LOGINในห้องหอ จั่วหมิงเข็นรถเข็นพาเจี้ยนไห่เข้ามาก่อนจะเดินออกไป เสียงประตูปิดลงซ่งเนี่ยนก็ใจเต้นระรัว รอให้เจี้ยนไห่มาเปิดผ้าคลุม แต่รออยู่สักพักเขาก็ยังไม่มาเปิดไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นางมองผ่านผ้าคลุมสีแดง เห็นลางๆว่าเขายังนั่งอยู่กับที่เหตุใดไม่รีบเปิดผ้าคลุมหน้าให้นางเล่า นางทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
" เมื่อไหร่ถึงจะเปิดผ้าคลุมให้ข้า หรือว่ารอฤกษ์ยามอยู่"
เจี้ยนไห่ขยับรถเข็นเข้าไปใกล้ กำลังจะเปิดผ้าคลุมออกให้นาง แต่นางเปิดออกก่อนไม่ทันให้เขาได้ตั้งตัว นางก็ดึงเข้าขึ้นเตียง
" เรามาเข้าหอกันเถอะ"
นางกุมถอดชุดให้เขา เจี้ยนไห่ตกใจจับมือนางไว้แน่น
" ช้าก่อน เจ้าจะทำอะไร"
" ก็ทำอย่างที่สามีภรรยาเขาทำกันยังไงหล่ะ"
" เจ้าก็เห็นว่าข้าอยู่ในสภาพแบบนี้จะทำได้ยังไง"
" ท่านไม่ต้องทำ แค่นอนเฉยๆก็พอข้าทำเอง"
" อย่า หยุด หยุดก่อน"
นางพยายามจะถอดผ้าเขาออก เขาก็จับผ้าไว้แน่น ไม่ยอมให้นางถอดได้ ก่อนจะผลักนางออกแล้วถอยไปชิดมุม
" เจ้าอย่าใจร้อน ให้เวลาข้าหน่อย เรื่องแบบนี้มันเป็นศักดิ์ศรีของบุรุษ ข้า ข้าจะทำเองแต่ข้ายังไม่พร้อม"
" ยังไม่พร้อมหรือ"
นางจ้องมองกลางกายของเขา เขารีบเอามือกุมไว้ทันที
" ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีทำให้มันพร้อม"
" เจ้า เจ้าจะทำอะไร"
" ข้าอ่านตำราวสันต์มามาก ศึกษามาอย่างดีข้าจะทำตามในตำรา ข้าจะอมให้ท่าน อมดูด อมดูด แป๊บเดียวก็พร้อมใช้งานแล้ว"
เจี้ยนไห่หน้าแดงลามมาถึงหู เขาไม่คิดว่านางจะเปิดเผยเช่นนี้ พูดเรื่องอย่างว่าได้ไม่อายปาก
" เจ้า เจ้าเป็นสตรีแบบใดกัน ช่างพูดได้ไม่อายปาก"
" อายทำไม เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ เราแต่งงานกันแล้วท่านก็เป็นสามีข้า ข้าพูดแต่กับท่านจะอายทำไมเล่า เอ้าถอดผ้าออกสิ ข้าจะได้อมให้หรือว่าจะให้ข้าถอดก่อน"
" ยะอย่า ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่พร้อม"
" แต่คืนเข้าหอสามีภรรยาต้องเอากันนะ"
" ข้า ข้าไม่อยากเอา"
" ท่านว่าอะไรนะ"
" ข้าบอกแล้วไงว่าข้าไม่พร้อม ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำแบบนี้ไปทำไม แค่เลือกแต่งงานกับข้าประชดฉีเส้าเฟินก็พอแล้วไม่ใช่รึ เหตุใดต้องเข้าหอทำเรื่องอย่างว่าด้วย"
ซ่งเนี่ยนกระชับชุดที่กำลังจะถอดออกให้เข้าที่ มองดูเจี้ยนไห่ที่นั่งกอดตัวเองอยู่มุมเตียง ยิ้มบางๆที่มุมปาก
" เมื่อกี้ข้าแค่ล้อเล่น ท่านวางใจเถอะ หากท่านไม่เต็มใจข้าจะไม่บังคับท่าน"
นางพูดจบก็เดินออกจากห้องไป เจี้ยนไห่มองตาม ในใจเกิดความรู้สึกหลากหลายนางบอกไม่บังคับเขา แล้วที่เลือกแต่งงานกับเขานี่ไม่ใช่การบังคับหรอกหรือ ก่อนแต่งงานไม่มีใครถามเขาสักคำว่ายินดีหรือไม่ เขาถอนหายใจอย่างแรง ผ่านไปสักพักประตูเปิดออกเขาคิดว่านางจะกลับมาแต่ไม่ใช่ เป็นจั่วหมิง
" เจ้า เหตุใดเจ้าถึงแต่งตัวเช่นนี้"
จั่วหมิงก้มมองตัวเองในชุดเจ้าสาวสีแดงเขาเองก็อายไม่น้อย เมื่อครู่ซ่งเนี่ยนไปหาเขาบังคับให้เขาสวมชุดนี้แล้วให้เขามาที่นี่
" นางให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนท่าน"
เห็นเจี้ยนไห่ขมวดคิ้ว จั่วหมิงจึงพูดต่อ
"นางบอกให้ข้าสวมรอยเป็นนาง นอนค้างกับท่านที่นี่เพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัย"
" แล้วนางหล่ะ"
" นางไปนอนที่ห้องของข้า"
เจี้ยนไห่ล้มตัวลงนอนตะแคง เขาไม่เข้าใจว่านางต้องการอะไรจากเขากันแน่
ยามเฉิน ฉีเส้าเฟินพาเฉียวม่านไปยกน้ำชาให้มารดา ฉีฮุ่ยชิวกำลังพูดคุยกับบ่าวคนสนิทยิ้มแย้ม พอเห็นทั้งสองเดินเข้ามาก็หุบยิ้มทันที
" ท่านแม่ ข้าพาม่านม่านมายกน้ำชาให้ท่านขอรับ"
บ่าวรับใช้รินน้ำชาใส่ถ้วยส่งให้เฉียวม่านฉีฮุ่ยชิวรีบพูดขึ้นมา
" อย่าเลย นางเป็นถึงองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ข้าเป็นคนธรรมดาจะรับได้อย่างไร ข้ารับไม่ไหวหรอก"
มือของเฉียวม่านที่ถือถ้วยชาสั่นระริก ไม่คิดว่าฉีฮุ่ยชิวจะรังเกียจนางถึงเพียงนี้ นางรู้ว่าคนแคว้นฉู่สังหารบิดาของฉีเส้าเฟินทำให้มารดาของเขาโกรธเกียจคนแคว้นฉู่แต่ทุกอย่างก็จบลงแล้ว คนที่สังหารก็ตายไปแล้ว นางก็คือนาง เหตุใดถึงไม่แยกแยะ
" ท่านแม่ เหตุใดถึงพูดเช่นนี้ ตอนนี้ม่านม่านคือสะใภ้ของท่าน และกำลังจะมีหลานให้ท่านอุ้ม ท่านช่วยลดอคติลงหน่อยเถอะ ข้าขอหล่ะ แค่เมื่อวานท่านไม่มาร่วมงานแต่งนางก็เสียใจมากพอแล้ว นี่ท่านยังไม่คิดจะรับน้ำชาจากนางอีก"
" ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว ว่านอกจากเนี่ยนเนี่ยนข้าไม่รับคนอื่นเป็นสะใภ้ งานแต่งเมื่อวานข้าก็บอกเจ้าตั้งแต่วันที่เจ้าขอสมรสพระราชทานแล้ว ว่าพวกเจ้าอยากแต่งก็แต่งไป ข้าไม่ยุ่งเกี่ยว "
" ฮูหยินเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ รถม้าก็มาแล้วของก็ขนหมดแล้วเจ้าค่ะ"
" อะไร ของอะไร ท่านแม่ท่านจะไปที่ใด"
" ข้าจะย้ายไปอยู่จวนหลังเล็กนอกเมืองจวนนี้ก็ยกให้เจ้าได้อยู่ครองรักกับองค์หญิงสูงศักดิ์ ไปเถอะเดี๋ยวสายแล้วจะร้อน"
" เจ้าค่ะ"
เฉียงม่านวางถ้วยน้ำชากระแทกเสียงดัง จนน้ำชากระฉอกออกมา แล้วเดินหน้าบูดกลับเรือนไป ฉีเส้าเฟินลังเลไม่รู้จะตามใครดีสุดท้ายก็ตัดสินใจวิ่งตามเฉียวม่านไป
จั่วหมิงเข็นรถเข็นพาเจี้ยนไห่เข้ามา ก็เห็นอาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะ ลู่หนิงมองดูอาหารตรงหน้าอย่างตื่นตา ตั้งแต่เข้าวังมานางไม่เคยได้รับอาหารมากมายเช่นนี้ ทุกวันมีอาหารเพียงสามอย่างแทบจะไม่มีเนื้อ
" ในเมื่อมาแล้วงั้นเราก็กินกันเถอะ จั่วหมิงเจ้าก็ไปกินเถอะ ของเจ้ากับคนอื่นๆอยู่ทางนั้น"
จั่วหมิงมองตามที่ซ่งเนี่ยนชี้บอก เห็นโต๊ะอาหารอีกโต๊ะอยู่ไม่ไกล มีเจียวจูกับบ่าวรับใช้อีกสี่คนกวักมือเรียก เขารีบเดินไปนั่ง มองดูอาหารน่ากินเรียงรายเต็มโต๊ะก็น้ำลายไหล หยิบน่องไก่ขึ้นมาแทะ ไม่คิดว่ามื้อนี้จะได้กินอาหารอร่อยๆมากมายเช่นนี้
" เอ้ามองกันทำไม กินสิ เสด็จแม่กินเยอะๆนะ"
ซ่งเนี่ยนคีบปลาผัดเปรี้ยวหวานใส่ชามข้าวลู่หนิง ก่อนจะคีบน่องไก่ย่างให้เจี้ยนไห่
" ท่านก็กินเนื้อเยอะๆ ดูสิผอมกระหร่องเห็นแต่กระดูก"
เจี้ยนไห่แทะน่องไก่ด้วยความเอร็ดอร่อยนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้กินน่องไก่ชิ้นโตๆแบบนี้
" กินอิ่มแล้วเดี๋ยวข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน"
" เรื่องอะไร"
" เอาไว้ก่อน กินก่อน นี่กินเข้าไป กินเยอะๆ"
นางคีบหมูเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆแล้วคีบไก่อีกน่องให้เขา
ในห้องโถง ซ่งเนี่ยนจับชีพจรและตรวจดูขาสองข้างให้เจี้ยนไห่
" นี่เจ้ามีความรู้วิชาแพทย์ด้วยรึ"
" อยู่เฉยๆเถอะน่า"
" เป็นอย่างไรบ้าง ขาของเขาพอมีทางรักษาหรือไม่"
"เสด็จแม่ท่านถามอะไรเช่นนั้น ขาของข้าพิการแต่กำเนิดจะรักษาได้อย่างไร"
เจี้ยนไห่แค่นหัวเราะ ลู่หนิงมองหน้าซ่งเนี่ยนรอคำตอบ แม้นางจะอยู่แค่ตำหนักท้ายวังหลวง แต่เรื่องของซ่งเนี่ยนนางก็ได้ยินมาไม่น้อย หนึ่งในนั้นคือเรื่องที่นางช่วยรักษาตาที่บอดสนิทให้ฉีเส้าเฟินกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ทั้งที่หมอหลวงหรือหมอเทวดาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาไม่มีทางรักษาหาย แต่ไม่รู้ว่าซ่งเนี่ยนใช้วิธีอะไรถึงทำให้ฉีเส้าเฟินกลับมามองเห็นอีก นางมีความหวังเล็กๆว่าซ่งเนี่ยนจะมีวิธีรักษาขาให้บุตรชายของนางเช่นกัน
หานซิ่นวิ่งเข้ามาสวมกอดนางไม่ทันได้ตั้งตัว เรียกชื่อนางซ้ำๆ" เนี่ยนเนี่ยน เนี่ยนเนี่ยน"นางสัมผัสได้ถึงน้ำอุ่นๆไหลรดบ่า ค่อยๆดันตัวเขาออก มองหน้าชายตรงหน้าที่ร้องไห้ราวดอกสาลี่ร่วงหล่น ใช้มือลูบไล้ใบหน้าที่หยาบกร้านเต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง ผิวคล้ำเนื้อตัวมอมแมม" ทำไมท่านถึงมีสภาพเเบบนี้"" ข้าดีใจที่ได้พบเจ้า ในที่สุดข้าก็ตามหาเจ้าจนเจอ เนี่ยนเนี่ยนอย่าทิ้งข้าไปไหนอีกนะ"หานซิ่นโถมตัวกอดซ่งเนี่ยนแน่น ซ่งเนี่ยนตบหลังเขาเบาๆ" ท่านมาที่นี่ได้ยังไง"สายตาเหลือบมองไปเห็นเจียวจูยืนยิ้มอยู่" แหะแหะ ข้าไปวิ่งเล่นที่เขตแนวต่อระหว่างป่าไผ่กับเมืองมนุษย์ เห็นเขาเดินโซเซก็รู้ได้ทันมีว่าเขาต้องมาตามหาท่าน ข้าก็เลย"" เนี่ยนเนี่ยน"ซ่งเนี่ยนสะดุ้งผลักเขาออก เห็นมือของเขากำลังลูบหางปุกปุยของนางอยู่ นางรีบปัดมือเขาออก" อย่ามาจับหางข้า"" ทำไมหล่ะ ก็หางของเจ้ามันนุ่มดี"ซ่งเนี่ยนลุกขึ้นยืน พึ่งนึกได้ว่าตอนนี้เขาเห็นหางจิ้งจอกของนางแล้ว" ท่าน ท่านไม่ตกใจเหรอ"" ตกใจอะไร"" ก็ ก็ข้ามีหาง"" ข้าเห็นแล้ว"" แล้วไม่กลัวเหรอ ข้าเป็นจิ้งจอกเก้าหางนะ"หานซิ่นส่ายหน้า ดึงนางเข้ามากอด กระซิบข้างหู" ข้ารู
" หือ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเนี่ยนเนี่ยน ทำไมถึงได้อ้อนนัก"หลิวนาน่าลูบผมของซ่งเนี่ยน ที่กอดนางไว้ไม่ยอมห่าง" หม่อมฉันอยากกอดพระองค์นานๆ ซึบซับความรู้สึกอบอุ่นนี้ให้มากๆ ก่อนที่จะ"" ก่อนที่จะอะไร"" ก่อนไปนอนคืนนี้เพคะ"" ฮ่าฮ่าดูพูดเข้า ทำยังกับเราจะไม่ได้เจอกันอีก พรุ่งนี้เช้าเจ้าก็มากอดข้าอีกย่อมได้ เอ้หรือว่าคืนนี้เจ้ามานอนที่นี่กับข้า กอดข้านอนทั้งคืนเลยดีไหม"ซ่งเนี่ยนแหงนหน้ามองฮองเฮา" แล้วฝ่าบาทหล่ะเพคะ จะเอาฝ่าบาทไปไว้ที่ไหน"" ก็ให้เขาไปนอนกับเหอกงกงไง ดีไหม"" คิกคิก ไม่ดีมั้งเพคะ "" คุยอะไรกัน เสียงหัวเราะคิกคักดังไปถึงด้านนอกเชียว อ้าวเนี่ยนเนี่ยนนี่เอง โอ๊ะทำไมกอดฮองเฮาอย่างนั้นเล่า หรือว่ามีเรื่องอะไรอยากขอถึงได้มาอ้อนแบบนี้"" ไม่มีเพคะ หม่อมฉันแค่อยากกอดฮองเฮาเฉยๆ นี่ก็ได้เวลาแล้วหม่อมฉันไม่รบกวนการพักผ่อนของทั้งสองพระองค์แล้ว "ซ่งเนี่ยนผละออกจากหลิวนาน่า ย่อตัวทำความเคารพหลิวนาน่ากับเจี้ยนซุน" หม่อมฉันทูลลา ขอฝ่าบาทกับฮองเฮาถนอมพระวรกายด้วย"ซ่งเนี่ยนเดินออกไปถึงหน้ากระโจม กำลังจะเปิดผ้าม่านก็หันกลับมา เดินเข้าไปสวมกอดหลิวนาน่าอีก" หม่อมฉันไปจริงๆนะเพคะ"" เนี
หานซิ่นนั่งย่อลงตรงหน้าเจี้ยนไห่" ความรักไม่ต้องใช้ความพยายาม ถ้าจะรักก็รัก ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องฝืน"หานซิ่นกับซ่งเนี่ยนจากไปนานแล้ว แต่เจี้ยนไห่ยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่พูดไม่จา ไม่กระดุกกระดิก " ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง"ติงฝูร้องเรียกอยู่หลายครั้งเจี้ยนไห่ก็ไม่ตอบรับ เขาแหงนมองหน้าจั่วหมิง แล้วทั้งสองก็พากันหามเจี้ยนไห่กลับไปขบวนเดินทางได้ออกเดินทางต่อ ไม่นานก็เข้าเขตเมืองหนานเจาแคว้นเหลียว ซ่งเนี่ยนยืนอยู่บนเนินเขา ทอดสายตามองไปเบื้องล่าง" คุณหนูข้างหน้าเป็นเมืองหลวง ลงเขาลูกนี้ไปเราก็จะถึงที่หมาย เมื่อไปถึงท่านจะเข้าไปอยู่ในวังตามที่ฮองเฮาทรงขอหรือไม่"" ไม่ "" งั้นเราก็กลับไปอยู่จวนตระกูลซ่ง"" เจียวจู เราออกจากป่าไผ่มาอยู่ในเมืองมนุษย์กี่ปีแล้ว"เจียวจูทำท่าครุ่นคิด" อีก2เดือนก็จะครบ5ปีแล้วเจ้าค่ะ"" เกือบ5ปีแล้วเราออกจากป่ามานานแล้ว"" ท่านคิดถึงป่าไผ่เหรอเจ้าค่ะ"" อืม พวกเราเป็นจิ้งจอกไม่ควรอยู่กับมนุษย์ข้าว่าเรากลับป่าไผ่กันดีไหม"" ดีเจ้าค่ะดี ข้าอยากกลับตั้งนานแล้ว แต่ท่านแน่ใจเหรอเจ้าคะ แล้วหานอ๋อง"" เกี่ยวอะไรกับเขา"" แหมคุณหนู ท่านดูไม่ออกหรือเจ้าคะว่าหานอ๋องคิดยั
เจี้ยนไห่ตื่นขึ้นมาจะลุกจากเตียง แต่ขาก้าวไม่ออกจึงกลิ้งตกลงมา ตุ๊บ " โอ้ย จั่วหมิง จั่วหมิงเจ้าอยู่ไหน"จั่งหมิงวิ่งเข้ามา" ท่านอ๋อง ท่านลงไปนอนเล่นทำไมตรงนั้น"" ข้าไม่ได้นอนเล่นแต่ข้าตกเตียง""ตกเตียง ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านอ๋องนี่ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว ยังจะนอนตกเตียงอีก ฮ่าฮ่า"" จั่วหมิงขาของข้าไม่รู้สึกอะไรเลย ข้าขยับขาไม่ได้"จั่วหมิงหยุดหัวเราะ เปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจรีบเข้าไปประคองเจี้ยนไห่ซ่งเนี่ยนกับหานซิ่นนั่งเล่นอยู่ที่โขดหินข้างลำธาร" เนี่ยนเนี่ยนเจ้ารู้เรื่องหรือยัง ที่เจี้ยนอ๋องอยู่ดีๆก็เดินไม่ได้อีกแล้ว"" อืมข้าได้ยินพวกทหารพูดกัน"" ยังมีฉีเส้าเฟินอีกคน อยู่ดีๆตาของเขาก็มองไม่เห็น"" ก็แค่ทุกอย่างกลับคืนสภาพเดิม "ซ่งเนี่ยนยิ้มบาง ทอดสายตามองน้ำไหลเอื่อย ทุกอย่างควรเป็นไปตามลิขิตสวรรค์เป็นนางที่ฝืนลิขิตเอง นางก็แค่ทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง กลับมาเป็นเหมือนเดิมที่ควรเป็นก็แค่นั้น นางเป็นจิ้งจอกเก้าหาง ก็ควรมีเก้าหาง เดิมทีเจี้ยนไห่ต้องพิการเดินไม่ได้ตลอดชีวิต ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น เขาถูกพิษตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ทำให้พิการ พิษแทรกซึมฝังลึกไม่อาจถอนได้ แต่เพราะนางสงสารเขาจึ
"ฉีเส้าเฟิน เจ้าบอกว่าข้าเป็นจิ้งจอกเจ็ดหางทั้งที่จิ้งจอกมันต้องมีเก้าหาง แล้วหางที่เหลือหายไปไหน"" ข้า ข้าไม่รู้ "" หึหึ ไม่รู้ก็ช่างเถอะ เจ้านี่ช่างรักนางจริงๆถึงกับยอมทำทุกอย่างเพื่อนาง แม้กระทั่งใช้ป้ายทองอาญาสิทธิ์ขออภัยโทษให้นาง เฉียวม่านเขารักเจ้ามากถึงเพียงนี้หวังว่าวันหน้าเกิดอะไรขึ้นเจ้าคงไม่ทิ้งเขานะ "เฉียวม่านกับฉีเส้าเฟินมองหน้าซ่งเนี่ยนที่แสยะยิ้มเดินออกไป ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของนางฟังแปลกๆเดินมาถึงหน้ากระโจมยังไม่ทันได้เข้าข้างใน ก็มีอะไรบางอย่างมาสาดใส่ ซ่า ซ่งเนี่ยนใช้มือปาดน้ำออกจากหน้า ถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเจี้ยนไห่ เจียวจูรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับให้" ท่านอ๋องท่านทำบ้าอะไร"เจียวจูต่อว่าเจี้ยนไห่เสียงดังเจี้ยนไห่จ้องมองซ่งเนี่ยน สำรวจทั่วตัวนางไม่เห็นมีการเปลี่ยนแปลง ก็ไหนบอกว่าน้ำมนต์นี่มาจากบ่อศักดิ์ไง" ข้า ข้าก็แค่"ซ่งเนี่ยนมองดูด้วยหางตา เห็นซู่อิงจื่อกับหลินเหมี่ยวเหมียวแอบดูอยู่" ออกมาเถอะ"ซู่อิงจื่อกับหลินเหมี่ยวเหมียวตกใจ ไม่คิดว่าซ่งเนี่ยนจะจับได้ว่าพวกนางแอบอยู่ตรงนี้ทั้งสองเดินออกมาจากหลังต้นไม้" พระชายา"" คงเป็นความคิดของพวกเจ้าสินะ ส่วนท่านก
ฮ่องเต้มองหน้าฉีเส้าเฟินที่นั่งอยู่ไม่ไกล ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันมามองซ่งเนี่ยน" เนี่ยนเนี่ยนคือว่า เรื่องนี้ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆข้า ข้าถูกกดดัน พวกขุนนางกับทหารใต้บังคับบัญชาของเขามาขอร้องข้าให้อภัยโทษให้เขา"เจี้ยนซุนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า หลังจากที่ซ่งเนี่ยนกลับไปแล้วพวกขุนนางกับลูกน้องใต้บังคับบัญชาของฉีเส้าเฟิน ต่างก็มาคุกเข่าขอร้องแทน ขอให้เขาอภัยโทษให้" ฝ่าบาทได้โปรดทบทวนอีกสักครั้งเถิดพะยะค่ะ แม่ทัพฉีเป็นผู้มีความสามารถทำคุณงามความดีไว้มากมาย เขานำทัพออกรบหลายครั้งนำชัยชนะกลับมาให้แคว้นเราทุกครั้ง ขอพระองค์เห็นแก่ความชอบของเขาไม่ก็เห็นแก่แม่ทัพฉีเส้าฝานบิดาของเขาก็ได้ "" พวกกระหม่อมรู้ว่าฝ่าบาทคับแค้นใจแทนพระชายา ที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม แต่กระหม่อมเห็นด้วยกับที่ใต้ท้าวลู่กล่าว แม่ทัพฉีถึงจะทำความผิดแต่ก็เป็นความผิดครั้งแรก ขอฝ่าบาททรงอภัยให้เขาด้วยเถิดพะย่ะค่ะ"" ที่เขาทำไปเพราะเลอะเลือนไปชั่วขณะเขาก็แค่หวังดีกับฝ่าบาท กลัวว่าพระองค์จะถูกหลอกลวง หากจะผิดก็คงเพราะหลงเชื่อคำของภรรยาเขามากไป ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณา"" ฝ่าบาทนอกจากแม่ทัพฉี ในแคว้นของเราหาคนหนุ่มที่มีฝีมือเช







