ในห้องหนังสือ หยวนเหมยหลันเดินไปที่โต๊ะทำงานใหญ่ของท่านอ๋อง มองดูเอกสารที่วางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ สายตาของนางจ้องไปที่เอกสารฉบับหนึ่ง ซึ่งมีตราประทับสีแดงเด่นชัด
นางค่อย ๆ หยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอย่างระมัดระวัง
“นี่มัน… เอกสารการโอนทรัพย์สิน? และมีชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องมากมาย… แต่มันยังไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ ข้าต้องหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคืนวันแต่งงานนั้น”
หยวนเหมยหลันเก็บเอกสารกลับที่เดิม ใจก็ประหวัด... จะต้องระวังกว่านี้ เพราะอาจจะถูกจับได้ ถ้าวางผิดที่ผิดทาง
นางเดินไปที่ชั้นหนังสือ ค่อยๆ หยิบม้วนตำราหนึ่งออกมา เปิดดูอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบสิ่งที่น่าสนใจ หนึ่งในตำราเหล่านั้นมีบันทึกเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในคืนวันแต่งงานของนาง
หยวนเหมยหลันก้มหน้าลงอ่านบันทึกนั้น ใบหน้าเริ่มเคร่งเครียดมากขึ้น
“นี่มันบันทึกการเฝ้าระวังของทหาร? ในคืนนั้น... มีการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มหนึ่งใกล้แม่น้ำ… มีรายงานว่าพบคนถูกโยนลงน้ำ แต่ถูกระบุว่า... ไม่เจอศพ’ นางนิ่งไปอึดใจ
‘นี่แสดงว่าท่านอ๋องรู้เรื่องแล้ว แต่ทำเป็นยังวุ่นวายตามหาข้า ไม่เห็นบอกว่าศพของข้าหายไป’
'อุบัติเหตุ'
‘ข้าไม่เชื่อ! ทำไมสรุปแบบนี้ มันใช่เป็นอุบัติเหตุธรรมดาที่ไหน ฆาตกรรมต่างหาก การลักพาตัวเจ้าสาวของตัวเอง แล้วโยนลงน้ำ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ฮึ... ท่านอ๋อง... ข้าต้องรู้ว่าใครเป็นคนสั่งการ ท่านอ๋อง... เจ้าคนใจร้าย อำมหิตนัก’
ขณะที่หยวนเหมยหลันกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ใบหน้าบูดบึ้ง คิดแค้น นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านนอกห้อง จึงรีบเก็บตำรา และกลับไปเอาผ้าเช็ดพื้น นั่งลงไปขัดอย่างขะมักเขม้น เน้นทำความสะอาดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อ๋องเหวยฉีหยางเปิดประตูเข้ามาในห้องหนังสือ เขาชะงักไปนิดหนึ่ง นางก็หยุดเพราะเสียงถามของเขา
“เจ้าเป็นคนรับใช้ใหม่หรือ? ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามาก่อน”
นางขยับตัวหันมาหาอย่างช้า ๆ แต่ใบหน้าก็ก้มลงจนปลายคางชิดกับหน้าอก
“เพคะ ไท่จื่อ ข้าเพิ่งเข้ามาทำงานเมื่อเช้านี้ ขออภัยหากข้าทำให้ท่านรู้สึกไม่สะดวก ข้าจะรีบเก็บของก่อน แล้วจะมาทำในภายหลัง”
นางรีบลนลานเก็บของ เหมือนว่าหวาดกลัวเขา สำหรับคนเป็นทาสเป็นบ่าว ไม่กล้าสบตากับผู้มีบุญ และยิ่งต้องได้ต่อปากต่อคำกับเขาเช่นนี้ด้วยแล้ว
อ๋องเหวยฉีหยางเห็นนางลุกขึ้น เขาจ้องมองดูนางอย่างพินิจพิเคราะห์ รู้สึกว่ามีบางอย่างที่คุ้นตา นางตัวเท่ากับหยวนเหมยหลัน
สายตาของท่านอ๋องกลับถูกดึงดูดไปที่สาวงาม เป็นอย่างแรกที่เห็นนางก็รู้สึกตะลึง แต่กลับต้องเก็บอาการเอาไว้ในใจ
‘ช่างงดงาม มีเสน่ห์’ ท่านอ๋องคิด ไม่เชื่อว่านางจะเป็นคนรับใช้ เพราะว่านางมีใบหน้าที่งดงามยิ่งกว่าสิ่งใด
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลที่ดูอบอุ่นและน่าหลงใหล ริมฝีปากสีชมพูสดใสที่คล้ายกับกลีบดอกไม้บานสะพรั่ง ใบหน้าของนางเรียบเนียนดุจผิวแพรไหม ผมยาวสลวยที่ถูกมัดรวบอย่างง่าย ๆ
เมื่อท่านอ๋องมองไปที่นาง และจ้องสำรวจ หัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้น ทุก ๆ วินาทีที่ได้สบหน้าของนาง ท่านอ๋องรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในโลกที่มีแต่ความงดงาม
“เงยหน้าขึ้นซิ” เขาออกคำสั่ง
หยวนเหมยหลันต้องทำเป็นตัวสั่นงันงก
“ข้าใช่ผีสาง เจ้าจะกลัวข้าไปไย”
“ท่านอ๋องเป็นเทพจุติ ข้าน้อยไม่บังอาจ”
“เอ๊ะ! ข้าบอกให้เงยหน้าขึ้น”
พอหยวนเหมยหลันเห็นเท้าของท่านอ๋องขยับเข้าหา นางก็รีบเงยหน้าทันที หน้าซีดจางราวกับไก่ต้ม
แต่ในใจกลับหลงชื่นชมเขาอย่างประหลาด ครั้งแรกที่ได้เห็นดวงหน้าของท่านอ๋องระยะประชิด
‘อ๋องเหวยฉีหยาง’ เป็นชายหนุ่มสูงสง่าที่มีใบหน้าดุดัน แต่แฝงไปด้วยความเป็นผู้นำ นัยน์ตาคมเฉียบที่ไม่เคยลดความมั่นใจ เสื้อสีทองแดงปักลายพยัคฆ์ กับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ทุกอย่างบนใบหน้าของเขาดูประสานลงตัว น่าดู
นางเผลอชมร่างกายของท่านอ๋องที่ดูแข็งแกร่งและสง่างาม เหมาะจะเป็นนักรบและองค์ชายผู้แกร่งกล้า แต่ภายใต้ท่าทางเคร่งขรึมนั้น เขากลับมีแรงดึงดูดมหาศาลที่นางเอง เริ่มไม่มั่นคงในอารมณ์เสียแล้ว รู้สึกหัวใจเต้นเร็วคล้ายจะวาย
เขาคลี่ยิ้มมุมปาก หากไม่ใช่หน้าตาที่ซีดเซียว นางก็จัดว่าเป็นคนที่สวยและน่ามองคนหนึ่ง
“เอาเถอะ เจ้าก็ทำงานตามหน้าที่ของเจ้าต่อไป ข้าเพียงแค่มาเอาตำราเล่มหนึ่งที่ข้าต้องการใช้เท่านั้น”
“เพคะ” หยวนเหมยหลันทรุดนั่งลงไปกับพื้นทันที
นางหยิบเอาผ้าที่โยนลงไปในถังน้ำขึ้นมาบิดหมาด ๆ และเริ่มทำงานต่อ
อ๋องเหวยฉีหยางเดินไปที่ชั้นหนังสือใกล้กับตำราเล่มที่หยวนเหมยหลันเพิ่งอ่าน สายตาของนางเหลือบดู ใจเต้นยิ่งกว่าเสียงกลองเสียอีก ในขณะที่ท่านอ๋องเลือกตำรา และเขาก็ได้เดินออกไป
ยามค่ำคืนที่เงียบสงัดหลายชั่วโมงผ่านไปหลังจากที่หยวนเหมยหลันและอ๋องเหวยฉีหยางจัดการให้ลูกฝาแฝดนอนหลับสนิทในห้องของพวกเขาท้องฟ้านอกหน้าต่างเปล่งแสงจันทร์อ่อน ๆ ส่องเข้ามาในห้อง อากาศเย็นสบายหยวนเหมยหลันเดินกลับเข้ามาในห้องนอนใหญ่ของตนเอง ขณะที่เหวยฉีหยางยืนมองผ่านหน้าต่าง พลางหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน“หลับสนิทแล้วหรือ?” เหวยฉีหยางถามเบา ๆ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลจนเหมือนกล่อม“อืม... นอนกันแล้วทั้งสองคนแล้วเจ้าค่ะ นี่ขนาดให้วิ่งเล่นจนเหนื่อย” หยวนเหมยหลันตอบยิ้ม ๆ ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เขา“วันนี้เล่นจนหมดแรงไปเลย”เหวยฉีหยางยื่นมือไปกุมมือของนาง สัมผัสนั้นอบอุ่นและแสดงถึงความรักที่ลึกซึ้งฉายออกมาทางแววตาหยวนเหมยหลันสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดที่มากกว่าแค่การจับมือ มันคือความผูกพันของคนสองคนที่สร้างครอบครัวมาด้วยกัน“เจ้าทำได้ดีมากนะ ขอบคุณที่ทุ่มเท” เหวยฉีหยางกระซิบ เขาดึงนางเข้ามากอดอย่างอ่อนโยน ศีรษะของนางพิงกับอกกว้างของเขา“ไม่เพียงแต่เป็นแม่ที่ดี แต่ยังเป็นภรรยาที่ข้ารักที่สุด”หยวนเหมยหลันยิ้ม แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่หัวใจของนางก็รับรู้ว่าเขาต้องการอะไร ท่ามกลางความเงียบที่เต็มไปด้วย
แสงแดดยามเย็นเริ่มคล้อยต่ำ สาดส่องเข้ามากระทบหน้าของทั้งสอง ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่แนบชิดกัน เขาหอมแก้มนางหยวนเหมยหลันกำลังนั่งมองลูกฝาแฝดของนางที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสวน พวกเขาหัวเราะและวิ่งไล่กันอย่างร่าเริง“ข้าคิดว่า เราสองคนอาจจะทำลูกอีกคนดีไหม?” ฉีหยางกล่าว พร้อมรอยยิ้มกว้าง หยวนเหมยหลันหัวเราะ แสร้งทำเป็นตีไหล่เขา“ท่านพี่ข้าเพิ่งหายเหนื่อยนะเจ้าคะ มีสองคนนี้แล้ว... ก็พอแล้วมั้ง”ทว่าพอเห็นสายตาของเขา“เอ... หรือยังไม่พอ?”“ไม่พอหรอก” ฉีหยางตอบพร้อมยิ้มแฝงความสุข“มีลูกสาวอีกสักคน”“ท่านพี่ แล้วถ้าคลอดออกมา ไม่ได้ลูกสาวเล่า”“ข้าก็ทำอีก จนกว่าจะได้ลูกสาว”“หื้อ!” นางครางเสียงยาว แต่หยวนเหมยหลันยิ้มรับ รู้สึกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุดของเขา ทั้งสองจะอยู่ครองรักกันตลอดไป ท่ามกลางความสุขของครอบครัวที่พวกเขาได้สร้างขึ้นเองเรื่องราวของอ๋องเหวยฉีหยางและหยวนเหมยหลันเป็นเรื่องราวแห่งความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางความยากลำบากและความท้าทายทั้งสองคนได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย ความเจ็บปวด และการถูกทรยศมากมาย แต่ด้วยความเข้มแข็งและความรักที่ไม่เคยล้มเลิก พวกเขาได้สร้าง
สามปีต่อมา... ฉีหยางและเหมยหลันนั่งอยู่กลางสวนผักที่เขาเพิ่งปลูกด้วยกัน ดวงอาทิตย์ส่องแสงอบอุ่นทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ลูกชายฝาแฝดของพวกเขาวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ไล่จับไก่ตัวเล็กๆ ที่กำลังเดินไปมาอย่างน่ารักข้าง ๆ ยังมีเจ้าหมาน้อยที่เห่าวิ่งตามสองพี่น้องอย่างมีชีวิตชีวา“ดูพวกเขาสิ!” เหมยหลันพูดอย่างยิ้มแย้ม“ทั้งสองดูมีความสุขมากเลย”“ใช่แล้ว” ฉีหยางตอบกลับ พร้อมกับยิ้มกว้าง“พวกเขาชอบเล่นที่นี่มาก”ในขณะที่เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ดังก้องไปทั่วสวน เหมยหลันจึงหันมามองฉีหยางด้วยความรัก“เราโชคดีแค่ไหนกันนะ ที่ได้มีชีวิตแบบนี้”“ใช่ เราโชคดีมาก” ฉีหยางพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอบอุ่น เขายกมือขึ้นไปลูบผมของเหมยหลันเบา ๆ“และจะไม่มีอะไรทำให้เราห่างกันได้”ทั้งสองมองไปที่ลูก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน และในขณะที่พวกเขาจูบกันอย่างอ่อนโยน ท่ามกลางธรรมชาติและความรัก ความรู้สึกอบอุ่นเข้ามาในใจทุกคนสวนผักแห่งนี้จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักและครอบครัวที่มีความสุข ทั้งสองฝาแฝดได้สร้างความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ในทุก ๆ วัน และด้วยความรักที่มั่นคงฉีหยางและเหมยหลันรู้ว่าพวกเขาจะเผชิญทุกอย่างร่วมก
เขายิ้มให้ พร้อมกับจูบลงที่ริมฝีปากของนางอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากของเขาแนบชิด พร้อมกับท่อนล่างของส่วนสะโพกสอบที่โบกสะบัดอย่างเต็มที่นางเองก็ตอบสนองด้วยความรัก ปล่อยให้ทุกอย่างที่ร้าย ๆ ได้ลบเลือน ทั้งความเศร้า ความกลัว และความคะนึงถึง ต่อไปไม่มีอีกแล้ว เพราะต่างให้คำมั่นสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดจนวันสิ้นลมหายใจนางจูบเขากลับอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองหลอมรวมกันในจังหวะอันหวานซึ้ง ความรักของพวกเขาได้งอกงามอีกครั้งในบรรยากาศที่เงียบสงบของธรรมชาติ“ให้เราสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน” ท่านอ๋องพูดด้วยเสียงนุ่มนวล ขณะที่ยังคงมีริมฝีปากที่แนบชิด“และข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกมีค่าในทุกวัน”“ข้ารู้สึกมีค่าอยู่แล้ว เพราะมีท่านพี่” หยวนเหมยหลันพูด พร้อมยิ้มให้กับเขา พวกเขาอยู่ในท่าทางที่เต็มไปด้วยความรัก บรรยากาศรอบข้างเริ่มต้นมีสีสัน ดอกไม้ข้างนอกที่บานสะพรั่งพลิ้วไหวไปกับสายลมที่พัดเอื่อย ๆหมู่นกและสรรพสัตว์ได้เริ่มต้นขับขานบทเพลงแห่งความสุข ในขณะที่คู่รักได้สัญญาจะเผชิญทุกสิ่งทุกอย่างร่วมกันในอนาคต ท่ามกลางทุกสิ่งทั้งสองคนเอ่ยถึงความรักที่อยู่ในใจ บอกว่าจะไม่มีวันสิ้นสุด เหมยหลันและฉีหยางพร้อมที่จ
“ข้าอยากให้ท่านรักษาสัญญานี้ไปจนวันตาย…”“ข้าจะรักษาสัญญาด้วยเกียรติยศของข้า” ท่านอ๋องยิ้มอย่างอบอุ่น และยืนขึ้น เขายื่นมือไปจับมือของนาง“ให้พวกเราเริ่มต้นใหม่ร่วมกัน ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังอีกต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนหลันเอ๋อร์ จะมีข้าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดไป”นางมองเขาด้วยความรักและความหวัง ขณะที่ทั้งคู่ยืนอยู่ในแสงแดดอบอุ่นที่อุ่นพอกับอ้อมกอดแห่งรักที่มีต่อกัน“เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความสุขที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้านี้” เขาเอ่ย ท่านอ๋องเหวยฉีหยางยิ้มให้หยวนเหมยหลันด้วยความรักและความจริงใจที่ส่องประกายในดวงตาของเขา“ข้ามีข่าวที่จะบอกเจ้าด้วย”“อะไร?”“ตอนนี้ ข้าเหวยฉีหยางเป็นแค่คนธรรมดาที่รักเจ้า ข้าไม่ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์อีกต่อไป ข้าขอคืนทุกสิ่งอย่างให้กับเสด็จพ่อ ท่านอนุญาตให้ข้ามาอยู่ที่นี่ และข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าและลูก แค่นี้ก็พอแล้ว”“ท่านอ๋อง”“ไม่ใช่แล้ว ข้าไม่ใช่ท่านอ๋อง ต่อไปน่ะนะ หลันเอ๋อร์ต้องเรียก... ท่านพี่ถึงจะถูก”“ท่านพี่ ท่านเสียสละเพื่อข้าถึงเพียงนี้”“ข้าไม่อยากให้อำนาจ ตำแหน่ง ยศถามาบั่นทอนความสุข และความปลอดภัยในชีวิตอีกต่อไป ข
“คุณหนูเป็นอะไรเจ้าคะ ทำไมหน้าซีดนัก”“ไปตามหมอเถอะเซินลี่ ข้าเวียนหัว ข้าน่าจะท้อง”“หา!” และความโกลาหลก็เกิดขึ้นที่นี่ในที่สุด หมอจางฮูเฟินก็มาถึงและทำการตรวจอาการของนางอย่างละเอียดในใจของนางเต็มไปด้วยความกังวลและความหวัง“ท่านหมอ… ข้า… ข้าคิดว่าข้าอาจจะตั้งครรภ์” นางพูดออกมาเสียงสั่นหมอจางขมวดคิ้วและทำการตรวจอย่างรอบคอบ สุดท้ายก็กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล“ขอแสดงความยินดี คุณหนูหยวน คุณหนูกำลังตั้งครรภ์จริง ๆ”หยวนเหมยหลันรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ชั่วขณะนั้นหัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น‘ท่านอ๋อง ถ้าท่านรู้ว่าข้าท้องลูกของท่าน ท่านต้องดีใจมาก ๆ’ความรักที่มีต่อท่านอ๋องกลับมาอีกครั้งในรูปแบบของชีวิตใหม่ที่อยู่ในท้องของนาง“ขอบพระคุณท่านหมอจาง ข้าขอยาบำรุงด้วย”“ได้ขอรับคุณหนู”“เซินลี่ตามไปรับยาที่บ้านท่านหมอจาง” นางยิ้มแก้มแทบแตก บนใบหน้าซีดจางจนเกือบจะเป็นสีขาวนั่น‘ท่านพ่อ ท่านแม่ ลูกจะเป็นข้ออ้าง ที่ดีที่สุด ที่ข้าจะไม่ต้องแต่งงานกับเขาคนนั้น’เมื่อข่าวรู้ไปถึงหูผู้ชายคนนั้น เขาก็ปฏิเสธการแต่งงานกับคุณหนูจริง ๆปัจจุบันผ่านมาสามเดือนยามบ่ายที่เงียบสงบในสวนหลังบ้าน หยวนเหมยห