Share

อดีตสามีใจร้าย !

last update Last Updated: 2025-05-15 22:44:55

หลังจากเหวี่ยงเธอเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็ปิดประตูตามหลัง

ดวงตาสีดำสนิทจับจ้องมองร่างบางที่เซถลาจนเกือบล้ม

“นี่คุณ...ทำไมต้องรุนแรงกันด้วย” เธอตวาด

“คุณเองก็ชอบไม่ใช่หรือไง ความรุนแรงน่ะ”

“หมายความว่ายังไง”

“เหอะ ! เมื่อกี้คุณตบสาทำไม”

“สา ?” คิ้วเรียวขมวด “อ๋อ คงหมายถึงผู้หญิงที่มาแว้ดๆ ใส่ เหมือนฉันเป็นแค่ขยะเปียกนั่นน่ะเหรอคะ”

“คุณพูดเกินไป สาไม่ได้พูดสักคำว่าคุณเป็นขยะ”

“ค่ะ ไม่พูด แต่ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา มันก็แปลว่าฉันกับลูกเป็นขยะนั่นแหละค่ะ”

“คุณคิดไปเอง สาเป็นคู่หมั้นผม ก็อาจจะมีบ้างที่ไม่พอใจที่อยู่ๆ ผมก็พาลูกกับผู้หญิงที่ผมเคยนอนด้วยมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน ไม่มีผู้หญิงคนไหนพอใจหรอกนะ แต่สาเป็นคนมีเหตุผล ถ้าให้เวลาเขาสักระยะ สาจะเข้าใจ”

“อ๋อค่ะ แฟนคุณเป็นแม่พระแสนดี ส่วนฉันเป็นนางมารร้ายสินะคะ” คำพูดของเธอแฝงแววเหยียดหยัน

“คุณนี่มีนิสัยชอบคิดไปเองจริงๆ นั่นแหละ” ชายหนุ่มสบถ ขบกรามจนขึ้นสัน

“เอาล่ะ เลิกยืดเยื้อเถอะค่ะ แล้วพูดมาตรงๆ จะบ่นจะว่าอะไรฉัน”

“คุณไม่ควรตบสา”

“แล้วการที่ผู้หญิงคนนั้นมาพูดจาเปรตๆ ต่อหน้าเด็ก มันเป็นเรื่องดีงั้นเหรอคะ ลูกฉันถึงจะยังเด็ก แต่เขาก็เริ่มรู้ความแล้ว เขารู้ค่ะว่าผู้ใหญ่คนไหนไม่ชอบเขาน่ะ แล้วดูแต่ละคำที่ทูนหัวทูนเกล้าของคุณพูดมาสิ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กๆ ถ้าฉันไม่ตบก็คงไม่หยุดปากหรอกค่ะ”

รามิลตาลุกเป็นไฟ “แต่ถึงยังไงคุณก็ไม่ควรใช้กำลัง การที่คุณตบคนอื่นต่อหน้าลูก คิดว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกนักหรือไง”

“เรื่องนั้นฉันจะบอกจะสอนลูกเองค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”

“ณิชา” เขาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงต่ำลึก “ฟังนะ ต่อจากนี้ไป คุณอย่าทำอะไรที่ขัดหูขัดตาผม ใช้ชีวิตให้สงบเสงี่ยมซะ”

“ถ้างั้นฉันจะพาลูกกลับไปอยู่ในที่ของฉัน”

“เสียใจด้วยนะณิชา” เขากระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างเย็นชา “ตั้งแต่ตอนที่คุณตกลงที่จะพาลูกเข้ามาอยู่ที่นี่ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวเท้าออกไปอีกแล้ว”

หัวใจเธอกระตุกวูบ “มะ หมายความว่า คุณจะขังฉันกับลูกงั้นเหรอคะ”

“แค่บอกให้คุณรู้ไว้ ต่อให้คุณหนีไปได้ ผมก็จะตามไปลากคุณกลับมา จำไว้ว่าหน้าที่ของคุณคือดูแลลูก ๆ ให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องอื่น ๆ ในบ้านนี้ ไม่จำเป็นต้องก้าวก่าย หากต้องการสิ่งใด ก็บอกแม่บ้านของผม อย่าได้คิดที่จะเดินสำรวจที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต"

“บะ บะ บ้านเมืองมีขื่อมีแป คุณจะทำอะไรตามใจชอบอย่างนี้ไม่ได้นะ” เสียงเธอเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“งั้นก็ลองแจ้งความให้ตำรวจมาลากคอผมไปสิ...ถ้ามีปัญญาแจ้งก็แจ้งเลย” มือใหญ่จับคางเล็กแน่นจนเธอเจ็บ “คุณเคยทำงานกับผมมาก่อน คุณก็รู้ดีนี่ว่าผมเป็นคนยังไง ผมไม่เชื่อหรอกว่าแค่ห้าปี คุณจะลืมน่ะ เรื่องที่ผมจะพูดก็มีแค่นี้ ขอให้คุณรู้ไว้ซะด้วยว่าตัวเองอยู่ในสถานะอะไรในบ้านหลังนี้ อย่าทำตัวกร่างให้มากนัก เพราะคุณมันก็เป็นแค่ผู้อาศัย” พูดจบ ร่างสูงก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปทันที ในขณะที่ณิชาทรุดฮวบ ทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น แม้จะไม่มีน้ำตา แต่มือของเธอก็สั่นเทาเกินกว่าจะควบคุมได้

ทั้งที่รู้ดีว่าเขาเป็นผู้ชายอันตราย แต่เธอก็ยังมา...

เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองที่โง่ยอมเข้ามาในกับดักของเขาได้อย่างง่ายๆ !

เวลาห้าโมงเย็น เด็ก ๆ สามคนวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานทั่วสนามหญ้า เสียงหัวเราะใส ๆ เหล่านั้นได้เติมชีวิตชีวาให้บ้านหลังนี้

หากแต่ภายในใจของใครคนหนึ่งกลับรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน

ณิชชายืนอยู่ที่เฉลียงหน้าบ้าน ทอดสายตาไปยังลูก ๆ ที่กำลังเล่นฟุตบอลกันอย่างออกรส รอยยิ้มบาง ๆ ประดับอยู่บนใบหน้า หากแต่แววตากลับฉายความอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

"หน้าที่ของคุณคือดูแลลูก ๆ ให้ดีที่สุดก็พอ เรื่องอื่น ๆ ในบ้านนี้ ไม่จำเป็นต้องก้าวก่าย หากต้องการสิ่งใด ก็บอกแม่บ้านของผม อย่าได้คิดที่จะเดินสำรวจที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต"

ถ้อยคำของรามิลยังคงก้องอยู่ในห้วงความคิด แม้จะไม่หยาบคาย แต่ทุกคำพูดล้วนเย็นชาและไร้เยื่อใย นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องมาที่เธอราวกับกำลังตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงคนนอก ไร้ซึ่งความอบอุ่นหรือแม้แต่ความเห็นใจเจือปน

แม้จะเป็นมารดาของลูก ๆ แต่ในสายตาของเขา เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดจะไว้ใจ และไม่มีวันที่จะเป็นอื่นไปได้

เสียงใสของเมฆาดึงเธอออกจากภวังค์ "คุณแม่ฮะ! ดูพวกเราเตะบอลด้วยสิฮับ" เด็กชายตัวเล็กวิ่งนำหน้าพี่ชายและน้องสาวไปยังแปลงดอกไม้ริมสนาม

"อย่าเข้าไปในพุ่มไม้ลึกนะลูก เดี๋ยวจะเจองู"

"ฮับบบ~" เมฆารับคำเสียงยานคาง หากแต่ก็ยังคงวิ่งต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย

ณิชชาอดขำไม่ได้กับความซุกซนของลูกชายคนเล็ก หากแต่ก็เป็นความสดใสของเจ้าตัวที่ช่วยเติมเต็มบรรยากาศรอบกายให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาได้เสมอ

"วาริน อย่าเหยียบดอกไม้นะลูก"

"ค่า คุณแม่~" เด็กหญิงตอบรับเสียงหวาน ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสเหมือนกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน

แม้จะเหนื่อยล้า... แม้จะอึดอัดกับบรรยากาศในบ้านหลังนี้เพียงใด แต่เพียงได้เห็นรอยยิ้มของลูก ๆ เธอก็ยังมีแรงที่จะอดทนต่อไปได้เสมอ

เสียงฝีเท้าหนักๆ ของใครบางคนใกล้เข้ามา รามิลยืนกอดอกอยู่ไม่ไกลนัก ทอดสายตาไปยังลูก ๆ ด้วยแววตาเรียบนิ่ง หากแต่แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

"เด็ก ๆ ได้ดื่มนมช่วงบ่ายกันแล้วหรือยัง" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ยังค่ะ กำลังจะให้หลังจากที่พวกเขาเล่นกันเสร็จ" ณิชชาตอบกลับ

"อย่าปล่อยให้เล่นนานเกินไปนัก เด็ก ๆ ต้องการสารอาหารและเวลาพักผ่อนที่เพียงพอ ไม่ใช่ปล่อยให้วิ่งเล่นอย่างไร้จุดหมายเหมือนอยู่ในสวนสัตว์" รามิลย้ำเสียงหนัก

ถ้อยคำนั้นทำให้ณิชชาขบกรามแน่น หากแต่ก็ทำเพียงพยักหน้ารับอย่างสงบ

"ทราบแล้วค่ะ"

เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ เดินผ่านไปราวกับเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ ไร้ตัวตน และไร้ความหมายใด ๆ ในสายตาของเขา

เธอเป็นเพียง 'แม่ของลูก' เท่านั้น ไม่ใช่ภรรยา ไม่ใช่คนรัก และไม่ใช่คนที่เขาปรารถนาจะใส่ใจแม้แต่น้อย

ลูก ๆ วิ่งกลับมาหาเธออีกครั้ง วารินยื่นดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ ให้เธอด้วยรอยยิ้มสดใส "คุณแม่ขา วาเด็ดมาให้ค่ะ~"

"วารินจ๋า ดอกไม้ในสวน ห้ามเด็ดนะลูก" ณิชชารับดอกไม้มาด้วยความอ่อนโยน ลูบผมนุ่ม ๆ ของลูกสาวเบา ๆ หากแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตาไปยังรามิล

เขาไปหยุดยืนดูอยู่ห่างๆ นัยน์ตาคมกริบจับจ้องมายังเธอราวกับต้องการจะเอ่ยอะไรบางอย่าง... หากแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา

หญิงสาวหันกลับไปส่งยิ้มให้ลูก ๆ พยายามฝืนความรู้สึกเจ็บปวดในใจ และบอกตัวเองให้มองว่าบ้านหลังนี้เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ ให้ได้

ทว่าเธอรู้ดี... ว่าคฤหาสน์หลังนี้เต็มไปด้วยความน่าอึดอัดแค่ไหน !

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ไม่อยากยอมรับหัวใจตัวเอง

    เช้าวันรุ่งขึ้น รามิลสั่งให้เด็ก ๆ แต่งตัวให้เรียบร้อยเป็นพิเศษ เพราะจะมีครูจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังมาทำการคัดเลือกเพื่อเข้าเรียนในภาคเรียนถัดไปเขาได้ทำการให้เด็กๆ ลาออกจากโรงเรียนรัฐ เพื่อเข้าโรงเรียนเอกชนที่เขาเป็นคนคัดสรรว่าดีที่สุด“อย่าทำให้ผมอับอายขายหน้า หากลูกของคุณสอบไม่ผ่าน นั่นหมายความว่าเพราะคุณสั่งสอนไม่ดี” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบขณะยืนแต่งสูทเรียบหรูหน้ากระจก โดยไม่แม้แต่จะหันมามองณิชชาที่กำลังจัดชุดให้เด็ก ๆ อยู่บนโซฟา“เด็กทั้งสามคนมีศักยภาพและมีความสามารถค่ะ ฉันมั่นใจในตัวพวกเขา” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้มือที่กำลังติดกระดุมเสื้อของเมฆาสั่น“ความมั่นใจลม ๆ แล้ง ๆ ของคุณ ไม่ใช่หลักประกันที่เชื่อถือได้สำหรับผม” เขาย้อนทันควันด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก“ค่ะ ดูเหมือนว่าฉันพูดอะไรไปก็จะผิดหูสำหรับคุณไปหมดเลยนะคะ”“นั่นเพราะคุณมันเป็นแบบนั้นจริงๆ นี่”“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ คุณจะเหน็บ จะแซะ จะแขวะอะไรฉัน

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ของรักของหวงที่หายไป

    “ตุ๊กตาแพนด้าของเมฆหายไปฮับ แงงงง” เสียงร้องไห้ของเมฆาดังลั่นบ้านในเช้าวันจันทร์ที่ควรเริ่มต้นด้วยความสดใส เมฆานั่งกอดหมอนบนโซฟา น้ำตาไหลอาบแก้ม ดวงหน้าเล็ก ๆ ยู่ยี่ด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจว่าทำไมตุ๊กตาตัวโปรดถึงหายไป ณิชชานั่งย่อตัวลงตรงหน้าลูกชายอย่างอ่อนโยน มือเรียวลูบศีรษะเล็ก ๆ เบา ๆ อย่างปลอบโยน“เมฆแน่ใจนะว่าเอาตุ๊กตามาด้วยจริง ๆ”“แน่ใจฮับคุณแม่ เมฆวางไว้บนหัวเตียงเมื่อคืนก่อนนอน เมฆกอดมันทุกคืนเลย”“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง เดี๋ยวแม่ช่วยหานะ” หญิงสาวยิ้มให้ลูกชายอย่างให้กำลังใจ แล้วลุกขึ้นเดินหาทั่วบ้านพร้อมกับภูผาและวารินที่ช่วยกันค้นหาอย่างขะมักเขม้น ครู่ต่อมา วารินวิ่งหน้าตื่นมาจากหลังบ้าน “คุณแม่... วาเห็นตุ๊กตาอยู่ในถังขยะค่ะ”ณิชชาชะงัก หัวใจเหมือนถูกบีบอย่างแรง เธอรีบตามลูกสาวไปที่หลังบ้าน และก็เป็นอย่างที่วารินบอก... ตุ๊กตาแพนด้าขอ

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   มันเป็นแค่อุบัติเหตุ !

    เช้าวันใหม่ เด็กทั้งสามนั่งเรียงกันอยู่บนพรมผืนนุ่มในห้องนั่งเล่น วารินกำลังสานริบบิ้นหลากสีกับแม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เมฆากำลังจัดเรียงรถของเล่นคันโปรดอย่างขะมักเขม้น ส่วนภูผาเงียบกว่าทุกครั้ง เขานั่งอยู่ข้างน้องชายแต่สายตากลับคอยชำเลืองมองแม่ตลอดเวลาด้วยความกังวล“แม่ฮะ... วันนี้เราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหมฮับ” เสียงเล็กของเมฆาถามขึ้นอย่างมีความหวัง ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากออกไปข้างนอกหญิงสาวหันไปสบตากับลูกชายแล้วลูบศีรษะเล็ก “ถ้าพ่ออนุญาต แม่ก็พาไปได้จ้ะ”เด็กทั้งสามหันไปมองบิดาที่เพิ่งเดินลงมาจากบันไดเกือบจะพร้อมกัน รามิลมองภาพนั้นนิ่ง ๆ ด้วยแววตาเย็นชา“พ่อครับ พวกเราขอออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะได้ไหมคับ” ภูผาเป็นคนลุกขึ้นก่อนใคร และออกปากขออนุญาตตามประสาพี่ใหญ่หญิงสาวเห็นสายตาของเขา ก็รู้สึกขนลุก เลยรีบพูดว่า “แค่เดินเล่นเองค่ะ ช่วงนี้เด็กๆ โรงเรียนหยุดยาวด้วย ให้ได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างเถอะนะคะ ฉันจะดูแลเป็นอย่างดีค่ะ”เขาพยักหน้าอนุญาตอย่างไม่เต็มใจนัก “ได้ แต่คุณต้องพาคนขับรถไปด้วย ห้ามพาเด็ก ๆ ไปในที่แออัด หรือสถานที่ที่คุณเคยไปสมัยทำงานในบริษัทเด็ดขาด” น้ำเสียงเข้มเต็ม

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   เพียงคนเดียวที่เข้าใจ

    คืนนั้น ณิชชาแทบไม่ได้หลับเลย เธอนั่งเฝ้าลูก ๆ ที่เพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล นอนพักฟื้นอยู่ในห้องนอนส่วนตัว ร่างเล็ก ๆ ที่เพิ่งหายจากอาการป่วยยังดูอ่อนแรง หากแต่ก็ยังส่งยิ้มสดใสให้เธอเสมอ ราวกับต้องการบอกว่าพวกเขาไม่เป็นไรและไม่อยากให้เธอต้องเป็นห่วงหัวใจของคนเป็นแม่เจ็บปวดราวกับถูกกรีดเป็นริ้ว ๆ หากแต่ก็ไม่อาจเอ่ยคำใด หรืออธิบายความรู้สึกใด ๆ ให้ใครได้รับรู้เลย เธอทำได้เพียงกอดลูกๆไว้ และภาวนาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปโดยเร็วเช้าวันถัดมา รามิลเดินเข้ามาในห้องอาหารด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับไร้อารมณ์ เขาไม่แม้แต่จะชายตามองเธอสักครั้ง ขณะที่ณิชชายกถาดอาหารเช้าไปวางตรงหน้าลูก ๆ“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ผมจะให้แม่ครัวเป็นคนจัดเตรียมอาหารสำหรับเด็ก ๆ เอง คุณไม่จำเป็นต้องเข้ามาในครัวอีกต่อไป” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ โดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าเธอ“แต่ว่า…” ณิชชาพยายามจะค้านอย่างอ่อนแรง“อย่าได้คิดที่จะโต้แย้ง ผมไม่มีเวลามากพอที่จะมาเสี่ยงกับความสะเพร่าของใครบางคน” รามิลตัดบทอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเฉียบขาดจนณิชชาไม่อาจโต้เถียงได้อีกถ้อยคำเหล่านั้นราวกับตอกย้ำว่าเธอเป็นเพียงคว

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   เมื่อแฝดสามเข้าโรงพยาบาล !

    กลิ่นหอมหวานของขนมอบลอยคลุ้งไปทั่วห้องครัว ณิชชาบรรจงทำอาหารเช้าสำหรับลูก ๆ ทุกเช้าด้วยความใส่ใจ ราวกับเป็นกิจวัตรสำคัญที่ไม่อาจละเลย เธอผสมแป้งด้วยมือ คัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างด้วยความระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้ในใจจะรู้ดีว่า ไม่มีใครในบ้านหลังนี้รับรู้ในความตั้งใจของเธอเลยก็ตามแต่สำหรับเด็ก ๆ แล้ว เธอปรารถนาให้ทุกคำที่พวกเขาได้ทานเข้าไป เปี่ยมไปด้วยความรักและความอบอุ่นจากผู้เป็นแม่“วันนี้แม่ทำเค้กกล้วยหอมด้วยนะลูก” เธอยิ้มละมุนขณะจัดขนมใส่จาน เตรียมเสิร์ฟพร้อมนมอุ่นหอมกรุ่นเด็กทั้งสามเดินลงมานั่งประจำที่ วารินส่งยิ้มหวานให้มารดา “วาอยากทานขนมฝีมือคุณแม่ทุกวันเลยค่ะ อร่อยที่สุดในโลก”“พี่ภูขออันที่กล้วยเยอะ ๆ นะฮะ เขาชอบกล้วย” เมฆาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วณิชชาหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู ก่อนจะจัดจานตามความต้องการของลูก ๆ อย่างใส่ใจ แล้วยกไปวางบนโต๊ะอาหารรามิลเดินเข้ามาในห้องอาหารพอดี นัยน์ตาคมกริบปรายมองอาหารเช้าบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยทักทายเด็ก ๆ หรือแม้แต่เธอ“เช้านี้ฉันทำเค้กกล้วยหอมค่ะ ไม่มีน้ำตาลมาก เด็ก ๆ จะได้ทานง่าย ๆ” ณิชชาอ

  • ลูกแฝดสามของฉันคือความลับของท่านประธาน   ความเย็นชาที่เธอได้รับ

    เช้าวันใหม่มาพร้อมกับอากาศเย็นสบาย หากแต่ในความรู้สึกของณิชชา กลับเหมือนต้องเดินอยู่ท่ามกลางหมอกหนา ความอึดอัดที่เกาะกุมหัวใจยังคงหนักอึ้ง เธอตื่นแต่เช้าเพื่อเตรียมนมกล่องและอาหารเช้าสำหรับลูก ๆ ด้วยความใส่ใจ แม้ในใจจะตระหนักดีถึงสถานะของตนเองในบ้านหลังนี้เสียงฝีเท้าหนักๆ ก้าวเข้ามาในห้องอาหาร รามิลปรากฏตัวในชุดสูทสีเทาเข้ม ใบหน้าคมคายเรียบนิ่งราวกับรูปสลักหินอ่อน"เด็ก ๆ ยังไม่ลงมาอีกหรือไง" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ"กำลังล้างมือกันอยู่ค่ะ เดี๋ยวก็มาแล้ว" ณิชชาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพรามิลกวาดสายตาไปทั่วโต๊ะอาหาร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "นมต้องอุ่นให้ได้อุณหภูมิพอดี ไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส อาหารว่างควรมีผลไม้สดเพื่อเพิ่มวิตามิน ไม่ใช่แค่ขนมปังอย่างเดียว นี่เป็นสิ่งที่คนเป็นแม่ควรใส่ใจ หากคิดจะทำหน้าที่แม่ของลูก ๆ ผม"ณิชชากล้ำกลืนความรู้สึกขุ่นเคืองลงไป พยักหน้ารับอย่างสงบเสงี่ยม เธอรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้แย้งใด ๆเด็ก ๆ วิ่งกรูเข้ามาในห้องอาหารด้วยท่าทีร่าเริง เมฆาเป็นคนแรกที่ส่งเสียงใส "คุณพ่ออออ"รามิลยกมือขึ้นลูบศีรษะลูกชายคนเล็ก "

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status