“แค่นั้นนอนได้เหรอ” หมีหหนุ่มค่อนข้างเป็นกังวล เจ้ากระต่ายไม่ได้เตรียมที่นอนหมอนมุ้งออกมา แค่นอนทับบนกระเป๋าที่แบกมาเท่านั้น
เฉินเฟิงตั้งใจจะนอนในสภาพนี้ตั้งแต่แรก บ้านบนภูเขาไม่ได้มีเครื่องนอนมากมายนัก เขากลัวว่ามันจะทำให้พื้นที่ในกระเป๋าลดน้อยลง เวลาต้องการเก็บตุนสิ่งของจำเป็นจะทำได้ลำบาก
มีแค่ฮู้ดกับกางเกงขายาวก็พอแล้ว
ฟากโจเซฟก็จนปัญญาจะให้ความช่วยเหลือ พวกเขาเป็นทหาร สิ่งที่ต้องพกติดตัวอยู่เสมอเวลาออกไปข้างนอกก็คือถุงนอนส่วนตัวของใครของมัน เป็นการยากที่จะชักชวนให้มาใช้ร่วมกัน ขืนนอนสองคนอัดกันถุงคงปริ
“งั้นคุณนอนของผม” นิโคลัสยื่นถุงนอนของตนเองให้อย่างไม่ลังเล
“เอ่อ ไม่ดีมั้งครับ แล้วคุณจะนอนยังไง” เฉินเฟิงส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย ทั้งยังเกรงใจมาก ๆ คนคนนี้ช่วยเขาจากซอมบี้ แบ่งขนมปัง แล้วยังแบ่งถุงนอนด้วย ใจดีเกินไปไหม?
“ผมต้องอยู่เฝ้าเวร คุณนอนไปก่อนเถอะ” นิโคลัสตอบอย่างไม่คิดมาก เขาได้เวรตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสี่ทุ่ม ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรถ้าเขาจะนั่งพิงกำแพง
“แต่ว่า…” มันเป็นของใช้ส่วนตัวของคนอื่น
“ผมรับประกันว่าไม่มีลูกเล่นอะไรอยู่ในนั้น คุณเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พักไปเถอะ” นิโคลัสพยายามสื่อสารออกมาอย่างสุดความสามารถ เขาไม่ใช่คนพูดเยอะนัก น่าแปลกที่พอต้องอธิบายให้คนตรงหน้าฟังเขากลับพูดออกมาได้ไม่มีติดขัด
“งั้นก็ขอบคุณครับ” เฉินเฟิงคร้านจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจ รับถุงนอนนั้นมาปูไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดที่ชายหนุ่มนั่งอยู่
“...” เพื่อนร่วมทีม
หมอนี่นิสัยเป็นแบบนี้เหรอ… ทำไมพวกเขาไม่เห็นรู้เลย
“ขอบคุณมากนะครับ” เฉินเฟิงโผล่หน้าออกมาจากถุงนอน ใบหูยาวกระดิกดุ๊กดิ๊ก กล่าวขอบคุณเจ้าของผืนผ้าอุ่น ๆ ผืนนี้
“...” นิโคลัสผู้เม้มปากสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ กว่าจะพูดออกมาได้สักคำ “ไม่เป็นไร” พร้อมใบหูแดง และเป็นเพราะความมืดจึงทำให้มีแค่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่าใบหูของตนนั้นร้อนลวกไม่ต่างจากแก้มเลย
ในขณะที่เฉินเฟิงกำลังพักผ่อนอยู่นั้น ทางด้านดาริณีและลูกชายเองก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปอย่างเปล่าประโยชน์ ในตอนกลางวันเมื่อชายหนุ่มเริ่มเดินทางลงจากเขา หญิงสาวก็เดินไปคว้าจอบมาขุดดินไม่ไกลจากบ้านต้นไม้นัก
ถึงจะเรียกว่าบ้านต้นไม้ ทว่ามันก็ไม่ได้ตั้งอยู่บนต้นไม้แต่อย่างใด เจ้าของบ้านทำเพียงแค่สร้างให้ตัวบ้านล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ดังนั้นจึงมีพื้นที่บางส่วนของบ้านถูกเว้นไว้ให้ต้นไม้เติบโต และคนในบ้านก็ใช้ประโยชน์จากตรงจุดนั้นไว้สำหรับตอกตะปูทำชั้นวางของประหนึ่งว่าเป็นของตกแต่งกลางบ้านก็ไม่ปาน
เพราะก่อนหน้านี้ชายหนุ่มอาศัยอยู่คนเดียว บ้านน้อยหลังนี้จึงมีเพียงห้องนอนและห้องเก็บของด้านข้างเท่านั้น ห้องปลดทุกข์ก็ใช้บริการธรรมชาติแทน
ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้หญิงสาวเกิดไอเดียอยากทำห้องสุขาขึ้นมา ไหน ๆ เธอก็มีพละกำลังมาก ระหว่างที่ชายหนุ่มไม่อยู่เธอจะสถาปนาตัวเองเป็นกรรมกรชั่วคราวก็แล้วกัน ส่วนห้องอาบน้ำก็แค่เดินไปที่น้ำตกก็พอแล้ว
ดาริณีเริ่มขุดบ่อเกรอะและบ่อซึมก่อนเป็นอย่างแรก แน่นอนว่าต้องขุดให้ห่างจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เธอวางแผนไว้ว่าตรงจุดนี้น่าจะสามารถนำไปเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างได้บ้าง ดังนั้นจึงคิดจะทำห้องสุขาสักสามห้องใกล้กับต้นไม้ใหญ่ ไม่ต้องขุดลึกมากเพราะเป็นแค่ห้องน้ำชั่วคราว พอคิดว่าน่าจะเพียงพอต่อต้นไม้แล้วก็เปลี่ยนไปใช้ห้องอื่น สลับวนเวียนกันไป ถ้าขุดบ่อเดียวสักวันคงเต็มและต้นไม้น่าจะดูดซึมไม่ทัน เน่าตายก่อนแน่ ๆ
เดินวนดูอยู่หลายรอบในที่สุดก็ได้บริเวณที่ถูกใจ ไม่นานก็ลงมือขุด ถ้าเจอรากต้นไม้ก็หลีกเลี่ยงไปขุดรอบ ๆ แทน ก็บอกแล้วนี่ว่าจะทำห้องสุขาแบบอนุรักษ์ธรรมชาติ
เด็กชายดลอาสาจะเป็นฝ่ายช่วยนำดินใส่กระป๋องไปเทไว้ข้างบ้าน เผื่อชายหนุ่มเจ้าของบ้านกลับมาจะทำแปลงผักเพิ่ม ก็ไม่ต้องออกไปขุดดินให้เหนื่อยอีก
สองแม่ลูกทำงานกันตั้งแต่เช้า ตกบ่ายก็พักผ่อนให้หายเหนื่อย ถึงมีกำลังกายมาก การพักผ่อนก็ยังจำเป็น ไม่อย่างนั้นถ้าเธอเกิดใช้พลังเกินลิมิตแล้วสลบไปเหมือนชายหนุ่ม ใครจะปกป้องลูกชายและบ้านหลังนี้ของพวกเธอกันล่ะ
สวบ ๆ
ดาริณียืนขึ้นระวังภัยทันทีเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวไม่ไกลจากตัวมากนัก เธอไม่ได้มีหูที่ดีอย่างเฉินเฟิง ดังนั้นจึงยิ่งระมัดระวังตัวอยู่เสมอ
เด็กชายดลเองก็รีบไปยืนอยู่ใกล้มารดาทันที
กรรรซ์
เสียงคำรามในลำคอมาพร้อมกับภาพหมูป่าตัวดำมะเมื่อม นัยน์ตามีสีแดงฉาน ขนาดตัวของมันไม่ต่างจากหมูป่าปกติ แต่เธอสัมผัสได้ว่าความดุร้ายน่าจะมีมากกว่าแบบปกติเป็นเท่าตัว
ดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นที่กลายพันธุ์แล้วสินะแบบนี้…
เฉินเฟิงที่ถูกผลัดเปลี่ยนเวรในตอนตีสามควรที่จะได้อยู่เวรยามคนเดียวจนถึงรุ่งเช้า แต่เขากลับมีชายหนุ่มผู้มีใบหูกลมเหมือนหมีนั่งอยู่เป็นเพื่อน
“คุณไม่นอนเหรอครับ” เจ้ากระต่ายขาวมีอาการสะลึมสะลือเล็กน้อย เขาถูกหงส์ปลุกให้มาเปลี่ยนเวรต่อจากเธอ การนอนในช่วงหัวค่ำไม่ได้ทำให้เขาตื่นเต็มตา แต่กว่าจะหลับลงได้นั้นก็ใช่เวลาไปนานโข เอาเข้าจริงเขาอาจจะผล็อยหลับไปตอนเที่ยงคืนก็เป็นได้ ในตอนนี้จึงรู้สึกปวดหัวมาก
“นอนพอแล้วล่ะ” นิโคลัสตอบ ร่างสูงนั่งเช็กอุปกรณ์ในกระเป๋าตนเองท่ามกลางแสงตะเกียงอันน้อยนิด... มองเห็นเหรอนั่น
“ครับ” เฉินเฟิงก็ไม่ได้อยากจะจ้องจับผิด จึงได้แต่เงยหน้ามองหลังคาโกดังไปพลาง ๆ เพราะไม่มีอะไรทำ มีเสียงซอมบี้เดินอยู่ด้านนอกบ้าง แต่ก็น้อยมาก
เวรยามรอบตีสามอยู่กันอย่างสงบ ไม่มีการพูดคุยเลยสักคำ ด้วยกลัวว่าจะทำให้คนที่นอนพักอยู่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก
เฉินเฟิงโยนผลต้อยติ่งไปตามจุดที่ผู้บุกรุกอยู่ ทำให้ทั้งนิโคลัสและชาล็อตต่างต้องหาที่หลบกันเป็นพัลวันเมื่ออานุภาพทำลายล้างของผลต้อยติ่งนั้นเป็นแบบสุ่ม ไม่สามารถจำกัดให้อยู่ในวงแคบได้ ส่วนผู้บุกรุกที่ไม่ได้รู้เรื่องถึงจะได้ยินสัญญาณให้หลบก็ไม่รู้อยู่ดีว่าควรหลบอะไรเมล็ดต้อยติ่งพุ่งเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายของผู้บุกรุกที่โชคร้ายหลบไม่พ้น แม้แต่อุปกรณ์ในห้องก็แตกกระจายไปบางส่วนหลังระเบิดต้อยติ่งสงบลง นิโคลัสก็พาตัวเองออกมาจากหลังตู้หนังสือ บนพื้นห้องมีกลุ่มคนปริศนานอนร้องโอดโอยอยู่เจ้ากระต่ายเห็นดังนั้นก็ออกไปเปิดประตูห้องให้ทหารที่รออยู่แล้วเข้าไปจับกุมคนเหล่านี้ไปสอบสวนกว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติก็ใช้เวลาไปมากกว่า 20 นาที สิงหาไม่กล้าออกจากที่ซ่อนเลย แม้จะมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือแล้วก็ตาม จนกระทั่งชาล็อตในร่างกระต่ายตัวเล็กใช้จมูกดุนดัน ยืนยันว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วถึงค่อยออกมา“ขอโทษนะครับ ผมทำห้องของคุณพังไปพอสมควรเลย” เฉินเฟิงรีบเอ่ยขอโทษ เขาไม่คิดว่าประสิทธิภาพของมันจะรุนแรงถึงเพียงนี้ผู้บุกรุกบางคนโดนแรงระเบิดของเมล็ดต้อยติ่งในระยะใกล้มาก ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลอ
“พวกเราได้ยินว่าที่นี่มีนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะอยู่ คุณอยากมาเข้าร่วมโครงการกับเราไหม พวกเราจะสร้างโลกใบใหม่ให้น่าอยู่ยิ่งกว่าเดิม โลกที่ธรรมชาติกลับมายิ่ง... แอ่ก!” ยังไม่ทันที่ชายปริศนาจะร่ายคำเชิญชวนสวยหรูจบก็ถูกชาล็อตที่ขยายร่างตะปบเข้าที่ซอกคอน็อกหลับไปกลางอากาศทั้งห้องเกิดเดตแอร์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เจ้ากระต่ายยักษ์จึงฉวยโอกาสนี้พุ่งเข้าใส่ผู้บุกรุกรายอื่นอย่างรวดเร็ว ไม่ปล่อยให้พวกมันเปิดฉากต่อสู้ก่อน ไม่อย่างนั้นตัวอย่างทดลองในห้องนี้คงถึงคราวป่นปี้แล้ว!“เกิดอะไรขึ้น!” คู่รักหมีกระต่ายพร้อมด้วยคนที่แฝงตัวเข้ามาในโรงพยาบาลของนายพลอธิรีบขึ้นมายังห้องทำงานส่วนตัวของสิงหาทันทีที่ได้ยินเสียงอึกทึกภายใน“มีผู้บุกรุกครับ ควันพวกนี้เป็นแก๊สยาสลบ” สิงหาได้ยินเสียงความช่วยเหลือก็รีบตะโกนเตือนเฉินเฟิงและนิโคลัสคว้าหน้ากากกันแก๊สของตนเองขึ้นมาสวม ส่วนคนของนายพลอธิที่แฝงตัวมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัย ย่อมไม่มีอุปกรณ์พร้อมรบติดตัว จึงได้แต่ทำการส่งวิทยุสื่อสารกลับไปที่กองบัญชาการเพื่อขอกำลังเสริมที่มีอุปกรณ์ครบครัน“นั่นชาล็อตเหรอ” เฉินเฟิงผลักประตูเข้าไปเห็นเงาดำวูบวาบในกลุ่มควัน พอมองดี ๆ จะเห
“แล้วทางด้านพลังรู้สึกว่ามีมากขึ้นแค่ไหนครับ” สิงหาปล่อยให้สองแม่ลูกหยอกล้อกันสักพักก่อนจะวกกลับเข้าคำถามสำคัญส่วนมากคนที่เลื่อนระดับแล้วจะมีพลังมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว หลังจากได้ทราบว่าอีกฝ่ายมีพลังในการสร้างบาเรียป้องกัน ก็มาร์กไว้ในใจเลยว่าคุณครูเมตตาแจ็กพอตได้รับวัคซีนผสมเชื้อจากอุกกาบาตนอกโลก“มีอาการอึดอัดในอกอีกหรือเปล่า”“ไม่อึดอัดแล้วจ้ะ แถมยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก ๆ คิดว่าน่าจะใช้พลังได้ดีกว่าเดิมด้วย” จากที่อยู่ได้ไม่กี่ชั่วโมง ในเวลานี้กลับรู้สึกว่าต่อให้เธอหลับไปพลังก็จะยังสามารถทำงานต่อไปได้“พลังของคุณครูคือบาเรียใช่ไหมครับ คุณครูเคยลองใช้พลังนอกเหนือจากการปล่อยออกมาป้องกันบ้างหรือเปล่าครับ” สิงหาเริ่มการซักถามเท่าที่จะจินตนาการได้ เพราะสำหรับคนที่อยู่กับวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน พลังพิเศษที่มนุษย์ในปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลายค่อนข้างจะอยู่เหนือสามัญสำนึกที่เขาคุ้นเคยอย่างมาก“ยังไม่เคยเลยจ้ะ” นอกจากกางบาเรียป้องกันคลุมรอบสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอก็ไม่เคยลองใช้พลังในรูปแบบอื่นเลย“บาเรียสามารถใช้ทำอย่างอื่นได้ด้วยเหรอครับ” โจเซฟเองก็ข้องใจ“ตอนเด็ก
สองสัปดาห์ต่อมา“อือ…” บนเตียงผู้ป่วยที่ไร้การตอบสนองมานานกว่าหนึ่งเดือน ในที่สุดเปลือกตาสีไข่ของคุณครูเมตตาก็ขยับยุกยิก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ลำคอเปล่งเสียงอืออาไม่เป็นคำราวกับลูกเจี๊ยบกำลังหาหนทางกะเทาะเปลือกออกมาเผชิญกับโลกกว้าง“คุณแม่ครับ” โจเซฟลุกจากที่นั่งกดกริ่งข้างเตียงเรียกสิงหาทันที ชายหนุ่มจับมือคุณแม่ไว้แน่น ถ่ายทอดความอบอุ่นให้คนที่ยังไม่ฟื้นสติดีรับรู้ว่ายังมีคนเฝ้ารออยู่ตรงนี้ ขอแค่ลืมตาขึ้นมาก็จะได้เจอ“คุณครูเมตตามีอาการผิดปกติเหรอครับ” หลังได้รับสัญญาณสิงหาก็รีบวิ่งขึ้นมาจากห้องทำงาน“ผมคิดว่าท่านกำลังจะฟื้นแล้วครับ” ใช้เวลาไปหนึ่งเดือนพอดิบพอดี“โอ้ ๆ ๆ” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะรีบหมุนตัวกลับไปหยิบของจำเป็นในห้องแล้วค่อยกลับขึ้นมาใหม่คล้อยหลังสิงหาไม่ถึงนาที เปลือกตาที่ขยับอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้เวลาเผยอเปิดขึ้น ก่อนจะหลับลงไปใหม่เมื่อต่อสู้กับแสงสว่างที่สะท้อนเข้ามาไม่ไหว“หลับตาก่อนครับ เดี๋ยวปวดหัว” โจเซฟหันไปรินน้ำอุ่นข้างโต๊ะรอ“โจเซฟ... เหรอ” คุณครูเมตตาเปล่งเสียงแหบแห้งออกไป เมื่อครู่เธอลืมตาเร็วเกินไปทำให้ในเวลานี้ปวดหัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ทันเห็นว่ามีใครบางคนย
โจเซฟเล่าทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในห้องประชุมอย่างไม่มีตกหล่นสักประโยค ยิ่งเล่านานเท่าไร ปากของแต่ละคนก็อ้ากว้างมากเท่านั้น และไม่นานก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ หลายคนในห้องต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากโรคระบาด หนึ่งในนั้นก็คือเฉินเฟิงที่เสียบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองไปอย่างไม่มีวันกลับอดีตผู้ช่วยเชฟเม้มปากน้ำตาคลอเขาไม่ได้เสียใจหรือหวาดกลัวการกระทำต่ำช้าของกลุ่มคนที่คิดว่าตนเองเป็นพระเจ้าเหล่านั้น แต่เขาโกรธจนไม่รู้ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร ภายในใจมันเจ็บหนึบ อึดอัดไปทั้งอก จนต้องอ้าปากรับอากาศเข้าปอดเพราะเผลอกลั้นลมหายใจโดยไม่รู้ตัว“ใจเย็น ๆ นะอาเฟิง” นิโคลัสลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจคนรัก เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายบอกว่าเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ครั้งเกิดโรคระบาดใหญ่นานแล้ว“ผมสาบานเลยว่าถ้าเจอคนพวกนั้น… ผมจะฆ่ามัน!” จะต้องฆ่ามันให้ได้!!“ได้ ๆ พี่จะช่วยอาเฟิงเอง” หากคนรักของตนอยากได้ศีรษะพวกมัน เขาก็พร้อมจะออกตามล่าตัวมาให้ หรือถ้าอยากจับแล่เนื้อเถือหนังก็จะยื่นมืดให้แต่โดยดี ไม่คิดห้ามปรามแม้สักครึ่งคำ“เป็นเพราะพวกมัน… ป๊ากับแม่ก็คงไม่ ฮึก” อดีตผู้ช่วยเชฟหลุดสะอื้น เพียงแค่จินตนาการว่าหากไม่มีโรคระบาด
“โชคดีนะครับที่พวกเราสร้างทางเชื่อมไว้ก่อนแล้ว” แม้ว่าต้นไม้ที่เขาปลูกไว้บดบังเส้นทางจะล้มตายไปบ้างจากฤดูหนาว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ตายแต่ก็ยังสามารถยืนต้นได้ กลายเป็นป่าขนาดย่อมที่ยังช่วยบดบังเส้นทางแลกเปลี่ยนของสามหมู่บ้านไว้ได้อย่างดี“ทีโอบอกว่าพี่พิมพาสร้างหลุมหลบภัยให้กับทั้งสามหมู่บ้านเสร็จก่อนพายุหิมะจะพัดถล่ม นอกจากบ้านเรือนที่เสียหายแล้วก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จะมีก็แต่คนที่ทนความหนาวไม่ไหวจนเสียชีวิตเท่านั้น” คุณยายร้านขายของชำเองก็ยังมีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้คุณตาหมอยาประจำหมู่บ้านยังแจกจ่ายสมุนไพรไล่หนาวให้กับสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตอย่างไม่หวงแหน ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นพอจะออกมาทำงานได้ในตอนกลางวัน“ธรรมชาติคัดสรรสินะครับ” เฉินเฟิงจำต้องใช้คำนี้มาเอ่ยปลอบตนเอง การเสียชีวิตของคนในสมาพันธ์ผู้รอดชีวิตไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายนัก ด้วยสภาพอากาศประเทศ T แต่เดิมก็ไม่เคยอุณหภูมิต่ำติดลบทั้งประเทศแบบนี้มาก่อน ย่อมมีคนที่ปรับตัวไม่ได้เป็นปกติเขายังโชคดีที่ตื่นขึ้นมาก็กลายพันธุ์พร้อมกับมีพลังพิเศษจึงมีความแข็งแกร่งมากกว่าแต่ก่อน หากเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคงยากที่จะมีชีวิตรอดมาจนถึงวัน