"มากินข้าว" เจ้าของคอนโดหรูร้องบอกคนที่หน้าตึงเพราะไม่พอใจขณะวางจานลงบนโต๊ะสำหรับทานอาหาร
ซาเฟียร์สูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ ทั้งที่อยากประชดประชันกลับไปว่าไก่ย่างส้มตำที่ซื้อมาเธอไม่อยากกินแล้ว แต่พอคิดได้ว่าแค่นี้เขายังรำคาญเธอจะแย่ หากเธอทำตัวมีปัญหา เขาคงเกลียดเธอมากกว่านี้! หญิงสาวจำต้องเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอย่างจำใจ มือเรียวตั้งท่าจะคว้าถุงส้มตำมาแกะ ทว่าเธอช้ากว่าคนตัวโต เข้ารั้งถุงส้มตำเข้าหาตัวก่อนจะเป็นฝ่ายลงมือแกะด้วยตัวเอง ภาพซ้อนของเฮียซานย์ประเดประดังเข้ามาในหัว เฮียซานย์มักทำแบบนี้ แบบที่ผู้ชายตรงหน้าของเธอกำลังทำ เฮียซานย์ชอบเอาใจน้อง ชอบเป็นฝ่ายลงมือทำทุกอย่างให้น้อง เธออาจจะเคยชินกับภาพแบบนั้นมากกว่าการถูกต่อต้านแบบนี้ "มองอะไร" ในยามถูกถามและถูกดวงตาคมกริบจ้องมอง ซาเฟียร์เบือนหน้าออกไปทางอื่นทันที "หนูแค่คิดถึงพี่ชายของหนู ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!" คนฟังเค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เขาเองก็มีงานที่ต้องทำ ไม่ได้ชอบมาตามเอาอกเอาใจใครเหมือนกัน! มหาวิทยาลัย "ไอศกรีมกะทิสดร้านนี้ รสชาติเด็ดว่าไม่ได้เลยนะ" "เพราะกินเก่ง กินไม่เลือกไงล่ะตัวถึงกลมแบบนี้" "ไอ้บ้าซันนี่!" ซาเฟียร์อมยิ้มกับเสียงโต้เถียงของเพื่อนทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เธอยังยืนยันว่าเพื่อนสาวอารมณ์ดีอย่างบะหมี่คบได้ ตัวของซันเดย์เองแม้จะชอบแกล้ง แต่เอาเข้าจริงก็นิสัยดีอยู่เหมือนกัน "เป็นไรอ่ะ" มือบางที่โบกไปมาตรงหน้าส่งผลให้คนที่เผลอเหม่อยิ้มแห้งๆ ออกมา "เปล่า รู้สึกเบื่อๆ อ่ะ" "จะว่าไปแล้วเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งอาทิตย์นึงแล้วนะ โอเค มันอาจจะยังน้อยแหละ แต่แบบว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธออ่ะ ฉันยังรู้จักเธอไม่ดีพอเลยอ่า" "ยุ่ง ถ้าเขาอยากบอกเขาก็จะบอกเองไหมล่ะ" ซันเดย์ปรามด้วยความเกรงใจ แต่ซาเฟียร์ไม่ได้คิดแบบนั้น "อยากรู้เหตุผลที่ฉันมาเรียนที่นี่เหรอ" "ใช่ อยากรู้" บะหมี่ตอบเสียงดังฟังชัด ทำคนฟังยิ้มกว้างออกมา แม้ว่าปัญหาที่กำลังจะเล่าให้เพื่อนฟังมันแทบทำให้ยิ้มไม่ออกก็ตาม "ฉันกับพี่ชายมีปัญหากับพ่อน่ะ พ่อมีครอบครัวใหม่ และเหมือนครอบครัวใหม่ของเขาจะเสี้ยมให้แแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉันและพี่ชาย" "อ้าว ทำไมเป็นงั้นอ่ะ ปกติการที่พ่อจะมีครอบครัวใหม่อันดับแรกก็ควรสนใจความรู้สึกของลูกๆ ก่อนปะ บางรายถ้าลูกไม่ยอมนี่พ่อไม่กล้าจะมีเมียใหม่ด้วยซ้ำ แต่นี่มีครอบครัวใหม่ และยังอยากแบ่งสมบัติที่ลูกๆ มีอะไรแบบนี้ปะ" "ประมาณนั้นแหละ บางครั้งพวกเขาก็เล่นสกปรก พี่ชายฉันค่อนข้างเป็นห่วงเลยส่งฉันมาอยู่ที่นี่ระหว่างที่เขากำลังจัดการทุกอย่างให้มันเรียบร้อย" "หมายความว่าถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เธอ...ก็จะกลับไปงั้นเหรอ" ซันเดย์ถามเสียงเบา ซึ่งหญิงสาวเลือกที่จะพยักหน้ากลับไป "ใช่ ตั้งแต่แม่เสียฉันก็อยู่กับพี่ชายแค่สองคนมาโดยตลอด พี่ชายของฉันอยู่ที่ไหนฉันก็คงจะอยู่ที่นั่นนั่นแหละ" "เสียดายจัง แบบนั้นก็หมายความว่าเธอจะอยู่กับพวกฉันไม่นานน่ะสิ" "เพื่อนดีๆ แบบนี้ใครจะไปลืมลงกันล่ะ ถึงจะกลับไปแต่เราก็ยังคุยกันได้เหมือนเดิมนี่นา" "จริงนะ เอาจริงปะ มันหายากมากเลยนะเพื่อนที่คุยกันถูกปากถูกคอแบบไม่ตอแหลหากันอ่ะ ตรงไปปะ" ซาเฟียร์ยิ้มกว้าง เธอไม่ติดที่เพื่อนมีนิสัยตรงไปตรงมา แบบนี้น่ะดีแล้ว ดีกว่าการสวมหน้ากากเข้าหากันเยอะเลย "ไหนๆ ก็ไม่รู้ว่าเธอจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน เอาเป็นว่า ระหว่างที่อยู่ที่นี่ เธอก็ควรสนุกให้สุดเหวี่ยง พอกลับไปจะได้ไม่ลืมประเทศไทยเป็นไง" "จริงด้วย ระหว่างที่ยังไม่กลับก็ควรใช้ระยะเวลาที่มีให้มันคุ้มค่าที่สุดนะ" "จริงด้วย" ซาเฟียร์คิดตาม ใช้ชีวิตให้สนุกและคุ้มค่าที่สุด เธอจะทำ! วันนี้ก็เหมือนทุกวันที่รถยนต์ของเพื่อนพี่ชายขับมาจอดรอที่หน้าคณะในเวลาที่เธอจบคลาสเรียนพอดีเป๊ะ เขาก็คงจะมีข้อมูลเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วถึงมารับเธอได้ทั้งที่พักหลัง เธอไม่ค่อยคุยกับเขาด้วยซ้ำไป ซาเฟียร์โบกไม้โบกมือให้เพื่อนเฉกเช่นทุกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูรถยนต์แล้วเข้าไปนั่งในที่ของเธอ ความเย็นของเครื่องปรับอากาศภายในรถยนต์กระทบลงมาบนผิวเนียน ซาเฟียร์กัดปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประเด็นออกมา "หนูเริ่มชินกับที่นี่แล้ว คิดว่าการไปมหาลัยเองมันไม่ได้ยากอะไร" "เธอกำลังทำให้ทุกอย่างมันยุ่งยาก" "ไม่หรอกค่ะ หนูแค่พยายามปรับตัวให้อยู่ที่นี่ระหว่างที่รอเฮียมารับต่างหาก หนูมีเพื่อนแล้ว พ่อของเพื่อนเป็นหมอที่ประเทศไทย ในวงการแพทย์เฮียสืบได้ไม่ยากอยู่แล้ว ถ้าเฮียซานย์สั่งว่าไม่ควรคบ หนูถึงจะเลิกคบตามนั้นไหมคะ" คนตัวโตขบกรามแน่น แต่ระหว่างที่จ้องเขม็งเข้าไปในดวงตากลมประกายตาที่แข็งกร้าวกลับอ่อนกำลังลง ซาเฟียร์ไม่ได้จะทำตัวดื้อ ไม่ได้จะต่อต้าน แต่เธอกำลังตีตัวออกห่างต่างหากล่ะ ครืด~ ครืด~ โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของคนขับส่งผลให้บทสนทนาจบลงแค่นั้น ภพนิพิฐล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็เลือกที่จะกดรับสายในทันที "ครับ..." [ อยู่ไหนอ่ะ วันนี้จะเข้าบ้านกี่โมง ] แวบหนึ่งที่ดวงตาคมกริบละจากท้องถนนเพื่อมองเวลาบนหน้าปัดรถยนต์ ไม่ได้คิดที่จะตอบในสิ่งที่คนในสายเอ่ยถาม แต่เลือกที่จะย้อนถามกลับไปแทน "อยากได้อะไร" [ แตงโม ] "ว่าไงนะ" [ ซื้อแตงโมมาให้หน่อย คัดเอาเกรดพรีเมี่ยม ลูกโตๆ หวานๆ ] "อยากได้แตงโมนี่นะ ตอนนี้ไม่ว่าง ให้คนอื่นไปซื้อให้" [ ตอนนี้อันดามองอยู่ คนสวยของอาภพบอกว่าอยากกินแตงโม เดี๋ยวนี้อาภพกล้าขัดใจหลาน? ] ใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตามีชีวิตของเด็กๆ ส่งผลให้คนที่เพิ่งจะปฏิเสธออกไปคิดหนักทันที "ไม่ใช่แบบนั้น" [ มีธุระอื่นที่สำคัญกว่าหลาน? ] "ไม่มี เดี๋ยวผมซื้อกลับไป" [ เค เดี๋ยวยอมให้หอมลูกกูสักสองสามที ] "ไม่ดิ คืนนี้จะเอามานอนกอดทั้งคืน" ประโยคที่ตอบโต้คนในสายและรอยยิ้มอบอุ่นในระหว่างที่เอ่ยคำนั้น ซาเฟียร์เผลอกำสายกระเป๋าแน่น อยากจะได้ยินเหลือเกินว่าคนที่อยู่ในสายคือใคร ทำไมถึงทำให้เจ้าชายน้ำแข็งที่ชอบดุเธอเป็นประจำ อ่อนโยนได้มากถึงขนาดนี้ [ ลูกใครให้มันรู้ซะบ้าง ] "อันดาอาจจะรักผมมากกว่า..." [ พอเลย ลูกกูครับ แตงโมอ่ะ รีบไปซื้อมา แค่นี้แหละ ] "หึ..." ภพนิพิฐหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ หากผู้เป็นพี่ชายยังไม่วางสาย เขาคงจะทักท้วงขึ้นสักหน่อยว่าน้องคนนี้สำคัญแค่ตอนที่อยากเสกเด็กเข้าท้องเมียอีกครั้งก็เท่านั้นเอง! "ขอแวะซุปเปอร์แป๊บนึงนะ เธอรีบกลับไปทำอะไรรึเปล่า" "ถ้าหนูบอกว่ารีบล่ะคะ คุณจะยังแวะอยู่ไหม" คำตอบและคำถามที่เกิดขึ้นในประโยคเดียวกันส่งผลให้หนุ่มหล่อหันมอง บางครั้งผู้หญิงสำหรับเขาก็ยากเกินกว่าจะอ่านออกจริงๆ "ขอเวลาห้านาที" "ไม่ควรถามตั้งแต่ทีแรกนะคะ สุดท้ายพอตอบออกไป คำตอบของหนูมันก็ไม่ได้มีความหมายอยู่ดี" ภพนิพิฐถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาทำอะไรให้มันขวางหูขวางตาเธอนัก ก่อนจะตกลงอะไรกันอย่างจริงจัง เขาขอแวะซื้อแตงโมให้หลานก่อน หากกลับถึงคอนโดฯ ค่อยเคลียร์กันทีเดียว ร่างสูงโปร่งลงจากรถยนต์ขณะปล่อยให้คนตัวเล็กนั่งรออยู่บนรถ ซาเฟียร์พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง อยู่ดีๆ ก็รู้สึกอิจฉาคนคนนั้นที่อยู่ในสายของเขา เพียงเพราะสิ่งที่คนตัวโตปฏิบัติต่อเธอและเขาคนนั้นค่อนข้างต่างกัน ความอิจฉาก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เกือบสิบนาทีที่ภพนิพิฐหายเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต กลับออกมาอีกทีพร้อมทั้งแตงโมที่อยู่ในถุงพลาสติกเต็มทั้งสองมือ "คนเยอะนิดหน่อย โทษทีที่ช้านะ" "ซื้อไปฝากคนสำคัญเหรอคะ" แวบหนึ่งที่คนถูกถามนิ่งไป จากนั้นเขาก็เลือกที่จะพยักหน้ารับออกมา "อืม ซื้อไปฝากคนสำคัญ" "เขารู้รึเปล่าคะว่าคุณต้องมารับภาระดูแลหนู" "ไม่รู้" "ไม่กล้าบอกงั้นเหรอคะ" "เธอจะ..." "ถ้าไม่กล้าบอกเพราะกลัวเขาคนนั้นไม่พอใจก็อดทนสักหน่อยนะคะ อีกไม่นานเฮียซานย์ก็คงจะรีบมารับหนูกลับไป" ----- น้องแอบงอแงเพราะความอิจฉา ซาเฟียร์ลูก ชีวิตของเฮียภพมันมีแต่หลานๆ จ้า"มากินข้าว" เจ้าของคอนโดหรูร้องบอกคนที่หน้าตึงเพราะไม่พอใจขณะวางจานลงบนโต๊ะสำหรับทานอาหารซาเฟียร์สูดลมหายใจเข้าปอดหนักๆ ทั้งที่อยากประชดประชันกลับไปว่าไก่ย่างส้มตำที่ซื้อมาเธอไม่อยากกินแล้วแต่พอคิดได้ว่าแค่นี้เขายังรำคาญเธอจะแย่ หากเธอทำตัวมีปัญหา เขาคงเกลียดเธอมากกว่านี้!หญิงสาวจำต้องเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารอย่างจำใจ มือเรียวตั้งท่าจะคว้าถุงส้มตำมาแกะ ทว่าเธอช้ากว่าคนตัวโต เข้ารั้งถุงส้มตำเข้าหาตัวก่อนจะเป็นฝ่ายลงมือแกะด้วยตัวเองภาพซ้อนของเฮียซานย์ประเดประดังเข้ามาในหัว เฮียซานย์มักทำแบบนี้ แบบที่ผู้ชายตรงหน้าของเธอกำลังทำเฮียซานย์ชอบเอาใจน้อง ชอบเป็นฝ่ายลงมือทำทุกอย่างให้น้อง เธออาจจะเคยชินกับภาพแบบนั้นมากกว่าการถูกต่อต้านแบบนี้"มองอะไร" ในยามถูกถามและถูกดวงตาคมกริบจ้องมอง ซาเฟียร์เบือนหน้าออกไปทางอื่นทันที"หนูแค่คิดถึงพี่ชายของหนู ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ!" คนฟังเค้นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆเขาเองก็มีงานที่ต้องทำ ไม่ได้ชอบมาตามเอาอกเอาใจใครเหมือนกัน!มหาวิทยาลัย"ไอศกรีมกะทิสดร้านนี้ รสชาติเด็ดว่าไม่ได้เลยนะ" "เพราะกินเก่ง กินไม่เลือกไงล่ะตัวถึงกลมแบบนี้""ไอ้บ้าซันนี่!" ซาเฟียร์อมย
"...ขอบคุณนะคะ" ความน่ารักในแบบของซาเฟียร์ที่มักเอ่ยคำว่าขอบคุณเสมอเมื่อจ่ายตังค์และรับของจากทางร้านทั้งที่เธอเป็นผู้อุดหนุน ส่งผลให้คนขายยิ้มกว้าง ความสวยสะดุดตาและความน่ารักในแบบที่หญิงสาวแสดงมันออกมา ส่งผลให้คนที่พึ่งรับเงินมองตามแม้กระทั่งแผ่นหลังบางที่หันเดินออกไปซาเฟียร์มองถุงไก่ย่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยฟอยล์อย่างมิดชิด สีสันของส้มตำช่างจัดจ้านขาสวยที่ก้าวไปที่เบื้องหน้าเกือบถึงตัวคนที่กำลังนั่งคอย ทว่า ดวงตากลมสวยกลับสะดุดกับบางสิ่งบางอย่างเข้าอย่างจังบนหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างชัดและสะอาดสะอ้านโชว์รูปผู้หญิงคนหนึ่งที่เห็นว่าสวมผ้ากันเปื้อนในมือถือจานอาหารซาเฟียร์เผลอจ้องมองหนุ่มหล่อที่พี่ชายของเธอฝากฝังเธอไว้ที่เขาเพียงนิดเห็นว่า ดวงตาคมกริบจ้องมองภาพนั้นไม่วางตา!"...เรียบร้อยแล้วใช่ไหม" นิ้วยาวกดปิดหน้าจอเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกจ้อง พร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ซาเฟียร์พยักหน้ารับเบาๆในหัวกำลังประมวลคำถาม! เขาชอบผู้หญิงที่ชอบทำอาหาร? หรือชอบผู้หญิงคนนั้นที่เธอเห็นเขาหยุดมอง!คอนโด N. "หนูซื้อส้มตำมาสองถุง อยู่ทานด้วยกันนะคะ" "อืม" มีเสียงตอบรับเบาๆ ก่อนที่ขายาวจะตรงไ
มหาวิทยาลัยดวงตากลมสวยเปี่ยมเสน่ห์ไล่มองไปตามตึกชั้นสูงของอาคารเรียนหลายต่อหลายคณะสายตาหลายคู่หันมาหยุดมองที่ซาเฟียร์ด้วยความสนใจ และเห็นว่า สายตาของคนเหล่านั้นจะชัดเจนขึ้นในยามที่ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำสนิทของเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเดินลงจากรถแล้วอ้อมมาฝั่งเดียวกันกับเธอ สีหน้าเรียบเฉยมันทำให้เขาดูน่าสนใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว"ศิลปกรรม ชอบวาดรูป?""ชอบภาพวาดค่ะ แต่หนูวาดไม่เก่ง ถนัดการออกแบบสื่อโฆษณามากกว่า" ภพนิพิฐพยักหน้ารับเบาๆ ขณะที่เดินเข้าไปภายใต้อาคารขนาดใหญ่ สายตาคมกริบไม่หยุดมองที่ผู้หญิงคนไหนเลยในช่วงเวลาที่ภพนิพิฐเข้าหาผู้บริหารของมหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่กว้างขวาง รู้จักคนค่อนข้างเยอะ ไม่ได้ถูกสอบถามให้มากความว่าเพราะอะไรเธอจึงย้ายออกจากมหาลัยเดิมแล้วมาเรียนที่นี่กลางเทอมแบบกระทันหัน แต่เป็นแบบนั้นก็ดีเหมือนกัน เพราะเฮียซานย์บอกเสมอว่าเธอไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง"เธอโอเคใช่ไหม" เอ่ยถามขณะที่เดินออกมาจากห้องผู้บริหาร ซาเฟียร์พยักหน้ารับเบาๆ เธออยากมีเพื่อนดีๆ คุยเก่งๆ สักคนสองคน เพราะนั่นเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอไม่รู้สึกเหงา ขณะที่รอเวลาให้เฮียซาน
ซาเฟียร์มองตามแผ่นหลังแกร่งไปจนสุดสายตา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่หอมฟุ้งผ่านหน้าเมื่อสักครู่เริ่มจางหาย ไม่นานเกินรอก็มีกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยมาแตะจมูกแทน คนหิวลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ขาสวยก้าวออกไปที่เบื้องหน้าอัตโนมัติ หิวเกินกว่าจะปากแข็งและทนหิวได้จริงๆ หนุ่มหล่อปรายตามองคนตัวเล็กเพียงนิดขณะหยิบถ้วยข้าวสวยออกมาจากตู้เย็น เปิดฝาก่อนจะนำเข้าไมโครเวฟ จากนั้นก็หันไปจัดการกับไข่เจียวบนกระทะที่สุกและฟูได้ที่ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั้งห้องครัว "ซานย์ทำอาหารเก่ง หมอนั่นคงทำให้เธอกินอยู่บ่อยๆ" ซาเฟียร์พยักหน้าน้อยๆ เมื่อเขาเอ่ยถึงพี่ชายของเธอ "เฮียซานย์เก่งทุกอย่าง เป็นหมอผ่าตัดที่เก่งมาก และเป็นผู้บริหารของโรงพยาบาลที่ไม่เคยเอาเปรียบใครเลย ทุกคนรักเฮียและชื่นชมเฮีย เฮียมักช่วยคนอยู่เสมอ" "เธอก็ควรเอาแบบอย่างพี่ชายของเธอ ซานย์เล่าเรื่องราวในครอบครัวให้ฉันฟังอยู่บ้าง ในเมื่อคนเราไม่สามารถฆ่าแกงกันให้ตายเหมือนผักปลาได้ง่ายๆ เธอก็ควรเข้มแข็งและดูแลตัวเองให้ดี เพราะหากเธอเก่งและแกร่งได้แบบนั้น ซานย์คงจะสบายใจขึ้นเยอะเลย" "..." "นี่ข้าวของเธอ" ข้าวสวยร้อนๆ ถูกเทใส่จานกระเบื้องอย่างดี ขณะที่อี
"มานี่" ข้อมือของซาเฟียร์ถูกกระชากอย่างแรง ส่งผลให้ร่างบอบบางที่บนเนื้อตัวฉีดน้ำหอมพรมร่างจนหอมฟุ้งปลิวตามแรงดึง บ่อยครั้งที่หญิงสาวนิ่วหน้า หากเทียบระหว่างผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเธอในตอนนี้กับเฮียซานย์ผู้แสนดี ซานย์อบอุ่นกว่าเยอะ เยอะจนเขาคนนี้ไม่อาจเทียบติดได้เลย ปึก~ "โอ๊ย หนูเจ็บนะ" มือเรียวยกขึ้นลูบก้นของตัวเองป้อยๆ เมื่อถูกผลักเข้าใส่โซฟา ขณะที่คนลากเธอให้กลับขึ้นมายังห้องพักอีกครั้งได้แต่เท้าสะเอวมอง "ที่นี่ในเวลากลางคืนมันอันตรายสำหรับเธอเกินไป ถ้าจะให้แนะนำ เธอไม่ควรออกจากที่นี้หลังเวลาสองทุ่ม" "อะไรนะคะ แบบนี้มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ" "ฉันยังไม่ได้รับการติดต่อกลับจากพี่ชายของเธอ ฉันไม่รู้ว่าการที่ซานย์เดินทางมาส่งเธอด้วยตัวเอง มันทำให้เกิดปัญหาเพราะฝ่ายนั้นสงสัยหรือเปล่า เราต้องรอคำตอบ เพราะฉันไม่อยากเสี่ยงจนกลายเป็นคนผิดคำพูดกับเพื่อนตัวเอง" "หนูออกห่างเฮียซานย์มาไกลขนาดนี้แล้ว หมายความว่าการมาอยู่ที่ประเทศไทยหนูจะยังไม่มีอิสรภาพเหมือนเดิมงั้นเหรอคะ" "คนที่ดูแลเธอคือฉัน ฉันต้องทำทุกอย่างให้มันรอบคอบและรัดกุมที่สุด" "ไม่เลยค่ะ พี่ภพไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น" "เอา
"เป็นผู้ปกครองอย่างนั้นเหรอคะ" ซาเฟียร์ขบกลีบปากของตัวเองอย่างแรง ที่ผ่านมาเธอมีเฮียซานย์เป็นผู้ปกครองแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น เฮียซานย์เป็นทุกอย่าง จัดการได้ทุกเรื่อง เฮียเป็นมากกว่าพี่ชาย เป็นดั่งพ่อที่ดีที่สุดของเธอ ใครเหรอจะมาทำหน้าที่นี้แทนเฮียได้ดีไปกว่าตัวของเฮียเอง "หน้าที่ของผู้ปกครองคือต้องทำอะไรบ้างเหรอคะ" ซาเฟียร์เชิดหน้าถาม ท่าทางไม่ยี่หระ ไม่แยแส เอาง่ายๆ คือเพื่อนของพี่ชายแค่ทำทุกอย่างตามหน้าที่ เขาไม่ได้ใจดีกับเธอเหมือนที่พี่ชายของเธอบอกเอาไว้เลย "ทำทุกอย่างที่พี่ชายเธอเคยทำ" "เฮียซานย์ตามใจหนูทุกอย่าง เฮียให้ทุกอย่างที่หนูขอ แน่ใจเหรอคะว่าพี่ภพทำได้ทุกอย่างเหมือนเฮีย" "เคยรู้รึเปล่าว่าการได้ทุกอย่างเพราะนิสัยเอาแต่ใจตัวเองบางครั้งมันอาจจะทำให้พี่ชายของเธอเหนื่อยใจ" "...เฮียบอกเหรอว่าเฮียเหนื่อยใจเพราะหนู" "ไม่จำเป็นต้องบอก เพราะฉันโตกว่าเธอและมีความคิดมากกว่าเธอ" "..." "ขณะที่ซานย์กำลังลำบากเพราะมีคนปองร้าย เธอเองก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย เธอควรโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถช่วยเหลือตัวเองและสามารถเอาตัวรอดด้วยตัวเองได้แล้ว ฉันนี่แหละจะเป็นคนฝึกเธอเอง!