวินเบิกตากว้างเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่า...”“ใช่ ข้าคือสตรีผู้ถูกฝึกให้ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิตของผู้อื่น” เสียงของนางเรียบเฉย “ข้าจึงไม่กล้าผูกพันกับผู้ใดนัก เพราะหากคนผู้นั้นสูญเสียพลัง ข้าก็จะตาย”เขาเงียบงัน ลมหายใจหนึ่งเคลื่อนผ่านร่างเขาดังแผ่วเบา ก่อนเขาจะกล่าว “ถ้าเช่นนั้น ข้าจะให้ลมหายใจของข้าแก่เจ้า”ไป๋หรูอวิ๋นเบิกตา ดวงหน้าที่เคร่งขรึมมาตลอดมีรอยไหวสั่น“อย่าพูดอะไรบ้า ๆ สิ เจ้าคือผู้ถือครองคัมภีร์ เจ้าจะเสียพลังไม่ได้”“หากพลังนี้มีไว้เพื่อปกป้องผู้คน ข้าจะเริ่มจากเจ้าก่อน” หยางเหวินกล่าวชัดเจน “เจ้าไม่ใช่แค่ศิษย์ร่วมสำนัก หรือเพื่อนร่วมทาง เจ้า

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 18 ลมหายใจสุดท้ายของอาจารย์

    ลมหนาวปลายฤดูพัดผ่านสันเขาต้าหลาน ดอกบ๊วยผลิดอกเต็มกิ่ง ท่ามกลางผืนหิมะที่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นไอเยือกเย็นหยางเหวินและไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่เบื้องล่างยอดเขา สายตาจับจ้องเส้นทางที่เคยเดินผ่านมาเมื่อหลายเดือนก่อน“มันคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง” หยางเหวินกล่าว พลางยกมือแตะอก “ข้ารู้ว่าพลังทั้งหมด จะต้องจบลงที่นี่”“และจบลงกับเขา หลัวซิง” ไป๋หรูอวิ๋นพูดแผ่วเบา ดวงตาคล้ายมีหมอกบางแห่งความรู้สึกค้างคาทั้งสองปีนสู่ยอดเขาอย่างช้า ๆ ฝ่าลมหนาว หิมะ และเสียงลมหายใจของธรรมชาติที่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งเมื่อถึงลานหน้าศาลาพักเก่า เสียงกระแอมหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน“เจ้ากลับมาแล้วหรือ”เสียงนั้นมาจากหลัวซิง ผู้ชราลงกว่าเดิม แต่แววตายังแจ่มกระจ่างราวกับเคยเฝ้ามองใต้หล้าอย่างลึกซึ้ง“ท่านอาจารย์” หยางเหวินประสานมือคารวะด้วยความเคารพ “ข้ากลับมา พร้อมคัมภีร์”หลัวซิงเดินออกมาช้า ๆ มือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือแนบหลัง “เจ้าจึงรู้แล้ว ว่าแท้จริง พลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่ถือครอง แต่คือสิ่งที่มอบ”หยางเหวินพยักหน้า “และข้าจะมอบมัน อย่างที่ท่านเคยมอบลมหายใจแรกให้ข้า”หลัวซิงหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น ข้าก็พร้อมแ

  • ลมหายใจจอมยุทธ์   บทที่ 17 ความจริงจากสำนักฟ้าเทียน

    รุ่งเช้า ณ ริมผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาเขตสำนักฟ้าเทียน แดดยามเช้าส่องลอดม่านหมอกคลี่ตัวบางเบา ขณะที่หยางเหวินกับไป๋หรูอวิ๋นยืนอยู่หน้าแท่นหินจารึกโบราณที่แทบจะถูกเถาวัลย์กลืนกินจนหมด“นี่คือประตูขั้นแรกของเขตต้องห้ามสำนักฟ้าเทียน” ไป๋หรูอวิ๋นกระซิบหยางเหวินใช้ปลายนิ้วสัมผัสลวดลายโบราณบนแผ่นหิน มีลายเส้นหนึ่งที่เหมือนกระแสลมหายใจคดเคี้ยวขึ้นฟ้า“นี่ไม่ใช่แค่สัญลักษณ์ นี่คือแบบฝึกลมหายใจสายหนึ่ง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ใช่” นางพยักหน้า “ท่านอาจารย์เคยบอกว่าหากลมหายใจของผู้ใดเข้าถึงจังหวะที่จารึกนี้ปรากฏ ประตูสำนักจะเปิดออกเองโดยไม่ต้องใช้แรง”หยางเหวินนั่งลงขัดสมาธิ ฝึกปราณหน้าจารึกนั้นทันที ไป๋หรูอวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ เขา หลับตาแนบแน่น ปรับลมหายใจให้นิ่งเฉกเช่นกัน แม้ไร้ชีพจรของตน แต่นางยังฝึกเพื่อร่วมสภาวะกับเขาให้มากที่สุดลมหายใจแรกคือสายหมอก ลมหายใจที่สองคือเสียงของเขา และลมหายใจที่สามคือเสียงของใต้หล้าที่ไร้คำพูดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เสียงกึกเบา ๆ ดังขึ้นที่แท่นหิน จากนั้นพื้นหินตรงหน้าก็สั่นไหว เผยบันไดหินทอดลึกลงไปเบื้องล่าง“เปิดแล้ว”หยางเหวินลืมตา ดวงตาเปล่งประกายเงี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status