ログイン“อึก” เสียงหอบหายใจดังขึ้นทันทีที่เรียวปากอิ่มได้รับอิสระ รสจูบเมื่อครู่ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงราวกับจะกระชากวิญญาณของเธอให้ออกจากร่าง สโรชานั่งก้มหน้ากุมอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อด้านในเต้นโครมครามไม่หยุด จูบแรกของเธอใช้แลกโรงแรมไปแล้ว
“เซ็นเอกสารแผ่นแรกไปแล้ว ต่อไปให้เซ็นแผ่นไหนดี” ดวงตาคมไล่มองนกตัวน้อยนั่งสั่นระริกด้วยความชอบใจ ความรู้สึกตื่นเต้น แปลกใหม่ ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนทำให้อูฐแก่อย่างเขาติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง แม้จะเคยโอบกอดหญิงสาวมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนตัวสั่นในอ้อมแขนเขา แถมยังมีท่าทีเงอะงะราวกับนกน้อยเพิ่งหัดบิน ไม่ใช่เงอะงะเพราะเสแสร้งแกล้งทำให้เขาพอใจเหมือนหญิงสาวที่เคยเจอมา
“ถะ ถ้ามีคนเข้ามาล่ะคะ” เสียงสั่นเอ่ยถาม แม้มองไม่เห็นบานประตูเพราะร่างกำยำยืนบังอยู่ แต่ก็ไม่สบายใจ
“ไม่มีใครเข้ามาหรอก แต่ถ้าเข้ามาแล้วจะทำไม?” มือใหญ่ลูบไล้หน้าขาขาวเนียนช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปด้านในกระโปรงทรงเอจนร่างเล็กสะดุ้ง
“อ๊ะ! ดะ เดี๋ยวสิคะ ที่คุณพูด หมายความว่ายังไง”
“ลูกน้องฉันไม่ใช่พวกปากพล่อย”
“แต่เขาก็เห็นนี่คะ”
“ถึงเห็นก็จะบอกว่าไม่เห็น ถึงได้ยินก็จะบอกว่าไม่ได้ยิน” ทุกคนที่ทำงานให้เขาต่างเป็นมืออาชีพที่ถูกฝึกมาอย่างดี และเป็นทีมที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คนสำคัญระดับประเทศทั้งนั้น
“ดะ เดี๋ยวก่อน… อื้อ!” สะโพกน้อยขยับหนีมือใหญ่ที่ลุกล้ำเข้ามากอบกุมเนื้อนุ่มกลางหว่างขาสาว แต่ยิ่งถอยหนีเท่าไรก็เหมือนกับว่าเธอกำลังเอนกายนอนลง และมันทำให้เขาทำอะไรได้สะดวก “คุณ… ต้องเซ็นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรก่อน อื้อ” ว่าพลางดันมือเขาไว้ แต่คนแรงเยอะหรือจะถอย
“ได้สิ เซ็นไว้ตรงนี้ดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะแหวกสองขาเรียวออกจากกันแล้วทาบริมฝีปากลงบนต้นขาข้างหนึ่ง แรงขบกัดปนดูดดึงทำให้สโรชาสะดุ้ง ร่างกายร้อนวูบวาบราวกับถูกแผดเผา โดยเฉพาะตรงจุดอ่อนไหวกลางกายมันเต้นตุบ ๆ และรู้สึกแปลก ๆ
“อ๊า ยะ อย่า…” สองขาเรียวสั่นระริกเมื่อริมฝีปากหนายังคงฝากฝังคมเขี้ยวเอาไว้ตามต้นขาเนียน อกอิ่มใต้เสื้อนักศึกษากระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะหอบหายใจจนกระดุมแทบปริ มือเล็กสองข้างกำกันแน่น อดกลั้นทุกความต้องการเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายรู้
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
โลกของสโรชาเกือบหยุดหมุนไปแล้วหากไม่มีเสียงเคาะประตูช่วยเอาไว้ ใบหน้าคมเข้มผละออกจากต้นขาเนียนด้วยความหงุดหงิดก่อนจะตวัดตามองบานประตูที่ยังปิดสนิทอยู่
“ไม่ต้องเข้ามา” เสียงทรงอำนาจสั่ง สโรชาใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นนั่งแล้วจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้อยู่ในสภาพปกติแล้วนั่งรอเงียบ ๆ
“คาริบเองครับ” คนด้านนอกเอ่ย
“มีอะไร”
“เอาเอกสารสรุปการประชุมวันนี้มาให้ท่านอาซิซครับ เหมือนมีเรื่องสำคัญที่ผมตัดสินใจเองไม่ได้อยู่”
“ถ้าเป็นเรื่องโรงแรมในเครือการ์ดี ให้พักไว้ก่อน” สองตาคมหันกลับมามองร่างน้อยที่นั่งทำตาละห้อยมองเขาอยู่บนโต๊ะทำงาน แต่พอได้ยินนามสกุลตัวเองที่ผู้เป็นพ่อใช้ตั้งเป็นชื่อกิจการ สีหน้าแม่นกน้อยก็สว่างไสวขึ้น เขาเริ่มทำตามสัญญาแล้ว
“แต่ถ้าไม่รีบทำให้เสร็จก่อนกลับ มันจะยุ่งยากนะครับ กำหนดการเทคโอเวอร์มีการจำกัดวันด้วยครับ”
“ยกเลิกไปซะ ถือแค่หุ้นที่ซื้อมาก็พอ ไม่ต้องเทค ส่วนสิทธิ์การบริหารก็ให้ประธานคนเก่าจัดการไป”
“…หมายความว่ายังไงครับ” ผู้สวมบทประธานแทนเจ้าของตัวจริงเอ่ยถามเสียงตระหนก
“ไปได้แล้ว จะคุยอะไรนักหนา”
“...แล้วเอกสารยกเลิกล่ะครับ”
“ฉันกำลังเช็กอยู่ ไปซะ” ประโยคสุดท้ายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มปนหงุดหงิด ร่างใหญ่ก้าวเข้ามาหาคนที่นั่งห้อยขาอยู่บนโต๊ะทำงานอีกครั้งแล้วรั้งท้ายทอยบางเข้าไปจูบหนัก ๆ โดยไม่สนใจว่าคนด้านนอกจะอยู่หรือไป
“อื้อ!” ดวงหน้าน้อยเหยเกด้วยความเจ็บเมื่อกลีบปากหนาบดขยี้เรียวปากอุ่นรุนแรงขึ้น วงแขนแกร่งข้างหนึ่งกอดรั้งเอวบางเอาไว้ไม่ให้ถอยหนี ขณะที่มืออีกข้างเคลื่อนเข้าไปในกระโปรง นิ้วยาวเย็นเฉียบค่อย ๆ สอดแทรกเข้าไปในแพนตี้ลายลูกไม้สีชมพูอ่อนแล้วบดขยี้ทับทิมเม็ดงามที่แข็งเป็นไตแรง ๆ
“อ๊า มะ ไม่เอา” ดวงหน้าน้อยเอียงหนีเมื่อคนตรงหน้าจะทาบจูบลงมาอีกครั้ง ความเจ็บที่ฝังลงบนเรียวปากทำให้เธอปฏิเสธรสจูบของเขา
“คุณ…” สโรชาร้อนรุ่มไปทั้งตัวเมื่อจุดอ่อนไหวถูกเล่นงาน สัมผัสหยาบกร้านของนิ้วยาวที่บดคลึงเม็ดทับทิมทำให้กายสาวเสียววาบ สองมือเล็กจิกแผ่นหลังแกร่งไว้แน่น ใบหน้างามฝังลงกลางอกแกร่งขณะสองขาเรียวสั่นเกร็งจนปวดหนึบ
“อื้อ! จะ เจ็บ…” สองตางามน้ำตาไหลพรากเมื่อนิ้วยาวหยาบกร้านถึงสองนิ้วแทรกเข้าไปยังกึ่งกลางกายในคราวเดียว เล็บคมจิกลงบนมิชลาฮ์สีดำแถบทองจนเป็นรูพลุน ยิ่งเขาขยับนิ้ว ความเจ็บปวดราวกับร่างกายถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้น ๆ ก็ทำให้กลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันเจ็บปวดราวกับร่างกายจะแตกสลายอยู่รอมร่อ
“อย่าเกร็ง มันจะเจ็บ” เสียงทุ้มปนดุดังขึ้นข้างใบหูเล็ก กลีบปากร้อนเม้มติ่งหูน้อยเบา ๆ แล้วซุกปลายจมูกคมลงข้างซอกคอขาว ขบเม้มเนื้อเนียนจนเกิดเป็นรอยแดงขณะเดียวกันก็เร่งจังหวะขยับนิ้วเข้าออกเร็วขึ้น
“อื้อ! พะ พอแล้ว เจ็บ เจ็บ” ดวงหน้าน้อยเปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตา สโรชามองไม่เห็นหน้าเขา ม่านน้ำตาที่ไหลพรากลงมาปิดบังภาพเบื้องหน้าจนพร่าเบลอ ทำให้เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังแสดงสีหน้าแบบไหน “พอแล้ว… มันเจ็บ”
“หึ จะตามใจสักครั้งก็แล้วกัน” เสียงทุ้มเอ่ยขณะมองนิ้วมือที่ชักออกจากช่องทางคับแคบด้วยความพึงพอใจ คราบของเหลวสีแดงปนหยาดน้ำหวานสีใสไหลอาบนิ้วยาวจนเปียกชุ่ม ความอุ่นนุ่มปนคับแน่นด้านในเมื่อครู่ยังคงตราตรึง ร่างกำยำก้มลงมองหว่างขาตัวเองที่ปวดหนึบจนแทบทนไม่ไหวด้วยความไม่สบอารมณ์นัก ใจอยากจะปลดปล่อยปีศาจร้ายให้ออกมาอาละวาดเสียเดี๋ยวนี้ แต่ต้องทนไว้ก่อนเพราะมีงานมากมายรออยู่ หากเขาจู่โจมเธอตอนนี้คงมีเหตุให้เลื่อนไฟล์บิน และคาริบคงอารมณ์เสียสุด ๆ
ติ๊ง!บานประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างอรชรในชุดนักศึกษารัดรูปเดินสะพายกระเป๋าออกมา สิ่งหนึ่งที่สโรชาสัมผัสได้คือบรรยากาศในชั้นยังเงียบสงบเหมือนเดิม ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือวันนี้ไม่มีใครเอาปืนมาจ่อหัวเธอเสียงรองเท้าส้นเข็มสีดำดังกระทบพื้นมันวาวตามจังหวะเยื้องย่าง ร่างน้อยเดินผ่านหน้าบอดี้การ์ดหนวดเฟิ้มนับสิบที่ยืนนิ่งไม่กระดิก และไม่สนใจเธอนับตั้งแต่ก้าวขาออกจากลิฟต์ เหลือบมองแต่ละคนที่เดินผ่านหากบอกว่าเป็นหุ่นขี้ผึ้งเอามาตั้งไว้ก็คงเชื่อ“ก็นะ เจ้าชายลำดับที่สองแห่งราชวงศ์บ่อน้ำมันที่รั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองรัฐ คงไม่จ้างคนธรรมดามาเป็นบอดี้การ์ดหรอก” เสียงแผ่วพึมพำก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะยกมือเคาะ บานประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกราวกับรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว“ท่านอาซิซบอกให้รีบเข้าไปครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มที่เปิดประตูออกเอ่ยขึ้นพร้อมผายมือเข้าไปด้านใน ขณะที่สโรชาเดินเข้าไป เขาและเพื่อนอีกคนที่เคยยืนประจำอยู่ก็ออกมาและปิดประตูลง“สวัสดีค่ะ กลับมาเร็วจังเลยนะคะ” เรียวปากสวยเอ่ยทักทายร่างกำยำที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวไว้ เจ้าของห้องนั่งอ้าขาโ
อีกด้านหนึ่ง...“เหมือนจะไม่รู้ว่าถูกคนอื่นหมั่นไส้นะครับ ไม่รู้ด้วยว่าโดนแขวะ” คาริบพูดกับเจ้านายขณะยืนกอดอกมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพโซนหนึ่งของออฟฟิศ “ก็นายบอกเองนี่ ว่าเด็กคนนี้เหมือนโตมาในทุ่งลาเวนเดอร์ มองอะไรก็คงเห็นเป็นดอกไม้นั่นแหละ” ชีคหนุ่มกระตุกยิ้มเบา ๆ ขณะมองภาพสาวน้อยบนหน้าจอ “หรือไม่ก็อาจจะรู้แต่แสร้งไม่รู้แล้วหาทางตลบหลังอยู่ก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยต่อขณะดวงตาคมจับจ้องไปที่ต้นขาขาวเนียนของคนที่นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่น“งั้นก็หายห่วงนะครับ เพราะต่อไปคุณสโรชาคงมีข่าวลือแปลก ๆ กับท่านอาซิซ” แค่หญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายเขาแบบชั่วครั้งชั่วคราวยังโดนมองด้วยสายตาแปลก ๆ และถูกพูดถึงด้วยเรื่องเสื่อมเสียมากมาย แล้วสโรชาที่เป็นเด็กฝึกงานในบริษัทฯ ล่ะจะเหลืออะไร “ว่าแต่ท่านอาซิซให้คนเตรียมโต๊ะทำงานในนี้ทำไมครับ” องครักษ์หนุ่มหันไปมองมุมหนึ่งของห้องแล้วก็สงสัย ทันทีที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย นายเหนือหัวของเขาก็ให้จัดโต๊ะทำงานในห้องเพิ่มอีกตัว“เอาไว้ให้เด็กฝึกงาน”“ห๊ะ เด็กฝึกงานจะมาทำอะไรในห้องนี้ครับ”“ก็ฝึกงานน่ะสิ หนุ่มพรหมจรรย์อย่างนายจะไปรู้อะไร”“…” คิ้วเข้มขององครักษ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…“พรีมไปแล้วนะคะ ต่อไปแม่กับพ่อไม่ต้องรอกินมื้อเย็นแล้วนะ ช่วงนี้ที่ออฟฟิศเตรียมเปิดตัวซูเปอร์คาร์ใหม่ พรีมอาจกลับช้าเพราะต้องอยู่ช่วยเตรียมงาน” เสียงหวานเอ่ยกับแม่ที่ออกมายืนส่งหน้าบ้าน ส่วนพ่อออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว“จ้ะ ต่อไปพ่อกับแม่เองก็จะยุ่งมากขึ้นเหมือนกัน น่าจะไม่มีเวลาให้พรีมด้วยเพราะบริษัทฯ อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง พรีมต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”“รับทราบค่ะ แม่กับพ่อไม่ต้องห่วงพรีมนะ แล้วก็ต่อไปไม่ต้องให้คนขับรถไปรับไปส่งแล้วนะคะ พรีมอยากลองใช้ชีวิตแบบพนักงานออฟฟิศดูค่ะ ว่าจะเริ่มตั้งแต่เย็นนี้เลย” สาวน้อยส่งยิ้มให้แม่ก่อนจะเดินขึ้นรถที่คนขับเปิดประตูรออยู่ “ลองใช้ชีวิตพนักงานอะไรล่ะ ลุงอูฐคนนั้นให้บอดี้การ์ดมาคอยตามประกบต่างหาก” ร่างน้อยเอนตัวลงเบาะอย่างคนหมดแรง ดีหน่อยที่ลีมูซีนคันงามมีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร คนขับรถเลยไม่เห็นท่าทางของคุณหนูในตอนนี้“ชีวิตพนักงานออฟฟิศมันมีอะไรให้น่าทดลองกัน แม่ก็ไม่เอะใจเลย สงสัยคงจินตนาการว่าลูกสาวกำลังโตแล้วแน่เลย ฮือ” สองขาเรียวชูขึ้นเหนืออากาศแล้วถีบทึ้งไปมาราวกับเด็กน้อยเมื่อนึกถึงข้อความที่ได้รับจากเบอร์ป
“มีอะไร? ทำหน้าเหมือนตัวเองเสียผลประโยชน์” เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยถามคนที่นั่งขมวดคิ้วมองกระดาษสีขาวในมือ ตอนนี้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ทั้งคู่นั่งอยู่มีเอกสารหลายแผ่นวางไว้ ซึ่งแต่ละแผ่นสโรชาอ่านมาแล้วทุกตัวอักษร“เรื่องเทคโอเวอร์กับรายละเอียดการจัดการบริษัทฉันเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรโต้แย้ง เรื่องที่คุณให้คนนัดวันเจรจาใหม่กับพ่อก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องมีคนติดตามหรือบอดี้การ์ดด้วย” คิ้วเรียวย่นชนกันพร้อมเงยหน้าไปสบตาเขาอย่างไม่เข้าใจ “หรือคุณกลัวว่าฉันจะหนี”“ทำไมต้องกลัว” ริมฝีปากหนามีเคราอ่อน ๆ ปกคลุมเอ่ยพร้อมช้อนตามองสาวน้อยตรงหน้า “ยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้นอยู่ดี” ความมั่นใจในตัวเองของเขาทำสโรชาหมั่นไส้ แต่ก็ต้องทนไว้เพราะข้อตกลงของเขามันเป็นผลดีต่อกิจการของครอบครัว“ตอบให้ตรงคำถามสิคะ จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาติดตามทุกฝีก้าว คุณไม่คิดว่าพ่อแม่ฉันจะสงสัย หรือคนอื่นจะมองแปลก ๆ เหรอคะ”“งั้นจะให้ตามห่าง ๆ ก็แล้วกัน” “เหตุผลที่ฉันต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวคืออะไรคะ”“คิดว่าเป็นผู้หญิงของฉันแล้วชีวิตเธอจะปลอดภัยหรือไง เธอไม่ได้เข้ามาคืนเดียวแล้วแยกย้ายเหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ เราต้
“อึก” เสียงหอบหายใจดังขึ้นทันทีที่เรียวปากอิ่มได้รับอิสระ รสจูบเมื่อครู่ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงราวกับจะกระชากวิญญาณของเธอให้ออกจากร่าง สโรชานั่งก้มหน้ากุมอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อด้านในเต้นโครมครามไม่หยุด จูบแรกของเธอใช้แลกโรงแรมไปแล้ว“เซ็นเอกสารแผ่นแรกไปแล้ว ต่อไปให้เซ็นแผ่นไหนดี” ดวงตาคมไล่มองนกตัวน้อยนั่งสั่นระริกด้วยความชอบใจ ความรู้สึกตื่นเต้น แปลกใหม่ ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนทำให้อูฐแก่อย่างเขาติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง แม้จะเคยโอบกอดหญิงสาวมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนตัวสั่นในอ้อมแขนเขา แถมยังมีท่าทีเงอะงะราวกับนกน้อยเพิ่งหัดบิน ไม่ใช่เงอะงะเพราะเสแสร้งแกล้งทำให้เขาพอใจเหมือนหญิงสาวที่เคยเจอมา“ถะ ถ้ามีคนเข้ามาล่ะคะ” เสียงสั่นเอ่ยถาม แม้มองไม่เห็นบานประตูเพราะร่างกำยำยืนบังอยู่ แต่ก็ไม่สบายใจ “ไม่มีใครเข้ามาหรอก แต่ถ้าเข้ามาแล้วจะทำไม?” มือใหญ่ลูบไล้หน้าขาขาวเนียนช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปด้านในกระโปรงทรงเอจนร่างเล็กสะดุ้ง“อ๊ะ! ดะ เดี๋ยวสิคะ ที่คุณพูด หมายความว่ายังไง”“ลูกน้องฉันไม่ใช่พวกปากพล่อย”“แต่เขาก็เห็นนี่คะ”“ถึงเห็นก็จะบอกว่าไม่เห็น ถึงได้ยินก็จะบอกว่าไม่ได
“ฉันจะยกเลิกการเทคโอเวอร์โรงแรม แล้วมาเทคโอเวอร์เธอแทน โอเคไหม”“…คะ?”สโรชาหน้าแดงก่ำ สองมือเล็กกำกันแน่นเมื่อได้ยินข้อเสนอของเขา ในใจสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือต้องรู้สึกยังไง“ถ้าไม่สนใจก็กลับไปทำงานซะ วันนี้ฉันต้องเตรียมตัวออกไปข้างนอก” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ร่างใหญ่เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวสีน้ำตาลเข้มตามเดิม สองตาคมจ้องมองมายังร่างน้อยที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงประตูดังขึ้นเรียกสติร่างน้อยให้กลับคืนมา สโรชาสบตากับเจ้าของร่างใหญ่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ดังขึ้น“ท่านอาซิซ เหมือนว่าเราต้องส่งตัวแทนไปแล้วล่ะ…” ภาษาอาหรับดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนมาใหม่ ร่างใหญ่เงียบลงแค่นั้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ในห้อง เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าหญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายไม่ใช่คนนี้ สองตาสีเข้มหันไปสบตากับเจ้านายราวกับต้องการคำตอบ “มีเรื่องอะไร” คนถูกถามด้วยสายตาไม่ยอมตอบแต่เอ่ยถามเรื่องอื่นแทนสโรชายืนมองสองหนุ่มด้วยความประหม่า เธอไม่รู้ว่าควรออกไปหรือต้องอยู่รอคุยกับเขาก่อนดี แต่ที่รู้ตอนนี้คือผู้ชายที่เข้ามาใหม่ม







