เจตสุวีย์จมอยู่กับความคิดที่ว่า ไอรดาอาจเริ่มใจอ่อนให้เขาบ้างแล้ว เขาฟังเพลงที่เธอเคยส่งให้อยู่ตลอด ทั้งเวลาอยู่บ้าน ในรถ ที่ออฟฟิศ บางครั้งไปดื่มที่บาร์ก็ให้เปิดเพลงนี้
ตอนนี้เขาเริ่มกลับไปติดต่อกับครอบครัวเป็นระยะๆ แต่ส่วนมากจะเป็นแม่ที่เขาโทรไปหาบ่อยที่สุด
ธนัชชากับแม่เที่ยวอยู่ที่ภูเก็ต เจตสุวีย์ได้จ่ายสำหรับห้องพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต และให้เช่ารถขับเองโดยไม่ต้องพึ่งแท็กซี่ สองแม่ลูกช้อปปิ้งกินหรูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“แม่คะ กลับไปเราไปเจอพี่เขากันนะ หนูบอกพี่เขาแล้ว”
“จริงเหรอ? แล้วแม่ต้องแต่งตัวยังไง ทำตัวไม่ถูกแน่ๆเลย”
เธอลงไอจีมาตลอดถึงไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้คบหากับเขา เพื่อนๆมากมายพากันมากดไลค์ให้กับธนัชชาคนใหม่ที่ค่อยๆสวยขึ้น จากการใช้เงินเพื่อเข้าสถานเสริมความงาม
“นัชชา แกรู้ป่ะว่าแฟนแกอ่ะ ลูกนักธุรกิจคนดังระดับประเทศนะ เนี่ย..พึ่งเห็นข่าวจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงของปีนี้ มีรูปพี่เขาขึ้นในนั้น ฉันจำหน้าได้”
ธนัชชาแกล้งทำเป็นชิลๆเหมือนรู้ดี แต่จริงๆแล้วเธอไม่กล้าถามนามสกุลหรือเรื่องครอบครัวของเขาเลยด้วยซ้ำ ถ้าเขาไม่เปิดปากเล่าก่อน ซึ่งแน่นอน..เจตสุวีย์ไม่เคยพูดถึง
“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก พี่เขาขยันทำงานมาก ล่าสุดบอกว่าทำงานหนักเพื่อหาเงินให้ฉันเที่ยว คิดดูสิ ไม่รักยังไงไหว แถมจะเจอกับแม่ฉันแล้วด้วย หลังกลับจากเที่ยวนี่แหละ”
ทำเอาเพื่อนๆที่วิดีโอคอลแบบกลุ่มถึงกับกรี๊ดกันใหญ่ ธนัชชาโชว์วิวมุมสูงจากโรงแรมห้าดาวให้เพื่อนๆเห็นอย่างสนุกสนาน ชีวิตปีสุดท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยในฝันของเธออย่างไม่ต้องอายใครทั้งนั้น เพราะเจตสุวีย์..สุดที่รักของเธอเพียงคนเดียว
แต่หลังจากจบการคอลกลุ่ม เธอเปิดกูเกิ้ลค้นหาข่าวจัดอันดับนักธุรกิจที่ว่า จนเจอกับรูปของเจตสุวีย์ พร้อมชื่อนามสกุล จากนั้นเธอรีบเข้าไปค้นหา ทำเอาเธอตกใจสุดขีด ที่ไม่รู้มาก่อนเพราะไม่เคยรู้จักไอจีของเขา ไม่กล้าถามขอติดตาม เพราะเจียมตัวว่าเป็นเพียงคนที่ถูกอุปถัมภ์และต้องอยู่ให้เป็นเท่านั้น เขาคือลูกชายนักธุรกิจที่ร่ำรวยติดอันดับ Top 10 ของประเทศ และตอนนี้เขายังสร้างตัวเองขึ้นมาจนติดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ของปีนี้
“แม่..อยากเห็นแฟนหนูมั้ย? นี่ไงคะ”
พอแม่มานั่งใกล้ๆแล้วอ่านจนจบ ถึงกับดมยาดม พลางดีใจกับวาสนาของลูกสาว
“จริงๆแล้ว..พี่เขาอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านเราค่ะ ช่วงที่แม่ไปทำงานกะดึก เราดูแลซึ่งกันและกันมาตลอด การมาเที่ยวรอบนี้ พี่เขาบอกหนูว่า เขายอมทำงานหนักเพื่อหาเงินให้หนูมาเที่ยว”
แม่ถึงกับเอามือปิดปาก เนื้อเต้นกับความโชคดีของลูกสาว
“แต่หนูตกลงกับพี่เขาไว้ว่าจะให้เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เพราะพี่เขาเป็นคนเงียบๆค่ะ อีกอย่างคือ..เขาเกรงใจพ่อแม่ที่อาจคลุมถุงชนเอาได้”
“ตายจริง..ก็คงจะจริงนะ เพราะลูกคนรวยขนาดนี้เขาคงหาคนที่ทัดเทียมกันให้ลูกชายเขา แล้วลูกจะทำยังไงถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นมา”
“หนูจะพยายามเพื่อรักษาความสัมพันธ์ค่ะ แต่พี่เขาบอกไว้แล้วว่า ถ้าจำเป็นต้องแต่งงานกับคนอื่น หนูเลือกจะอยู่กับพี่เขาหรือจะเลิกก็ได้ พี่เขาจะให้เงินมาตั้งตัวตามสมควร”
“โถ..ลูก…ถ้าเขาต้องแต่งงานจริงก็ยอมรับความจริงนะ ต้องเลิก แม่ไม่อยากให้ลูกอยู่ในฐานะเมียน้อย ถึงเราจะมาก่อนก็ตาม”
ทางด้านแมทธิวที่พาภรรยาและลูกชายวัยหนึ่งขวบไปเที่ยวควบฮันนีมูน รอบนี้พวกเขาอยู่ที่อิตาลีสามวัน ก่อนจะไปสวิตเซอร์แลนด์ต่อ ขณะที่ไอรดากำลังดูแลลูกชายให้หลับอยู่นั้น แมทธิวก็มานั่งใกล้ๆเพื่อชวนเธอคุย
“ผู้ชายคนนั้นขยันกดไลค์ทุกรูป แถมช่วงก่อน น้องสาวของเขาก็ขยันทักมาคุยด้วย แต่อยู่ดีๆก็หายเงียบซะงั้น ดูคุณเหงาไปเลย”
“มีอะไรที่ต้องกังวล ในเมื่อเราอยู่ในพื้นที่ของเราแล้ว ห่างไกลจากทุกคนที่จะทำร้ายเราได้”
“แต่ผมทำไมยังรู้สึกเหมือนเขายังไม่ไปไหน มันบอกไม่ถูก”
“คิดมากไปแล้ว ที่รัก”
ไอรดาพูดอย่างอารมณ์ดี เธอทำตัวปกติมากจนเขาเองสบายใจขึ้น แต่พอเธอหลับสนิท เขาแอบเอาโทรศัพท์ของเธอไปปลดล็อกเพราะจำรหัสได้
เขาดูแชทในไอจีระหว่างจูนและเธอ ใช้แปลภาษาทุกอัน ซึ่งมีมากมายเพราะการสนทนานั้นกินเวลายาวนานเป็นเดือน ความสงสัยเกิดขึ้นเมื่อการสนทนาใกล้ๆสุดท้ายก่อนที่พวกเธอจะยุติการพูดคุยกันมันดูแปลก รวมถึงพวกเธอส่งลิงก์เพลงบางเพลงให้กัน แต่น่าจะลบออกทั้งฝั่งของจูนและภรรยาของเขา หลงเหลือแค่คำพูดตอบโต้กันที่ชวนให้คิดสงสัย แต่ที่เขาช็อกคือ มีการพูดถึงเงิน 20 ล้านที่เจตสุวีย์ให้มาและเธอต้องการคืนให้เขา ซึ่งไอรดาไม่เคยบอกเขาถึงเรื่องนี้เลย
แมทธิวมองภรรยาที่นอนหลับสนิท เขายังไว้ใจเธอเสมอ ที่ผ่านมาด้วยกันก็พิสูจน์แล้ว อย่างน้อยในแชทนั้นไอรดาก็ย้ำยืนยันว่ารักเขามากขนาดไหน แต่คำพูดที่เธอถามเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นและคำพูดที่เหมือนตัดพ้อจากฝั่งนั้นต่างหาก ที่เขาเอะใจว่าจะไม่ใช่เพื่อนสนิทของเธอ แต่เป็นคนอื่นที่หลอกคุยกับภรรยาของเขา
เจตสุวีย์รู้จากน้องสาวว่าพ่อของเขาไปต่างประเทศ จึงถือโอกาสเข้าไปหาแม่ที่บ้าน ทำเอาแม่ร้องไห้ที่ไม่ได้เจอหน้าเขามาปีกว่า และพึ่งจะได้โทรคุยกันไม่นานนี้เท่านั้น
“ผอมลงมั้ยลูก..กลับบ้านเถอะ ถึงป๊าจะใจแข็งไม่พูดอะไรแต่ใช้คนไปสอดส่องตลอดนะว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร”
“โจทำให้ทุกคนผิดหวัง ตอนออกบ้านไปแรกๆเหนื่อยมากครับม๊า เครียด แต่พอผ่านไปปีนึงเริ่มเข้าที่เข้าทาง ตอนนี้สองปีแล้วสบายขึ้นมาก วันนี้พร้อมแล้วโจก็อยากมาสารภาพผิดบางอย่างด้วย”
มาดามจันจิรามองลูกชายสุดที่รักด้วยความรักและพร้อมอภัยให้เสมอ
“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ลูกผิดพลาดไป ม๊าจะอยู่ข้างลูกเพื่อแก้ไขมัน ไม่จำเป็นที่ลูกจะต้องสู้กับปัญหาคนเดียว”
“ที่โจต้องสารภาพกับม๊า เพราะไม่สามารถสารภาพผิดกับคุณวิชัยและคุณอรชุมา พ่อแม่ของน้องได้ โจสารภาพผิดกับป๊าเรื่องกิจการที่ทิ้งน้องอายเท่านั้น แต่เรื่องระหว่างเรา..โจ..ทำผิดกับน้องมาก ไม่กล้าพอจะสารภาพกับป๊า”
แม่ของเขาสนใจขึ้นมาทันที และรอให้ลูกชายพูดออกมา
“โจซื้อบ้านใหม่เกือบ 60 ล้าน วางแผนรอน้องให้มาแต่งงานด้วย บังคับน้องให้มีอะไรด้วยที่บ้านใหม่นั่น น้องโกรธและเลือกแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นหลังจากที่มีอะไรกัน โจทิ้งกิจการเพราะหวังโง่ๆว่าน้องจะไม่มีทางเลือกต้องกลับมาหา..แต่เปล่าเลย ผู้ชายคนนั้นเอากิจการไปเสนอให้มหาเศรษฐีที่อเมริกาให้เข้ามาช่วยน้องไว้ได้ โจ..แพ้ในเกมที่ตัวเองเป็นคนเริ่ม..”
มาดามจันจิราถึงกับแอบเสียดายที่เกือบได้ลูกสะใภ้ที่เธอรักเหมือนลูกสาวคนหนึ่งมาแล้ว แต่เพราะลูกชายที่คิดน้อยเกินไป
คิดได้แบบนี้ก็โอบกอดลูกชายที่ก้มหน้าอย่างเศร้าสร้อย
“ม๊า..น้องอายคลอดลูกชาย คำนวณเวลาแล้วเท่ากับตอนที่เรามีอะไรกันพอดี ถึงน้องอายจะเอาผลตรวจดีเอ็นเอมายืนยัน แต่โจสลัดความคิดที่ว่าเด็กต้องเป็นลูกของเราไปไม่ได้”
มาดามถึงกับผละจากที่กอดแล้วทำตาโต สีหน้าจริงจังทันที
“ลูกคิดว่าทางนั้นปลอมผลตรวจเหรอ?”
“โจสับสน ไม่รู้ว่าควรคิดยังไงดี จูนส่งคลิปที่น้องอายมาหาม๊ากับป๊า โจเห็นมาร์ตินก็รักทันที มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก”
“ทำยังไงดี..ถ้านั่นคือหลานของม๊าล่ะ”
แม่ของเขารำพึงออกมา ก่อนจะเอามือจับคางลูกชายด้วยความเอ็นดู
“รอโอกาสก่อนนะลูก ม๊าจะหาทางช่วยลูกให้กระจ่างเรื่องนี้ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นหลาน ม๊าก็จะไม่ยอมเหมือนกัน แต่ไม่ต้องบอกป๊าเรื่องนี้ ให้จบที่นี่ก็พอ”
จูนที่เข้าบ้านมาเห็นพี่ชายกับแม่คุยกันก็เดินเข้ามานั่งด้วย
“ดีแล้วที่พี่โจมาหาม๊า พี่ไม่อยู่ม๊าพูดถึงทีไรร้องไห้ตลอด สงสารม๊าบ้าง กลับมาเถอะนะ”
“ขอเวลาสักระยะ ตอนนี้งานกำลังไปได้ดีด้วย อยากให้ป๊ายอมรับ อยากทบทวนตัวเองแบบที่ป๊าบอก”
“จูนเอาการจัดอันดับนักธุรกิจหน้าใหม่ปีนี่ให้ป๊าดู ป๊ายิ้ม ดูภูมิใจนะ ถึงจะไม่พูดอะไรก็ตาม…แล้วก็ มีอีกข่าว อายทักแชทมาบอกว่าท้องได้เดือนกว่าแล้ว”
จูนพูดเสียงอ่อนลงเมื่อบอกเรื่องของไอรดา
สองปีแล้วสินะ…ที่ไม่ได้เจอหนูเลย…
ปีนี้เจตสุวีย์ที่อายุ 32 แล้ว เขาเริ่มสร้างฐานะด้วยตัวเองมาได้อย่างทุลักทุเล เขาไม่คิดเรื่องแต่งงานกับใครทั้งนั้น..ถ้าไม่ใช่คนในหัวใจ…ที่โอกาส..มันต่ำกว่าศูนย์
ไอรดาที่ท้องเกือบสองเดือนได้กลับมาอยู่บ้านที่แคลิฟอร์เนีย เพื่อดูแลตัวเองในระหว่างท้องอีกครั้ง ส่วนแมทธิวก็ทำงานหนัก บินไปบินมาเหมือนเดิม แต่ทุกครั้งที่เขาอยู่บ้านก็จะดูแลเธออย่างดี อยากได้อะไรก็ไม่เคยขัด
เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่แชทจากคนแปลกหน้าที่สวมรอยได้หายไป มีแต่เพื่อนสนิทของเธอที่จะทักมาอาทิตย์ละครั้งหรือสองครั้ง ในเวลาที่ไม่เหมือนคนคนนั้น ที่ชอบส่งข้อความเวลาเดิมๆทุกวัน ซึ่งไอรดาคิดว่า เขาคงจะคิดได้และเริ่มมูฟออนไปใช้ชีวิตของตัวเองอย่างเข้มแข็ง มากกว่าจะมาสนใจว่าที่คุณแม่ลูกสองอย่างเธออีกต่อไป
แต่แค่เธอคิดเพียงเท่านี้เหมือนเขาที่อยู่ห่างไกลจะรับรู้ได้ ในวันหนึ่งกลับมีข้อความเข้ามาในเวลาแปดโมงเช้า…เวลาประจำของเขา โดยแชทเพื่อนสนิทของเธอเช่นเดิม
“ม๊ากับป๊าจะไปเที่ยวที่อเมริกา เลยฝากบอกว่าอาจจะไปเยี่ยมนะ เพราะได้ยินข่าวดีว่าท้องได้จะสองเดือน น่าจะไปหาอาทิตย์หน้า”
“เธอจะมาด้วยมั้ย?”
“น่าจะทำงานไม่ได้ไป คิดถึงล่ะสิ”
“คิดถึงนิดหน่อย คนเคยคุยทุกวันนี่นะ แต่เข้าใจว่าคุยกับคนท้องมันไม่สนุกหรอก บ่นแต่เรื่องลูกให้ฟัง”
ไอรดาตอบมาพร้อมส่งอีโมจิขำๆให้
ธนัชชาที่นอนอยู่ข้างเจตสุวีย์ในคืนนี้ที่มาปรนนิบัติเขา แต่หลังจากเสร็จกิจกับเธอ เขาก็เอนหลังจับโทรศัพท์โดยไม่แคร์เธอว่าจะเห็นหรือไม่ เธอรับรู้ว่ามาสักพักว่าเขาคุยกับคนในหัวใจ เพราะเขาบอกเธอโดยไม่ปิดบัง
เธอได้เห็นสีหน้าที่อ่อนโยน แววตาที่รักใคร่ของเขาเป็นครั้งแรก..ให้กับคนในแชทนั้น ความรู้สึกหึงหวง ริษยานั้นท่วมอยู่ในใจ ยิ่งมองไปเห็นรูปผู้หญิงคนนี้ที่ผนังห้องนอน เหมือนในห้องนี้มีผู้หญิงอีกคนอยู่ด้วยตลอดเวลา มันทำให้เธออยากเอามีดกรีดที่ภาพให้ฉีกขาดเป็นริ้วๆ
รอยยิ้ม..และสายตาแบบนั้น มันควรต้องเป็นของฉันนี่นอนอยู่ข้างเขาสิ....
“บ่นมาเถอะ ฉันชอบอ่าน ดูน่าสนุกออกที่มีเด็กน่ารักแบบนั้นอยู่ด้วยทุกวัน”
เจตสุวีย์ที่สวมรอยเป็นจูน พิมพ์ตอบไปด้วยสีหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แล้วรีบต่อทันทีโดยไม่รอให้ไอรดาพิมพ์อะไรกลับมา
“ตอนนี้ทำงานหนัก นึกถึงตอนเราทำงานด้วยกัน ฉันสนุกทุกวัน จำได้ว่าไม่อยากให้มีวันเสาร์อาทิตย์เลย”
“เธอเก่งจะตาย โดยไม่ต้องมีฉันข้างเธอ”
นั่นถึงกับทำให้เจตสุวีย์ที่นอนเอนหลัง ลุกขึ้นมานั่งกะทันหันอย่างเร็ว ใจเขาเต้นแรงแทบหลุดออกมา ธนัชชาถึงกับลุกนั่งตามเพราะตกใจไปด้วย
หนึ่งในประโยคจากเพลงที่เธอเคยส่งมาให้ เขาฟังเพลงนี้ทุกวันจนจำเนื้อเพลงได้ขึ้นใจ เขาไม่แน่ใจมาตลอดว่าไอรดารู้ไหมว่าที่แชทคุยคือเขาหรือจูน มันทำให้เขาตื่นเต้นระคนความเศร้า ก่อนจะพิมพ์ตอบเธอไป
“ไม่เก่งอะไรเลย แค่ทำเป็นเก่งไปแบบนั้นเอง”
ไอรดาตอบมาสั้นๆอีกครั้ง “ความทรงจำยังคงงดงามเสมอ”
ทีนี้เจตสุวีย์ลุกขึ้นยืนจากเตียงทันที เขาเอามือลูบหน้าตัวเอง โดยที่อีกมือสั่นสะท้านจนจับโทรศัพท์แทบไม่อยู่ ก่อนจะรวบรวมสติตัดสินใจพิมพ์ตอบไอรดาไปว่า
“แม้ในตอนที่เธอไม่ได้อยู่ข้างฉัน”
ไอรดาเห็นข้อความที่ตอบกลับมาถึงกับลุกขึ้นและไปเข้าห้องน้ำ แมทธิวสังเกตภรรยาตลอดตั้งแต่เห็นแสงจากโทรศัพท์ของเธอที่มีแจ้งเตือนข้อความเข้าสักพักแล้ว
เวลาเดิมตอนแปดโมงตรงในตอนเช้า เหมือนก่อนจะไปฮันนีมูนไม่มีผิด…
แมทธิวแน่ใจจากเซ้นส์ของเขาว่า มีบางคนพยายามติดต่อไอรดาลับหลังเขา แต่ที่เขาเริ่มคิดคือ ไอรดารู้หรือไม่?
เจตสุวีย์เดินไปบ้านแม่และไปถามถึงซินแสประจำครอบครัว“ม๊า โจอยากให้ซินแสมาที่บ้านหน่อยน่ะครับ มาวันนี้ก็ได้ โจยอมจ่ายแพงหน่อย”มาดามจันจิราทำหน้าแปลกใจที่ปกติเจตสุวีย์ไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ เขามักพูดว่ามันไร้สาระ “มีอะไรเหรอโจ? มีสิ่งเร้นลับหรือยังไงลูก”“แค่สงสัยอะไรนิดหน่อยครับม๊า เจไม่ค่อยชอบโจเลยอ่ะ ชอบหงุดหงิดใส่ แล้วเป็นกับโจแค่คนเดียวด้วยนะ”“เอ่อ…หรือตอนหนูอายท้อง โจชอบเถียงกับน้องหรือเปล่า? เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย ม๊าก็เดามั่ว”อีกชั่วโมงต่อมา ซินแสได้มาที่บ้าน ทำเอาไอรดาแปลกใจ แต่ก็คิดว่าคงมาดูฮวงจุ้ยบ้านซินแสที่ได้รับข้อมูลมา ก็ขอวันเดือนปี เวลาตกฟากของลูกชายจากไอรดา จากนั้นซินแสขอรูปของแมทธิวจากโทรศัพท์ของเจตสุวีย์ไปดูอีกครั้ง โดยมองที่รูปสลับกับเด็กน้อยที่นั่งบนตักแม่ “แววตาเหมือนกันมาก” พูดจบก็ยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปแมทธิวไปที่เด็กน้อย “มีความสุขที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้สินะ ถึงได้กลับมาอีกครั้ง”ไอรดาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเบิกตากว้าง มองที่เจตสุวีย์ที่ยิ้มมุมปากเล็กๆ “หมายความว่ายังไงคะ?”“คุณผู้หญิงสังเกตพฤติกรรมลูก มีอะไรที่คล้ายคนในรูปบ้างมั้ย? หรือทำไมเด็กถึงไม่ค่อยเข้ากั
เจตสุวีย์ประคบประหงมภรรยายิ่งกว่าไข่ในหินและดูแลไม่ให้คลาดสายตา จวบจนวันแต่งงานที่อเมริกาก็มาถึง รอบนี้คุณปู่คุณย่าของเธอได้มีโอกาสบินไปร่วมงานนี้ด้วยบ้านกิตติโสภณได้ทุ่มเต็มที่ให้กับงานนี้ ทั้งดอกไม้เต็มพื้นที่ ของชำร่วย อาหาร คนเสิร์ฟคอยบริการทั่วทั้งงาน งานมาในธีมสากลแบบฝรั่ง มีบุคคลสำคัญในแวดวงธุรกิจทั้งของเจตสุวีย์และพ่อก็พร้อมใจกันมาร่วมงานแต่งครั้งแรกของพวกเขาเพื่อนของเจตสุวีย์และไอรดาได้มาร่วมด้วยในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาว ทุกคนบินมาร่วมงานกันอย่างชื่นมื่น โดยมีครอบครัวสมิธที่มาร่วมงานด้วยยกเว้นพ่อแม่ของแมทธิว ซึ่งพวกเขาแค่กล่าวคำอวยพรให้เท่านั้น มีเพียงอากงและอาม่าจากไต้หวันที่ยังเอ็นดูบินมาร่วมงานตามคำเชิญ“พวกเขาคงไม่พอใจที่แมทธิวจากไปได้แค่หนึ่งปี หนูก็แต่งงานใหม่” ไอรดากล่าวกับเจตสุวีย์ด้วยสีหน้าที่เศร้า“พี่จะพาหนูกับมาร์ตินไปเที่ยวหาพวกเขาบ่อยๆ คนที่พวกเขาไม่ชอบคือพี่ ไม่ใช่หนู”หลังจากปาร์ตี้สละโสด พวกเขาก็พามาร์ตินไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของแมทธิว ก่อนจะบินไปโมนาโกเพื่อขึ้นเรือสำราญสำหรับฮันนีมูนสามประเทศมี DM เข้ามาที่ไอจีของไอรดาในคืนวันแรกที่อยู่บนเรือ เธ
ธนัชชาและแฟนหนุ่มนั่งกับพื้นประจันหน้ากับเจตสุวีย์ คนหนึ่งหน้าตาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกคนก็มองหน้าเขาด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ“อยากได้เงินหรือความช่วยเหลืออะไรมั้ย? นัชชาให้คุณเท่าไหร่? ผมให้ได้มากกว่านะ ออกคุกมาคุณก็มีเงินใช้สบายๆ ขอแค่ยอมพูดความจริง”เจตสุวีย์ชอบใช้เงินจบปัญหา นี่คือสไตล์ของเขาเวลาต้องการความรวดเร็วและสะดวก“หนูจะแจ้งความกลับ ที่กักขังหน่วงเหนี่ยว ติดสินบนให้คนอื่นใส่ร้ายหนู”“ไม่ต้องห่วง เพราะจบจากการสนทนาอันน่ารังเกียจกับคุณ ผมจะส่งคุณให้ตำรวจพอดี เชิญแจ้งได้เท่าที่พอใจ ผมสนใจอย่างเดียวเกี่ยวกับคุณ..คือเรื่องแม่ ถ้าท่านรู้ว่าคุณใช้เงินของผมมาทำร้ายผม รู้ว่าลูกสาวคนเดียวจะต้องเข้าคุก ท่านจะเสียใจแค่ไหน”พอพูดถึงแม่ของเธอ ธนัชชาออกอาการทันที ป่านนี้แม่คงจะเป็นห่วงและตามหาเธอ ทั้งที่เธออยู่แค่ตรงกันข้ามในบ้านหลังนี้เท่านั้น แฟนของธนัชชาจึงรีบพูดขอความเห็นใจ “ตอนนี้พวกคุณก็ปลอดภัยดี ให้อภัยพวกเราได้มั้ยครับ ผมกับนัชชาจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก” พูดจบก็ยกมือไหว้เจตสุวีย์ ธนัชชาที่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปถลึงตาใส่ทันที “ผมรอดมาก็จริง แต่คนที่พวกคุณเกือบทำให้ตายคือ
ไอรดาที่เสิร์ฟความรักให้สามีเต็มที่ เธอเพลียหลับไปจากการเจออะไรมาทั้งวันและคืนนี้อีกค่อนคืน เจตสุวีย์จึงปล่อยให้ภรรยาพักผ่อน เขาออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนเธอ “พรุ่งนี้ออกมาตอนเช้านะ จะได้มาถึงนี่สักเที่ยง แล้วจะส่งพิกัดให้”เขาติดต่อกับกลุ่มที่จับตัวธนัชชาและแฟนหนุ่ม สั่งให้ขังไว้ในห้อง โดยไม่ต้องมัดหรือบังคับทำร้ายพวกเขา เช้าวันต่อมาตำรวจได้แจ้งว่าพบเบาะแสจากร้านขายโทรศัพท์มือถือที่หนองคายว่ามีคนนำโทรศัพท์มาขายให้โดยน่าจะขโมยมาเพราะไม่สามารถปลดล็อกหน้าจอได้จำนวนสองเครื่อง จึงไม่รับซื้อแต่ได้ภาพหน้าตาของผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดในร้านแทน หนึ่งในสี่ผู้ต้องหาที่ลูกน้องของเจตสุวีย์จับได้ถูกส่งตัวให้ตำรวจ ได้ให้ปากคำว่ารับจ้างงานมาจากผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ นิรมล พอตำรวจเช็กจากเบอร์โทรศัพท์ก็ปรากฏว่าลงทะเบียนเป็นชื่อแฟนเก่าของธนัชชา เจตสุวีย์กลับถึงบ้านพร้อมไอรดา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าไปที่บ้านพ่อแม่ของเขา ก็เจอทุกคนอยู่พร้อมหน้า ไอรดารีบเข้าไปกอดลูกชายที่จูนอุ้มอยู่ ส่วนมาดามจันจิราที่น้ำตาซึมก็รีบเข้าไปกอดลูกชาย“ปลอดภัยนะอาย ทุกคนพากันกังวลไม่ได้หลับไม่นอนที่เธอกับพี่
“นายครับ ผมจะเข้าไปก่อนนะ นายตามผมไปเอานายหญิงมา รีบหนีไปก่อนแล้วค่อยเจอกันทีหลัง ผมจะคุ้มกันให้ ตำรวจกำลังมาทางนี้แล้ว แต่เราไม่มีเวลาพอ”“อีกสองคนอยู่ในนั้นน่าจะมีปืน ต้องอย่าให้มันจับไอรดาไปเป็นตัวประกันได้ เราจะลำบาก”“คุณโจ…คุณสิทธิศักดิ์ชุบเลี้ยงผมมา ท่านขอให้ดูแลคุณ ผมจะทำสุดความสามารถ ยังไงลูกเมียผมก็จะไม่ลำบาก”“ไม่..”เจตสุวีย์พูดได้เท่านั้น ลูกน้องเขาเดินย่องและเล็งปืนอย่างระมัดระวัง พลางยิงขู่ อีกมือก็ทำสัญญาณให้ไอรดาที่ค่อยๆคลานมาลุกวิ่ง เขากระหน่ำยิงขู่ไปสามสี่นัดเพื่อซื้อเวลาให้เจตสุวีย์เข้าไปหาเธอแล้วจับมือดึงให้ลุกขึ้นวิ่ง จนรถกระบะมีรอยพรุนของกระสุนที่หมดลง รถอาวดี้ที่ติดหล่มในนาไปแล้ว ทำให้เจตสุวีย์ที่มือถือปืนข้างหนึ่งและจูงเธอวิ่งหลบไปด้านหลังรถเพื่อใช้เป็นที่กำบังในตอนที่หนี มีเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด “ที่รัก วิ่งนะ อย่าหยุด”ตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พวกเขาวิ่งสลับกับเดินผ่านต้นไม้ทึบๆ จนแน่ใจว่าพ้นอันตรายแล้วจึงให้เธอนั่งพักใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งเจตสุวีย์ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ เสื้อเชิ้ตขาวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อและเปื้อนดินนิดหน่อย กระดุมที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็
ขณะที่เจตสุวีย์กำลังยืนอยู่นอกรถที่ปั๊มน้ำมัน ตอนนี้ลูกน้องอยู่กับเขาสามคน เขาจึงสั่งให้หนึ่งคน ขับรถของไอรดากลับบ้านและคอยดูแลป้ารินและมาร์ติน “นายครับๆ พวกเราทุกคนพก GPS ขนาดเล็กติดตัวเสมอ เราเช็กจากเขาดูว่าอยู่ที่ไหนได้นี่ครับ ตอนนายให้พวกเราพกไว้ทุกคนนายมีข้อมูลเข้าถึง GPS ของพวกเราทุกคนได้นะ”เจตสุวีย์ตื่นเต้นขึ้นมาทันที เขามัวจะคลุ้มคลั่งที่ภรรยาหายจนลืมคิดไป เมื่อเขาเปิดแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ขึ้นมาก็ตาวาวทันที จึงรีบโทรบอกพ่อของเขาว่า GPS ลูกน้องคนหนึ่งของเขาเคลื่อนไปในความเร็วที่รู้ได้ทันทีว่ายังอยู่ในรถ เขาดื่มเกลือแร่ที่ซื้อจากในร้านสะดวกซื้อแล้วรีบขับรถออกตามไปทันที “โทรไปเบอร์พ่อผมให้หน่อย บอกว่าเราอยู่เส้นทางไหน”ขับรถไล่ตามกันไปอยู่สองชั่วโมงครึ่ง สัญญาณนั้นขับผ่านอุทยานเขาใหญ่ แล้วจอดที่ร้านอาหารหนึ่งไม่ไกลจากโรงไฟฟ้าลำตะคลอง ส่วนเจตสุวีย์ที่ขับรถเร็วเพราะใจเขาอยากตามไปให้ใกล้ที่สุด ซึ่งตอนนี้เขาขับผ่านโรงพยาบาลแก่งคอยแล้ว ห่างจากสัญญาณไปอีกแค่ 74 กม.“นายครับ พวกมันหยุดพักแต่อยู่บนทางหลัก ผมส่งข้อความถึงคุณสิทธิศักดิ์แล้ว”จูนที่โทรมาว่าไม่เจอ User และ Password ที่จะ