Share

05 แตกกลุ่ม [1/5]

Author: 816
last update Last Updated: 2025-03-29 11:17:29

เจ้ากระต่ายขาวลอบพรูลมหายใจออกเมื่อกินขนมปังเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไร น่าเสียดายที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาทำให้ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าแดงเป็นปื้นของคนให้ขนมปัง

เฉินเฟิงไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่ใช่ พวกเขายังนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งเขายังตัวคนเดียว จึงต้องระมัดระวังตัวเพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า

ส่วนเรื่องที่เผลองับขนมปังเข้าปากไปนั่นก็เพราะสงสารหูกลม ๆ บนศีรษะที่ลู่ไปด้านหลังเล็กน้อย ราวกับผิดหวังที่เขาไม่รับความปรารถนาดี

ว่ากันตามระบบนิเวศแล้ว ต้องเป็นเขาที่กลัวไม่ใช่เหรอ

“ก็กลัวนิดหน่อยมั้งครับ” เฉินเฟิงตอบไปตามความจริง เห็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ดูลุ้นกับคำตอบของเขาเช่นกัน

“...” นิโคลัสเม้มปากอย่างทำอะไรไม่ถูก

“เอ่อ อันที่จริงก็ไม่ได้กลัวมากเท่าไร” ชายหนุ่มเห็นคนตัวโตมีสีหน้าราวกับได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจก็รีบแก้คำตอบของตนเองให้เป็นกลางมากที่สุด

แต่บรรยากาศก็ไม่ได้ดีเพิ่มขึ้นเลย

“คือ เราเพิ่งรู้จักกัน อ่า... นี่ไงครับผมกินขนมปังคุณแล้ว” เฉินเฟิงหยิบขนมปังเจ้าปัญหาชิ้นเดิมขึ้นมาเคี้ยวอีกคำ กัดเข้าไปคำใหญ่จนแก้มตุ่ย

“กินเนื้อด้วยสิ” นิโคลัสยื่นเนื้อกระป๋องของตนไปให้ด้วย

“...” ทำไมถึงมีเพิ่มล่ะ หรือจะลอบวางยาในเนื้อกระป๋อง?

“ผมว่าพวกเรามากินด้วยกันดีกว่าครับ” โจเซฟที่เคยออกตัวว่าอาหารของกลุ่มมีจำกัดต้องเอ่ยชวนชายหนุ่มปริศนามาร่วมวงกินข้าวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นบรรยากาศพิพักพิพ่วนนี้คงไม่จบสิ้นเสียที

พอถูกชวน หนุ่มลูกครึ่งจึงต้องขยับพาตัวเองมานั่งรวมกลุ่มด้วย

“ว่าแต่คุณเฉินเฟิงอยู่คนเดียวเหรอคะ” หงส์เปิดปากพูดคนแรก เมื่อได้นั่งล้อมวงกินอาหารพร้อมกัน นอกจากขนมปังที่ได้รับจากนิโคลัสชิ้นแรก ชายหนุ่มก็ไม่ได้แตะต้องอาหารของคนในกลุ่มเลย เจ้าตัวเอาแต่นั่งกัดแครอทจนหมดแล้วค่อยหยิบหัวถัดไปจากในกระเป๋าขึ้นมากินต่อ

“เปล่าครับ มีเพื่อนผมรออยู่อีกฟากของภูเขา” เห็นกลุ่มทหารรับจ้างพยายามสานมิตรภาพ เจ้ากระต่ายจึงได้แต่แสดงท่าทีเป็นมิตรตอบกลับไป ถามก็ตอบ แต่ไม่ได้ตอบทั้งหมด...

“แล้วทำไมคุณถึงออกมาคนเดียวล่ะ” แทนที่จะมาช่วยกันจะได้อุ่นใจ

“อ่า อีกฝ่ายยังเด็กน่ะครับ”

“อ๋อ งี้นี่เอง” หงส์ตอบรับในลำคอ ถ้าเป็นเด็กก็ไม่ควรพามาเสี่ยงด้วยจริง ๆ

“ว่าแต่คุณดูไม่ตกใจกับรูปลักษณ์ของพวกเราเลยนะคะ” หงส์เอ่ยถาม เธอข้องใจว่าอีกฝ่ายดูไม่แปลกใจเลยสักนิดในตอนที่เจอกับพวกเขาเป็นครั้งแรก ไหนจะฮู้ดที่เจ้าตัวใส่คลุมศีรษะอยู่ตลอดเวลานั่นอีก

“ผมเคยเจอคนแบบพวกคุณมาก่อน” เฉินเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกพูดถึงกลุ่มโจรปล้นบ้านเขาขึ้นมา หากอีกฝ่ายไปตรวจสอบก็คงจะเจอ

“...” นิโคลัสนั่งฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจปะทุยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิด ถ้าวันหนึ่งเขาได้พบกับโจรพวกนั้น สาบานเลยว่าจะต้องยิงพวกมันให้พรุน

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่การปล้นบ้านคนอื่นก็ไม่เคยอยู่ในสารบบของเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้

“แล้วตอนนี้โอเคเรื่องที่อยู่หรือยัง” ทีโอถามบ้าง

“ครับ” เฉินเฟิงพยักหน้า “เอ่อ... คือว่าผมอยากจะถามสักหน่อยได้ไหมครับ” พร้อมกับถามต่อเพื่อเบี่ยงประเด็นเมื่อเริ่มเข้าเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

“คือก่อนหน้านี้ผมเจอซอมบี้ของคนในหมู่บ้าน พวกเขาเชื่องช้า กว่าจะเดินมาถึงตัวต่อให้เป็นเด็กก็ยังหลบทัน แต่ทำไมซอมบี้ที่ผมเจอวันนี้ถึงได้รวดเร็วนักล่ะครับ” ตัวเขาที่ผ่านการวิวัฒนาการแล้วทำไมถึงยังถูกต้อนให้จนมุมได้

“ใช่ที่นิคยิงไปปะ” ตุ่นถามแพทย์ประจำกลุ่ม ได้รับการตอบกลับเป็นการพยักหน้ายืนยัน

“ก่อนที่ลมจะเปลี่ยนทิศ ผมแน่ใจว่าไม่ได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นซอมบี้เลย แต่พอออกจากที่ซ่อนแล้ว เอ่อ จัดการไปตัวแรก…” เหตุการณ์ต่อจากนั้นกลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้าเขาล้วนประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง

“นั่นเป็นเพราะคุณกลายพันธุ์แล้ว” นิโคลัสจ้องประสานนัยน์ตาสีแดง อาการที่อีกฝ่ายพูดมาเขาเคยเป็นมาก่อน และเชื่อว่ามนุษย์ที่กลายพันธุ์อีกหลายคนก็ต้องเคยประสบพบเจอ

“...” เฉินเฟิงเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าความจะแตกเพราะคำถามของตน

“คนที่กลายพันธุ์นั้นถ้าไม่ได้รับการฝึกที่เหมาะสมจะไม่สามารถดึงประสิทธิภาพของกำลังกายที่เกิดขึ้นใหม่มาใช้ได้อย่างเต็มที่ บางครั้งก็จะเผลอใช้แค่พลังดั้งเดิมหรือก็คือพลังตอนที่ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา” กระต่ายมือใหม่ครุ่นคิดตาม

“เป็นปกติที่เราจะเผลอปฏิเสธสิ่งที่ยากเกินกว่าจะรับได้ ทำให้บางครั้งไม่ได้ดึงพลังใหม่มาใช้ให้เคยชิน ยิ่งเวลาจวนตัวที่สมาธิของคนเราจะเลือกจดจ่ออยู่กับแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างตอนนั้นที่คุณบอกว่าไม่ได้ยินเสียงของซอมบี้ นั่นคงเป็นเพราะว่าใจคุณคิดอยากจะหนี สมองถึงได้สั่งการให้กำลังทั้งหมดไปที่ฝีเท้า ประสาทการได้ยินที่ยังไม่ได้ใช้จนเคยชินจึงกลับมาอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกับมนุษย์ธรรมดา”

แสดงว่าตอนนั้นถ้าเขาวิ่งสุดฝีเท้าก็คงหนีรอด แต่เพราะมีอีกตัวมาดักจึงทำให้ทางหนีถูกบีบให้แคบลงจนต้องวิ่งมายังโรงงานน้ำตาลแห่งนี้

“แล้วพวกคุณ…”

“ตอนยังไม่กลายพันธุ์พวกเราก็เป็นทหารประจำการ กำลังกายจึงมีมากกว่าคนทั่วไป ตอนที่เริ่มกลายพันธุ์ก็แค่ปรับตัวมากหน่อย แต่ไม่นานก็สามารถดึงพลังมาใช้ได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตั้งแต่เกิด” ตุ่นเคาะจมูกของตนเบา ๆ ในฐานะที่กลายพันธุ์มาเป็นสุนัข ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นของเขานับได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร

สรุปก็คือเป็นเพราะเขาอ่อนแอ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • วันสิ้นโลกของผม   100 วันที่มีแต่ข่าวดี [5/5]

    เฉินเฟิงโยนผลต้อยติ่งไปตามจุดที่ผู้บุกรุกอยู่ ทำให้ทั้งนิโคลัสและชาล็อตต่างต้องหาที่หลบกันเป็นพัลวันเมื่ออานุภาพทำลายล้างของผลต้อยติ่งนั้นเป็นแบบสุ่ม ไม่สามารถจำกัดให้อยู่ในวงแคบได้ ส่วนผู้บุกรุกที่ไม่ได้รู้เรื่องถึงจะได้ยินสัญญาณให้หลบก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรหลบอะไรเมล็ดต้อยติ่งพุ่งเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายของผู้บุกรุกที่โชคร้ายหลบไม่พ้น แม้แต่อุปกรณ์ในห้องก็แตกกระจายไปบางส่วนหลังระเบิดต้อยติ่งสงบลง นิโคลัสก็พาตัวเองออกมาจากหลังตู้หนังสือ บนพื้นห้องมีกลุ่มคนปริศนานอนร้องโอดโอยอยู่เจ้ากระต่ายเห็นดังนั้นก็ออกไปเปิดประตูห้องให้ทหารที่รออยู่แล้วเข้าไปจับกุมคนเหล่านี้ไปสอบสวนกว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็ใช้เวลาไปมากกว่า 20 นาที สิงหาไม่กล้าออกจากที่ซ่อนเลย แม้จะมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้วก็ตาม จนกระทั่งชาล็อตในร่างกระต่ายตัวเล็กใช้จมูกดุนดัน ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วถึงค่อยออกมา“ขอโทษนะครับ ผมทำห้องของคุณพังไปพอสมควรเลย” เฉินเฟิงรีบเอ่ยขอโทษ เขาไม่คิดว่าประสิทธิภาพของมันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ผู้บุกรุกบางคนโดนแรงระเบิดของเมล็ดต้อยติ่งในระยะใกล้มาก ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลอ

  • วันสิ้นโลกของผม   100 วันที่มีแต่ข่าวดี [4/5]

    “พวกเราได้ยินว่าที่นี่มีนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะอยู่ คุณอยากมาเข้าร่วมโครงการกับเราไหม พวกเราจะสร้างโลกใบใหม่ให้น่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม โลกที่ธรรมชาติกลับมายิ่ง... แอ่ก!” ยังไม่ทันที่ชายปริศนาจะร่ายคำเชิญชวนสวยหรูจบก็ถูกชาล็อตที่ขยายร่างตะปบเข้าที่ซอกคอน็อกหลับไปกลางอากาศทั้งห้องเกิดเดตแอร์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เจ้ากระต่ายยักษ์จึงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่ผู้บุกรุกรายอื่นอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้พวกมันเปิดฉากต่อสู้ก่อน ไม่อย่างนั้นตัวอย่างทดลองในห้องนี้คงถึงคราวป่นปี้แล้ว!“เกิดอะไรขึ้น!” คู่รักหมีกระต่ายพร้อมด้วยคนที่แฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาลของนายพลอธิรีบขึ้นมายังห้องทำงานส่วนตัวของสิงหาทันทีที่ได้ยินเสียงอึกทึกภายใน“มีผู้บุกรุกครับ ควันพวกนี้เป็นแก๊สยาสลบ” สิงหาได้ยินเสียงความช่วยเหลือก็รีบตะโกนเตือนเฉินเฟิงและนิโคลัสคว้าหน้ากากกันแก๊สของตนเองขึ้นมาสวม ส่วนคนของนายพลอธิที่แฝงตัวมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัย ย่อมไม่มีอุปกรณ์พร้อมรบติดตัว จึงได้แต่ทำการส่งวิทยุสื่อสารกลับไปที่กองบัญชาการเพื่อขอกำลังเสริมที่มีอุปกรณ์ครบครัน“นั่นชาล็อตเหรอ” เฉินเฟิงผลักประตูเข้าไปเห็นเงาดำวูบวาบในกลุ่มควัน พอมองดี ๆ จะเห

  • วันสิ้นโลกของผม   100 วันที่มีแต่ข่าวดี [3/5]

    “แล้วทางด้านพลังรู้สึกว่ามีมากขึ้นแค่ไหนครับ” สิงหาปล่อยให้สองแม่ลูกหยอกล้อกันสักพักก่อนจะวกกลับเข้าคำถามสำคัญส่วนมากคนที่เลื่อนระดับแล้วจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หลังจากได้ทราบว่าอีกฝ่ายมีพลังในการสร้างบาเรียป้องกัน ก็มาร์กไว้ในใจเลยว่าคุณครูเมตตาแจ็กพอตได้รับวัคซีนผสมเชื้อจากอุกกาบาตนอกโลก“มีอาการอึดอัดในอกอีกหรือเปล่า”“ไม่อึดอัดแล้วจ้ะ แถมยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก ๆ คิดว่าน่าจะใช้พลังได้ดีกว่าเดิมด้วย” จากที่อยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ในเวลานี้กลับรู้สึกว่าต่อให้เธอหลับไปพลังก็จะยังสามารถทำงานต่อไปได้“พลังของคุณครูคือบาเรียใช่ไหมครับ คุณครูเคยลองใช้พลังนอกเหนือจากการปล่อยออกมาป้องกันบ้างหรือเปล่าครับ” สิงหาเริ่มการซักถามเท่าที่จะจินตนาการได้ เพราะสำหรับคนที่อยู่กับวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน พลังพิเศษที่มนุษย์ในปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายค่อนข้างจะอยู่เหนือสามัญสำนึกที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก“ยังไม่เคยเลยจ้ะ” นอกจากกางบาเรียป้องกันคลุมรอบสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็ไม่เคยลองใช้พลังในรูปแบบอื่นเลย“บาเรียสามารถใช้ทำอย่างอื่นได้ด้วยเหรอครับ” โจเซฟเองก็ข้องใจ“ตอนเด็ก

  • วันสิ้นโลกของผม   100 วันที่มีแต่ข่าวดี [2/5]

    สองสัปดาห์ต่อมา“อือ…” บนเตียงผู้ป่วยที่ไร้การตอบสนองมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดเปลือกตาสีไข่ของคุณครูเมตตาก็ขยับยุกยิก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ลำคอเปล่งเสียงอืออาไม่เป็นคำราวกับลูกเจี๊ยบกำลังหาหนทางกะเทาะเปลือกออกมาเผชิญกับโลกกว้าง“คุณแม่ครับ” โจเซฟลุกจากที่นั่งกดกริ่งข้างเตียงเรียกสิงหาทันที ชายหนุ่มจับมือคุณแม่ไว้แน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้คนที่ยังไม่ฟื้นสติดีรับรู้ว่ายังมีคนเฝ้ารออยู่ตรงนี้ ขอแค่ลืมตาขึ้นมาก็จะได้เจอ“คุณครูเมตตามีอาการผิดปกติเหรอครับ” หลังได้รับสัญญาณสิงหาก็รีบวิ่งขึ้นมาจากห้องทำงาน“ผมคิดว่าท่านกำลังจะฟื้นแล้วครับ” ใช้เวลาไปหนึ่งเดือนพอดิบพอดี“โอ้ ๆ ๆ” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะรีบหมุนตัวกลับไปหยิบของจำเป็นในห้องแล้วค่อยกลับขึ้นมาใหม่คล้อยหลังสิงหาไม่ถึงนาที เปลือกตาที่ขยับอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้เวลาเผยอเปิดขึ้น ก่อนจะหลับลงไปใหม่เมื่อต่อสู้กับแสงสว่างที่สะท้อนเข้ามาไม่ไหว“หลับตาก่อนครับ เดี๋ยวปวดหัว” โจเซฟหันไปรินน้ำอุ่นข้างโต๊ะรอ“โจเซฟ... เหรอ” คุณครูเมตตาเปล่งเสียงแหบแห้งออกไป เมื่อครู่เธอลืมตาเร็วเกินไปทำให้ในเวลานี้ปวดหัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ทันเห็นว่ามีใครบางคนย

  • วันสิ้นโลกของผม   100 วันที่มีแต่ข่าวดี [1/5]

    โจเซฟเล่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในห้องประชุมอย่างไม่มีตกหล่นสักประโยค ยิ่งเล่านานเท่าไร ปากของแต่ละคนก็อ้ากว้างมากเท่านั้น และไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ หลายคนในห้องต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคระบาด หนึ่งในนั้นก็คือเฉินเฟิงที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองไปอย่างไม่มีวันกลับอดีตผู้ช่วยเชฟเม้มปากน้ำตาคลอเขาไม่ได้เสียใจหรือหวาดกลัวการกระทำต่ำช้าของกลุ่มคนที่คิดว่าตนเองเป็นพระเจ้าเหล่านั้น แต่เขาโกรธจนไม่รู้ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร ภายในใจมันเจ็บหนึบ อึดอัดไปทั้งอก จนต้องอ้าปากรับอากาศเข้าปอดเพราะเผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว“ใจเย็น ๆ นะอาเฟิง” นิโคลัสลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจคนรัก เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายบอกว่าเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ครั้งเกิดโรคระบาดใหญ่นานแล้ว“ผมสาบานเลยว่าถ้าเจอคนพวกนั้น… ผมจะฆ่ามัน!” จะต้องฆ่ามันให้ได้!!“ได้ ๆ พี่จะช่วยอาเฟิงเอง” หากคนรักของตนอยากได้ศีรษะพวกมัน เขาก็พร้อมจะออกตามล่าตัวมาให้ หรือถ้าอยากจับแล่เนื้อเถือหนังก็จะยื่นมืดให้แต่โดยดี ไม่คิดห้ามปรามแม้สักครึ่งคำ“เป็นเพราะพวกมัน… ป๊ากับแม่ก็คงไม่ ฮึก” อดีตผู้ช่วยเชฟหลุดสะอื้น เพียงแค่จินตนาการว่าหากไม่มีโรคระบาด

  • วันสิ้นโลกของผม   99 เดินหน้าต่อ [5/5]

    “โชคดีนะครับที่พวกเราสร้างทางเชื่อมไว้ก่อนแล้ว” แม้ว่าต้นไม้ที่เขาปลูกไว้บดบังเส้นทางจะล้มตายไปบ้างจากฤดูหนาว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ตายแต่ก็ยังสามารถยืนต้นได้ กลายเป็นป่าขนาดย่อมที่ยังช่วยบดบังเส้นทางแลกเปลี่ยนของสามหมู่บ้านไว้ได้อย่างดี“ทีโอบอกว่าพี่พิมพาสร้างหลุมหลบภัยให้กับทั้งสามหมู่บ้านเสร็จก่อนพายุหิมะจะพัดถล่ม นอกจากบ้านเรือนที่เสียหายแล้วก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จะมีก็แต่คนที่ทนความหนาวไม่ไหวจนเสียชีวิตเท่านั้น” คุณยายร้านขายของชำเองก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้คุณตาหมอยาประจำหมู่บ้านยังแจกจ่ายสมุนไพรไล่หนาวให้กับสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตอย่างไม่หวงแหน ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นพอจะออกมาทำงานได้ในตอนกลางวัน“ธรรมชาติคัดสรรสินะครับ” เฉินเฟิงจำต้องใช้คำนี้มาเอ่ยปลอบตนเอง การเสียชีวิตของคนในสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายนัก ด้วยสภาพอากาศประเทศ T แต่เดิมก็ไม่เคยอุณหภูมิต่ำติดลบทั้งประเทศแบบนี้มาก่อน ย่อมมีคนที่ปรับตัวไม่ได้เป็นปกติเขายังโชคดีที่ตื่นขึ้นมาก็กลายพันธุ์พร้อมกับมีพลังพิเศษจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน หากเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคงยากที่จะมีชีวิตรอดมาจนถึงวัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status