ไอรดาที่เข้าห้องน้ำ เธอตื่นเต้นจนหายใจแรงและตัดสินใจลบแชททั้งหมดทันทีก่อนจะออกมาจากห้องน้ำ โดยที่แมทธิวยืนรอเธออยู่ พอเปิดประตูมาเจอทำเอาเธอตกใจสะดุ้งจนตัวโยน
“ผมทำคุณตกใจเหรอ? Sweetie”
“ก็ปกติไม่มายืนหน้าประตูแบบนี้ เป็นใครก็ตกใจ”
“ปกติคุณก็ไม่เคยเอาโทรศัพท์เข้าห้องน้ำด้วย”
“เคยสิ เวลาอึ”
แมทธิวไม่พูดอะไรแต่มองตาเธอนิ่ง เหมือนต้องการเช็กอะไรอยู่
“อะไร? ทำไมต้องจ้องกันแบบนั้นด้วย”
ไอรดาถอนหายใจและเบี่ยงตัวเดินหลบเขาไป แมทธิวไม่อยากหาเรื่องหึงกับเธอเพราะกำลังท้องอ่อนๆ กลัวจะกระทบกระเทือนไปถึงลูก
เจตสุวีย์รอให้ไอรดาตอบอะไรมาสักอย่างแต่กลับเงียบ เขาเดินวนไปวนมาในห้อง จนธนัชชาเอ่ยถามขึ้น
“พี่โจนอนพักผ่อนดีกว่ามั้ยคะ? ดึกแล้วนะ”
“น้องกลับไปที่บ้านก่อนก็ได้ครับ ผมขออยู่คนเดียววันนี้”
เขาพูดโดยไม่มองเธอด้วยซ้ำ ก่อนจะนั่งที่ขอบเตียงจ้องแต่โทรศัพท์ แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
“ทำไมหนูเงียบคะ ตอบอะไรก็ได้มาหน่อย พี่รอหนูอยู่นะ อะไรก็ได้..ได้โปรด”
ธนัชชาถึงกับอึ้ง คำพูดของเขาที่ใช้กับผู้หญิงคนนั้นช่างฟังแตกต่างจากที่เรียกหรือพูดกับเธอชัดเจน
“ไอรดาอาจจะคุยกับสามีของเธออยู่ก็ได้มั้งคะพี่”
เจตสุวีย์อารมณ์เสียทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“มันเรื่องอะไรของน้องครับ พี่ไม่ได้ขอความเห็น บอกว่าให้กลับบ้านไปก่อน ได้มั้ย?”
ประโยคคำสั่งที่ไม่ใช้คำถามนั้น ทำให้ธนัชชาน้อยใจ เธอเดินผ่านรูปของไอรดาแล้วมองด้วยความชิงชัง
มารหัวใจ..ขนาดแต่งงานไปแล้ว แถมอยู่ตั้งไกลยังจะมาคุยกับพี่เขาอีก ขอให้สามีเธอจับได้สักวันเถอะ…
เจตสุวีย์เริ่มคิดว่าเธออาจจะยุ่งก็ได้ เพราะต้องดูแลลูก จึงไม่พิมพ์อะไรต่อไปอีก ซึ่งเป็นโชคดีของไอรดาที่สามีก็จ้องอยู่ว่าจะมีข้อความอะไรมาอีกไหม
ทางด้านไอรดาที่ไปป้อนข้าวน้องมาร์ตินนั้น เธอรับรู้ได้ว่าแมทธิวอาจรู้สึกได้เหมือนกันว่าไม่ใช่จูน เธอเลยตัดสินใจว่าจะไม่ตอบแชทอีก ถ้าคำพูดนั้นดูไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอจริงๆ
ในตอนเช้าวันถัดมา ธนัชชาได้ออกจากบ้านมาเตรียมมื้อเช้าให้เจตสุวีย์ พร้อมกับเปรยๆเรื่องอยากหางานทำเพราะเรียนจบได้สักพักแล้ว การอยู่บ้านเฉยๆนั้นทำให้เธอไม่มีสังคมและเริ่มเบื่อ
“เอาที่น้องคิดว่าทำแล้วสบายใจ ลองดู”
เธอผิดหวังนิดหน่อยที่เขาไม่ชวนเธอให้ไปทำงานที่บริษัทของเขา
“แล้วที่บริษัทพี่โจยังรับสมัครงานมั้ยคะ?”
“ผมจะไม่เอาคนที่มีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวไปทำงานด้วย มันเสียการปกครอง ที่บริษัทผม ไม่มีคำว่าคนโปรด คนพิเศษ คนไหนเก่งก็โต คนประจบสอพลอทำงานไม่เก่ง ผมไม่เอาไว้ มันถ่วงคนเก่งๆให้ถดถอย”
นี่ฉันดูไม่เอาไหนในสายตาเขาสินะ…
“ค่ะ หนูรู้ตัวเองว่าหนูดูไม่เก่งจริงๆ”
“น้องเห็นผมในตอนที่ประสบความสำเร็จ แต่ได้เห็นตอนที่ผมเริ่มต้นเองอย่างยากลำบากหรือเปล่า? จริงอยู่ที่ผมมีต้นทุนดีกว่าคนอื่นแต่ไม่ใช่ว่าผมไม่ต้องพยายามอะไรเลย จะบอกให้ว่า ยิ่งรวยยิ่งต้องปกป้องสิ่งที่มีให้งอกเงย ไม่ใช่มานั่งกินสมบัติเก่าที่พ่อแม่หามาอย่างยากลำบาก”
“ค่ะพี่โจ หนูเข้าใจแล้ว”
ธนัชชาช่างต่างกับไอรดา ที่ถึงแม้เธอจะรวยและไม่มีงานประจำหลังเรียนจบ แต่ก็ยังหางานทำเองเล็กๆน้อยๆที่พอทำได้ ก่อนจะเสนอตัวมานั่งทำงานหลังขดหลังแข็งทั้งวันโดยไม่เล่นโทรศัพท์ตอนทำงานเลยแม้แต่นิดเดียว
ผิดกับธนัชชาที่เรียนจบมาจะเป็นปีแต่ไม่ทำอะไรเลยแม้แต่งานเล็กๆน้อยๆ กลับพึ่งมาคิดได้ว่าควรหาอะไรทำ ในขณะที่เพื่อนๆหางานทำ มีสังคมเพื่อนฝูงกันไปหมด จึงไม่มีใครที่มีเวลาว่างแบบเธอให้ชวนไปเที่ยวเตร่ได้เหมือนตอนเรียนมหาวิทยาลัย
นั่นเพราะความเคยตัวที่ได้รับการซัพพอร์ตจากเจตสุวีย์ ทำให้คนที่ไม่เคยสบาย ติดนิสัยรักสบายไปโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่เมืองไทยคือตอนเช้า แต่ที่แคลิฟอร์เนียคือตอนเย็น ไอรดากับแมทธิวที่ช่วยกันอาบน้ำให้ลูกชายเสร็จก็ทานมื้อเย็นด้วยกันต่อ แต่อยู่ๆแมทธิวก็ไออย่างแรงจนกินข้าวไม่ได้ ไอรดาเป็นห่วงสามีมาก เพราะก่อนหน้าจะแต่งงานกัน เขาก็เคยป่วย ไอไม่หยุดแบบนี้เวลาทำงานหนักและพักผ่อนน้อย
“ที่รัก ไปหาหมอกันดีกว่านะ”
“กินยาก็พอ ผมเคยเป็นแบบนี้มาก่อน คุณก็รู้”
ไอรดาพยายามชวนให้ไปโรงพยาบาลด้วยกันยังไงเขาก็ไม่ยอมไป ป้ารินได้ขออาสาดูแลลูกชายของเธอให้คืนนี้ เพราะถ้าแมทธิวไอหนัก เด็กอาจจะไม่ได้หลับอย่างเต็มที่
แมทธิวกินยาแล้วอาการไอทุเลาลง แต่กลับมีไข้ หนาวสั่นและเจ็บหน้าอก ไอรดาอยู่ดูแลเขาด้วยความเป็นห่วงจนไม่กล้านอนหลับ เพราะเธอเห็นเขาไอมีเลือดปนออกมานิดหน่อย
“ผมเคยไอเป็นเลือดตอนทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อซื้อ Hermes ให้คุณไง แบบนี้แหละเดี๋ยวก็หาย พรุ่งนี้ค่อยไปหาหมอแล้วกัน ถ้าคุณไม่สบายใจ”
เธอไปนอนใกล้ๆสามี กอดแขนเขาและจับมือให้มาแนบแก้มเอาไว้ แมทธิวนอนมองภรรยาที่น่ารักของเขาอย่างหลงใหล
ผมไม่เคยหยุดหลงรักคุณเลยตั้งแต่เจอคุณครั้งแรกที่ Rooftop Bar ที่กรุงเทพ และจะทำทุกอย่างให้คุณกับลูกของเราอยู่อย่างสบายไม่ต้องลำบาก…
“ผมรักคุณ..ไอรดา ดวงใจของผม”
“ถ้าฉันแบ่งความเจ็บไข้ได้ป่วยจากคุณมาได้ ฉันจะทำ คุณตามปกป้องดูแลฉันเสมอ คุณคือส่วนหนึ่งในจิตวิญญาณของฉัน”
กลางดึกที่ไอรดาหลับสนิทอยู่ข้างๆเขา โดยที่โทรศัพท์ของเธออยู่ใกล้ๆหมอน เขาเอื้อมแขนไปหยิบเอามาอย่างเบามือ ปลดล็อกหน้าจอแล้วดูข้อความในแชทไอจีของเธอและจูน
สิ่งที่เขาเห็นยิ่งตอกย้ำความสงสัยที่ว่า คนที่คุยกับเธอตลอดไม่ใช่เพื่อนสนิท แต่เป็นเจตสุวีย์ เขามองไอรดาที่หลับสนิทด้วยหน้าตาที่น่ารักและกอดแขนเขาอยู่
ผมไว้ใจคุณตลอดมาจนถึงนาทีนี้และจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ที่คุณลบแชททั้งหมดและไม่เคยทักไปก่อน เท่านั้นก็เพียงพอแล้วว่า คุณเองก็อาจจะพึ่งรู้ว่า คนที่คุยด้วยมาตลอดไม่ใช่จูน
ช่างปะไร..อยู่ไกลขนาดนั้น แถมเราจะมีลูกด้วยกันถึงสองคน รอได้ก็รอไป เจตสุวีย์…
เช้าวันต่อมา เจตสุวีย์ทักแชทมาหาไอรดาตามเวลาเดิม แต่ไอรดาที่เห็นกลับไม่อ่านและไม่ตอบ เธอมัวทำอาหารเช้าให้สามีเพราะเขาไม่สบาย จึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
อุษาและแพทริคหุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา ถึงกับต้องบินมาเยี่ยมพอรู้ว่าเขาไอเป็นเลือด
“คุณควรไปหาหมอนะน้องชาย รักษาสุขภาพด้วย ไม่ต้องรีบหาเงินขนาดนั้น ตอนนี้เราก็มีความมั่นคงในระดับที่ดีแล้ว”
แพทริค แอรอน สมิธ และมาดามอุษา หอบของฝากมาเยี่ยม แสดงความห่วงใยเขา เพราะกำลังจะเป็นพ่อของลูกคนที่สองและลูกคนแรกก็ยังแค่หนึ่งขวบ
เจตสุวีย์ที่นอนไม่หลับเพราะรอว่าไอรดาจะตอบอะไรมาบ้างอยู่ร่วมชั่วโมง เริ่มกระวนกระวาย จึงโทรไปหาน้องสาวให้ลองทักไปบ้าง
“พี่โจ พรุ่งนี้ได้มั้ยอ่ะ เพราะพี่ทักไปแล้วทักซ้ำอีกมันแปลกไง หรือว่าแมทธิวอาจสงสัยหรือเปล่า? ไม่ก็อายอาจจะเริ่มสงสัยแล้วป่ะเลยไม่ตอบ”
“โอเค”
เขาถอนหายใจแล้วพยายามข่มตานอนต่อจนหลับไป
ตอนบ่าย ไอรดาและแมทธิวไปโรงพยาบาลให้คุณหมอตรวจอย่างละเอียด จนกระทั่งผลออกมาคือ แมทธิวเป็นโรคปอดอักเสบ นั่นเพราะการใช้ชีวิตของเขา คุณหมอซักถามประวัติและเรื่องต่างๆ
“คุณแมทธิว มีอาการปอดติดเชื้อเหมือนจะเรื้อรังมานานด้วย เพราะเขาพักผ่อนน้อย ภูมิต้านทานต่ำ ไม่ค่อยดูแลสุขภาพมากนัก ไม่ได้ออกกำลังกายและเดินทางไปในที่ต่างๆที่สภาพอากาศแตกต่างกันอยู่ตลอด ควรงดใช้ช้อนหรือภาชนะร่วมกันไปก่อน และเราคงต้องให้เขาอยู่โรงพยาบาลนะ เพราะอาการเขาค่อนข้างหนัก”
ไอรดาและพ่อแม่ของเขาตัดสินใจส่งตัวไปที่โรงพยาบาล Standford Health Care, CA ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดติดอันดับของอเมริกา
“จะเสียเงินเท่าไหร่ฉันไม่สน ขอแค่ช่วยสามีฉันให้หายก็พอ”
ป้ารินต้องอยู่กับวีวี่ที่บ้านไปก่อนเพราะต้องขับรถถึงสองชั่วโมง กว่าจะถึงโรงพยาบาล ส่วนไอรดาที่นอนเฝ้าสามีที่โรงพยาบาลตลอด อาการเขาทรงตัว มีไข้ เจ็บหน้าอก หายใจหอบ ไอรดาต้องแอบไปร้องไห้คนเดียวไม่ให้สามีเห็นเพราะความกลัว
คืนแรกเธอแทบไม่แตะต้องหรือดูโทรศัพท์เลย ส่วนคืนที่สองที่แมทธิวเริ่มไอน้อยลง เขาหลับเพราะความเหนื่อยและจากฤทธิ์ยา ทำให้เธอเริ่มหยิบโทรศัพท์มาดู ก็พบว่ามีข้อความจากแชทของจูนมาหลายอัน แต่เธอเลือกโทรไลน์หาเพื่อนสนิทที่ตอนนี้เมืองไทยคือเก้าโมงเช้าแล้ว
“อาย ไม่ตอบแชทเลยนะ นึกเป็นห่วงอยู่ ถึงกับโทรมาแต่เช้าเลยอ่ะ คิดถึงฉันอ่ะดิ้”
“ป๊ากับม๊าจะมาอาทิตย์หน้าใช่มั้ย? ฉันไม่แน่ใจว่าแมทธิวจะออกจากโรงพยาบาลได้วันไหนเพราะเขาป่วยมาก กลัวว่าป๊ากับม๊าไปหาที่บ้านจะไม่เจอฉัน เกรงใจพวกท่านที่ฉันอาจจะไม่ได้อยู่ต้อนรับ”
จูนที่นั่งทำงานในออฟฟิศของพ่อ ถึงกับหน้าเครียด
“แมทธิวป่วยเป็นอะไร หนักเหรอ?”
“อืมม ฉันกลัวมากเลยจูน หมอบอกว่าเขาปอดติดเชื้อเรื้อรัง ทั้งอักเสบทั้งติดเชื้อ เขาเคยไอเป็นเลือดมาก่อนตอนที่ฉันพึ่งคบเขาแรกๆก่อนแต่งงาน แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะมีผลมาถึงตอนนี้ ฉันให้เขามารักษาที่ Standford ต้องทิ้งลูกไว้กับป้ารินและพ่อแม่ของแมทธิวที่บ้าน..”
ไอรดาเริ่มร้องไห้เบาๆ เพราะความกลัวและห่วงสามี
“แค่นี้ก่อนนะจูน แมทธิวไออีกแล้ว ไว้ค่อยคุยกัน”
จูนวางสายจากไอรดาแล้วรีบโทรหาพ่อกับแม่ทันที ทั้งคู่ตกลงว่าจะไปเยี่ยมแมทธิวและไอรดาที่โรงพยาบาล ถ้าเวลานั้นเขายังไม่หายดี ก่อนที่จูนจะโทรหาพี่ชายของเธอเพื่อแจ้งเรื่องนี้
เจตสุวีย์ที่ได้ยินเรื่องนี้ น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกอยากซ้ำเติมแมทธิว กลับเป็นห่วงไอรดาและลูกแทน
“น้องอายจะไหวมั้ยนะ ตัวคนเดียวด้วย มีแค่ครอบครัวทางฝั่งผู้ชาย”
“ป้ารินดูแลน้องมาร์ตินอยู่กับลูกเลี้ยงของแมทธิวด้วย เอ่อ.. แล้วก็พ่อแม่ของแมทธิวที่ช่วยดูแลหลาน”
“ไม่มีใครอยู่กับน้องอายเลยเหรอ? หมายถึงน้องอยู่โรงพยาบาลคนเดียวเพื่อเฝ้างั้นสิ?”
“ใช่”
“พี่จะไปหาป๊ากับม๊าที่บ้านตอนเย็นนะ สักห้าโมง”
เขาวางสายแล้วรีบผลุนผลันออกไปที่ออฟฟิศเพื่อแจ้งกับเพื่อนว่าเขาจะไปอเมริกาไม่รู้ว่ากี่วันจะกลับ แต่จะพกโน้ตบุ๊คไปด้วยเพื่อติดต่องานกันได้
“หน้าตาตื่น เป็นไรเพื่อน ไปทำไม มีอะไรหรือเปล่า?”
“จะไปหาหัวใจน่ะสิ”
“หัวใจมึงที่มีสามีแล้วอ่ะนะ โจ..เพื่อน มึงตัดใจเถอะ กูเป็นห่วงมึงนะ”
“ตอนนี้น้องไม่มีใคร พ่อแม่ก็เสียหมดแล้ว น้องตัวคนเดียว สามีก็กำลังป่วยหนัก”
“ฉิบหาย จริงดิ? กูเข้าใจละ เดี๋ยวทางนี้กูกับไอ้บอสดูให้ มีอะไรค่อยทักหากัน”
เจตสุวีย์เคลียร์งานที่บริษัทแล้วกลับบ้านอีกครั้ง เช็กสภาพอากาศที่นั่นเพื่อจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแบบเร่งด่วน ธนัชชาที่อยู่บ้านเห็นรถเขาเข้ามาในตอนเที่ยงถึงกับงงที่เขาเลิกงานไวทั้งที่พึ่งออกไปตอนเช้า จึงเข้าไปหาที่ชั้นสองของบ้าน และเห็นว่าเขากำลังจัดกระเป๋าอย่างเร่งรีบ
“ให้หนูช่วยมั้ยคะพี่โจ?”
“ไม่เป็นไร ผมฝากบ้านด้วยนะ จะไปอเมริกาไม่รู้กลับวันไหน”
ท่าทางที่ดูรีบและหน้าตาที่ดูซีเรียสทำให้เธอเผลอถามออกไป
“พี่จะไปหาไอรดาเหรอคะ?”
เขาเหลือบมองเธอด้วยหางตาแค่แว็บเดียว คิ้วที่ขมวดและถอนหายใจแรง พลางปิดกระเป๋าเดินทางโดยไม่ตอบคำถามอะไรใดๆ
เจตสุวีย์ให้เลขาจองตั๋วคืนนี้ทันทีแพงเท่าไหร่ไม่สำคัญ เพื่อมุ่งสู่ท่าอากาศยานนานาชาติซานฟรานซิสโกพี่ไม่สนใจว่าใครจะเกลียด..แต่พี่จะต้องไปหาหนู…เขาไปที่บ้านของพ่อแม่ก่อนเวลาที่แจ้งไว้ เลยถือโอกาสโทรคุยกับน้องสาว เพื่อขอโลเคชั่นบ้านของไอรดาและชื่อโรงพยาบาลที่แมทธิวไปรักษาตัวอยู่ แล้วสั่งห้ามไม่ให้จูนบอกเพื่อนของเธอว่าเขาจะไปหาเจตสุวีย์บันทึกแผนการเดินทาง เตรียมเอกสารทุกอย่างและบัตรเครดิตวงเงินสูงที่สุดที่เอาไปได้เลขาแจ้งการจองตั๋วเรียบร้อย เครื่องจะออก 19.15 ถึงที่อเมริกา 21.15 ของวันถัดไป รวม 17 ชั่วโมง เจตสุวีย์คิดว่าเมื่อถึงซานฟรานซิสโก กว่าจะไปที่บ้านของเธอที่ต้องขับรถถึงสองชั่วโมง คงจะดึกมากและรบกวนเวลาที่ทุกคนพักผ่อน เขาจึงเลือกจองโรงแรมที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลก่อน แล้วค่อยไปหาเช่ารถเอาทีหลังเจตสุวีย์จองโรงแรม Pleasanton Marriott ใกล้แค่นั่ง Taxi ไปสิบนาทีก็ถึงโรงพยาบาล Stanfordจากนั้นนั่งรอที่บ้านจนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาได้กลับมา หลังจากออกไปข้างนอกด้วยกันมาทั้งวัน พอเจอหน้าพ่อจากที่ไม่ได้เจอนานถึงสองปี เขาถึงกับเกร็งแต่ก็ยกมือไหว้ พ่อเข้ามากอดและไม่พูดอะไร เขากอดตอบและกล่าวได้
เจตสุวีย์โทรหาน้องสาวเพื่อบอกว่าได้เจอไอรดาและสามีแล้ว“เขาดูแย่กว่าที่คิดไว้มาก ดูซีดเซียว เหนื่อยหอบ ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ มีแค่น้องอายอยู่เฝ้ากับพยาบาลอีกคนเท่านั้น ฝากบอกป๊ากับม๊าด้วยนะ”“จูนจะโทรหาอาย ลองถามว่าตกลงป่วยเป็นอะไร แต่ต้องรอตอนดึกถึงจะเป็นช่วงเช้าที่นั่น พี่โจ..โอเคนะพี่?”“พี่ไม่เข้าใจตัวเอง..พี่เคยคิดว่าทำไมต้องมีผู้ชายคนนี้มาขวางทาง แต่พอเห็นเขาวันนี้ กลับรู้สึกเห็นใจ กลัวน้องอายจะเสียใจ”จูนยิ้มกับตัวเองเมื่อได้ยินแบบนั้น“รักแท้คือการเสียสละไงพี่โจ เมื่อเราเห็นคนที่รักมีความสุข ถึงจะไม่ได้ครอบครองก็เถอะ”“สละอะไรล่ะ แอบปลอมเป็นจูนไปคุยทุกวันนี่จะเรียกว่าชู้แล้ว พี่ยังเคยคิดเลยว่า คงสวมรอยคุยแบบนี้จนแก่ไปพร้อมกับพวกเขาแน่ๆ”“ตลกน่า ไม่คิดจะมองสาวอื่นเลยรึ?”“แค่คนเดียวพอ”วันต่อมาเจตสุวีย์ไปที่ Enterprise Rent-A-Car ในช่วงเช้าเพื่อเช่ารถยนต์หนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะตรงไปที่ Supermarket ชื่อ Safeway เพื่อเลือกซื้อผลไม้ไปฝากไอรดาและแมทธิว จนกระทั่งจูนได้โทรเข้ามาพอดี“พี่โจ ข่าวไม่ค่อยดี อายบอกว่าสามีปอดอักเสบเฉียบพลันและติดเชื้อจากไวรัส เชื้อเข้าสู่กระแสเลือด ท่าทางจะหน
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
เจตสุวีย์มองธนัชชาด้วยหน้าตาที่เธอคุ้นเคยดี สายตาที่เย็นชา ภาษากายที่มีระยะห่างกับเธอตั้งแต่เริ่มต้นคบกัน เธอเคยคิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้กลับหึงหวงเพราะหลงรักเขาแล้วเต็มหัวใจ สิ่งที่เธอพูดนั้นทำให้เขาไม่ตอบโต้อะไร ซึ่งก็จริงที่เขาเคยบอกไปแบบนั้น กรณีที่ถ้าเขาโสดไปนานๆ จนครอบครัวของเขาต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสมให้มาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้สถานการณ์มันต่างออกไปตรงที่ เธอผู้เป็นเจ้าของหัวใจนั้น ไม่มีสามีอีกแล้ว..“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน ลูกน้องผมต้องเก็บของที่นี่”เจตสุวีย์สั่งให้ลูกน้องเก็บของเท่าที่เขาต้องการและให้รอในรถก่อน จนกว่าเขาจะคุยเสร็จ“ผมเคยบอกว่า ถ้าวันหนึ่งผมต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่จัดหามาให้ น้องจะเลือกอยู่หรือไปก็ได้ แต่กรณีนี้ไม่ใช่..เพราะคนที่ผมรัก เธอพึ่งสูญเสียสามีและไม่มีใครอีกแล้ว ผมเป็นคนเดียวที่รักและดูแลเธอได้ ก็ต้องให้เวลาเธอทำใจสักระยะ ผมจะแต่งงานสร้างครอบครัวและจะหยุดที่เธอตลอดไป”“พี่โจจะไม่เห็นใจหนูที่รักพี่บ้างล่ะคะ? แม่หนูก็รู้จักพี่ ชมพี่ตลอดว่าเป็นคนดี พี่โจจะทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ? หนูขอแค่อยู่โดยไม่แสดงตัวก็ได้…”“ผมไม่ใช่คนดีอะไรที่ไหน เคยทำอะไรแย่ๆมาก
ธนัชชาเห็นข้อความที่เจตสุวีย์ส่งมา ในตอนเก้าโมงที่เธอพึ่งตื่น จึงรีบตอบกลับทันที เพราะรู้สึกโหวงๆ ในใจ“พี่โจ จะกลับมาวันไหนก็บอกหนูนะคะ หนูไปรับที่สนามบินได้ค่ะ”“ไม่ต้องหรอกครับ รบกวนน้องเปล่าๆ แล้วจะบอกอีกที”เจตสุวีย์ที่เที่ยงคืนแล้วก็ยังนอนไม่หลับได้ตอบธนัชชาไปสั้นๆ เขาคิดถึงคนที่อยู่อีกห้องนั้นต่างหากว่าจะหลับหรือยัง'You had me at hello'"You make my ordinary world more beautiful.''I'll stand by you no matter what.''So many of my smile begin with you.'"You're my comfort zone.''I find pieces of you in every song I listen to.''Together with you is my favorite place to be.''Thinking of you makes me smile.''Only you, not anyone.'ผมรักคุณตั้งแต่แรกเจอ..คุณทำให้โลกธรรมดาของผมสวยงามขึ้น..ผมจะอยู่เคียงข้างคุณไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม…รอยยิ้มส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นเพราะคุณ..คุณคือความสบายใจของผม..ทุกเพลงที่ผมฟัง ผมพบคุณอยู่ในนั้น..ที่ที่ผมชอบ ก็คือที่ที่มีคุณอยู่ด้วย…เพียงแค่คิดถึงคุณ ก็ทำให้ผมยิ้มได้…คุณเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้..ข้อความจากไอจีของของแมทธิวส่งให้ไอรดาในตอนเ
น้ำหนักตัวของเจตสุวีย์ที่นอนคร่อมทับเธอ มันทำให้เหตุการณ์ในคืนวันนั้นเมื่อสองปีก่อน กลับเข้ามาในสมองของเธอทันที“หนูพึ่งเสียลูกไป ยังเจ็บท้องอยู่ พี่โจจะทำได้ลงคอเหรอ..”เจตสุวีย์มองเธอใกล้ๆ แววตาที่บอกความรู้สึกรักอยู่เต็มอก เขาเริ่มคิดได้เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่อ้อนวอนของเธอ“พี่เคยเชื่อ..ตอนที่หนูขอร้องแบบนี้ หลอกพี่ให้รอแล้วขึ้นเครื่องบินหนีไปจดทะเบียนสมรสกับแมทธิว พี่รอหนูจนไม่รู้ผ่านไปกี่วัน มันทรมานใจสุดๆ”มือเขาเริ่มซุกซน เลิกชุดนอนที่บางเบานั้นขึ้นไปถึงใต้อก หน้าตาที่หล่อเหลานั้นแดงก่ำจูบซุกซอกคอเธอไม่ปล่อย หัวใจเขาเต้นแรง สะเทือนจนหน้าอกกว้างที่แนบกับอกอวบอิ่มของเธออยู่ให้รู้สึกได้เจตสุวีย์เริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ มีเสียงในลำคอบ้าง มือเขาทำอะไรบางอย่างบนลำตัวเธอ และแล้วของเหลวอุ่นๆ ก็ตกลงบนหน้าท้องของไอรดาเธอทำได้แค่หันหน้าไปด้านข้างหลับตาแน่นด้วยน้ำตาที่ไหลผ่านจมูกไป ส่วนเจตสุวีย์ที่หน้าแดงปากแดงไปหมด เริ่มจูบปากเธออย่างนุ่มนวลไม่ยอมเลิกราง่ายๆ“อื้ออ..พอได้แล้ว”“หนูนอนนี่แหละ พี่ไปเอาทิชชูมาเช็ดให้นะคะ”เขารีบผละไปที่ห้องน้ำแล้วรีบมาหาเธอที่เตียง ไอรดาคว้าทิชชูเอาม
ไอรดาออกจากห้องนอนไปนั่งดูโทรศัพท์ของแมทธิวที่อยู่กับเธอ พลางคิดว่าใครกันที่เข้าถึงบัญชีของเขาได้ เพราะขนาดเธอที่เป็นภรรยา ยังไม่รู้ว่ายูสเซอร์หรือพาสเวิร์ดของสามีคืออะไร โดยข้อความนั้นส่งมาในตอนหกโมงเช้าก่อนเธอจะตื่นไม่นานนักทันใดนั้น เธอรีบตรงไปที่ห้องของเจตสุวีย์ เคาะประตูเรียกเขารัวๆ ประตูถูกเปิดออกโดยเขาที่งัวเงียหนักมาก“จะไปกันแล้วเหรอ? พี่ขออาบน้ำแต่งตัวก่อนนะคะ”“พี่โจ หนูขอดูโทรศัพท์หน่อยค่ะ”“หือ..มีอะไรหรือคะ?”“หนูแค่ต้องการดูอะไรบางอย่างค่ะ ว่าพี่มีอะไรปิดบังหนูหรือเปล่า”“โอเคค่ะ”เขายื่นโทรศัพท์ให้กับไอรดา เธอรับมาแล้วเปิดดูไอจีของเขาทันที แต่ก็เห็นเค้าออนไลน์แค่ Account ของตัวเองเท่านั้นเธอขมวดคิ้วแล้วยื่นโทรศัพท์คืนกลับไป“หนูมีอะไรกับโทรศัพท์ของพี่หรือเปล่าคะ? ไม่ต้องห่วง พี่ไม่แอบคุยกับใครยกเว้นกับหนู”“ไม่รู้ว่าใครแกล้งหนูหรือเปล่า แต่หนูบอกตรงๆ ว่าไม่ชอบแบบนี้ มาเล่นกับความรู้สึกของคนอื่น”“หนูยังไม่บอกพี่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น?”“มีใครบางคนเข้าถึงไอจีของสามีหนูแล้วส่งข้อความมาให้ แต่หนูจะสืบให้ได้ว่าคือใคร ที่มาล้อเล่นกันแบบนี้”“แปลกจริง แล้วส่งมาว่ายังไงคะ?”“ช่า
ความเสียใจนั้นมากเสียจนทำให้ไอรดาไม่พูด ไม่มองและไม่ฟังใคร เธอมีแค่น้ำตาที่ไหลตลอดเวลาและไม่ยอมปล่อยมือที่จับกับมือของแมทธิวที่หลับไม่ตื่นอีกแล้วเจตสุวีย์เจ็บในใจที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น เขาออกไปหลั่งน้ำตาเงียบๆ ข้างนอก โทรแจ้งน้องสาวเรื่องที่แมทธิวได้จากไปแล้ว“จูนจะจองตั๋วเดี๋ยวนี้ ไปที่ซานฟรานซิสโก”เสียงร้องไห้ของคนในครอบครัวแมทธิวโดยเฉพาะอาม่า ทำให้ทุกคนยิ่งเสียใจหนักขึ้นมาร์ตินที่อายุเพียงหนึ่งขวบเศษ ถูกแม่ของแมทธิวอุ้มไปข้างนอก เพราะไอรดาเริ่มวูบ ปวดกุมท้องและเป็นลม จนต้องแอดมิทไปอีกคนพ่อของแมทธิวต้องนำอากงอาม่าไปพักทำใจที่โรงแรมก่อน ส่วนเขาต้องจัดการเอกสารต่างๆ ที่โรงพยาบาลและที่บ้านของแมทธิวป้ารินและวีวี่พากันร้องไห้และโทรบอกกานต์วิภาที่เมืองไทยถึงข่าวอดีตสามีของเธอที่จากไปแล้ว นั่นทำให้เธอที่กำลังกินข้าวเย็นกับสามีและแม่ ถึงกับช้อนที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากตกลงบนจาน น้ำตาที่ไหลออกมาแบบกะทันหัน ทำเอาทุกคนบนโต๊ะอาหารตกใจ“ป้า..แล้วไอรดาล่ะ?”“คุณพ่อของแมทธิวบอกว่าน้องอายเสียใจจนช็อก แอดมิทอยู่ตอนนี้ ป้าจะไม่ไหวด้วย หนูวีวี่ก็ร้องไห้ เดี๋ยวสักพักเราจะไปโรงพยาบาล…”เสียงป้ารินและว
เจตสุวีย์ทำธุระส่วนตัวอะไรเรียบร้อยจากที่โรงแรมและเอาโน้ตบุ๊คมาเพื่อทำงานสำหรับคืนนี้ เมื่อมาถึงก็เจอแต่ไอรดาเพียงคนเดียว “หนูหิวมั้ย? เราไปกินมื้อเย็นกันก่อนนะคะ จะได้อยู่ที่นี่ยาวๆ” เธอส่ายหน้า เอาแต่ดูภาพในโทรศัพท์ของสามี“เราต้องดูแลเด็กในท้อง ถึงหนูจะไม่หิวแต่ลูก..แกไม่รู้อะไรด้วย” ไอรดาเหลือบตาไปมองเขาอย่างเศร้าสร้อย“ลูกหนู..หนูรู้ดีว่าควรทำยังไง”เขาไม่สนใจจะเถียงกับเธอที่สติสตังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พลางดึงมือเธอให้ยืนขึ้นแต่เธอดื้อดึงด้วยการนั่งไม่ยอมลุก เจตสุวีย์ต้องฝืนทำใจแข็งใส่“ไปกินข้าวค่ะ แมทธิวให้พี่คอยดูแลหนูระหว่างที่เขาไม่สบาย ไว้เขาหายแล้วหนูจะดื้อยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ถ้าหนูไม่ห่วงตัวเอง ต่อให้อุ้มไป พี่ก็จะทำ”“ไม่จริงหรอก…เขาเกลียดพี่ ต่อให้จะมาขอโทษแต่เราไม่เคยลืมว่าพี่ทำอะไรกับพวกเราบ้าง โดยเฉพาะกับหนู”เจตสุวีย์ที่ยังจับข้อมือเธออยู่ ใช้แรงดึงจนเธอที่ตัวบางร่างน้อยลุกยืนขึ้นมาชนตัวเขาที่ถือโอกาสกอดเอาไว้ ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนลมหายใจปะทะกันและกัน แววตาของเขามีเงาสะท้อนของใบหน้าเธอในนั้น“แสดงว่าหนูจำได้ดีเรื่องระหว่างเรา..ใช่..พี่บังคับหนู แต่เพราะอะไรล
“คุณเชื่อเรื่องการกลับมาไหม? โจ”“ยังไง..หมายถึงมาเกิดใหม่น่ะเหรอ?”“อืม..มาร์ตินน่ะ มีตำหนิที่หลังหูซ้าย และมีผักที่ชอบหรือไม่ชอบเหมือนคุณพ่อของไอรดา ตอนพาไปหาคุณย่าของเธอ ทำเอาร้องไห้กันใหญ่..ผมเองก็เหมือนกัน อยากกลับมาอยู่กับเธออีกครั้ง ถ้าพระเจ้าจะทรงเห็นใจ”เจตสุวีย์ได้แต่เงียบ เริ่มรู้สึกแย่ขึ้นมา ที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับคนทั้งคู่ แมทธิวได้ยินเสียงจมูกที่ฟึดฟัดของเขา ถึงกับขำเล็กๆ“ถ้าผมกลับมาเกิดแล้วคุณนอกใจเธอ ผมจะพาเธอหนีไปอีกเหมือนที่เคยทำจนคุณตามเราไม่เจอ ให้คุณแก่ตายอย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง”ทำเอาเจตสุวีย์หัวเราะออกมาได้ บรรยากาศในห้องเริ่มดีขึ้นมานิดหน่อย“แต่ถ้าคุณไม่กินผักหรือทำการบ้านไม่เสร็จ ผมอาจจะตีคุณก็ได้”“ไม่มีทาง เพราะภรรยาผม..เธอรักลูกมาก ถ้าตีผม คุณอาจโดนเธอชกหน้าคุณ”พวกเขาพูดคุยกันสบายๆ แม้ว่าแมทธิวจะหอบหายใจไปด้วย“คุณนอนเถอะ ผมจะอยู่ตรงนี้เพื่อคุยงาน คงไม่นอนแล้วล่ะ”พอตอนเช้ามืด แมทธิวยังคงหลับอยู่ เจตสุวีย์จึงย่องออกไปเงียบๆ ตรงไปที่โรงแรมและใช้คีย์การ์ดเปิดประตูเบาๆ ปรากฏว่าไอรดายังนอนหลับอยู่และไม่ล็อกกลอนด้านในไว้ เขาไปที่ข้างเตียง ก้มดูเธอที่หลับลึกจน
ไอรดาเดิมตามเจตสุวีย์ไปติดๆ พลางถามคำถามอยู่ตลอด แต่เขาไม่ตอบและแอบยิ้มกับตัวเองที่เธอวิ่งไล่ตามเขาบ้าง จนไอรดาต้องถือวิสาสะจับแขนเขาเอาไว้ก่อนจะถึงห้องพักผู้ป่วย เจตสุวีย์หยุดเดินกะทันหัน จนใบหน้าของเขาแทบชนกับหน้าผากของเธอแล้วยิ้มให้.. ยิ้มแสนหวานที่ฉาบไปด้วยความรัก มีเพียงไอรดาคนเดียวที่จะได้เห็น “บอกมาว่านัดอะไรกันสามคน ทำไม?” “รู้ไว้แค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเราทำ เพื่อปกป้องหนู ลูกของหนู พี่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้เพราะสัญญากับแมทธิวไว้ จริงๆ พี่ไม่ควรบอกหนูเลยด้วยซ้ำ หวังว่าจะไม่พูดกับเขานะว่าพี่บอก เขาจะยิ่งไม่สบายใจ ปล่อยให้เขาได้ทำในสิ่งที่อยากทำเถอะ” ไอรดาหลบตาลง พลางใช้ความคิด แต่สองมือที่ยังจับแขนเขาอยู่เพราะลืมตัว เจตสุวีย์จึงกุมมือเธอเบาๆ ทำให้เธอนึกได้สลัดมือออกจากมือเขาทันที “หนูไปรอข้างนอกก่อนนะ ถ้าคุยกันเสร็จแล้วพี่จะบอก” ไอรดาเอาแต่ใช้ความคิดจนเครียด และนั่งปวดท้องอยู่ที่โซฟาใกล้กับเคาน์เตอร์ของพยาบาล จนพยาบาลต้องเข้ามาถามเพราะเห็นหน้าเธอซีด นั่งไปสักพักจนอาการดีขึ้น เธอจึงส่งข้อความถึงกานต์วิภาเอาไว้ เกี่ยวกับการป่วยของแมทธิว แต่เพราะตอนนี้ที่ประเทศไทยคือ
แมทธิวเริ่มหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อให้ตัวเขาไม่เหนื่อยมากเกินไป“ผมรู้สึกได้ว่ารอบนี้มันหนักกว่าทุกครั้ง ผมรู้ตัวเองดี แต่ไม่อยากพูดกับภรรยากลัวเธอจะใจเสีย ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับหมอตรงๆ เพราะเธออยู่ด้วยตลอด แต่ดูจากสีหน้าของเธอ ตอนที่หมอเรียกไปคุยมันคงหนักมากจริงๆ ผมเป็นห่วงเธอที่ท้องสองเดือน คุณรู้เรื่องนี้มั้ย..โจ”เจตสุวีย์พยักหน้าว่ารับรู้“ใช่ น้องสาวบอกผมว่าเธอท้องได้เดือนกว่า เมื่อเดือนก่อน”“ที่ผมอยากให้เธอกลับบ้าน เพราะไม่อยากทำให้เธอรู้สึกแย่ที่ผมรู้ว่าคุณแอบคุยกับภรรยาผม โดยปลอมเป็นน้องสาวของคุณ”แมทธิวหอบหายใจมากขึ้นเมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาจ้องเจตสุวีย์ที่มองมาอย่างไม่สะทกสะท้านสักนิด“ไอรดาไม่ผิดอะไรเลย ผมยืนยันได้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”“แปลว่าคุณยอมรับว่าเป็นคนใช้แชทของน้องสาวเพื่อคุยกับเธองั้นสิ”หน้าตาของเจตสุวีย์นิ่งมาก เขาตอบด้วยท่าทางสบายๆ“แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นผม อาจจะแค่สงสัย แล้วเราก็ไม่ได้แชทคุยกันอีกตั้งแต่เธอฮันนีมูนจนท้อง การที่ผมคุยกับเธอ ไม่มีการคุยเกินเลยอะไรทั้งนั้น ผมพอใจที่มีความสุขเพียงเท่านี้”“ไม่รู้สึกว่าหน้าด้านไปหน่อยเหรอที่ข่มขืนใจเธอ ทำให้ธุ