ログイン“ฉันจะยกเลิกการเทคโอเวอร์โรงแรม แล้วมาเทคโอเวอร์เธอแทน โอเคไหม”
“…คะ?”
สโรชาหน้าแดงก่ำ สองมือเล็กกำกันแน่นเมื่อได้ยินข้อเสนอของเขา ในใจสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือต้องรู้สึกยังไง
“ถ้าไม่สนใจก็กลับไปทำงานซะ วันนี้ฉันต้องเตรียมตัวออกไปข้างนอก” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ร่างใหญ่เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวสีน้ำตาลเข้มตามเดิม สองตาคมจ้องมองมายังร่างน้อยที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงประตูดังขึ้นเรียกสติร่างน้อยให้กลับคืนมา สโรชาสบตากับเจ้าของร่างใหญ่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ดังขึ้น
“ท่านอาซิซ เหมือนว่าเราต้องส่งตัวแทนไปแล้วล่ะ…” ภาษาอาหรับดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนมาใหม่ ร่างใหญ่เงียบลงแค่นั้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ในห้อง เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าหญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายไม่ใช่คนนี้ สองตาสีเข้มหันไปสบตากับเจ้านายราวกับต้องการคำตอบ
“มีเรื่องอะไร” คนถูกถามด้วยสายตาไม่ยอมตอบแต่เอ่ยถามเรื่องอื่นแทน
สโรชายืนมองสองหนุ่มด้วยความประหม่า เธอไม่รู้ว่าควรออกไปหรือต้องอยู่รอคุยกับเขาก่อนดี แต่ที่รู้ตอนนี้คือผู้ชายที่เข้ามาใหม่มีตำแหน่งประธานบริษัทฯ และเป็นคนที่ไปเจรจากับพ่อเธอรอบแรก
“ท่านประธานาธิบดีมีเรื่องด่วนครับ” ผู้เป็นมือขวาเอ่ย “เราต้องบินคืนนี้เลย” ประโยคนี้ทำสโรชาตัวเย็นวาบเพราะฟังออก ถ้างั้นเขาก็ต้องกลับประเทศโดยที่ไม่ได้เจอพ่อเธอน่ะสิ
“งั้นก็ส่งตัวแทนไป เรื่องอื่นก็ให้คุณหญิงจัดการ มันเป็นโรงงานเล็ก ๆ น่าจะไม่ยุ่งยาก” ร่างกำยำในชุดคลุมมิชลาฮ์สีดำหยัดกายลุก สองตาคมเหลือบมองร่างน้อยที่ยืนทำหน้าเป็นกังวลอยู่แล้วยิ้มมุมปากเบา ๆ เขารู้ว่าเธอฟังออก “ฉันต้องกลับบ้านแล้วสิ พ่อของเธอคงไม่ได้เจรจาใหม่แล้วล่ะ สโรชา” ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยชื่อเธอทำให้กายบางชาวาบ
“งั้นผมไปแจ้งกำหนดการอย่างอื่นให้คุณหญิงก่อนนะครับ” ผู้เป็นมือขวาเอ่ยพร้อมมองเจ้านายกับสาวน้อยแปลกหน้าสลับกันด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรอีก
“เออ คาลิบ…” / “ขะ ขอฟังก่อนได้ไหมคะ” เสียงทุ้มเรียกมือขวาคนสนิทเมื่อนึกงานที่จะสั่งออก แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเสียงตะกุกตะกักของสาวน้อยเบื้องหน้าดังแทรกขึ้นเสียก่อน
“ครับ?”
“ไม่มีอะไร ออกไปให้หมด ยกเว้นเธอ” เจ้านายหนุ่มโบกมือไล่ลูกน้องคนสนิทและบอดี้การ์ดสองคนที่ยืนขนาบประตูก่อนจะหันไปกระตุกยิ้มร้ายใส่สาวน้อยตรงหน้า
“เหมือนว่าวันนี้ท่านอาซิซจะยิ้มบ่อยนะครับ” ผู้เป็นมือขวาเอ่ยขณะปรายตามองหญิงสาวก่อนจะเดินออกจากห้องไป “ถึงจะเป็นรอยยิ้มร้าย ๆ ก็เถอะ” เขาทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วปิดประตูลง
“ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นนี่” เจ้านายหนุ่มเหยียดยิ้มขณะตอบคำถามของลูกน้องที่ปิดประตูหนีไปแล้ว “ใช่ไหมสโรชา” ประโยคถัดมาเอ่ยกับสาวน้อยเบื้องหน้า
“…ที่คุณบอกน่ะค่ะ ว่าจะเจรจากับฉันแทนพ่อ ฉันขอฟังรายละเอียดก่อนได้ไหมคะ” แม้ในใจจะรู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร แต่สโรชาก็ต้องการความชัดเจน
“เอาโรงแรมเธอคืนไป แล้วเอาตัวเธอมาให้ฉัน” คนถูกถามตอบสั้น ๆ แต่ความหมายนั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไร ร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปหาหญิงสาวตรงหน้าพร้อมเชยคางมนขึ้นให้สบตาด้วย “เป็นไง? ง่ายใช่ไหม ข้อเสนอของฉัน”
“…” เรียวปากสวยเม้มหนีนิ้วมือใหญ่ที่วาดวนและบดขยี้ลงมาเบา ๆ แรงกดจากปลายนิ้วเริ่มหนักขึ้นเมื่อคนถามยังไม่ได้คำตอบ สโรชายืนข่มความประหม่าเอาไว้เพราะร่างใหญ่เริ่มเดินเข้ามาใกล้จนลำตัวด้านหน้าแนบชิดกัน และนั่นทำให้ดวงหน้าน้อยร้อนวาบเพราะลมหายใจของคนที่ก้มมองเธอเป่ารดลงมา
“ให้ทำเหมือนผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” เชิดหน้าถามเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามในอก ทั้งกลัว ทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่ากับคำตอบ
“ทำมากกว่านั้นสิ โรงแรมเธอมูลค่าไม่ใช่ถูก ๆ นะ” สองตาคมมองคนตรงหน้ายืนตัวสั่นระริกราวกับนกน้อยตกจากรัง มองริมฝีปากอิ่มที่เขาเกลี่ยเล่นจนบวมเป่งอย่างพึงพอใจ
“ต้องนอนกับคุณนานแค่ไหนคะ” ตาแป๋วมองใบหน้าคมเข้มพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันเมื่อเป็นอิสระจากมือใหญ่แล้ว
“หนึ่งปี”
“…เรียกร้องอย่างอื่นเพิ่มอีกได้ไหมคะ”
“เอาสิ” ร่างใหญ่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะตวัดวงแขนแกร่งเข้าหาร่างน้อย คนถูกอุ้มกระเตงแบบไม่ทันตั้งตัวเผลอกรีดร้องออกมาแต่ก็ยอมอยู่นิ่ง ๆ เมื่อร่างใหญ่พามานั่งบนโต๊ะทำงาน “อยากได้อะไรล่ะ” เสียงทุ้มถามขณะโน้มตัวเข้าหาคนบนโต๊ะและกักขังเธอไว้ด้วยสองแขนแกร่ง
“อย่าให้พ่อกับแม่รู้เรื่องนี้ได้ไหมคะ”
“อือ ฉันเองก็ไม่ชอบความวุ่นวายเหมือนกัน” เสียงทุ้มตอบรับขณะเดินเข้าไปยืนแทรกกลางหว่างขาสาว
“อ๊ะ!” พลันนั้นกระโปรงทรงเอตัวน้อยก็ร่นขึ้นจนเห็นแพนตี้สีชมพูอ่อนลายลูกไม้ มือเล็กรีบดึงชายกระโปรงลงทว่ามือใหญ่กว่ากลับปัดออก
“อย่าสิ ฉันกำลังเช็กเอกสารอยู่” เขาว่าขณะหลุบตามองต้นขาขาวเนียนโดยไม่สนเลยว่าใบหน้าน้อยจะแดงก่ำเพราะความอาย “แค่นี้เหรอ” เสียงทุ้มถามต่อขณะช้อนตามองดวงหน้าน้อย
“ตอนนี้นึกออกแค่นี้ค่ะ ไว้ทยอยบอกได้ไหมคะ ฉันไม่เรียกร้องในสิ่งที่ทำให้คุณเดือดร้อนหรอก”
“อือ งั้นก็เซ็นสัญเลยนะ” ว่าจบกลีบปากหนาก็โน้มเข้ามาใกล้แต่สโรชาไวกว่า สาวน้อยดันใบหน้าคมเอาไว้เสียก่อน “อะไรของเธอ?”
“จะเริ่มวันนี้เลยเหรอคะ”
“ก็ฉันต้องบินคืนนี้แล้ว ไม่ให้เริ่มตอนนี้แล้วจะเริ่มตอนไหน”
เขาพูดถูก…
“งั้นคุณไปอาบน้ำก่อนได้ไหม”
“ทำไม?”
“ก็คุณเพิ่งนอนกับผู้หญิงคนนั้นมานี่คะ”
“ไม่ได้นอน แค่เรียกมาคุกเข่าเฉย ๆ”
“งั้นก็ไปแปรงฟันก่อนค่ะ ฉันไม่อยากจูบต่อจากคนอื่น”
“ไม่ได้จูบด้วย ฉันไม่จูบผู้หญิงที่ทาลิปสติก มันสกปรก”
“แต่ฉันก็ทาลิปสติกนะคะ” สโรชาชี้นิ้วเข้าหาตัวเองด้วยความไม่เข้าใจคนตรงหน้านัก
“ฉันลบออกแล้ว” คราวนี้เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นให้เธอดู ปลายนิ้วใหญ่มีคราบลิปสติกสีชมพูอ่อนติดอยู่ “ทีนี้ก็เซ็นสัญญาได้สักทีนะ” มุมปากหนากระตุกยิ้มร้ายให้สาวน้อยตรงหน้าก่อนจะรั้งท้ายทอยบางเข้าหาแล้วทาบจูบหนัก ๆ ลง
“อื้อ!”
ติ๊ง!บานประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมกับร่างอรชรในชุดนักศึกษารัดรูปเดินสะพายกระเป๋าออกมา สิ่งหนึ่งที่สโรชาสัมผัสได้คือบรรยากาศในชั้นยังเงียบสงบเหมือนเดิม ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือวันนี้ไม่มีใครเอาปืนมาจ่อหัวเธอเสียงรองเท้าส้นเข็มสีดำดังกระทบพื้นมันวาวตามจังหวะเยื้องย่าง ร่างน้อยเดินผ่านหน้าบอดี้การ์ดหนวดเฟิ้มนับสิบที่ยืนนิ่งไม่กระดิก และไม่สนใจเธอนับตั้งแต่ก้าวขาออกจากลิฟต์ เหลือบมองแต่ละคนที่เดินผ่านหากบอกว่าเป็นหุ่นขี้ผึ้งเอามาตั้งไว้ก็คงเชื่อ“ก็นะ เจ้าชายลำดับที่สองแห่งราชวงศ์บ่อน้ำมันที่รั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองรัฐ คงไม่จ้างคนธรรมดามาเป็นบอดี้การ์ดหรอก” เสียงแผ่วพึมพำก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องที่เคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังไม่ทันจะยกมือเคาะ บานประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออกราวกับรู้ว่าเธอมาถึงแล้ว“ท่านอาซิซบอกให้รีบเข้าไปครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มที่เปิดประตูออกเอ่ยขึ้นพร้อมผายมือเข้าไปด้านใน ขณะที่สโรชาเดินเข้าไป เขาและเพื่อนอีกคนที่เคยยืนประจำอยู่ก็ออกมาและปิดประตูลง“สวัสดีค่ะ กลับมาเร็วจังเลยนะคะ” เรียวปากสวยเอ่ยทักทายร่างกำยำที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวพันรอบเอวไว้ เจ้าของห้องนั่งอ้าขาโ
อีกด้านหนึ่ง...“เหมือนจะไม่รู้ว่าถูกคนอื่นหมั่นไส้นะครับ ไม่รู้ด้วยว่าโดนแขวะ” คาริบพูดกับเจ้านายขณะยืนกอดอกมองหน้าจอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายภาพโซนหนึ่งของออฟฟิศ “ก็นายบอกเองนี่ ว่าเด็กคนนี้เหมือนโตมาในทุ่งลาเวนเดอร์ มองอะไรก็คงเห็นเป็นดอกไม้นั่นแหละ” ชีคหนุ่มกระตุกยิ้มเบา ๆ ขณะมองภาพสาวน้อยบนหน้าจอ “หรือไม่ก็อาจจะรู้แต่แสร้งไม่รู้แล้วหาทางตลบหลังอยู่ก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยต่อขณะดวงตาคมจับจ้องไปที่ต้นขาขาวเนียนของคนที่นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าเล่น“งั้นก็หายห่วงนะครับ เพราะต่อไปคุณสโรชาคงมีข่าวลือแปลก ๆ กับท่านอาซิซ” แค่หญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายเขาแบบชั่วครั้งชั่วคราวยังโดนมองด้วยสายตาแปลก ๆ และถูกพูดถึงด้วยเรื่องเสื่อมเสียมากมาย แล้วสโรชาที่เป็นเด็กฝึกงานในบริษัทฯ ล่ะจะเหลืออะไร “ว่าแต่ท่านอาซิซให้คนเตรียมโต๊ะทำงานในนี้ทำไมครับ” องครักษ์หนุ่มหันไปมองมุมหนึ่งของห้องแล้วก็สงสัย ทันทีที่เดินทางกลับถึงเมืองไทย นายเหนือหัวของเขาก็ให้จัดโต๊ะทำงานในห้องเพิ่มอีกตัว“เอาไว้ให้เด็กฝึกงาน”“ห๊ะ เด็กฝึกงานจะมาทำอะไรในห้องนี้ครับ”“ก็ฝึกงานน่ะสิ หนุ่มพรหมจรรย์อย่างนายจะไปรู้อะไร”“…” คิ้วเข้มขององครักษ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…“พรีมไปแล้วนะคะ ต่อไปแม่กับพ่อไม่ต้องรอกินมื้อเย็นแล้วนะ ช่วงนี้ที่ออฟฟิศเตรียมเปิดตัวซูเปอร์คาร์ใหม่ พรีมอาจกลับช้าเพราะต้องอยู่ช่วยเตรียมงาน” เสียงหวานเอ่ยกับแม่ที่ออกมายืนส่งหน้าบ้าน ส่วนพ่อออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว“จ้ะ ต่อไปพ่อกับแม่เองก็จะยุ่งมากขึ้นเหมือนกัน น่าจะไม่มีเวลาให้พรีมด้วยเพราะบริษัทฯ อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง พรีมต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก”“รับทราบค่ะ แม่กับพ่อไม่ต้องห่วงพรีมนะ แล้วก็ต่อไปไม่ต้องให้คนขับรถไปรับไปส่งแล้วนะคะ พรีมอยากลองใช้ชีวิตแบบพนักงานออฟฟิศดูค่ะ ว่าจะเริ่มตั้งแต่เย็นนี้เลย” สาวน้อยส่งยิ้มให้แม่ก่อนจะเดินขึ้นรถที่คนขับเปิดประตูรออยู่ “ลองใช้ชีวิตพนักงานอะไรล่ะ ลุงอูฐคนนั้นให้บอดี้การ์ดมาคอยตามประกบต่างหาก” ร่างน้อยเอนตัวลงเบาะอย่างคนหมดแรง ดีหน่อยที่ลีมูซีนคันงามมีกระจกกั้นระหว่างคนขับกับผู้โดยสาร คนขับรถเลยไม่เห็นท่าทางของคุณหนูในตอนนี้“ชีวิตพนักงานออฟฟิศมันมีอะไรให้น่าทดลองกัน แม่ก็ไม่เอะใจเลย สงสัยคงจินตนาการว่าลูกสาวกำลังโตแล้วแน่เลย ฮือ” สองขาเรียวชูขึ้นเหนืออากาศแล้วถีบทึ้งไปมาราวกับเด็กน้อยเมื่อนึกถึงข้อความที่ได้รับจากเบอร์ป
“มีอะไร? ทำหน้าเหมือนตัวเองเสียผลประโยชน์” เจ้าของใบหน้าคมเข้มเอ่ยถามคนที่นั่งขมวดคิ้วมองกระดาษสีขาวในมือ ตอนนี้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาที่ทั้งคู่นั่งอยู่มีเอกสารหลายแผ่นวางไว้ ซึ่งแต่ละแผ่นสโรชาอ่านมาแล้วทุกตัวอักษร“เรื่องเทคโอเวอร์กับรายละเอียดการจัดการบริษัทฉันเข้าใจค่ะ ไม่มีอะไรโต้แย้ง เรื่องที่คุณให้คนนัดวันเจรจาใหม่กับพ่อก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันต้องมีคนติดตามหรือบอดี้การ์ดด้วย” คิ้วเรียวย่นชนกันพร้อมเงยหน้าไปสบตาเขาอย่างไม่เข้าใจ “หรือคุณกลัวว่าฉันจะหนี”“ทำไมต้องกลัว” ริมฝีปากหนามีเคราอ่อน ๆ ปกคลุมเอ่ยพร้อมช้อนตามองสาวน้อยตรงหน้า “ยังไงเธอก็หนีฉันไม่พ้นอยู่ดี” ความมั่นใจในตัวเองของเขาทำสโรชาหมั่นไส้ แต่ก็ต้องทนไว้เพราะข้อตกลงของเขามันเป็นผลดีต่อกิจการของครอบครัว“ตอบให้ตรงคำถามสิคะ จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาติดตามทุกฝีก้าว คุณไม่คิดว่าพ่อแม่ฉันจะสงสัย หรือคนอื่นจะมองแปลก ๆ เหรอคะ”“งั้นจะให้ตามห่าง ๆ ก็แล้วกัน” “เหตุผลที่ฉันต้องมีบอดี้การ์ดส่วนตัวคืออะไรคะ”“คิดว่าเป็นผู้หญิงของฉันแล้วชีวิตเธอจะปลอดภัยหรือไง เธอไม่ได้เข้ามาคืนเดียวแล้วแยกย้ายเหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ เราต้
“อึก” เสียงหอบหายใจดังขึ้นทันทีที่เรียวปากอิ่มได้รับอิสระ รสจูบเมื่อครู่ทั้งหนักหน่วงและรุนแรงราวกับจะกระชากวิญญาณของเธอให้ออกจากร่าง สโรชานั่งก้มหน้ากุมอกข้างซ้ายที่ก้อนเนื้อด้านในเต้นโครมครามไม่หยุด จูบแรกของเธอใช้แลกโรงแรมไปแล้ว“เซ็นเอกสารแผ่นแรกไปแล้ว ต่อไปให้เซ็นแผ่นไหนดี” ดวงตาคมไล่มองนกตัวน้อยนั่งสั่นระริกด้วยความชอบใจ ความรู้สึกตื่นเต้น แปลกใหม่ ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนทำให้อูฐแก่อย่างเขาติดใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลิ้มลอง แม้จะเคยโอบกอดหญิงสาวมามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนตัวสั่นในอ้อมแขนเขา แถมยังมีท่าทีเงอะงะราวกับนกน้อยเพิ่งหัดบิน ไม่ใช่เงอะงะเพราะเสแสร้งแกล้งทำให้เขาพอใจเหมือนหญิงสาวที่เคยเจอมา“ถะ ถ้ามีคนเข้ามาล่ะคะ” เสียงสั่นเอ่ยถาม แม้มองไม่เห็นบานประตูเพราะร่างกำยำยืนบังอยู่ แต่ก็ไม่สบายใจ “ไม่มีใครเข้ามาหรอก แต่ถ้าเข้ามาแล้วจะทำไม?” มือใหญ่ลูบไล้หน้าขาขาวเนียนช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปด้านในกระโปรงทรงเอจนร่างเล็กสะดุ้ง“อ๊ะ! ดะ เดี๋ยวสิคะ ที่คุณพูด หมายความว่ายังไง”“ลูกน้องฉันไม่ใช่พวกปากพล่อย”“แต่เขาก็เห็นนี่คะ”“ถึงเห็นก็จะบอกว่าไม่เห็น ถึงได้ยินก็จะบอกว่าไม่ได
“ฉันจะยกเลิกการเทคโอเวอร์โรงแรม แล้วมาเทคโอเวอร์เธอแทน โอเคไหม”“…คะ?”สโรชาหน้าแดงก่ำ สองมือเล็กกำกันแน่นเมื่อได้ยินข้อเสนอของเขา ในใจสับสน ไม่รู้ว่าควรโกรธหรือต้องรู้สึกยังไง“ถ้าไม่สนใจก็กลับไปทำงานซะ วันนี้ฉันต้องเตรียมตัวออกไปข้างนอก” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ร่างใหญ่เดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้โซฟาตัวสีน้ำตาลเข้มตามเดิม สองตาคมจ้องมองมายังร่างน้อยที่ยืนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงประตูดังขึ้นเรียกสติร่างน้อยให้กลับคืนมา สโรชาสบตากับเจ้าของร่างใหญ่อีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยอะไร เสียงคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ดังขึ้น“ท่านอาซิซ เหมือนว่าเราต้องส่งตัวแทนไปแล้วล่ะ…” ภาษาอาหรับดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนมาใหม่ ร่างใหญ่เงียบลงแค่นั้นเมื่อเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ในห้อง เขาจำได้ว่าเมื่อเช้าหญิงสาวที่เข้ามาดูแลเจ้านายไม่ใช่คนนี้ สองตาสีเข้มหันไปสบตากับเจ้านายราวกับต้องการคำตอบ “มีเรื่องอะไร” คนถูกถามด้วยสายตาไม่ยอมตอบแต่เอ่ยถามเรื่องอื่นแทนสโรชายืนมองสองหนุ่มด้วยความประหม่า เธอไม่รู้ว่าควรออกไปหรือต้องอยู่รอคุยกับเขาก่อนดี แต่ที่รู้ตอนนี้คือผู้ชายที่เข้ามาใหม่ม







