Share

บทที่ 7

Author: Mu lingxi
last update Last Updated: 2025-10-13 05:56:51

เมืองหลวง จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการ

ภายในห้องหนังสือเงียบสงัดดุจสุสาน เสียงพู่กันเสียดสีกระดาษดังแผ่วเพียงเล็กน้อย คล้ายสายลมพัดผ่านกิ่งไม้ยามราตรี หวงจิ่วเยี่ยนั่งอยู่หลังโต๊ะใหญ่ ทอดสายตาเหนือฎีกาที่กองสูงเป็นภูผา พลันหัวใจกลับแล่นวาบด้วยความเจ็บปวดรุนแรง ราวถูกมือมารบีบรัดดวงวิญญาณให้สั่นสะท้าน

มิใช่เพียงพิษร้ายที่กำเริบตามกำหนด ปีละสี่คราเท่านั้น หากแต่ยังเป็นความเจ็บปวดอันคลุมเครือ ลี้ลับ ราวมีเส้นด้ายแห่งโชคชะตาแผ่พัวพันกับใครบางคนในห้วงไกลโพ้น เขาจึงต้องเผชิญกับความทรมานนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เขาวางพู่กันลงแผ่วเบา เอนกายพิงพนักเก้าอี้ หลับตาแน่น คล้ายจักข่มเสียงเจ็บปวดที่แล่นลึกถึงกระดูกดำ

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าแผ่วเบาก็ดังขึ้น หญิงสาวนางข้าหลวงในเรือน ก้าวเข้ามาพร้อมถาดชาในมือ ผิวมือขาวเรียวดั่งหยก นัยน์ตาเหลือบมองบุรุษเบื้องหน้า ผู้สวมอาภรณ์ดำปักลายมังกรทอง รัศมีอำนาจแผ่ซ่านดุจเทพสวรรค์เสด็จจุติ แม้เอนกายอย่างเกียจคร้าน แต่เพียงแววตาเย็นเยียบกลับบังคับให้ผู้คนไม่อาจขยับเขยื้อน

หัวใจของนางสั่นระรัว ทุกก้าวที่ย่างเข้ามา คล้ายมีแรงลี้ลับบีบคั้นอกให้อึดอัดยากหายใจ

สิบก้าว…เก้าก้าว…เจ็ดก้าว…หกก้าว…

อีกเพียงน้อยนิดก็จักถึงโต๊ะใหญ่เพื่อวางถาดชา

“ไสหัวไป”

สุรเสียงทุ้มต่ำเยียบเย็น ดุจน้ำแข็งจากนรกภูมิสาดซัดกลางอากาศ ราวกระบี่เร้นที่กรีดแทงทะลุหัวใจ

ร่างน้อยสะดุ้งเฮือก ถาดชาในมือร่วงหล่นแตกกระจาย ชาในถ้วยสาดกระเซ็นนองพื้น นางรีบทรุดตัวคุกเข่า ตัวสั่นสะท้านไม่อาจหยุดยั้ง “โปรดอภัย…ท่านอ๋อง หม่อมฉันมิได้ตั้งใจ…”

หวงจิ่วเยี่ยยังคงหลับตาแนบสนิท ราวกับทุกสิ่งมิได้ผ่านเข้ามาในโลกของเขา แม้เงามิได้ปรายตา เสียงเอื้อนเอ่ยกลับเย็นยะเยือกสิ้นไร้อารมณ์

“ลากออกไป”

“ท่านอ๋อง…” นางข้าหลวงเปล่งเสียงสั่นระริก ปนทั้งหวาดหวั่นและเลศนัย เสียงแผ่วหวานคล้ายเรียกร้องความสงสาร แต่ซ่อนเร้นเสน่ห์ยั่วเย้าอยู่ลึกๆ …

นางเชื่อมั่นว่า หากเพียงเขาเหลียวตามาสักคราหนึ่ง…ดวงพักตร์นี้ย่อมสามารถสะกดให้หลงใหลได้ไม่ยาก ทว่ากลับได้ยินเพียงสุรเสียงทุ้มต่ำแฝงโทสะ ดังก้องสะท้อนกำแพงสูง

“โบยสิบไม้!”

ถ้อยคำสั้นประหนึ่งกระบี่เร้น ฟาดฟันด้วยความเยียบเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งแห่งแดนหิมะ ห้วงลมภายในห้องพลันหยุดนิ่ง

องครักษ์นอกห้องเรือนเร่งกรูกันเข้ามา คว้าตัวนางข้าหลวงโดยมิให้ทันได้ตั้งตัว นางดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง หวังจะอาศัยโฉมงามเป็นเกราะกำบัง แต่เมื่อสบสายตาองครักษ์ผู้แข็งกร้าวหาได้มีความปรานี ใบหน้างามก็พลันซีดเผือด ประหนึ่งกลีบผกาที่ถูกน้ำค้างยามเหมันต์ชะล้างจนไร้สีสันเสียงกรีดร้องแหลมสูงดังสะท้านโถงเรือน

“ท่านอ๋อง โปรดเมตตา! หม่อมฉันจะไม่กล้าอีกแล้ว!”กระนั้น สุรเสียงวิงวอนกลับจมหายไปท่ามกลางความเย็นชาสิ้นอารมณ์ของบุรุษผู้หนึ่ง

“ยี่สิบไม้”

คำสั่งเย็นชาเปรียบดังหิมะถล่ม ภายในห้องกลับหนักอึ้งจนแทบไร้สุ้มเสียง นางยังคงพยายามเปล่งเสียงสั่นระริก ทว่ายังไม่ทันจบ ห้วงอากาศก็ถูกฉีกขาดอีกครั้ง

“สามสิบไม้”

เมื่อคำสั่งหนักหนาเอื้อนเอ่ยออกมา เหล่าองครักษ์ถึงกับชะงักเพียงเสี้ยวลมหายใจ นางข้าหลวงสบช่องรีบสะบัดตัวหนี แต่สุดท้ายกลับถูกคว้ากลับมาด้วยฝีมือเหนือชั้น มิอาจหลุดรอด เถียงไม่ได้แม้เพียงก้าว

เสียงกรีดร้องยังไม่ทันสิ้น กายบางก็ถูกลากหายออกไปนอกรั้วเรือน ท่ามกลางความเย็นชาไร้ปรานี

ครานั้นเอง ดวงตายาวรีคู่คมของหวงจิ่วเยี่ยค่อยๆ เปิดขึ้น แววตาดุจน้ำแข็งพันปีทอดมองประตูที่ว่างเปล่า มิไหวติง คำหนึ่งหลุดจากริมฝีปากดุจสายลมหนาวพัดผ่านเหมันต์

“ไร้ค่า…”

คุกใต้จวนอ๋อง

เสียงโซ่เหล็กกระทบผนังหินชื้นหนาว “แกร๊ง แกร๊ง” ก้องสะท้อนทั่วคุกใต้ดิน ร่างนางข้าหลวงถูกเหวี่ยงกระแทกลงสู่พื้นแข็งเย็นยะเยือก ความมืดมิดโอบล้อมทุกด้าน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว หัวใจสั่นระรัวประหนึ่งจะทะลุออกจากอก

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าหนักหน่วงก็ดังแว่วใกล้เข้ามา บุรุษหลายคนก้าวเข้ามาในความมืด ร่างสูงใหญ่ ล้อมนางไว้ด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายราวปีศาจลอบเร้น

“ท่านอ๋องมีบัญชาเท่าใด” ชายผู้หนึ่งเอ่ยเสียงห้าว

“สามสิบไม้” องครักษ์ตอบด้วยน้ำเสียงห้วนเย็น “ไม่ว่าตายหรืออยู่ให้ถึงที่สุด!” เขาส่ายศีรษะเบาๆ ราวกับเวทนา “โฉมงามเพียงนี้ หากไร้สมองช่างน่าเสียดายยิ่งนัก เอาเถิด พวกเจ้าสั่งสอนให้นางรู้จักเข็ดหลาบเสีย!”

ถ้อยคำเย็นชานั้นประหนึ่งตราประทับแห่งชะตากรรม ใครก็ตามบังอาจใช้ความงามยั่วใกล้ชิดท่านอ๋อง…ล้วนลงเอยด้วยบั้นปลายเดียวกัน

เสียงหัวเราะต่ำแปรเปลี่ยนเป็นเสียงโห่หื่นดังก้อง ความสิ้นหวังจู่โจมเข้าครอบงำนาง จนร่างสั่นสะท้าน นางดิ้นรนวิ่งหนีสุดแรง ทว่าทุกหนทางกลับถูกวงล้อมแข็งกร้าวปิดตาย ไร้ซึ่งช่องว่างแม้เพียงครึ่งก้าว

ในเงามืด คุกใต้ดินคล้ายจะสั่นสะเทือนด้วยเสียงหวดไม้ที่กำลังจะมาเยือน เสียงสะอื้นพร่าของนางค่อยๆ จมหายไปในความหนาวเหน็บอันไร้เมตตา…

หอสมบัติในจวนอ๋อง

ภายในห้องลับมืดสลัว แสงตะเกียงน้ำมันส่องวาวบนผนังหยกเก่าแก่ กลิ่นสมุนไพรและยาวิเศษตลบอบอวลทุกอณู ราวกับโลกทั้งผืนถูกสถิตไว้ด้วยกลิ่นยาเพียงหนึ่งเดียว

หวงจิ่วเยี่ยยกมือเรียวยาวขึ้น ถือ “เทียนซานเสวี่ยเหลียน” ดอกบัวหิมะหายากซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ราชันแห่งโอสถฟ้า” กลีบบอบบางขาวสะอาดดุจหิมะต้องแสง ขับกลิ่นหอมเยียบเย็นเกินกว่าบุปผาใดบนพิภพ

เขาใช้นิ้วเรียวยาวหยิบกลีบหนึ่งขึ้นช้าๆ นัยน์ตาล้ำลึกเยียบเย็นคล้ายธารน้ำแข็งพันปี ก่อนเปล่งสุรเสียงเรียบแต่ทุ้มต่ำก้องสะท้อนทั่วโถงหิน

“ครั้งนี้ สูญเสียไปเท่าไร”

องครักษ์เงาดำไป่หรง คุกเข่าแนบพื้น ดวงหน้าซีดเคร่ง เสียงสั่นเครือเอ่ยตอบ

“ทัพของเราสิ้นไปหนึ่งหมื่นห้าพันนายพ่ะย่ะค่ะ…”

เพียงศัตรูสามพัน กลับหาญกล้าสังหารผู้คนได้มากมายถึงเพียงนี้ นับเป็นความอัปยศที่สั่นสะเทือนทั้งกองทัพ!

หวงจิ่วเยี่ยหัวเราะแผ่วในลำคอ ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย แต่ในแววตากลับหนาวเหน็บราวน้ำแข็งกัดกระดูก

“พวกเจ้าก็ช่าง มีฝีมือมิใช่น้อยนัก!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 55

    “ต่อให้เทียนซานเสวี่ยเหลียนไม่ตกอยู่ในมือพวกเราตั้งแต่แรก หากเมื่อใดมันเผยโฉม เราก็ต้อง แย่งมาให้ได้…ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม!” เสียงของนางราวสายลมหนาวในหุบเหว ฉูเหวินทรุดกายคุกเข่าทันที “ขอรับ!” ศึกหญิงงามชิงเด่น ข่าวลือเรื่องที่อ๋องผู้สำเร็จราชการจะจัดการคัดเลือกหญิงงาม เพียงแพร่สะพัดออกไป ก็สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งแผ่นดิน ขุนนางผู้ทรงอำนาจและตระกูลมั่งคั่งต่างรีบส่งบุตรีที่งดงามที่สุดของตนออกมาอวดโฉม บ้างว่าจ้างครูผู้ชำนาญมาสอนศิลปะสารพัดแขนง บ้างสั่งตัดชุดงามล้ำจากหอจิ่นซ่านเก๋อ ยิ่งใครปรารถนาผลลัพธ์มากเท่าไร ยิ่งทุ่มเทมากเท่านั้น โชคดีที่หอจิ่นซ่านเก๋อมีหญิงปักผ้าฝีมือเอกมากพอ แม้จะสั่งทำเฉพาะ ก็ยังสามารถส่งมอบได้ภายในสามวัน แน่นอนว่า สิ่งแรกที่ถูกนำมานับถือคือเงินทอง หากเจ้ามีเงิน เจ้าก็เป็นได้ถึงขั้นบงการ หากขัดสนแต่ยังอยากรักษาหน้า ก็เลือกซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปแขวนอยู่ตรงนั้น จ่ายเงินแล้วนำกลับไปอวดอ้างก็ยังได้อยู่ดี เพราะเสื้อผ้าของหอจิ่นซ่านเก๋อขึ้นชื่อมาแต่เดิมว่า หรูหรา งดงาม และสูงศักดิ์ “คุณหนู ฮะฮะฮะ ช่วงนี้รายได้งามนัก” ฉูเหวินถือสมุดบัญชีเดินยิ้มเข้ามาใ

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 54

    คืนนั้น… คงทำให้ตาเฒ่าชราผู้นั้น ตกใจไม่น้อยเลยกระมัง ไม่อย่างนั้น ตลอดหลายวันที่ผ่านมาผู้คนมากมายยังแวะเวียนมาดูอาการนาง ทว่าเพียงเขาผู้เดียวที่ไม่เคยปรากฏตัว“ตาเฒ่าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซือหรงชะงักเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงเรียบ “ท่านอาวุโสยังแข็งแรงดีเจ้าค่ะ!” หลินซีส่ายหน้าเบา ๆ แววตาเศร้าลึกจนยากจะเอ่ย “ข้าไม่ได้หมายถึงยามนี้ แต่หมายถึงคืนนั้น หลังจากเขาส่งข้ากลับมาแล้ว… เขาเป็นอย่างไรบ้าง?” ซือหรงเม้มปากแน่น หันมองรอบกายอย่างระวัง พอแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ใกล้ จึงโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูอย่างแผ่วเบา “คืนนั้น หลังจากผู้อาวุโสอุ้มคุณหนูกลับถึงเรือน เขาก็หมดสติลงทันทีเจ้าค่ะ ” คำพูดแผ่วๆ เหล่านั้น กลับดังกึกก้องในห้วงจิตของหลินซี หัวใจพลันบีบรัดแน่น ราวถูกมือใครบีบไว้เต็มแรง “ข้าคิดว่า… เทียนซานเสวี่ยเหลียน หาได้ง่ายดายนัก เหมือนของที่หยิบออกมาจากกระเป๋า แต่เปล่าเลย…” เสียงนางสั่นเครือ มือเรียวค่อย ๆ ยกขึ้นปิดริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่แทบจะทะลักออกมา สูดลมหายใจเข้าลึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งหมด… คือความประมาทของนางเอง นางควรระลึกไว้ให้มั่น ว่า… หวงจิ่วเยี่ยคือผู้ใด เขาไม่ใช่ชายคนหน

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 53

    เด็กน้อยสองคน วัยเพียงห้าขวบเท่านั้น กลับกอดกันแน่นราวกับโลกทั้งใบพังทลาย และมีเพียงอ้อมกอดนี้เท่านั้น… ที่ยังหลงเหลือ หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยร้อง ไม่เคยเอะอะ แม้กระทั่งคำพูดก็ยังต้องเอื้อนเอ่ยเบาที่สุด เพราะกลัวจะรบกวนผู้เป็นมารดาที่นอนหลับไม่รู้สึกตัว แม้จะยังเล็กนัก แต่กลับเข้าใจทุกอย่างเข้าใจมากเกินกว่าที่เด็กวัยนี้ควรจะเข้าใจ และเพราะเข้าใจ พวกเขาจึงเลือกที่จะเก็บซ่อนความรู้สึกทั้งหมดไว้ในใจ ในความเงียบที่กดทับ บนใบหน้าที่ฝืนแววกล้า ไม่มีใครรู้เลยว่าในใจของเด็กน้อยสองคนนี้ เต็มไปด้วยความกลัว ความว้าเหว่ และความหวังเพียงริบหรี่ที่เกาะกุมอยู่ ซือหรงยืนเงียบอยู่หน้าประตูห้อง สายตาแน่วนิ่งไปยังภาพบนเตียง เด็กน้อยสองคนกอดกันแน่นจนแทบเป็นเนื้อเดียว ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะหันหน้าหนีเงียบๆ น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงอาบแก้ม ไร้เสียงสะอื้น แต่กลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจนแทบกลืนไม่ลง ในห้วงขณะนั้นเอง มือของหลินซีก็ขยับไหวเพียงเล็กน้อย เปลือกตาคู่งามค่อยๆ เปิดขึ้นช้าๆ อย่างยากเย็นและภาพแรกที่แลเข้ามาในสายตา คือภาพของเป่าเป่าและหนิงหนิง เด็กน้อยทั้งสองที่กอดกันแน่น เฝ้านา

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 52

    เพราะเขารู้ดี หวงจิ่วเยี่ยไม่เคยเป็นเช่นนี้ เขาไม่ใช่คนชอบดื่มสุรา และต่อให้ดื่ม… ก็ไม่เคยเมา แต่ยามนี้… เขากลับดื่มราวกับไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกเลย เหมือนคนที่ไม่เหลืออะไรให้หวงแหนในโลกนี้อีกแล้ว “ท่านอ๋อง?” จิ่นอู่เอ่ยขึ้นเบา ๆ พักใหญ่ กว่าหวงจิ่วเยี่ยจะค่อย ๆ ลืมตา เขาหันมามองจิ่นอู่ตรง ๆ สายตานิ่งราวกับคนสิ้นใจ ก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว “จิ่นอู่… เจ้ารู้ไหม ที่จริง ข้ามีความลับข้อหนึ่ง ไม่เคยบอกใครมาก่อนเลยจริงๆ” จิ่นอู่ขมวดคิ้วทันที “ความลับ? ท่านน่ะ มีมากเกินพอแล้ว ข้าไม่อยากรู้ ” แต่หวงจิ่วเยี่ยกลับจับไหล่เขาไว้แน่น มือที่ยังอุ่นด้วยสุรา แต่กลับสั่นอย่างรุนแรง “ไม่… เจ้าต้องฟัง! จิ่นอู่… ข้าขอแค่ครั้งเดียว เจ้าต้องฟังให้จบ!” จิ่นอู่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจยาว “ก็ได้ ว่ามา ข้าฟังอยู่” เงียบไปชั่วอึดใจ แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นเบาๆ “จริง ๆ แล้ว ข้า...”หวงจิ่วเยี่ยกระดกสุราลงคอหลายอึกติดกัน สุราร้อนลวกราวเปลวเพลิง ไหลผ่านลำคอจนแทบหายใจไม่ออก ในห้วงขณะหนึ่ง เขากลับรู้สึก อยากกลับไป… อยากกลับไปเสียเถอะ… เสียงไอแห้งๆ ดังขึ้นถี่รัว ก่อนที่ร่างสูงจะโซเซเดินออกจากลานอย่างเ

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 51

    แต่กลับ… ไม่อาจสลัดหลุดและในอ้อมแขนนั้น ร่างของหญิงสาวผู้แกร่งกล้า ค่อย ๆ เย็นเยียบลงทุกที เลือดสีเข้มไหลรินจากมุมปาก หยดลงบนอกเสื้อของเขาเป็นดวง ๆ “เจ้าหนู…?” เสียงเรียกนั้นเบาหวิว ราวตาเฒ่ากำลังร้องเรียกวิญญาณใกล้พราก หลินซีฝืนลืมตา ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือด “ข้าไม่เป็นไร… พาข้ากลับไป ข้า… ข้าจะไปหาหนิงหนิงกับเป่าเป่า ข้ายัง… ยังต้องไปหา…ลูก…ของข้า…” เสียงของนางแผ่วจนแทบไร้ลมหายใจ แต่ทุกคำกลับหนักแน่นดุจภูผา ชายชรากัดฟันแน่น น้ำเสียงพลันแปรเป็นเกรี้ยวกราด “ไม่! คนดีมักอายุสั้น แต่คนอย่างเจ้า ไม่ใช่แน่นอน! เจ้ายังต้องอยู่ต่อไป!” เขาแหงนหน้าสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหยุดวิ่ง หันกลับทันควัน แล้วพาร่างในอ้อมแขนพุ่งตรงไปยัง “สาขาหลักของสำนักกุ้ยเซี่ย” ที่ตั้งอยู่กลางเมือง! หากหวงจิ่วเยี่ยมันจะตาม ก็ให้มันตามมา! หากมันกล้าขวาง ข้าจะฆ่ามันเสียด้วยมือของข้าเอง!และหวงจิ่วเยี่ยก็ไล่ตามไม่ลดละ สีหน้าของเขาแข็งกร้าว ดวงตาแดงฉาน มือแน่นดั่งกรงเหล็ก เขาไม่ได้ไล่เพื่อฆ่า เขาแค่จะชิงตัวนางกลับคืนมา แต่แล้ว… เมื่อแสงจันทร์ทอดตัวลงกระทบใบหน้าหญิงสาวในอ้อมแขนของกู่เซี่ย เขาก็ต้องชะงัก ใบหน้าท

  • ลิขิตรักข้ามภพ ชายาพิษฝาแฝด   บทที่ 50

    เขาไม่เคยต้องการให้นางเจ็บ ไม่เคยเลย… เขาปล่อยกระบี่ลง ปล่อยให้นางแทงเข้ามาโดยไม่หลบเลี่ยง ขณะเดียวกัน หวงจิ่วเยี่ยรวบรวมพลังไว้ที่มือข้างหนึ่งก่อนปลายกระบี่ของหลินซีจะสัมผัสถึงอก เขากลับยื่นมือออกอย่างรวดเร็ว ใช้เคล็ด “ดูดพลัง” ดูดลมปราณทั้งหมดของนางกลับเข้าสู่ร่างตน! “เคล็ดดูดพลัง! เจ้าหนู ระวัง!” เสียงคำรามของชายชรากู่เซี่ยดังลั่นราวฟ้าผ่า เขากระโจนเข้าหานางทันที ทว่า มังกรหนึ่งกับองครักษ์เงาสองคน พุ่งมาขวางไว้ในพริบตา! เสียงกระบี่ปะทะดังแหลมสนั่นกลางอากาศ ประกายโลหิตกระเซ็นวาบ แต่กู่เซี่ยไม่มีทางฝ่าเข้าไปได้ หลินซีเบิกตาโพลง จ้องหน้าเขาด้วยความไม่อยากเชื่อขณะพลังภายในร่างไหลออกอย่างไม่อาจควบคุม มือเรียวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะจับกระบี่ไว้ให้มั่น ร่างทั้งร่างอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ สุดท้าย… กระบี่ร่วงหล่นจากมือ และร่างของนางก็ตกจากอากาศอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่หลินซี… ยังไม่ยอมแพ้! ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร นางจะตายไม่ได้! ภาพในใจแวบขึ้นมา เสียงหัวเราะใสๆของหนิงหนิงรอยยิ้มอบอุ่นของเป่าเป่า หัวใจที่แทบหยุดเต้นของนางกลับเต้นแรงอีกครั้ง นางยังมีลูก นางต้องอยู่ต่อ! ทันใดนั้น ร่างที่ใกล้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status