Home / รักโบราณ / ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ / ตอนที่ 1 วิวาห์อัปยศ

Share

ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ
ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ
Author: กุหลาบดิน

ตอนที่ 1 วิวาห์อัปยศ

last update Last Updated: 2025-06-18 18:55:13

“ข้าไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว  ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างเขา ข้าก็พอใจแล้ว”

“ข้ากำลังจะแต่งงานกับเขา ข้ากำลังจะได้เป็นพระชายาขององค์ชายสาม”

สองข้างทางของถนนหลวง เต็มไปด้วยผู้คนที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีอันยิ่งใหญ่ รถม้าแกะสลักลวดลายงดงามวิจิตรตระการตา แล่นผ่านท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของประชาชน

เสียงกลองมงคลดังสนั่นกึกก้องทั่วพระราชวัง ประกาศให้ทุกผู้คนทั่วแผ่นดินรับรู้ถึงพิธีสมรสพระราชทานอันยิ่งใหญ่ ระหว่าง หลงเจิ้งหยาง องค์ชายสามแห่งแคว้นต้าเฉิน และไป๋ลี่เยว่ ธิดาของเสนาบดีไป๋ 

ไป๋ลี่เยว่ในอาภรณ์เจ้าสาวสีแดงสดงดงามปักลายดอกเหมย ก้าวลงจากรถม้าอย่างระมัดระวัง มือของนางเย็นเฉียบ แต่นางรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นยินดี ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความดีใจ วันนี้ นางกำลังจะได้สมรสกับบุรุษที่เฝ้าหลงรักมาเนิ่นนาน

 ตั้งแต่วันที่ช่วยชีวิตเขาไว้ วันที่หัวใจของนางตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์

แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าองค์ชายสามมิได้รักนาง แต่นางยังมีความหวัง นางยังเชื่อมั่นว่าสักวันหนึ่งเขาจะมองเห็นความจริงใจของนาง เมื่อนั้นนางจะสามารถอยู่เคียงข้างเขาได้อย่างแท้จริง

“เพียงแค่ได้อยู่ข้างกายท่าน ข้าก็ไม่ต้องการสิ่งใดอีก”

พระราชวังถูกประดับประดาด้วยผ้าแพรแดงสดปักลายมังกรหงส์อย่างวิจิตร กลิ่นกำยานหอมจรุงลอยคลุ้งอ้อยอิ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งสิริมงคล ทว่าท่ามกลางบรรยากาศชื่นมื่น ขุนนางและเหล่าสตรีในวังต่างมาร่วมเป็นสักขีพยาน

แต่ภายใต้ความโอ่อ่าหรูหรานี้ บรรดาแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ล้วนมิใช่มาเพราะความปีติยินดีเสมอไป หากแต่เป็นเพราะหลายคนอยากรู้อยากเห็น และมาด้วยความเย้ยหยัน ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้มิใช่เพราะความรัก แต่มันคือผลลัพธ์จากการร้องขอสมรสพระราชทานของสตรีผู้หนึ่ง สตรี ที่ไม่มีผู้ใดคิดว่านางคู่ควร

“เจ้าสาวขององค์ชายสามงั้นหรือ ช่างเป็นเรื่องน่าขันนัก”

“แม้ไป๋ลี่เยว่จะมีใบหน้าที่งดงาม  แต่นางก็อ้วนเกินไป เจ้าสาวที่รูปร่างเช่นนั้น คงเป็นเพียงตัวตลกในงานแต่งเท่านั้น”

“ถูกต้อง องค์ชายสามคือวีรบุรุษแห่งแผ่นดิน รูปร่างสง่างามราวกับเทพเซียน แล้วดูเจ้าสาวของพระองค์สิ ข้าละอายแทนจริงๆ”

เสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่ว เหล่าสตรีสูงศักดิ์ในงานต่างปิดปากหัวเราะเบาๆ ซ่อนรอยยิ้มเยาะไว้ใต้แขนเสื้อ  ไม่มีใครคิดว่าสตรีที่มีรูปร่างเช่นนี้จะคู่ควรกับองค์ชายสาม

“พระชายาไป๋ผู้นี้ช่างโชคดีนัก ได้สมรสพระราชทานกับองค์ชายสาม”

“โชคดีหรือ หึ ถ้านางไม่ไร้ยางอายขอสมรสพระราชทาน คนอย่างนางก็เป็นได้แค่หมูอ้วนไร้ยางอาย”

“ใช่แล้ว รูปร่างเช่นนั้นจะคู่ควรกับองค์ชายสามได้อย่างไร”

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากกลุ่มขุนนางสตรี สายตาของพวกนางเต็มไปด้วยความเหยียดหยันเจ้าสาวของงาน

“ข้าได้ยินมาว่า นางเป็นคนขอสมรสพระราชทานเองด้วยใช่หรือไม่”

“ไป๋ลี่เยว่ผู้นี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก บีบบังคับให้องค์ชายต้องแต่งงานกับสตรีอัปลักษณ์ นี่มิใช่เป็นการดูหมิ่นพระองค์หรอกหรือ”

ไม่มีใครคิดว่าหญิงที่ “อ้วนและไร้เสน่ห์” เช่นไป๋ลี่เยว่ จะสามารถยืนอยู่เคียงข้างองค์ชายสามได้อย่างแท้จริง

เมื่อเสียงกลองมงคลดังขึ้น ขบวนเสด็จขององค์ชายสามเคลื่อนเข้าสู่ท้องพระโรง

องค์ชายหลงเจิ้งหยาง เจ้าบ่าวของงาน ปรากฏกายในอาภรณ์สีแดงปักดิ้นทองสง่างาม ร่างสูงสมบูรณ์แบบราวกับรูปสลัก สายตาเย็นชาราวคมดาบ แผ่รังสีของแม่ทัพผู้เกรียงไกร รัศมีของเขาเป็นบุรุษผู้ที่ไม่มีสตรีใดกล้าต้านทาน

เขาเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม  ใบหน้าคมคายดุดัน สายตาเย็นชา เปี่ยมไปด้วยอำนาจของแม่ทัพผู้ไร้พ่ายที่เคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้วนับไม่ถ้วน แม้เหล่าสตรีในงานจะรู้ดีว่า เขาเย็นชาและไร้เยื่อใย แต่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ว่าเขาคือบุรุษที่น่าหลงใหลที่สุดในแผ่นดิน

“หากข้าได้เป็นเจ้าสาวของพระองค์ก็คงดี”

“น่าเสียดาย ที่เจ้าสาวของพระองค์  เป็นเพียงสตรีอ้วนที่ไม่มีผู้ใดต้องการ”

ร่างสูงยืนเด่นเป็นสง่ากลางท้องพระโรง รัศมีแห่งแม่ทัพทำให้เขาดูน่าเกรงขามราวเทพสงคราม เสียงกระซิบยังคงดังไม่หยุด แต่สิ่งที่เรียกเสียงกระซิบกระซาบได้มากกว่าคือสายตาขององค์ชายสามที่มีต่อเจ้าสาวของพระองค์  เขามองไป๋ลี่เยว่เพียงแวบเดียว ก่อนเมินหน้าหนีอย่างไม่ใยดี ราวกับว่า นางมิได้มีค่าพอให้เขาเสียเวลามอง และนี่  กลับทำให้เสียงนินทาดังขึ้นยิ่งกว่าเดิม

“ดูสิ องค์ชายสามแม้แต่มองยังไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ”

“ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่า คืนเข้าหอจะเป็นเช่นไร”

“สมรสพระราชทาน” หลงเจิ้งหยางแค่นเสียงในใจ  สีหน้าและหัวใจของเขากลับเย็นชา องค์ชายสาม แม่ทัพผู้เกรียงไกร ผู้เป็นดั่งเสาหลักของแผ่นดินอย่างเขา กำลังเข้าพิธีสมรสกับ ไป๋ลี่เยว่ บุตรสาวขุนนางผู้มีความดีความชอบเพียงเพราะนางเคยช่วยชีวิตเขาไว้ตอนที่เขาโดนทำร้ายร่างกายจนเกือบเขาชีวิตไม่รอด ใครจะไปคิดว่านางจะถือโอกาสนี้ขอสมรสพระราชทานต่อฮ่องเต้

“ข้ามิใช่บุรุษที่จะถูกบังคับให้แต่งงานกับสตรีที่ข้ามิได้เลือก ผ่านพ้นคืนนี้ไปก่อนเถอะ”

เขามิได้หันไปมองด้วยซ้ำว่าข้างกายมีสตรีผู้หนึ่งกำลังเฝ้ามองเขาด้วยความหวัง

เขายืนอยู่ท่ามกลางเหล่าขุนนางและราชวงศ์ แต่เพียงแค่ปรายตามอง ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างของเขา

“ข้าต้องแต่งงานกับสตรีที่ข้าไม่ได้เลือก เรื่องเช่นนี้ช่างน่าขันนัก”

ใต้ผ้าคลุมหน้า ไป๋ลี่เยว่รับรู้และได้ยินทุกคำพูด แต่หัวใจของนางยังคงหนักแน่น ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในท้องพระโรงนี้ ทุกสายตาที่จับจ้องมาที่นางล้วนเต็มไปด้วยการดูถูก

“ข้าไม่คู่ควรหรือ”

“ข้าอาจมิใช่เจ้าสาวที่ผู้คนคาดหวัง”

“แต่ข้าก็เป็นพระชายาของเขา และไม่ว่าใครจะพูดเช่นไร  ข้าก็จะทำหน้าที่ของข้าให้ดีที่สุด”

“แม้ข้าจะมิใช่หญิงที่งดงามที่สุด  แต่ข้าก็จะทำให้เขามองข้าให้ได้”

หัวใจของนางยังคงมีความหวัง แม้เขาจะเย็นชา แม้ผู้คนจะดูถูก แต่นางเชื่อว่าหากนางตั้งใจ เขาจะยอมรับนางเข้าสักวัน

ไป๋ลี่เยว่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สบตากับองค์ชายสามเพียงชั่วครู่ แต่เขากลับมิแม้แต่จะปรายตามองนาง

และพิธีสมรสพระราชทาน ก็ยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบที่ไม่เคยหยุดลง จนกระทั่งเสียงบรรเลงขลุ่ยและพิณดังขึ้น ก้องไปทั่วพระราชวัง

“คารวะฟ้าดิน”

ไป๋ลี่เยว่คุกเข่าลงทำพิธีอย่างศรัทธา หวังว่าวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตคู่ที่ดี ทว่าข้างกายนาง องค์ชายสามกลับทำตามพิธีอย่างไร้หัวใจ

“คารวะบรรพบุรุษ” นางก้มศีรษะ เสียงหัวเราะเยาะรอบข้างดังขึ้น เพราะนางก้มได้เพียงเล็กน้อยจากอุปสรรครูปร่างของนาง แต่นางก็มิได้หวั่นไหว

“สามีภรรยาคารวะกัน”

ไป๋ลี่เยว่เงยหน้าขึ้น มุมปากประดับรอยยิ้มบางๆ นางมีเพียงความสุข แต่เมื่อสบตากับองค์ชายสาม นางกลับพบเพียงความเย็นชาไร้ความรู้สึกของบุรุษตรงหน้า

สิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเขามิใช่เพียงความเมินเฉย แต่เป็นความรังเกียจที่เด่นชัด

“…”

“ข้าทนแตะต้องนางมิได้จริงๆ”

“นี่คือผู้หญิงที่ข้าต้องแต่งงานด้วยอย่างนั้นหรือ”

แม้เขาจะมิได้พูดออกมา แต่นางก็อ่านออกได้จากสายตาของเขา

“องค์ชายสามรังเกียจนางถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

“หึ เป็นข้า ก็คงรับมิได้เช่นกัน”

เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง แต่มันไม่สำคัญอีกต่อไป

ในขณะที่ไป๋ลี่เยว่ยินดี บุรุษที่นางรักสุดหัวใจกลับไม่มีแม้เศษเสี้ยวของความสุข เขาเพียงปรายตามองนางอย่างเย็นชา

“นางเป็นเพียงภาระ เป็นเพียงสตรีที่ข้าถูกบังคับให้แต่งด้วยเท่านั้น”

“วันนี้เป็นวันมงคล” ฮ่องเต้ตรัสขึ้นด้วยน้ำเสียงเปี่ยมด้วยพระเมตตา

“ข้าหวังว่าเจ้าทั้งสองจะครองคู่กันอย่างมีความสุข และร่วมกันดูแลแผ่นดินนี้ต่อไป”

“หลงเจิ้งหยาง เจ้าต้องปกป้องและดูแลพระชายาของเจ้าให้ดี”

หลงเจิ้งหยางคุกเข่าลงอย่างสง่างาม แม้ภายในใจจะมิได้ยินดี แต่เขาก็ไม่อาจขัดรับสั่งได้

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

ไป๋ลี่เยว่คุกเข่าลงตาม นางยิ้มอ่อนโยน ดวงตาส่องประกายแห่งความสุข

“หม่อมฉันจะดูแลพระสวามีอย่างดีที่สุดเพคะ”

“ดีมาก”

ฮองเฮาทรงยิ้มอ่อนโยน พระนางทอดพระเนตรไปยังไป๋ลี่เยว่ ด้วยสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู

“ไป๋ลี่เยว่ ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าก็เป็นเด็กดีและเฉลียวฉลาด บัดนี้ เจ้าได้กลายเป็นพระชายาแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุขและนำพาสิ่งดีๆ มาสู่องค์ชายสาม”

ไป๋ลี่เยว่ก้มศีรษะ ซ่อนรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้มเอาไว้

“ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 226 คำสาบานเลือดแห่งโอรส

    ลมหนาวพัดแรงจากทิศเหนือ ใบไม้แห้งปลิวว่อนเหนือผืนดินที่เพิ่งถูกกลบใหม่ หน้าหลุมศพมีเพียงร่างชายหนุ่มในอาภรณ์ดำสนิท ยืนอยู่เงียบงันราวรูปสลักหิน ผืนผ้าคลุมไหล่สีดำเข้มปราศจากลวดลาย เป็นสีที่อนุญาตให้ผู้ต้องโทษสกุลราชสวมได้ หากสำหรับเขาแล้ว มันคือสีแห่งอาลัยและความอัปยศที่ไม่อาจประกาศต่อฟ้าดินพิธีศพจัดในบริเวณสุสานวังหลังอย่างเรียบง่าย เสียงสวดส่งวิญญาณดับสิ้นไปพร้อมแสงสุดท้ายของอาทิตย์ยามอัสดง เหลือเพียงเสียงลมหวิวลอดช่องอิฐของสุสานเย็นเฉียบ กลิ่นดินชื้นปนกลิ่นยาพิษอ่อน ๆ ยังไม่ทันจางจากลมหายใจสุดท้ายของมารดา หลงเหวินหยางก้าวเข้าไปใกล้จนปลายรองเท้าแตะขอบดิน มือที่กำแน่นจนเส้นเลือดปูดสั่นเทา เขายกมือแตะป้ายไม้เล็ก ๆ ที่จารึกเพียงว่า “สุสานสตรีวังหลัง” ไม่มีพระนาม ไม่มียศศักดิ์ ห่อเกียรติยศไว้ในความเงียบ ไม่มีคำใดกล่าวถึงมารดาผู้เคยเป็น “ดวงใจแห่งวังหลวง” ข้าง ๆ มีเพียงธูปและดอกเหมยสีขาวเรียงรายอยู่เป็นระยะ หอมอ่อน ๆ ปนกลิ่นดินชื้นเขาก้มมองมือของตน...เย็นเยียบ ดั่งเลือดในกายถูกแช่แข็ง ปลายนิ้วนั้นเคยถูกมารดาจับอย่างอ่อนโยนเมื่อยังเยาว์ เคยแตะมงกุฎไหมทองเมื่อครั้งขึ้นรับตำแหน่งองค์ชายร

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 225 พิษดอกเหมยและคำสาบานแห่งเลือด

    “เหวินหยาง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะรับผิดเรื่องนี้แทนแม่ของเจ้า” สุรเสียงของฮ่องเต้ดังก้องและเย็นชา องค์ชายสองชะงักงันทันที แววตาไหววูบ ไม่กล้าสบพระพักตร์ ความเงียบปกคลุมทั่วโถงจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคน ผู้เป็นพระมารดาหันไปมองหลงเหวินหยาง ที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัวอยู่เบื้องหน้า ภาพโอรสที่กำลังจะถูกลงโทษรุนแรงและสูญสิ้นอนาคตก่อขึ้นในหัวของนาง แผนที่วางไว้จะถูกทำลายไม่ได้เด็ดขาด “เหวินเอ๋อร์...แม่จะไม่ให้ใครแตะต้องเจ้า” ความคิดนั้นแว่วขึ้น หัวใจนางสั่นระรัว มิใช่เพราะกลัวความตาย แต่กลัวเห็นเลือดในอุทรถูกเหยียบย่ำต่อหน้าต่อตา สิ่งเหล่านั้นทำให้กำแพงความเย่อหยิ่งของนางพังทลายลง ในสายตาของนางเต็มไปด้วยความรักและความเด็ดเดี่ยวอันน่าสะพรึงกลัว พระสนมชิงอวี่หลับตาลงช้า ๆ ยอมจำนนต่อโชคชะตาที่มืดมิด นางรู้ว่าไม่ว่านางจะปฏิเสธอย่างไร หลักฐานก็มัดตัวแน่นหนา แต่... หากนางยอมรับความผิดแต่เพียงผู้เดียว อย่างน้อย… หลงเหวินหยาง ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนางก็ยังมีทางรอด และยังมีความหวัง ที่จะกลับมาทวงอำนาจคืน ก่อนนางจะเงยหน้าขึ้นอีกคราอย่างเด็ดเดี่ยวไร้ความกลัว แววตาคมกริบแต่เปี่ยมด้วยความรันทด มอง

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 224 เพลิงพิโรธแห่งพระบัลลังก์ 2

    เมื่อโจรทั้งห้าถูกลากเข้ามาและส่งเสียงร้องอ้อนวอนขอความเมตตา พระสนมชิงอวี่ก็จำต้องสบตาพวกมันเพียงครู่ แม้นางจะปฏิเสธไม่รู้จัก...แต่ลึกในใจนางกลับย่อมรู้ดีว่า คนจากหลงซานเหล่านี้ล้วนแต่เป็นขุมกำลังลับของพระโอรสของนางเอง นางรักษาสีหน้าให้คงที่ ทว่ามุมปากของนางเริ่มเกร็งขึ้นเล็กน้อยอย่างมิอาจควบคุมได้“หม่อมฉันมิได้รู้จักพวกมัน… แม้แต่คนเดียวเพคะ” เสียงตอบของนางสงบ แต่นิ้วมือเรียวใต้แขนเสื้อเริ่มกำแน่นหลงเจิ้งหยางที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แต่กรีดลึกกว่าคมดาบ “ถ้าเป็นเช่นนั้น หากพระสนมบริสุทธิ์ไร้มลทิน ก็ขอให้พระสนมได้โปรดอธิบายเรื่องตราประทับของตระกูลเซียวที่โจรผู้นั้นครอบครอง ถุงทองคำที่มาจากกรมคลังด้วยเส้นทางที่เชื่อมโยงผ่านทางตระกูลของท่าน และคำสารภาพของนางกำนัลและขันทีที่ถูกส่งไปสำนักพิธีการด้วยพ่ะย่ะค่ะ”พระสนมชิงอวี่ชะงักเพียงเสี้ยววินาที ก่อนคลี่ยิ้มบาง นางเพียงแค่นหัวเราะในลำคอ“สตรีในวังมีคนรับใช้มากมาย จะมีใครทราบได้ทุกฝีก้าวกันเล่าเพคะ”เสียงฮือฮาดังก้อง เหล่าเสนาบดีบางคนถึงกับทำปากขมุบขมิบด้วยความตกตะลึง ขณะที่หลงเหวินหยางโอรสของนาง กำหมัดแน่นจนข้อขาวซีดเส้นเ

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 223 เพลิงพิโรธแห่งพระบัลลังก์ 1

    ในความเงียบอันหนักอึ้งนั้น มีเพียงเสียงลมหายใจอันถี่กระชั้นของ องค์ชายสอง หลงเหวินหยางเท่านั้นที่โดดเด่นดังสะท้อนก้องอยู่กลางท้องพระโรงกว้าง ดวงตาคมวาวโรจน์มองตามแผ่นหลังของเสนาบดีฉีที่ค่อย ๆ ก้าวเดินออกจากท้องพระโรงไป ใบหน้าของเขาซีดเผือดราวผ้าขาว ริมฝีปากสั่นระริก เมื่อแผนการที่สมบูรณ์แบบ บัดนี้ได้ถูกไอ้ลูกฮองเฮาตัวร้ายทำลายลงอย่างสิ้นเชิงด้วยหลักฐานที่มิอาจปฏิเสธได้“ฝ่าบาท... น้องสามทรงกล่าวเหลวไหล เพียงต้องการใส่ร้ายกระหม่อมกับท่านแม่” เสียงของหลงเหวินหยางโพล่งออกมาอย่างลืมตัว เสียงนั้นดังลั่นสะเทือนกล้ามเนื้อในลำคอ มือที่เคยจับพู่กันเขียนฎีกาอย่างมั่นคงและกุมอำนาจพลเรือน บัดนี้สั่นเทาจนแทบจะจับอากาศไม่ได้“ปัง”เสียงกระแทกกำปั้นลงบนโต๊ะจากเบื้องบัลลังก์ดังก้องสะเทือนถึงอกของทุกผู้คน ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้นช้า ๆ พระพักตร์มืดครึ้มราวท้องฟ้าไม่มีแสงตะวัน เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นและบู๊ต่างค้อมกายลงต่ำจนศีรษะแทบจรดพื้น ไม่มีผู้ใดกล้าสบพระเนตรขององค์จักรพรรดิแม้แต่ผู้เดียว“หยุดวาจากันทุกคน” พระสุรเสียงทรงอำนาจดังขึ้น พระเนตรคมกริบของพระองค์หันไปทางขันทีหลวงที่ยืนอยู่ข้างบัลลังก์“หลี่กงกง”

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 222 เมื่อคมหมากย้อนคืน 2

    “แล้วเกี่ยวข้องสิ่งใดกับเรื่องที่องค์ชายสองกล่าวหาเมื่อครู่” “พวกมันหาใช่โจรภูเขาแท้พ่ะย่ะค่ะ หากแต่เป็นหมากของผู้ใดบางคนที่ถูกส่งมาจากหลงซานเพื่ออำพรางตนภายใต้เงาโจรแอบอ้างเป็นโจรภูเขา แล้วสร้างเหตุปล้น เพื่อโยนความผิดให้ผู้รับผิดชอบการดูแลขบวนของคณะทูต” เสียงขององค์ชายสามนิ่ง ทว่าทุกพยางค์ราวกับคมดาบวาดลงบนกระดานหมาก ขณะเสียงลมหายใจของผู้คนในท้องพระโรงแทบหยุดนิ่ง แววตาของหลงเหวินหยางชะงักแข็งค้างชั่ววูบ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มพลันจางไปอย่างไม่อาจควบคุมไม่ทัน องค์ชายสามสะบัดมือเบา ๆ ขันทีนำหีบไม้เข้ามา เปิดเผยของในนั้น เอกสารตราประทับกรมคลังแห่งต้าเฉิง, ถุงทองคำ, และตราสัญลักษณ์ของตระกูลขุนนาง โจรผู้หนึ่งตัวสั่น ก่อนหมอบกราบร้องเสียงดัง “พะ...พวกข้าได้รับคำสั่งจากท่านผู้มีพระคุณ ให้ปล้นขบวนคณะทูต เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” “ผู้มีพระคุณที่เจ้ากล่าวอ้างถึง คือผู้ใดกัน” สุรเสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากบัลลังก์มังกร “เอ่อ…คนตระกูลเซียวพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อคำว่า ‘ตระกูลเซียว’ หลุดจากปากโจร เสียงสูดลมหายใจพลันดังพร้อมกันทั่วโถงราวคลื่นกระแทก เสนาบดีบางคนถึงกับสะดุ้ง พระเนตรของฮ่องเต้แคบลงช้า

  • ลิขิตรัก องค์ชายไร้ใจ   ตอนที่ 221 เมื่อคมหมากย้อนคืน 1

    “อย่างไรก็ดี เรื่องเช่นนี้… หากมองอีกแง่ ก็เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดที่ก็เป็นได้” เสียงพูดของหลงเหวินหยางแผ่วลงพร้อมรอยยิ้มบางที่ยากอ่าน“แต่ก็คงเป็นเพียงไมตรีระหว่างเชื้อพระวงศ์ต่างแคว้น หาใช่เรื่องใหญ่โต... หามิใช่เรื่องที่ควรน่าสงสัยใด ๆ หรอกกระมัง” เขาหยุดเพียงชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนราวจะคลี่คลายเรื่อง แต่กลับกลายเป็นคมมีดซ่อนในรอยยิ้ม“ถึงอย่างไร กระหม่อมก็เชื่อมั่นว่าองค์ชายสามผู้ทรงสัตย์มั่นในราชวงศ์คงไม่กล้าก่อการสิ่งใด...ที่อาจดูคล้ายเป็นการลอบติดต่อกับต่างแคว้นอย่างลับ ๆ อันเข้าข่ายกบฏต่อใต้หล้าเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”คำพูดนั้นอ่อนโยน เสียงท้ายประโยคนั้นเบาเพียงลมหายใจ แต่แฝงแรงสะเทือนถึงหัวใจคนฟังทั้งท้องพระโรง คำพูดดูคล้ายปกป้อง ทว่าเมื่อพินิจเนื้อหากลับเป็นการสาดน้ำมันลงบนเปลวเพลิงถ้อยคำ “มิอาจคิดการใหญ่” และ “ชิงความดีความชอบ” ดังก้องในใจผู้ฟังเหล่าขุนนางบางคนเริ่มซุบซิบ บ้างหลุบตา บ้างเหลือบมององค์ชายสามอย่างระแวดระวังแววพระเนตรของฮ่องเต้ที่วางอยู่บนพัดหลวงพลันไหววูบ พระโอษฐ์เม้มแน่น เสียงพระทัยคล้ายหนักอึ้งกว่าเดิมหลงเจิ้งหยางยังก้มศีรษะนิ่งงัน ดวงตาคู่น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status