 LOGIN
LOGINเจ้ากระต่ายขาวลอบพรูลมหายใจออกเมื่อกินขนมปังเข้าไปแล้วไม่เป็นอะไร น่าเสียดายที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาทำให้ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าแดงเป็นปื้นของคนให้ขนมปัง
เฉินเฟิงไม่รู้จะตอบคำถามอย่างไร จะบอกว่าไม่กลัวเลยก็ไม่ใช่ พวกเขายังนับได้ว่าเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งเขายังตัวคนเดียว จึงต้องระมัดระวังตัวเพราะอีกฝ่ายมีจำนวนคนมากกว่า
ส่วนเรื่องที่เผลองับขนมปังเข้าปากไปนั่นก็เพราะสงสารหูกลม ๆ บนศีรษะที่ลู่ไปด้านหลังเล็กน้อย ราวกับผิดหวังที่เขาไม่รับความปรารถนาดี
ว่ากันตามระบบนิเวศแล้ว ต้องเป็นเขาที่กลัวไม่ใช่เหรอ
“ก็กลัวนิดหน่อยมั้งครับ” เฉินเฟิงตอบไปตามความจริง เห็นเพื่อนร่วมทีมคนอื่นก็ดูลุ้นกับคำตอบของเขาเช่นกัน
“...” นิโคลัสเม้มปากอย่างทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ อันที่จริงก็ไม่ได้กลัวมากเท่าไร” ชายหนุ่มเห็นคนตัวโตมีสีหน้าราวกับได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจก็รีบแก้คำตอบของตนเองให้เป็นกลางมากที่สุด
แต่บรรยากาศก็ไม่ได้ดีเพิ่มขึ้นเลย
“คือ เราเพิ่งรู้จักกัน อ่า... นี่ไงครับผมกินขนมปังคุณแล้ว” เฉินเฟิงหยิบขนมปังเจ้าปัญหาชิ้นเดิมขึ้นมาเคี้ยวอีกคำ กัดเข้าไปคำใหญ่จนแก้มตุ่ย
“กินเนื้อด้วยสิ” นิโคลัสยื่นเนื้อกระป๋องของตนไปให้ด้วย
“...” ทำไมถึงมีเพิ่มล่ะ หรือจะลอบวางยาในเนื้อกระป๋อง?
“ผมว่าพวกเรามากินด้วยกันดีกว่าครับ” โจเซฟที่เคยออกตัวว่าอาหารของกลุ่มมีจำกัดต้องเอ่ยชวนชายหนุ่มปริศนามาร่วมวงกินข้าวอย่างช่วยไม่ได้ ไม่อย่างนั้นบรรยากาศพิพักพิพ่วนนี้คงไม่จบสิ้นเสียที
พอถูกชวน หนุ่มลูกครึ่งจึงต้องขยับพาตัวเองมานั่งรวมกลุ่มด้วย
“ว่าแต่คุณเฉินเฟิงอยู่คนเดียวเหรอคะ” หงส์เปิดปากพูดคนแรก เมื่อได้นั่งล้อมวงกินอาหารพร้อมกัน นอกจากขนมปังที่ได้รับจากนิโคลัสชิ้นแรก ชายหนุ่มก็ไม่ได้แตะต้องอาหารของคนในกลุ่มเลย เจ้าตัวเอาแต่นั่งกัดแครอทจนหมดแล้วค่อยหยิบหัวถัดไปจากในกระเป๋าขึ้นมากินต่อ
“เปล่าครับ มีเพื่อนผมรออยู่อีกฟากของภูเขา” เห็นกลุ่มทหารรับจ้างพยายามสานมิตรภาพ เจ้ากระต่ายจึงได้แต่แสดงท่าทีเป็นมิตรตอบกลับไป ถามก็ตอบ แต่ไม่ได้ตอบทั้งหมด...
“แล้วทำไมคุณถึงออกมาคนเดียวล่ะ” แทนที่จะมาช่วยกันจะได้อุ่นใจ
“อ่า อีกฝ่ายยังเด็กน่ะครับ”
“อ๋อ งี้นี่เอง” หงส์ตอบรับในลำคอ ถ้าเป็นเด็กก็ไม่ควรพามาเสี่ยงด้วยจริง ๆ
“ว่าแต่คุณดูไม่ตกใจกับรูปลักษณ์ของพวกเราเลยนะคะ” หงส์เอ่ยถาม เธอข้องใจว่าอีกฝ่ายดูไม่แปลกใจเลยสักนิดในตอนที่เจอกับพวกเขาเป็นครั้งแรก ไหนจะฮู้ดที่เจ้าตัวใส่คลุมศีรษะอยู่ตลอดเวลานั่นอีก
“ผมเคยเจอคนแบบพวกคุณมาก่อน” เฉินเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกพูดถึงกลุ่มโจรปล้นบ้านเขาขึ้นมา หากอีกฝ่ายไปตรวจสอบก็คงจะเจอ
“...” นิโคลัสนั่งฟังด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจปะทุยิ่งกว่าภูเขาไฟระเบิด ถ้าวันหนึ่งเขาได้พบกับโจรพวกนั้น สาบานเลยว่าจะต้องยิงพวกมันให้พรุน
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ดีนัก แต่การปล้นบ้านคนอื่นก็ไม่เคยอยู่ในสารบบของเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้
“แล้วตอนนี้โอเคเรื่องที่อยู่หรือยัง” ทีโอถามบ้าง
“ครับ” เฉินเฟิงพยักหน้า “เอ่อ... คือว่าผมอยากจะถามสักหน่อยได้ไหมครับ” พร้อมกับถามต่อเพื่อเบี่ยงประเด็นเมื่อเริ่มเข้าเรื่องส่วนตัวมากเกินไป
“คือก่อนหน้านี้ผมเจอซอมบี้ของคนในหมู่บ้าน พวกเขาเชื่องช้า กว่าจะเดินมาถึงตัวต่อให้เป็นเด็กก็ยังหลบทัน แต่ทำไมซอมบี้ที่ผมเจอวันนี้ถึงได้รวดเร็วนักล่ะครับ” ตัวเขาที่ผ่านการวิวัฒนาการแล้วทำไมถึงยังถูกต้อนให้จนมุมได้
“ใช่ที่นิคยิงไปปะ” ตุ่นถามแพทย์ประจำกลุ่ม ได้รับการตอบกลับเป็นการพยักหน้ายืนยัน
“ก่อนที่ลมจะเปลี่ยนทิศ ผมแน่ใจว่าไม่ได้ยินเสียงหรือได้กลิ่นซอมบี้เลย แต่พอออกจากที่ซ่อนแล้ว เอ่อ จัดการไปตัวแรก…” เหตุการณ์ต่อจากนั้นกลุ่มทหารรับจ้างตรงหน้าเขาล้วนประจักษ์ด้วยสายตาตนเอง
“นั่นเป็นเพราะคุณกลายพันธุ์แล้ว” นิโคลัสจ้องประสานนัยน์ตาสีแดง อาการที่อีกฝ่ายพูดมาเขาเคยเป็นมาก่อน และเชื่อว่ามนุษย์ที่กลายพันธุ์อีกหลายคนก็ต้องเคยประสบพบเจอ
“...” เฉินเฟิงเม้มปากแน่น ไม่คิดว่าความจะแตกเพราะคำถามของตน
“คนที่กลายพันธุ์นั้นถ้าไม่ได้รับการฝึกที่เหมาะสมจะไม่สามารถดึงประสิทธิภาพของกำลังกายที่เกิดขึ้นใหม่มาใช้ได้อย่างเต็มที่ บางครั้งก็จะเผลอใช้แค่พลังดั้งเดิมหรือก็คือพลังตอนที่ยังเป็นมนุษย์ธรรมดา” กระต่ายมือใหม่ครุ่นคิดตาม
“เป็นปกติที่เราจะเผลอปฏิเสธสิ่งที่ยากเกินกว่าจะรับได้ ทำให้บางครั้งไม่ได้ดึงพลังใหม่มาใช้ให้เคยชิน ยิ่งเวลาจวนตัวที่สมาธิของคนเราจะเลือกจดจ่ออยู่กับแค่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง อย่างตอนนั้นที่คุณบอกว่าไม่ได้ยินเสียงของซอมบี้ นั่นคงเป็นเพราะว่าใจคุณคิดอยากจะหนี สมองถึงได้สั่งการให้กำลังทั้งหมดไปที่ฝีเท้า ประสาทการได้ยินที่ยังไม่ได้ใช้จนเคยชินจึงกลับมาอยู่ในสภาวะใกล้เคียงกับมนุษย์ธรรมดา”
แสดงว่าตอนนั้นถ้าเขาวิ่งสุดฝีเท้าก็คงหนีรอด แต่เพราะมีอีกตัวมาดักจึงทำให้ทางหนีถูกบีบให้แคบลงจนต้องวิ่งมายังโรงงานน้ำตาลแห่งนี้
“แล้วพวกคุณ…”
“ตอนยังไม่กลายพันธุ์พวกเราก็เป็นทหารประจำการ กำลังกายจึงมีมากกว่าคนทั่วไป ตอนที่เริ่มกลายพันธุ์ก็แค่ปรับตัวมากหน่อย แต่ไม่นานก็สามารถดึงพลังมาใช้ได้ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตั้งแต่เกิด” ตุ่นเคาะจมูกของตนเบา ๆ ในฐานะที่กลายพันธุ์มาเป็นสุนัข ประสาทสัมผัสการดมกลิ่นของเขานับได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร
สรุปก็คือเป็นเพราะเขาอ่อนแอ

“แม่เองก็อยากรู้เหมือนกัน” กิ่งแก้วพยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้สถานการณ์กลับมาสงบสุขลงแล้ว แต่ลูกชายเธอก็ยังคงขลุกตัวอยู่กับการฝึกฝน บางวันก็วิ่งโร่ไปล่าหนูกลายพันธุ์ถึงนิคมอุตสาหกรรม หากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็คงช่วยปรามได้บ้าง“ผมออกไปเดินเล่นดีกว่า” ชายหนุ่มค่อยๆ กระถดตัวไปทางประตูบ้าน ก่อนจะวิ่งหนีหายไปด้วยความรวดเร็ว“ทีอย่างนี้ล่ะ เร็วเชียว” กิ่งแก้วส่ายหน้า“ฮ่าๆ อย่าไปบังคับน้องเลยครับ ถึงเวลาจะมีเดี๋ยวก็มีเองแหละ” เจ้ากระต่ายหัวเราะร่วนกับปฏิกิริยาของกรที่ดูเหมือนจะยังไม่อยากมีแฟน“หรือไม่ก็อาจจะกำลังมีคนคุยๆ อยู่แต่ไม่กล้าเปิดตัวหรือเปล่า” ต่างกับนิโคลัสที่มองอีกมุมแก้มแดงๆ นั่นหลบไม่พ้นสายตาของเขาหรอก“เอ๊ะ ลูกคนนี้ แอบมีแฟนแล้วไม่บอกแม่เหรอ กิ่งไปก่อนนะยาย” หันไปร่ำลาคุณยายแล้วถกผ้าถุงออกจากบ้านมองหาเจ้าลูกตัวแสบทันที“พี่นิคไปรู้อะไรมาครับเนี่ย” เฉินเฟิงเชื่อว่าคนรักไม่มีทางพูดไปเรื่อยเปื่อยแน่“รอดูไปก่อน ไม่แน่ว่าหลังเรากลับมาจากไปเยี่ยมบ้านพี่ กรอาจกล้าเปิดตัวกับแม่ก็ได้” คุณหมอหมีไม่อยากเฉลย เผื่อเจ้าตัวยังไม่พร้อมส่วนเมื่อสักครู่ก็ถือว่าสร้างสีสันให้คนป่วย ดูสิ คุณยายร้านขา
“น่องไก่นั่นผมมองไว้นานแล้วนะพี่ อย่าแย่งดิ” ทีโอใช้ส้อมจิ้มน่องไก่ที่หงส์เตรียมตักเข้าจานของตน“อะไร อย่ามาโมเมนะ” หงส์เองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ถึงสงครามครั้งนี้จะไม่มีมังคุดเข้าร่วมกลั่นแกล้งด้วย เธอก็ไม่คิดจะรามือ เวลาเห็นทีโอทำหน้าเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมแล้วตลกดีเธอเห็นแล้วว่าทีโอจ้องน่องไก่ชิ้นนี้ตาเป็นมันนานแล้ว และเธอกับตุ่นเองก็มีในจานอยู่คนละน่อง เจ้าเด็กนี่เลยอนุมานไปว่าชิ้นที่ยังลอยเท้งเต้งนั้นจะต้องตกเป็นของตนเอง“พี่หงส์ พี่อย่ามาแกล้งผม ในจานพี่ก็ยังมีน่องไก่ ทำไมไม่แบ่งให้น้องให้นุ่ง” ทีโองอแงกระเง้ากระงอดทั้งที่มือยังใช้ส้อมจิ้มน่องไก่ไว้ไม่ผละไปไหน“เล่นกันเป็นเด็กๆ ไปได้” โจเซฟส่ายศีรษะเอือมระอา ตั้งแต่รวมกลุ่มกันมา สองคนนี้ต้องมีปากเสียงตอนกินอาหารได้ทุกมื้อ“เนื้อส่วนอื่นของไก่ก็ยังเหลืออีกตั้งเยอะ” เลวี่ดุคนรักเสียงจริงจังทั้งที่มืออีกข้างก็กำลังถือน่องไก่กัดเข้าปากคำใหญ่“คนที่ได้กินน่องไก่ชิ้นที่สามแล้วกล้าตักเตือนกูเหรอ ฮะ?” ทีโอเค้นเสียงลอดไรฟัน เพราะน่องไก่ชิ้นแรกถูกคนรักแย่งไปจากช้อน เขาถึงต้องเล็งชิ้นใหม่ไม่ใช่หรือไง“...” เลวี่ลอยหน้าลอยตาไม่รู้ไม่ชี้“ท
พูดคุยอัปเดตสภาพบ้านแต่ละหลังอีกเล็กน้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปเก็บข้าวของส่วนตัวบ้านใครบ้านมัน พลายวารีกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดนำพี่ชายไปยังโรงนอนที่ถูกปรับปรุงใหม่“โห บ้านดูเป็นบ้านมาก” เฉินเฟิงเปิดประตูเข้ามาพบกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นโซฟา โต๊ะรับแขก หรือแม้แต่ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่“เกรงใจพี่พิมแย่” นิโคลัสลูบเนื้อไม้เรียบสนิท มันถูกขัดจนมันและลงน้ำยาป้องกันแมลงไว้เรียบร้อย“ไว้เราออกไปเยี่ยมแม่ของพี่นิคก็ขนของฝากกลับมาให้มากหน่อยดีไหมครับ” เฉินเฟิงเสนอ“เป็นความคิดที่ดี” คุณหมอหมีเห็นด้วย อย่างน้อยก็คงได้พวกเครื่องนุ่งห่มสวยๆ กลับมาให้เหล่าหญิงสาวได้เลือกชม ยิ่งหน้าหนาวในประเทศ T ตอนนี้หนาวไปถึงกระดูก ไปประเทศ A น่าจะได้เสื้อกันหนาวคุณภาพดีมาเพิ่ม“เฮ้อ… ในที่สุดก็ได้กลับบ้านสักที” เฉินเฟิงวางกระเป๋าไว้มุมห้องแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง “หือ พี่พิมเปลี่ยนฟูกที่นอนให้ด้วย” จำได้ว่าก่อนไปทำภารกิจ ที่นอนไม่ได้นิ่มขนาดนี้“ไว้ทำเตาผิงไว้ในห้องด้วยดีกว่า” ฤดูหนาวที่ผ่านมาต้องพึ่งพาพลังพิเศษระหว่างการนอนหลับ แต่ถ้ามีเตาผิงอยู่ก็ไม่ต้องกังวลว่าห้องจะไม่อบอุ่น“หวา เหมือนบ้
“ยินดีต้อนรับกลับนะคะ”แอ๊ว!ทันทีที่รถจอดบริเวณตีนภูเขาก็พบพิมพาและพลายวารียืนรออยู่“พี่พิม~ คิดถึงจังเลยค่ะ” กวางสาวก้าวลงจากรถพร้อมกับอุ้มเด็กหญิงพลอยใสตามลงมา“ปลอดภัยกันสินะคะ” พิมพาโล่งอกเมื่อกวาดตามองคร่าวๆ แล้วไม่พบว่ามีใครได้รับบาดเจ็บกลับมา “น้องพลอยไม่ดื้อไม่ซนใช่ไหมคะ”“หนูเป็นเด็กดี ฮึก เป็นเด็กดีจริงๆ นะ ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีด้วย ฮือๆ” เด็กหญิงโผเข้ากอดมารดาแน่น พลอยใสไม่เคยห่างจากแม่นานขนาดนี้มาก่อน แต่เพราะตนเลือกที่จะอาสาออกไปสู้กับซอมบี้เองจึงไม่อาจงอแงร้องไห้คิดถึงบ้านได้เหมือนเด็กทั่วไปมาวันนี้ได้กอดคนที่เฝ้าคิดถึงอยู่ทุกวันก็พาให้น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย“จ้ะ แม่รู้แล้ว แม่ภูมิใจในตัวหนูมากๆ เลยนะ” พิมพาย่อตัวช่วยเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียนใส ใจจริงเธอไม่อยากให้ลูกสาวออกไปเผชิญกับอันตรายเลย แต่เพราะเชื่อว่าการได้ออกไปในยามที่มีสมาชิกคนอื่นๆ ไปด้วยย่อมปลอดภัยกว่า จึงวางใจให้ลูกสาวออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้เต็มที่ ส่วนเธอก็จะปกป้องบ้านไว้รอต้อนรับทุกคน“แล้วสงคราม…” พิมพาผละจากลูกสาวมามองหน้าสมาชิกคนอื่นๆ “จบแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ”เธออยากได้รับคำยืนยันต่อหน้ามากกว่าคำ
กลุ่มทหารรับจ้างไม่ได้เดินทางโดยใช้เส้นทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน ส่วนหนึ่งเพราะต้องการขับรถที่นำมาด้วยกลับไปจอดไว้ยังตีนภูเขา และอีกเหตุผลก็เพราะมังคุดตัวโตขึ้นเล็กน้อย บริเวณท้องของมันไม่สามารถผ่านประตูทางเข้าได้ ทุกคนจึงลงความเห็นให้เดินทางโดยใช้ถนนเส้นหลักแทน“ต้องลดความอ้วนแล้วหรือเปล่านะ” เฉินเฟิงมองพุงกลมของมังคุดด้วยความหนักใจ ช่วงบนเดินผ่านทางเข้าได้ไม่มีปัญหา แต่พอถึงช่วงกลางลำตัวกลับเข้าไม่ได้ เขาเลี้ยงเจ้าตัวนี้ดีเกินไปหรือเปล่านะ?กี๊ซ (มังคุดไม่อ้วนนะ)แร็กคูนที่ถูกแปะป้ายไว้บนหน้าผากว่าอ้วนรีบแย้ง ถ้าให้มันงดอาหาร มันยอมอยู่ที่ค่ายพันธมิตรต่อยังดีกว่า… แล้วค่อยกลับบ้านตอนท้องอิ่ม“ไม่อ้วนตรงไหนกันฮึ” เฉินเฟิงจ้องมองพุงกลม หลักฐานสำคัญที่จำเลยดิ้นไม่หลุดกี๊ซ (นี่เป็นพลังงานสำรองต่างหาก)เจ้าตัวโตแอ่นพุงไม่ยอมรับว่าหน้าท้องส่วนนี้เป็นไขมันที่เกิดจากการกินล้วนๆ“เอาเถอะ จะยอมเชื่อก็ได้” ในเมื่อเจ้าตัวไม่ให้ความร่วมมือ เจ้ากระต่ายก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลดพุงเด็กดื้อนิโคลัสยกยิ้มมุมปากมองคนรักกับเจ้าตัวโต้เถียงกันเรื่องน้ำหนักเกินมาตรฐานไปตลอดทาง กระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านด้วงส
“พวกนาย…” ผู้ถูกขนานนามว่าเทพเซียนเดินดินเกือบน้ำตาร่วงด้วยความซาบซึ้ง ยังดีที่เก๊กขรึมฮึบไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจมีสักขีพยานนับแสนเห็นท่านเทพหลั่งน้ำตา“เจอแบบนี้เขินเลยนะคะเนี่ย” แก้มใสของดาริณีขึ้นสีแดงระเรื่อ ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย เทียบกันแล้วเธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่อยากจะปกป้องลูกชายและเพื่อนพ้อง ไม่ได้มีใจคิดอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากมายถึงเพียงนั้นหนักเข้าหน่อยก็มีคนชูลังกระดาษที่มีชื่อของใครสักคนเขียนอยู่“อ๋า… มีชื่อของพี่ด้วย” เหมือนแฟนคลับไปตามดาราตามงานอีเวนต์เลย“วีรกรรมพี่ดาไม่ใช่ย่อยเลยนะคะ รับความรู้สึกอยากขอบคุณจากพวกเขาเถอะค่ะ” หงส์เอ่ยให้กำลังใจ ทั้งที่ไม่ได้เป็นทหารแต่ก็สามารถยืนหยัดต่อสู้กับซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์ได้โดยไม่ทำให้ทีมเสียสมดุลกลับกัน... หากขาดดาริณีไป สงครามอาจจบล่าช้ากว่าที่คิดก็เป็นได้ดาริณีเม้มปากขัดเขิน ใบหน้าสวยก้มมองพื้นไม่กล้าสบตาใคร กระทั่งโจเซฟกอบกุมมือเรียวไว้ เธอถึงเงยหน้ามองสบตากับสามีร่วมทุกข์ร่วมสุขแค่ได้เห็นสายตาที่บอกว่าภูมิใจที่มีเธออยู่เคียงข้าง ความมั่นใจที่หล่นหายไปก็พลันเอ่อล้นออกมากี๊ซ! (ขอบคุณทุกคนนะครับ ขอบคุณครับ มั








