LOGIN“ไม่! ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาด”“แล้วจะให้ตามนางกลับมาทำไม” เขายิ่งสงสัย“ก็ให้นางกลับมาเป็นชายาของท่าน ส่วนข้าก็จะขอหย่าจากท่าน แล้วไปหาสามีใหม่บ้าง” นางเชิดหน้าท้าทาย จ้องเขาตาไม่กะพริบกุ้ยอ๋องเริ่มมีอารมณ์หึงหวง เมื่อได้ยินคำประกาศก้องของนาง“จะให้ข้าหย่าแล้วไปหาสามีใหม่หรือ ฮา ๆ ๆ ฮา ๆ ๆ ช่างฝันเฟื่องจริง ๆ นะชายาที่รัก คนอย่างกุ้ยอ๋องกุ้ยหย่งหมิง จะไม่ยอมเสียเจ้าให้ผู้ชายหน้าไหนแน่ ๆ ต่อให้ต้องฆ่าเจ้าทิ้งข้าก็จะทำ” ให้นางไปเสพสุขกับชายอื่น เขาเลือกฆ่านางให้ตายด้วยน้ำมือตัวเองเสียดีกว่า“ฮึ! เป็นความรักที่มั่นคงดั่งหินผา หรือว่าเป็นหมาหวงก้างดีนะ” ใช้ถ้อยคำหยาบคายยอกย้อนใส่เขา ตอนนี้อารมณ์ต่าง ๆ ตีกันยุ่งเหยิงไปหมดโกรธ เกลียด รัก หึงหวง เสียใจ เจ็บใจ บรรยายไม่ถูก“พอเถิดพระชายาที่รัก ข้าไม่ล้อเล่นกับเจ้าแล้ว พูดไปพูดมาเดี๋ยวจะกลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โต” เขานั่งลง กระตุกมือบางเบา ๆ จนนางเซลงมาบนตัก แล้วโอบเอวของนางไว้ ซุกปลายจมูกกับซอกคอที่ชื้นเหงื่อ นางคงโกรธเขามากสินะ ความร้อนในร่างกายถึงสูงได้ขนาดนี้“ปล่อยข้า อย่ามาจับเนื้อต้องตัวข้า น่าขยะแขยงสิ้นดี!” นางดีดดิ้นรุนแรง ยิ่งเขารัดก็ยิ
“เพราะท่านนั่นแหละ ข้าถึงได้มีโอกาสรู้จักท่านโจน” ถ้าหัวหน้าไม่ยืนอยู่ด้านหลังที่นางยืนอยู่ เขาก็คงไม่เดินมาทางนี้ และคงไม่เห็นนางถึงจะอยู่บนเรือลำเดียวกัน แต่มันก็ใหญ่โตกว้างขวางมาก โอกาสที่จะได้เจอกันแบบนี้คงหาได้ยากเต็มที“ในเมื่อท่านเมตตาก็ทำตัวให้ดี ขยันขันแข็งให้มาก ๆ จำเอาไว้” เขาเองก็รู้สึกถูกชะตากับหนุ่มน้อยคนนี้เหมือนกัน จึงตักเตือนด้วยความหวังดีเหมือนเห็นเป็นลูกหลานคนหนึ่ง........................คฤหาสน์สกุลกุ้ยสามวันแล้วที่การติดตามข่าวของหลินโม่วไม่มีอะไรคืบหน้า นางไม่ทิ้งร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียว บิดามารดาของนางจึงถอดใจไม่คิดจะตามหา เตรียมตัวเดินทางกลับหมู่บ้าน“เราสองคนปรึกษากันแล้ว มั่นใจว่าหลินโม่วต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น นางพกยาไปหลายขนาน ทั้งยารักษาโรคและยาพิษ ข้าจึงยิ่งมั่นใจว่านางต้องปลอดภัย” นางเข้าไปค้นในห้องพักของลูกสาว พบว่าห่อยาที่ติดตัวมาในครั้งแรกหายไปด้วย ทำให้เบาใจลงมาก จึงคุยกับสามีและชวนกันเดินทางกลับ“แต่เรามีเรื่องอยากขอร้องท่านทั้งสอง”“พวกเรายินดีช่วยเหลือ ท่านหมอเกิงมีเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” กุ้ยถิงรีบตอบรับ ความพลัดพรากทำให้เสี
หลินโม่วหมอบนิ่งอยู่กับพื้นเรือ อึ้งไปชั่วขณะด้วยความผิดหวัง เขาจำนางไม่ได้ นางคิดไปเอง.. พลันนึกถึงเมื่อวานช่วงสาย ตอนที่เขาไปหาพระชายากุ้ยถิง เมื่อไปถึงและรู้ว่านางไม่ค่อยสบาย เขาก็รีบถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย และกำชับให้นางพักผ่อนมาก ๆ ตกเย็นยังกลับไปหานางอีกครั้ง เพื่อนำยาของบำรุงสุขภาพจากทางบ้านเกิดไปให้“ฮือ ๆ ๆ ฮือ ๆ ๆ” ความน้อยใจทำให้นางสะอื้นไห้เสียงดัง ไหล่สั่นสะท้านจอห์นมองหัวหน้าจั๊วแล้วส่งสายตาเป็นคำถาม เห็นอีกฝ่ายทำสีหน้าลำบากใจก่อนตีมือลงไปบนไหล่สั่น ๆ นั้นเต็มพอแรงเฮ้อ! บอบบางจริง ๆ “หยุดร้องได้แล้ว! ญาติฝ่ายไหนเจ้าตายหรือไง” หัวหน้าจั๊วตะคอกเสียงดัง แล้วนั่งลงกระซิบใกล้ ๆ “อยู่ต่อหน้าท่านโจนยังทำตัวอ่อนแอปานนี้ ถ้าเขาไล่เจ้ากลับฝั่ง จะมาโทษข้าไม่ได้นะ” และมันก็ได้ผลเพราะเสียงร้องหายไปทันที“ฮึก ๆ ขอโทษขอรับ ข้าจะไม่ร้องอีกแล้ว ฮึก ๆ” เสียงสะอื้นบาง ๆ ยังเล็ดลอดออกมากับคำพูดอยู่บ้าง“เงยหน้าขึ้นมา”หญิงสาวในคราบหนุ่มน้อยทำตามทันที เพราะอยากรู้ว่าถ้าเขาเห็นนางจัง ๆ แล้วจะจำได้ไหมจอห์นหรือท่านโจนมองเด็กหนุ่มอย่างครุ่นคิดสงสัย แววตาแบบนี้ทำไมรู้สึกคุ้นตาจังนะ เหมือน
หลินเกิงมือสั่นเทาขณะแกะจดหมายที่มีชื่อของเขาอยู่หน้าซอง นึกภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่าให้ทุกอย่างเป็นเหมือนครั้งที่ผ่านมา‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกขอโทษที่ทำให้พวกท่านต้องเสียใจอีกแล้ว แต่ที่ลูกต้องทำแบบนี้ท่านน่าจะรู้ว่าเพราะอะไร ลูกอกตัญญูต่อท่านพ่อ ท่านอาจตัดขาดความเป็นพ่อลูกกันตลอดชาติ แต่ต่อให้ท่านเกลียดลูกแค่ไหน ลูกก็ยังรักท่านเสมอการเดินทางไปท่องโลกกว้างครั้งนี้ ลูกจะอาศัยปัญญาอันน้อยนิดที่มีอยู่รักษาตัวให้อยู่รอดปลอดภัย เพื่อกลับมาหาท่านทั้งสองในสักวันหนึ่ง ถึงเวลานั้นถ้าลูกยังไม่พบรักแท้ ลูกจะยอมแต่งงานกับคนที่ท่านพ่อพอใจ นี่คือคำมั่นที่ออกมาจากใจจริงของลูกสาวท่านคนนี้ ฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงหลินโม่ว’อ่านจบแล้วจึงยื่นจดหมายให้ภรรยา แสร้งเงยหน้ามองเพดานไปทั่วแต่ความจริงกลัวน้ำตาจะไหลออกมา กะพริบตาถี่ยิบเพื่อขับไล่ให้มันหายเข้าไปทางเดิมหลินเซียงกลับดูเข้มแข็งกว่าสามีของนางมาก ไม่มีความผิดหวังในดวงตาคู่นั้น มีแต่ความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น“ข้าขอโทษที่เลี้ยงลูกสาวได้ไม่ดี นางทำให้ท่านต้องเสียใจซ้ำสอง ข้าขอรับความผิดทั้งหมดไว้เอง เพราะที่ลูกเป็นแบบนี้ก็เพราะนางมีนิสัยเหม
“เฮอะ! ฮา ๆ ๆ ฮา ๆ ๆ ผู้หญิงแพศยามีศักดิ์ศรีด้วยหรือ ต่อให้เจ้าตบข้าอีกสิบทีร้อยที ข้าก็จะเรียกเจ้าว่าผู้ หญิง แพศ..”ฉาด!คราวนี้นางถึงกับเซล้มลงไปแทบเท้าฮองเฮา เลือดทะลักออกมาเปื้อนพรม แล้วสติดับวูบลงไปกุ้ยถิงเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าสามีของนางจะกล้าทำร้ายองค์หญิงเหวินเว่ย.. ไม่มีเสียงของใครเล็ดลอดออกมา แม้กระทั่งเสียงหายใจยังไม่กล้าปล่อยออกมาเต็มที่ คาดว่าเรื่องนี้คงถูกจารึกอยู่ในสมองของทุกคนที่อยู่ในนี้“จำไว้เป็นบทเรียนให้ขึ้นใจ ถ้าไม่อยากเป็นแบบสตรีนางนี้ อย่าดูถูกพระชายากุ้ยถิงรวมถึงถังโจวฮ่องเต้ที่ข้ารักยิ่ง ถ้าในอนาคตถ้าข้าต้องตายจากไปก่อน บุรุษผู้เดียวที่ข้าไว้ใจให้ดูแลพระชายากุ้ยถิงก็คือพระองค์ ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์” เพราะท่านคนเดียวข้าถึงต้องประกาศแบบนี้ เขาส่งสายตาเชือดเฉือนให้คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ถังโจวรู้สึกละอายใจยิ่งนักที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น แต่พระองค์รู้ดีว่าญาติผู้น้องคนนี้คิดอย่างที่พูดจริง ๆ“หัวหน้าอาลักษณ์ออกมา” พระองค์ขานเรียก รอจนอีกฝ่ายก้าวออกมา “เขียนประกาศปลดองค์หญิงเหวินเว่ยให้เป็นเพียงสามัญชน โทษฐานลบหลู่เบื้องสูง แล้วขับออกจากวังหลวงท
ทุกคนรอฟังคำตอบด้วยใจที่จดจ่อ ห้องทั้งห้องเงียบกริบ มีแต่เพียงสายตาที่ต่างก็เพ่งมองไปที่หัวหน้าหมอหลวงและหมอหญิงมีเพียงเหวินเว่ยเท่านั้นที่รู้สึกกลัวเข้ากระดูก รู้สึกเย็นไปทั่วสันหลังเมื่อสบตากับอ๋องกุ้ย.. สายตาที่มองมาด้วยความเกลียดชังคู่นั้นทำให้นางถึงกับหลั่งน้ำตา ความกลัวเริ่มละลายหายไปกับอากาศ ความสาแก่ใจเริ่มเข้ามาแทนที่ รอยยิ้มจึงเริ่มปรากฏขึ้นที่มุมปากทั้งที่ยังมีน้ำตาอาบแก้มเอาสิเป็นไงก็เป็นกัน“ได้คำตอบหรือยังหมอหลวง” ถังโจวตั้งคำถาม เมื่อเห็นหมอหญิงถอยห่างออกไป“เรียนฝ่าบาท เป็นอย่างที่กุ้ยอ๋องบอกจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”ถังโจวถึงกับกุมศีรษะ หันไปมองเสด็จย่าอย่างจนปัญญาจะให้การช่วยเหลือหลานรักของพระองค์ แล้วหันกลับไปมองคนก่อเรื่อง.. นึกอยากจะถามนางเหลือเกินว่าทำอะไรเคยนึกถึงคนที่เอานางมาชุบเลี้ยงบ้างไหม ได้สถาปนายศเป็นถึงองค์หญิง แต่ทำไมถึงทำตัวต่ำทรามเช่นนี้“เจ้าจะแก้ตัวหรือไม่องค์หญิงเหวินเว่ย”“ไม่เพคะฝ่าบาท หม่อมฉันยอมรับว่าทำจริงเพคะ” นางตอบชัดคำไม่มีอาการสำนึกสักนิด จะให้นางแก้ตัวอย่างไรได้เล่า ในเมื่อหลักฐานมันชัดเจนปานนั้น“เลวที่สุด!” กุ้ยหย่งหมิงสบถออกไป ไม่สนว่ามีผู้







