“พวกเราพกอาหารมาแค่พอกิน คุณมีของตัวเองมาหรือเปล่า” โจเซฟไม่ได้อยากแสดงความแล้งน้ำใจกับเพื่อนมนุษย์ แต่พวกเขาเองก็ต้องกันอาหารไว้ให้เพื่อนร่วมทีมก่อน กับคนนอกอย่างไรก็ไม่ควรไว้ใจมากเกินไปนัก
“ไม่เป็นไรครับ ผมมี” ชายหนุ่มหยิบหัวแครอทกับปลากระป๋องออกมาจากกระเป๋า
นิโคลัสมองอาหารที่คนตรงหน้าหยิบออกมาด้วยหัวใจปวดหนึบ จินตนาการไปว่าเจ้าตัวคงหยิบฉวยทุกอย่างในขณะหนีหัวซุกหัวซุน พอได้แหล่งกบดานก็เริ่มออกสำรวจหาอาหารมากักตุน
“...” กว่าจะรู้ตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหูกลมของหมีก็ยื่นขนมปังแข็งให้
“...” เฉินเฟิงมองก้อนขนมปังตรงหน้าตาปริบ ๆ สมองกำลังประมวลอย่างเร็วรี่ว่าเหตุใดแพทย์ทหารคนนี้จึงแบ่งอาหารมาให้ตน
ใจดี?
หรือแอบวางยา?
“!!!” ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังมีความคิดสวนไปคนละทาง ผู้เห็นเหตุการณ์เองก็อ้าปากตาค้างกับปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมทีม
‘หงส์ว่ามันทะแม่ง ๆ แล้วนะหัวหน้า’ หญิงสาวหันไปมองหัวหน้าอย่างช้า ๆ พลางหันไปพยักหน้าให้คนรักที่หันหน้ามามองเธออย่างอึ้งตะลึงไม่ต่างกัน
‘ผมว่าหมอนี่ต้องไปกินอะไรผิดสำแดงมาแน่’ ทีโอเองก็ไม่คิดว่าจะได้เห็นมุมนี้ของนิโคลัส เขาเคยเป็นเพื่อนร่วมทีมตอนฝึก อีกฝ่ายมักมีท่าทีเย็นชาอยู่เสมอ ทั้งที่เป็นหมอแต่ดันชอบทำหน้าไม่รับแขก เวลาทำแผลก็ชอบทำสีหน้ารำคาญ ทุกคนบอกว่าเขาชอบทำหน้านิ่ง แต่พอเทียบกับนิโคลัสแล้วต้องบอกว่าเขายังเป็นมิตรมากกว่าอีก
อย่างน้อยวันหนึ่งก็พูดมากกว่า 10 คำ
แล้วตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!
หรือเฉินเฟิงคนนี้มีพลังพิเศษบางอย่าง... จะว่าไปตั้งแต่พบกันก็ไม่เคยเห็นเจ้าตัวถอดฮู้ดออกสักครั้ง
“...” เฉินเฟิงที่อยู่ ๆ ก็โดนสงสัยว่ามีพิรุธแบบไม่รู้ตัว
“ขอบคุณครับ” เพราะไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เจ้ากระต่ายขาวจึงได้แต่เอื้อมมือรับขนมปังชิ้นนั้นมา ตั้งใจว่าจะกินทีหลัง แต่พอเงยหน้าเห็นสายตาคาดหวังก็รู้สึกกระอักกระอ่วน
‘หรือในขนมปังจะแอบวางยาจริง ๆ’
“กินเลย ๆ” มีคะยั้นคะยอด้วย
เพื่อนร่วมทีมกลอกตามองบน
โอเค พวกเขาคิดมากไป คนที่มีปัญหาไม่ใช่เฉินเฟิง แต่เป็นแพทย์ประจำทีมของพวกเขานี่แหละ หมอนี่เกิดเพี้ยนอะไรขึ้นมา
หงส์ทนมองไม่ไหวเลยต้องเอ่ยปากปราม
“นิค แกทำตัวน่ากลัวมากรู้ตัวปะ เหมือนพวกตาแก่กำลังหลอกเด็กอะ” หญิงสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มเท้าคางมอง อยากให้อีกฝ่ายสังเกตหน้าคู่สนทนาเหลือเกิน
“คุณกลัวผมเหรอ”
“...” เพื่อนร่วมทีมและเฉินเฟิงที่พูดไม่ออก
“ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณกลัวนะ” แพทย์หนุ่มยกมือเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี แสงโพล้เพล้จากด้านนอกทำให้ยังพอเห็นว่าแก้มและใบหูของชายหนุ่มเป็นสีแดง
“!!!” หรือว่า… บ้าน่า
ทั้งตุ่นและทีโอต่างหันขวับไปมองชายหนุ่มปริศนาที่พวกเขารู้เพียงชื่อ
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่สวมฮู้ดสีเทาอยู่ตลอดเวลา ทำให้เห็นเพียงดวงตาสีแดงโดดเด่นคู่นั้นกับใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน รู้ว่าชื่อเฉินเฟิง มาสำรวจโรงงานน้ำตาลเพราะตัวเองอยู่อีกฝั่งของภูเขา
คุณหมออออ!!
จะไปตกหลุมรักเขาเพราะข้อมูลแค่นี้ไม่ได้นะ!!
เฉินเฟิงโยนผลต้อยติ่งไปตามจุดที่ผู้บุกรุกอยู่ ทำให้ทั้งนิโคลัสและชาล็อตต่างต้องหาที่หลบกันเป็นพัลวันเมื่ออานุภาพทำลายล้างของผลต้อยติ่งนั้นเป็นแบบสุ่ม ไม่สามารถจำกัดให้อยู่ในวงแคบได้ ส่วนผู้บุกรุกที่ไม่ได้รู้เรื่องถึงจะได้ยินสัญญาณให้หลบก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรหลบอะไรเมล็ดต้อยติ่งพุ่งเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายของผู้บุกรุกที่โชคร้ายหลบไม่พ้น แม้แต่อุปกรณ์ในห้องก็แตกกระจายไปบางส่วนหลังระเบิดต้อยติ่งสงบลง นิโคลัสก็พาตัวเองออกมาจากหลังตู้หนังสือ บนพื้นห้องมีกลุ่มคนปริศนานอนร้องโอดโอยอยู่เจ้ากระต่ายเห็นดังนั้นก็ออกไปเปิดประตูห้องให้ทหารที่รออยู่แล้วเข้าไปจับกุมคนเหล่านี้ไปสอบสวนกว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็ใช้เวลาไปมากกว่า 20 นาที สิงหาไม่กล้าออกจากที่ซ่อนเลย แม้จะมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้วก็ตาม จนกระทั่งชาล็อตในร่างกระต่ายตัวเล็กใช้จมูกดุนดัน ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วถึงค่อยออกมา“ขอโทษนะครับ ผมทำห้องของคุณพังไปพอสมควรเลย” เฉินเฟิงรีบเอ่ยขอโทษ เขาไม่คิดว่าประสิทธิภาพของมันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ผู้บุกรุกบางคนโดนแรงระเบิดของเมล็ดต้อยติ่งในระยะใกล้มาก ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลอ
“พวกเราได้ยินว่าที่นี่มีนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะอยู่ คุณอยากมาเข้าร่วมโครงการกับเราไหม พวกเราจะสร้างโลกใบใหม่ให้น่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม โลกที่ธรรมชาติกลับมายิ่ง... แอ่ก!” ยังไม่ทันที่ชายปริศนาจะร่ายคำเชิญชวนสวยหรูจบก็ถูกชาล็อตที่ขยายร่างตะปบเข้าที่ซอกคอน็อกหลับไปกลางอากาศทั้งห้องเกิดเดตแอร์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เจ้ากระต่ายยักษ์จึงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่ผู้บุกรุกรายอื่นอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้พวกมันเปิดฉากต่อสู้ก่อน ไม่อย่างนั้นตัวอย่างทดลองในห้องนี้คงถึงคราวป่นปี้แล้ว!“เกิดอะไรขึ้น!” คู่รักหมีกระต่ายพร้อมด้วยคนที่แฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาลของนายพลอธิรีบขึ้นมายังห้องทำงานส่วนตัวของสิงหาทันทีที่ได้ยินเสียงอึกทึกภายใน“มีผู้บุกรุกครับ ควันพวกนี้เป็นแก๊สยาสลบ” สิงหาได้ยินเสียงความช่วยเหลือก็รีบตะโกนเตือนเฉินเฟิงและนิโคลัสคว้าหน้ากากกันแก๊สของตนเองขึ้นมาสวม ส่วนคนของนายพลอธิที่แฝงตัวมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัย ย่อมไม่มีอุปกรณ์พร้อมรบติดตัว จึงได้แต่ทำการส่งวิทยุสื่อสารกลับไปที่กองบัญชาการเพื่อขอกำลังเสริมที่มีอุปกรณ์ครบครัน“นั่นชาล็อตเหรอ” เฉินเฟิงผลักประตูเข้าไปเห็นเงาดำวูบวาบในกลุ่มควัน พอมองดี ๆ จะเห
“แล้วทางด้านพลังรู้สึกว่ามีมากขึ้นแค่ไหนครับ” สิงหาปล่อยให้สองแม่ลูกหยอกล้อกันสักพักก่อนจะวกกลับเข้าคำถามสำคัญส่วนมากคนที่เลื่อนระดับแล้วจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หลังจากได้ทราบว่าอีกฝ่ายมีพลังในการสร้างบาเรียป้องกัน ก็มาร์กไว้ในใจเลยว่าคุณครูเมตตาแจ็กพอตได้รับวัคซีนผสมเชื้อจากอุกกาบาตนอกโลก“มีอาการอึดอัดในอกอีกหรือเปล่า”“ไม่อึดอัดแล้วจ้ะ แถมยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก ๆ คิดว่าน่าจะใช้พลังได้ดีกว่าเดิมด้วย” จากที่อยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ในเวลานี้กลับรู้สึกว่าต่อให้เธอหลับไปพลังก็จะยังสามารถทำงานต่อไปได้“พลังของคุณครูคือบาเรียใช่ไหมครับ คุณครูเคยลองใช้พลังนอกเหนือจากการปล่อยออกมาป้องกันบ้างหรือเปล่าครับ” สิงหาเริ่มการซักถามเท่าที่จะจินตนาการได้ เพราะสำหรับคนที่อยู่กับวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน พลังพิเศษที่มนุษย์ในปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายค่อนข้างจะอยู่เหนือสามัญสำนึกที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก“ยังไม่เคยเลยจ้ะ” นอกจากกางบาเรียป้องกันคลุมรอบสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็ไม่เคยลองใช้พลังในรูปแบบอื่นเลย“บาเรียสามารถใช้ทำอย่างอื่นได้ด้วยเหรอครับ” โจเซฟเองก็ข้องใจ“ตอนเด็ก
สองสัปดาห์ต่อมา“อือ…” บนเตียงผู้ป่วยที่ไร้การตอบสนองมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดเปลือกตาสีไข่ของคุณครูเมตตาก็ขยับยุกยิก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ลำคอเปล่งเสียงอืออาไม่เป็นคำราวกับลูกเจี๊ยบกำลังหาหนทางกะเทาะเปลือกออกมาเผชิญกับโลกกว้าง“คุณแม่ครับ” โจเซฟลุกจากที่นั่งกดกริ่งข้างเตียงเรียกสิงหาทันที ชายหนุ่มจับมือคุณแม่ไว้แน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้คนที่ยังไม่ฟื้นสติดีรับรู้ว่ายังมีคนเฝ้ารออยู่ตรงนี้ ขอแค่ลืมตาขึ้นมาก็จะได้เจอ“คุณครูเมตตามีอาการผิดปกติเหรอครับ” หลังได้รับสัญญาณสิงหาก็รีบวิ่งขึ้นมาจากห้องทำงาน“ผมคิดว่าท่านกำลังจะฟื้นแล้วครับ” ใช้เวลาไปหนึ่งเดือนพอดิบพอดี“โอ้ ๆ ๆ” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะรีบหมุนตัวกลับไปหยิบของจำเป็นในห้องแล้วค่อยกลับขึ้นมาใหม่คล้อยหลังสิงหาไม่ถึงนาที เปลือกตาที่ขยับอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้เวลาเผยอเปิดขึ้น ก่อนจะหลับลงไปใหม่เมื่อต่อสู้กับแสงสว่างที่สะท้อนเข้ามาไม่ไหว“หลับตาก่อนครับ เดี๋ยวปวดหัว” โจเซฟหันไปรินน้ำอุ่นข้างโต๊ะรอ“โจเซฟ... เหรอ” คุณครูเมตตาเปล่งเสียงแหบแห้งออกไป เมื่อครู่เธอลืมตาเร็วเกินไปทำให้ในเวลานี้ปวดหัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ทันเห็นว่ามีใครบางคนย
โจเซฟเล่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในห้องประชุมอย่างไม่มีตกหล่นสักประโยค ยิ่งเล่านานเท่าไร ปากของแต่ละคนก็อ้ากว้างมากเท่านั้น และไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ หลายคนในห้องต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคระบาด หนึ่งในนั้นก็คือเฉินเฟิงที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองไปอย่างไม่มีวันกลับอดีตผู้ช่วยเชฟเม้มปากน้ำตาคลอเขาไม่ได้เสียใจหรือหวาดกลัวการกระทำต่ำช้าของกลุ่มคนที่คิดว่าตนเองเป็นพระเจ้าเหล่านั้น แต่เขาโกรธจนไม่รู้ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร ภายในใจมันเจ็บหนึบ อึดอัดไปทั้งอก จนต้องอ้าปากรับอากาศเข้าปอดเพราะเผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว“ใจเย็น ๆ นะอาเฟิง” นิโคลัสลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจคนรัก เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายบอกว่าเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ครั้งเกิดโรคระบาดใหญ่นานแล้ว“ผมสาบานเลยว่าถ้าเจอคนพวกนั้น… ผมจะฆ่ามัน!” จะต้องฆ่ามันให้ได้!!“ได้ ๆ พี่จะช่วยอาเฟิงเอง” หากคนรักของตนอยากได้ศีรษะพวกมัน เขาก็พร้อมจะออกตามล่าตัวมาให้ หรือถ้าอยากจับแล่เนื้อเถือหนังก็จะยื่นมืดให้แต่โดยดี ไม่คิดห้ามปรามแม้สักครึ่งคำ“เป็นเพราะพวกมัน… ป๊ากับแม่ก็คงไม่ ฮึก” อดีตผู้ช่วยเชฟหลุดสะอื้น เพียงแค่จินตนาการว่าหากไม่มีโรคระบาด
“โชคดีนะครับที่พวกเราสร้างทางเชื่อมไว้ก่อนแล้ว” แม้ว่าต้นไม้ที่เขาปลูกไว้บดบังเส้นทางจะล้มตายไปบ้างจากฤดูหนาว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ตายแต่ก็ยังสามารถยืนต้นได้ กลายเป็นป่าขนาดย่อมที่ยังช่วยบดบังเส้นทางแลกเปลี่ยนของสามหมู่บ้านไว้ได้อย่างดี“ทีโอบอกว่าพี่พิมพาสร้างหลุมหลบภัยให้กับทั้งสามหมู่บ้านเสร็จก่อนพายุหิมะจะพัดถล่ม นอกจากบ้านเรือนที่เสียหายแล้วก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จะมีก็แต่คนที่ทนความหนาวไม่ไหวจนเสียชีวิตเท่านั้น” คุณยายร้านขายของชำเองก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้คุณตาหมอยาประจำหมู่บ้านยังแจกจ่ายสมุนไพรไล่หนาวให้กับสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตอย่างไม่หวงแหน ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นพอจะออกมาทำงานได้ในตอนกลางวัน“ธรรมชาติคัดสรรสินะครับ” เฉินเฟิงจำต้องใช้คำนี้มาเอ่ยปลอบตนเอง การเสียชีวิตของคนในสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายนัก ด้วยสภาพอากาศประเทศ T แต่เดิมก็ไม่เคยอุณหภูมิต่ำติดลบทั้งประเทศแบบนี้มาก่อน ย่อมมีคนที่ปรับตัวไม่ได้เป็นปกติเขายังโชคดีที่ตื่นขึ้นมาก็กลายพันธุ์พร้อมกับมีพลังพิเศษจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน หากเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคงยากที่จะมีชีวิตรอดมาจนถึงวัน