หลังจากเหวี่ยงเธอเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็ปิดประตูตามหลัง
ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องมองร่างบางที่เซถลาจนเกือบล้ม
“นี่คุณ...ทำไมต้องรุนแรงกันด้วย” เธอตวาด
“คุณเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง ความรุนแรงน่ะ”
“หมายความว่ายังไง”
“เหอะ ! เมื่อกี้คุณตบสาทำไม”
“สา ?” คิ้วเรียวขมวด “อ๋อ คงหมายถึงผู้หญิงที่มาแว้ดๆ ใส่ เหมือนฉันเป็นแค่ขยะเปียกนั่นน่ะเหรอคะ”
“คุณพูดเกินไป สาไม่ได้พูดสักคำว่าคุณเป็นขยะ”
“ค่ะ ไม่พูด แต่ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา มันก็แปลว่าฉันกับลูกเป็นขยะนั่นแหละค่ะ”
“คุณคิดไปเอง สาเป็นคู่หมั้นผม ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่พอใจที่อยู่ๆ ผมก็พาลูกกับผู้หญิงที่ผมเคยนอนด้วยมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ไม่มีผู้หญิงคนไหนพอใจหรอกนะ แต่สาเป็นคนมีเหตุผล ถ้าให้เวลาเขาสักระยะ สาจะเข้าใจ”
“อ๋อค่ะ แฟนคุณเป็นแม่พระแสนดี ส่วนฉันเป็นนางมารร้ายสินะคะ” คำพูดของเธอแฝงแววเหยียดหยัน
“คุณนี่มีนิสัยชอบคิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ” ชายหนุ่มสบถ ขบกรามจนขึ้นสัน
“เอาล่ะ เลิกยืดเยื้อเถอะค่ะ แล้วพูดมาตรงๆ จะบ่นจะว่าอะไรฉัน”
“คุณไม่ควรตบสา”
“แล้วการที่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดจาเปรตๆ ต่อหน้าเด็ก มันเป็นเรื่องดีงั้นเหรอคะ ลูกฉันถึงจะยังเด็ก แต่เขาก็เริ่มรู้ความแล้ว เขารู้ค่ะว่าผู้ใหญ่คนไหนไม่ชอบเขาน่ะ แล้วดูแต่ละคำที่ทูนหัวทูนเกล้าของคุณพูดมาสิ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กๆ ถ้าฉันไม่ตบก็คงไม่หยุดปากหรอกค่ะ”
รามิลตาลุกเป็นไฟ “แต่ถึงยังไงคุณก็ไม่ควรใช้กำลัง การที่คุณตบคนอื่นต่อหน้าลูก คิดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกนักหรือไง”
“เรื่องนั้นฉันจะบอกจะสอนลูกเองค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”
“ณิชา” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงต่ำลึก “ฟังนะ ต่อจากนี้ไป คุณอย่าทำอะไรที่ขัดหูขัดตาผม ใช้ชีวิตให้สงบเสงี่ยมซะ”
“ถ้างั้นฉันจะพาลูกกลับไปอยู่ในที่ของฉัน”
“เสียใจด้วยนะณิชา” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา “ตั้งแต่ตอนที่คุณตกลงที่จะพาลูกเข้ามาอยู่ที่นี่ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวเท้าออกไปอีกแล้ว”
หัวใจเธอกระตุกวูบ “มะ หมายความว่า คุณจะขังฉันกับลูกงั้นเหรอคะ”
“แค่บอกให้คุณรู้ไว้ ต่อให้คุณหนีไปได้ ผมก็จะตามไปลากคุณกลับมา”
“บะ บะ บ้านเมืองมีขื่อมีแป คุณจะทำอะไรตามใจชอบอย่างนี้ไม่ได้นะ” เสียงเธอเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“งั้นก็ลองแจ้งความให้ตำรวจมาลากคอผมไปสิ...ถ้ามีปัญญาแจ้งก็แจ้งเลย” มือใหญ่จับคางเล็กแน่นจนเธอเจ็บ “คุณเคยทำงานกับผมมาก่อน คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมเป็นคนยังไง ผมไม่เชื่อหรอกว่าแค่ห้าปี คุณจะลืมน่ะ เรื่องที่ผมจะพูดก็มีแค่นี้ ขอให้คุณรู้ไว้ซะด้วยว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไรในบ้านหลังนี้ อย่าทำตัวกร่างให้มากนัก เพราะคุณมันก็เป็นแค่ผู้อาศัย” พูดจบ ร่างสูงก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที ในขณะที่ณิชาทรุดฮวบ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น แม้จะไม่มีน้ำตา แต่มือของเธอก็สั่นเทาเกินกว่าจะควบคุมได้
ทั้งที่รู้ดีว่าเขาเป็นผู้ชายอันตราย แต่เธอก็ยังมา...
เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองที่โง่ยอมเข้ามาในกับดักของเขาได้อย่างง่ายๆ !
หลังจากเหวี่ยงเธอเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็ปิดประตูตามหลังดวงตาสีดำสนิทจับจ้องมองร่างบางที่เซถลาจนเกือบล้ม“นี่คุณ...ทำไมต้องรุนแรงกันด้วย” เธอตวาด“คุณเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง ความรุนแรงน่ะ”“หมายความว่ายังไง”“เหอะ ! เมื่อกี้คุณตบสาทำไม”“สา ?” คิ้วเรียวขมวด “อ๋อ คงหมายถึงผู้หญิงที่มาแว้ดๆ ใส่ เหมือนฉันเป็นแค่ขยะเปียกนั่นน่ะเหรอคะ”“คุณพูดเกินไป สาไม่ได้พูดสักคำว่าคุณเป็นขยะ”“ค่ะ ไม่พูด แต่ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา มันก็แปลว่าฉันกับลูกเป็นขยะนั่นแหละค่ะ”“คุณคิดไปเอง สาเป็นคู่หมั้นผม ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่พอใจที่อยู่ๆ ผมก็พาลูกกับผู้หญิงที่ผมเคยนอนด้วยมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ไม่มีผู้หญิงคนไหนพอใจหรอกนะ แต่สาเป็นคนมีเหตุผล ถ้าให้เวลาเขาสักระยะ สาจะเข้าใจ”“อ๋อค่ะ แฟนคุณเป็นแม่พระแสนดี ส่วนฉันเป็นนางมารร้ายสินะคะ” คำพูดของเธอแฝงแววเหยียดหยัน“คุณนี่มีนิสัยชอบคิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ” ชายหนุ่มสบถ ขบกรามจนขึ้นสัน“เอาล่ะ เลิกยืดเยื้อเถอะค่ะ แล้วพูดมาตรงๆ จะบ่นจะว่าอะไรฉัน”“คุณไม่ควรตบสา”“แล้วการที่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดจาเปรตๆ ต่อหน้าเด็ก มันเป็นเรื่องดีงั้นเหรอคะ ลูกฉันถึงจะยังเด็ก แต่เขาก็เริ่มรู้ความแล้
เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลพาเด็ก ๆ ออกไปเที่ยวสวนสนุกตามสัญญา ทิ้งให้ณิชชาอยู่คฤหาสน์ตามลำพัง ความรู้สึกเดียวที่ครอบงำเธอคือความไม่สบายใจและความหวาดระแวง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกลัวว่าลูกจะโดนรามิลพรากไป เธอคงไม่มีวันพาเด็กๆ มาอยู่ในที่ที่น่าอึดอัดขนาดนี้ ถึงแม้ว่าหากไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ลูกจะเป็นสิทธิ์ของแม่เพียงคนเดียวก็ตาม แต่เธอรู้ทันผู้ชายอย่างเขาดี เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ลูกไปแน่ และที่สำคัญ...ลูกเป็นสายเลือดของเขา และในคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน เขาก็ทำผิดต่อเธอจริงๆ ดังนั้นลูกก็ควรได้รับสิ่งที่ควรจะได้ เธอไม่คิดจะปิดโอกาสของลูกเมื่อกลับมาในตอนเย็น เด็ก ๆ เล่าถึงความสนุกสนานให้ณิชชาฟังอย่างตื่นเต้น ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย"คุณพ่อใจดีมากเลยฮับ!" เมฆากล่าว"ใช่ค่ะ คุณพ่อซื้อของเล่นให้พวกเราด้วยล่ะ" วารินเสริมภูผาพยักหน้า "ครับ ภูก็ได้ของเล่นเหมือนกัน"ณิชชามองลูก ๆ ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจที่ลูก ๆ มีความสุข หรือกังวลกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นกันแน่ในขณะนั้นเอง ธัญรสาก็ปรากฏตัวที่คฤหาสน์ด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง เมื่อเห็นภาพพ่อลูกที่ดูสนิทสนมกัน หญิงสาวได้เดิ
เมื่อณิชชาเดินเข้าไปในห้องทำงานใหญ่โต รามิลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่เธออย่างอ่านไม่ออก"เชิญนั่ง" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นณิชชาทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างระมัดระวัง "ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ"“เลิกเรียกฉันว่าท่านประธานเถอะ ผมไม่ใช่เจ้านายของคุณแล้ว”หญิงสาวเม้มปากแน่น ก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ คุณรามิลจะคุยอะไรคะ”"เรื่องลูก ๆ พวกเขาต้องได้รับการดูแลที่ดีที่สุด""ฉันก็ดูแลลูก ๆ ของฉันอย่างดีที่สุดมาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง"ผมจะ..." เขาพูดไม่ทันจบ เธอก็พูดสวน“ฉันพาลูกๆ มาอยู่ที่นี่ก็ถือว่าฉันยอมคุณมากแล้วนะคะ อย่าคิดทำอะไรให้มากนักเลย”“คุณรู้เหรอว่าผมจะพูดอะไร” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงข้างหนึ่ง“ฉันเคยทำงานกับคุณ รู้จักคุณดี พูดง่ายๆ ก็คือรู้ไส้คุณค่ะ คุณคงคิดว่าฉันคือภาระ ส่วนเด็กๆ น่ะ คุณอยากจะให้เขาเป็นคุณชายคุณหนู ของเล่นกองเท่าภูเขา ขนมของกินมากมาย กินทิ้งกินขว้างยังไงก็ไม่มีวันหมด
ณิชชานั่งกุมมือตัวเองแน่น ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสับสนและความกังวล เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อใจคำพูดของรามิลได้มากน้อยแค่ไหน แต่สิ่งที่ทนายพูดถึงเรื่องกฎหมายก็ทำให้เธออดหวั่นใจไม่ได้"คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะให้โอกาสเด็ก ๆ ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด ท่านสามารถมอบทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ ทั้งการศึกษาที่ดี สังคมที่ดี และชีวิตที่สุขสบาย ดังนั้นพาลูกๆ ไปอยู่ที่บ้านพ่อของพวกเขาเถอะนะครับ" ทนายวรุตม์โน้มน้าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลหญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตากับรามิล แววตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเช่นเคย กลับฉายแววของความจริงจังและความปรารถนาบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก"แล้วฉันล่ะคะ?" ณิชชาถามเสียงเบา "ฉันต้องอยู่ที่นั่นในฐานะอะไร?""คุณก็คือแม่ของลูก ๆ ของผม" รามิลตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ "คุณจะได้รับการเคารพและดูแลอย่างดีที่สุด ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องการเลี้ยงดูเด็ก ๆ ของคุณ""คำพูดของคุณ ฉันจะเชื่อได้แค่ไหน" ณิชชาถามด้วยความไม่ไว้วางใจ"ผมรู้ว่าผมเคยทำลายความเชื่อใจของคุณ" รามิลตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่ผมหวังว่าเวลาและการกระทำของผมจะสามารถทำให้คุณเห็นความจริงใจของผมได้"ณิ
"ลูก ๆ ของฉันมีความสุขดีอยู่แล้ว พวกเขาไม่ต้องการพ่อที่ไม่เคยมีตัวตนในชีวิตของพวกเขามาตลอดห้าปี" ณิชชาตอบโต้ทันที"แต่พวกเขาควรจะมีพ่อ และผมต้องการที่จะเป็นพ่อคนนั้น ผมอยากจะชดเชยเวลาที่ผมเสียไป ผมอยากที่จะ...""มันสายเกินไปแล้วค่ะ ท่านประธาน มันสายเกินไปมากแล้ว" ณิชชาตอบเสียงเด็ดขาด"ไม่สายเกินไปหรอก ถ้าคุณเปิดใจให้ผม ถ้าคุณให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง" รามิลยังคงยืนกราน"ฉันไม่เชื่อใจคุณ" หญิงสาวตอบตรง ๆ"ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น ผมสัญญา"ทนายวรุตม์ก้าวเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยความกดดัน "คุณณิชชาครับ คุณรามิลต้องการที่จะพูดคุยถึงเรื่องการดูแลบุตรอย่างเป็นทางการ ท่านหวังว่าจะสามารถตกลงกันด้วยดีโดยไม่ต้องถึงศาล ท่านต้องการที่จะให้เด็ก ๆ ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีที่สุด และท่านก็ยินดีที่จะให้คุณเป็นผู้ดูแลหลัก โดยที่คุณจะได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคุณรามิล""คุณหมายความว่ายังไง" ณิชชาถามด้วยความสับสนระคนสงสัย"คุณรามิลต้องการที่จะสนับสนุนทางการเงินและการศึกษาของเด็ก ๆ อย่างเต็มที่ และท่านก็เคารพการตัดสินใจของคุณในการเลี้ยงดูพวกเขา ท่านเพียงแต่ต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิ
บทที่ 5เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลเดินทางไปยังร้าน ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง ข้างกายเขามีทนายวรุตม์ยืนอยู่ด้วยท่าทีสุภาพ ราวกับเป็นเงาที่คอยสนับสนุนความต้องการของเจ้านายเมื่อรามิลก้าวเข้าไปในร้าน กลิ่นหอมหวานของขนมอบไม่ได้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดลดลง ณิชชาก็ชะงักมือจากการจัดขนม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความระแวงและไม่พอใจที่เห็นใบหน้าของผู้ชายที่เธอพยายามลืมเลือน ภูผามองหน้าชายแปลกหน้าด้วยความระมัดระวัง วารินจ้องมองด้วยความขี้สงสัย ส่วนเมฆาเกาะขาแม่แน่นด้วยท่าทีงอแง"ท่านประธาน คุณมาทำไมอีก หรือว่ายังอยากจะทำลายชีวิตของฉันอีกค " ณิชชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พยายามรักษาระยะห่างจากเขารามิลรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูดนั้น "ผมมาที่นี่เพื่อคุยกับคุณ...เรื่องลูกของเรา""ลูกของฉันค่ะ! พวกเขาเป็นชีวิตของฉัน เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี คุณไม่มีสิทธิ์มาเรียกพวกเขาว่า ลูกของเรา" ณิชชาตอบโต้ทันที น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว"ณิชชา...ผมรู้ความจริงแล้ว" รามิลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำลง "ผลตรวจ DNA ยืนยันแล้ว ผมคือพ่อของภูผา วาริน และเมฆา" ในเวลาที่พูด เขาได้หลุบตาลงมองเด็กๆ ทั้งสามคน...ไม่ใช่แค่เพียงภูผาที่หน้าตา
บทที่ 4ผลตรวจดีเอ็นเอ หลังจากรามิลเดินออกจากร้านไป ความเงียบก็ปกคลุม ‘บ้านขนม ณิชชา’ อีกครั้ง มือของเธอสั่นเทาเล็กน้อย หัวใจเต้นระรัวด้วยความกังวล ความกลัวที่เธอพยายามกดเอาไว้ตลอดห้าปีที่ผ่านมาเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้งเขาต้องการอะไรกันแน่? ทำไมถึงเพิ่งมาสนใจเรื่องลูกในตอนนี้? คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในความคิดของณิชชา เธอไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของรามิล การปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหันและการพูดถึงเรื่องลูกทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวง"คุณแม่ฮับ คุณลุงคนนั้นเป็นใครเหรอฮับ? ทำไมหน้าตาดูไม่ค่อยพอใจเลย แล้วทำไมต้องมาที่ร้านของเราด้วย?" น้องเมฆาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตจับจ้องมองใบหน้าของณิชชาอย่างเป็นห่วง“หืม ? หนูเห็นคุณลุงด้วยเหรอจ๊ะ” เธอถาม“เห็นคับ พวกเราแอบดูตรงหน้าต่าง ไม่เห็นซื้อขนมเลย แต่ทำหน้าเหมือนจะกินแม่เลยฮับ หรือว่าเขาเป็นยักษ์แปลงตัวมา”ณิชชาฝืนยิ้มให้ลูกชายคนเล็ก ลูบศีรษะเขาเบา ๆ "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะเมฆา คุณลุงเขาอาจจะมีเรื่องไม่สบายใจน่ะ""แต่หนูกลัวเขาจังเลยค่ะ เขาดูดุ ๆ หนูไม่อยากให้เขามาที่นี่อีก" น้องวารินเอ่ยเสียงเบา เกาะแขนณิชชาแน่น น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย"ไ
บทที่ 3ปริศนาในสายเลือดความสงสัยกัดกินใจรามิลราวกับหนอนไช แม้จะพยายามสะบัดความคิดเกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อภูผาทิ้งไป แต่ภาพดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับตามหลอกหลอนไม่เลิก‘ทำไมถึงเหมือนฉันขนาดนั้น? มันเป็นไปไม่ได้ แต่ก็อดคิดไม่ได้’ เขาเดินวนไปวนมาในห้องทำงานอย่างกระวนกระวาย"ท่านประธานครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" เลขาคนสนิทชื่อวิน ได้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของเจ้านายมาตั้งแต่กลับมาจากสวนสาธารณะวันนั้นรามิลหยุดเดิน หันมามองหน้าวินด้วยแววตาครุ่นคิด "วิน...คุณว่าคนเราจะหน้าเหมือนกันได้มากแค่ไหน"วินขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามที่ดูเหมือนจะไม่มีปี่มีขลุ่ย "ก็...อาจจะมีบ้างครับท่านประธาน แล้วแต่ลักษณะทางพันธุกรรมน่ะครับ ทำไมเหรอครับ""เมื่อวานผมเจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาคล้ายผมมาก...มากจนน่าตกใจ" รามิลยอมเล่าออกมาในที่สุด"จริงเหรอครับ บังเอิญหรือเปล่าครับ" วินถามด้วยความสงสัย"ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่..." รามิลเงียบไปครู่หนึ่ง "เด็กคนนั้นอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อณิชชา"วินเบิกตากว้างเล็กน้อย "คุณณิชชา...คนที่เคยทำงานที่บริษัทเราเมื่อห้าปีก่อนน่ะเหรอครับ"รามิลพยักหน้า สีหน้าของเ
บทที่ 2 ลูกฝาแฝด 3 คนหลายวันผ่านไป ณิชชาเดินทางไปยังเมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง เธอใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเช่าห้องพักราคาถูก เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและความเครียดทำให้ร่างกายของเธออ่อนแอลง แต่สิ่งที่ทรมานเธอมากที่สุดคือความรู้สึกผิดหวังในความรักและความเชื่อใจที่เธอเคยมอบให้กับรามิลและแล้ว...สัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของณิชชาก็ปรากฏขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอก็เริ่มมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน และอ่อนเพลียอย่างหนัก ทำให้เธอเริ่มสงสัยในความผิดปกติของร่างกาย และเมื่อไปพบแพทย์ เธอก็ได้รับข่าวที่ทำให้เธอทั้งตกใจจนแทบเป็นลม...เธอตั้งครรภ์ และเป็นลูกแฝด 3 คน !!ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามาในจิตใจของณิชชา เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวในสภาพที่เธอเป็นอยู่มันยากลำบากเพียงใด และยิ่งไปกว่านั้น เด็กในท้องของเธอคือผลผลิตจากค่ำคืนอันแสนเลวร้ายกับผู้ชายที่ทำร้ายเธออย่างแสนสาหัสแต่ในที่สุด สัญชาตญาณความเป็นแม่ก็เริ่มทำงาน ณิชชาตัดสินใจที่จะเก็บเด็กไว้ เธอจะเลี้ยงดูพวกเขาด้วยความรักและความเข้มแข