“อาจจะเป็นพวกคนที่ไอ้จระเข้นั่นรายงานหรือเปล่า” ชายคนหนึ่งนึกถึงหัวข้อสนทนาช่วงรายงานสถานการณ์ประจำวันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา“เป็นไปได้” มันเองก็คิดว่าคงเป็นเจ้าพวกนั้นแน่ ๆ “เสือกนักนะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว ไปที่คลังเก็บของเดี๋ยวนี้ พวกมันต้องไปช่วยอีตัวพวกนั้นแน่” วันสิ้นโลกไม่เคยขาดแคลนพวกคนดีมีหรือจะทนเห็นคนทุกข์ยากได้พอดีเลย… เขากำลังเบื่อพวกผู้หญิงในสต๊อกอยู่พอดี มีของใหม่มาเติมให้กระชุ่มกระชวยเสียที“นายท่าน ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมถึงมีน้ำท่วมไปถึงบ้านของผมได้” แต่ก่อนที่กันจะได้เดินทางตรงไปยังคลังเก็บอาหารและคู่นอน พวกชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงคงได้รับผลกระทบจากที่อยู่ ๆ ก็มีน้ำไหลนองเต็มไปหมดก็ตรงเข้ามาถาม“ใช่ค่ะ บ้านอิฉันเป็นแค่กล่องลังกระดาษ พอโดนน้ำก็เปื่อยยุ่ยหมดเลย ลูกชายอิฉันจ่ายค่ากินอยู่ทุกเดือน ทางคุณจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง” หญิงวัยกลางคนประสานมือต่อว่าเจ้าของค่ายเสียงเบา หล่อนกับลูกชายเคยมีบ้านอาศัยอยู่แถวนี้ วันดีคืนดีโลกก็เข้าสู่ยุคโลกาวินาศ จากที่เคยมีบ้านให้ซุกหัวนอนก็ถูกขับไล่ออกมาเพราะพวกมันจะยึดที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่
“ดื้อนักเหรอ!” หนึ่งในลูกน้องของกันกระชากเส้นผมสีขาวให้อีกฝ่ายเงยหน้าสบตากับหัวหน้าอีกครั้ง หลังถูกอัดจนหมอบไปกับพื้นชายชราผู้กล้าหาญข่มความเจ็บปวด หลับตาแน่น หัวคิ้วขมวดชนกัน ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั่วร่าง แต่แม้จะเจ็บหนักก็ไม่หลุดเสียงร้องออกไปยอมกักเก็บไว้ในลำคอ ให้ตายก็ไม่ร้องออกมาให้พวกเดรัจฉานได้ยินกลุ่มคนรอบด้านที่ถูกจ้างมาด้วยสินบนบิสกิตเช่นกันต่างก็ก้มหน้าหลบสายตา ไม่ให้เผลอไปสบเข้ากับนัยน์ตาที่สามารถทำให้พวกเขาสารภาพทุกอย่างในใจออกมา แต่ยิ่งก้มหน้าไม่สบตาก็เห็นภาพชายชราถูกเตะถูกต่อยชัดเจนยิ่งขึ้นกรอด…ก่อนหน้านี้ชายชราเฝ้าอ้อนวอนขอร้องพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างบนสากลโลก ขอให้วันเฮงซวยที่เผชิญอยู่นี้สิ้นสุดลงเสียที ที่ต้องเฝ้าสวดอ้อนวอนเพราะลำพังกำลังที่มีนั้นน้อยนิดเกินกว่าจะต่อกรกับใครไหว เมื่อต้องจนกับปัญหาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ความอ่อนแอก็เข้ามากัดกินจิตใจยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยหน้าต่อสู้กับความอยุติธรรมแต่ครั้งนี้ไม่ใช่มีคนใจดีหยิบยื่นแสงสว่างมาให้แล้ว พวกเขามีแต่ต้องเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น ต้องเข้มแข็งขึ้นให้มากพอที่จะขจัดความหวาดกลัว ความอ่อนแอในจิตใจ เพ
“...” ชายที่เสนอตัวนิ่งเงียบไป เห็นรอยยิ้มของหัวหน้าก็มั่นใจแล้วว่าเจ้าตัวคงมีไพ่สักใบซ่อนเอาไว้ไพ่ที่พวกมันไม่เคยล่วงรู้ว่ามี…“พวกมึงจับไอ้พวกชาวบ้านสมควรตายพวกนี้ไปขังที่เตาเผาขยะ กูจะชำระความพรุ่งนี้เช้า” สถานที่ซึ่งเคยเป็นเตาไฟฟ้าใช้เผาขยะจากห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะ มาเวลานี้ไม่มีไฟฟ้าที่มีกำลังสูงพอ จึงถูกกันนำมาดัดแปลงเป็นห้องตัดสินโทษของคนที่คิดกระด้างกระเดื่อง“ถ้าใครหาผู้บุกรุกเจอ กูจะให้รางวัลอย่างงาม” กันนำของรางวัลออกมาหลอกล่อลูกน้อง มันเริ่มไม่อยากอยู่ในที่โล่งกว้างแล้ว เวลานี้ถึงจะมีกำแพงมนุษย์ให้ใช้ได้หลายคน แต่การอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งก็อันตรายเกินไป เกิดอีกฝ่ายมีปืนหรืออาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง มันคงไม่พ้นชะตาขาดในคืนนี้“ใครก็ได้ไปดูเครื่องสำรองไฟด้วย” หันไปสั่งลูกน้องคนอื่นพร้อมกับเดินแยกจากไปพวกชาวบ้านที่ยังถูกคุมตัวอยู่ในบริเวณนั้นต่างลอบสบตากันอย่างตื่นตระหนก ที่คลังสต๊อกสินค้ายังมีเวรยามที่พวกเขาไม่รู้อีกเหรอ!แย่แล้ว!ทำยังไงดี! พวกเขาจะไปเตือนคนกลุ่มนั้นยังไงดี!ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหงส์มองผลงานของตัวเองอย่างมีความสุข เครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ในห้างสรรพสิน
ไม่แน่ใจว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจะสามารถใช้บรรยายความซวยของมนุษยชาติในเวลานี้ได้หรือเปล่าล้วนไม่มีใครรู้ เมื่อรู้ตัวอีกทีหลายพื้นที่บนโลกก็ไม่ต่างจากภาพยนตร์วันสิ้นโลกที่เคยโด่งดังเรื่องหนึ่งมันเริ่มจากโรคติดต่อร้ายแรงที่มีการแพร่กระจายจากคนสู่คน ทำได้เพียงรักษาไปตามอาการจนเชื้อในร่างกายตายหมดเท่านั้น ซึ่งผ่านมาเกือบสองปีก็ยังไม่มีประเทศไหนคิดค้นวัคซีนที่จะทำให้หายขาดหรือป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้เลยนานวันเข้าก็เริ่มมีผู้คนล้มตายมากขึ้น จากประชากรเกือบ 5 พันล้านคนทั่วโลก ถูกประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1 ใน 5หลายครัวเรือนเริ่มกักตุนอาหาร ร้านขายของชำปิดให้บริการ ราคาอาหารแห้งแพงยิ่งกว่าทอง นี่เป็นสิ่งที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญไม่มีใครหลีกเลี่ยงแต่แค่นั้นมันยังน้อยเกินไปวันที่ xx เดือน xx ค.ศ. xxxxองค์การ xx ระบุว่ามีอุกกาบาตขนาดใหญ่กำลังจะพุ่งชนมายังโลก ซึ่งแน่นอนว่ามันจะสร้างความเสียหายไม่ต่างจากหลายล้านปีก่อนที่เป็นเหตุให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ยังดีที่เทคโนโลยีในปัจจุบันพัฒนาไปมาก มนุษย์รู้ตัวเร็วทำให้พอมีเวลาหาหนทางกำจัดภัยร้ายนี้ได้ก่อนมาถึงโลก แต่ใครจะรู้ว่าอาวุธที่ร้ายแรงที
เฉินเฟิงนั่งปรับระดับลมหายใจอยู่ที่เดิมจนกระทั่งได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านนอกจึงรีบลนลานหอบถุงใส่อาหารกลับเข้าไปในบ้าน จัดการปิดประตูหน้าต่าง ขนเฟอร์นิเจอร์ใกล้มือที่คิดว่ามีน้ำหนักมาปิดทางเข้าออกทั้งหมดเสียงกรีดร้องผสมเสียงขอความช่วยเหลือดังระงมอยู่ค่อนคืน ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นปิดหูตนแล้วขดตัวอยู่ใต้โต๊ะติดกำแพงร่างโปร่งสั่นระริกทุกครั้งยามที่มีคนเขย่าประตูเหล็กหน้าบ้าน นัยน์ตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาจากความหวาดกลัวและละอายใจทำไมเขาไม่เตือนคนอื่นยิ่งเสียงกรีดร้องดังมากเท่าไร ภายในจิตใจเฉินเฟิงยิ่งปวดร้าวมากเท่านั้นขี้ขลาด!แกมันขี้ขลาดเห็นแก่ตัว“พี่เฟิงช่วยผมด้วย” เสียงเล็กคุ้นหูหน้าบ้านเรียกสติให้ชายหนุ่มผลุนผลันคลานออกมาจากใต้โต๊ะ รีบกวาดสิ่งของที่ขวางประตูอยู่ให้เปิดออกทันเห็นเด็กชายกับแม่ของอีกฝ่ายกำลังเกาะรั้วเหล็กหน้าบ้านพลางหันซ้ายหันขวา“น้องดล” เฉินเฟิงเรียกเด็กชายเสียงเบา สภาพของเด็กข้างบ้านแทบไม่มีส่วนไหนเรียกว่าชิ้นดี ผมเผ้าพองฟู เสื้อผ้ามอมแมมผสมคราบดินและคราบเลือดจนหาสีเสื้อเดิมไม่เจอ“อาเฟิง ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย” ดาริณีมีหนึ่งกำรั้วเหล็ก อีกมือก็ดึงลูกชายมากอ
ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงเอ็ดลูกชายไปแล้วที่นอนดึก แต่ภาพเหตุการณ์ในวันนี้ไม่ทำให้สติแตกจนฟั่นเฟือนก็เรียกว่าดีมากแล้วสำหรับเด็กเด็กชายดลนับว่าเป็นหัวโจกกลุ่มเด็กในหมู่บ้านคนหนึ่ง เขามักนำตัวเองเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเด็กทโมนพาเพื่อนไปเล่นสุ่มเสี่ยง ตรงไหนที่ผู้ใหญ่ห้ามหรือดุก็จะแอบพากันไปจนรู้แน่ชัดว่าห้ามเพราะอะไรก็จะหยุดเอง ตอนที่ยายล้มลงแล้วลุกขึ้นมากัดตา ณ ตอนนั้นเด็กชายดลเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ไม่ปกติ คนตรงหน้าไม่ใช่ยายของเขาอีกต่อไปเด็กตัวเล็กคนหนึ่งรีบพาแม่ออกจากบ้าน ดาริณีวิ่งตามลูกชายมาอย่างงุนงงในตอนแรกเพราะช็อกกับสภาพที่พ่อถูกแม่กัดเลือดท่วมตัว ไหนจะคนในหมู่บ้านบางคนที่มีลักษณะเหมือนแม่ของเธอ ทั้งสองคนจึงได้แต่วิ่งฝ่าความมืดหวังไปขอพึ่งพิงบ้านสามี ได้แต่โทษตัวเองว่าคืนนี้เธอไม่น่าขอบ้านนั้นพาลูกมานอนที่นี่เลย จะได้ไม่ต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ใครจะคาดคิดว่าแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ เธอกลับถูกขับไล่เพราะอีกฝ่ายเห็นว่ามีฝูงตัวอะไรบางอย่างกำลังคืบคลานมาหาเธอและลูก พวกเขาเขวี้ยงปาสิ่งของจากชั้นบนของบ้านเธอได้แต่เหลียวหลังไปดูคนในหมู่บ้านที่เปลี่ยนสภาพไม่ต่างจากแม่ที่กัดพ่อก็
“ก็ใช่น่ะสิ เอาล่ะ ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพี่ไปทำกับข้าวให้” ดาริณีลุกเดินเข้าครัว มุมปากยกยิ้มสนุก...รอให้เจ้าตัวเห็นเองจะดีกว่าเฉินเฟิงไม่ทันเห็นรอยยิ้มประหลาดของพี่สาวข้างบ้านจึงเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเอง คว้าเสื้อผ้าในตู้แล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำ แต่พอจะถอดเสื้อผ้าออกจากหัวกลับรู้สึกว่าส่วนคอเสื้อไปเกี่ยวอะไรสักอย่างบนศีรษะอะไร?ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับ“?!!”ตึง ๆ“แม่ พี่เฟิงต้องเห็นแล้วแน่เลย” เสียงดังตึงตังออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่ม“พี่เขาคงตกใจน่ะ ตอนเราเห็นครั้งแรกก็ตกใจเนอะ” หญิงสาวยิ้มขัน เชื่อว่าเจ้าตัวคงตกใจจนช็อกไปแล้วไม่ผิดจากที่ดาริณีพูด เฉินเฟิงตกใจมากจริง ๆ ถึงกับต้องวิ่งไปเกาะกระจกเพื่อดูไอ้สิ่งที่มันติดอยู่บนหัวเขา!ใช่! บนหัวเขามีบางอย่างโผล่ขึ้นมาไม่ใช่มีแค่เส้นผมเพียงอย่างเดียว“เฮ้ย” แล้วทำไมผมของเขากลายเป็นสีขาว!“นี่มันอะไรกันวะ!” ไหนจะดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ที่เตะตาเขาตั้งแต่แรกเห็นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปมีตั้งแต่เกิด เพราะบนศีรษะของเขากลับมีบางสิ่งบางอย่างงอกขึ้นมาเพิ่ม นั่นคือหูยาวสีขาวเหมือนกระต่ายต่างหากที่ทำให้เขาอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกใช่แล้วมันคือ หู
“แล้วอย่างนี้พี่จะมีพลังหรือเปล่าครับ” เปลี่ยนร่างได้แล้วก็ต้องมีพลังสิ เด็กชายดลมองด้วยดวงตาคาดหวัง เหมือนตัวการ์ตูนที่เขาเคยดู“พลังเหรอ” ชายหนุ่มทวนจะใช่ความรู้สึกว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างตอนตื่นขึ้นมาหรือเปล่า? ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าออกไปด้านนอกบ้าน หลังจากกินอาหารเช้าแล้วไม่รู้จะทำอะไรเขาได้พูดคุยกับดาริณีเรื่องอาหารที่เก็บไว้ว่าควรนำเนื้อหมูออกมาแปรรูปให้สามารถเก็บไว้กินได้นานกว่านี้ หากเหตุการณ์ไม่กลับมาสงบได้ในเร็ววัน พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอดอยากเขาจำได้ว่าตัวเองตีล้อมรั้วบ้านไปจนสุดแปลงผักเป็นเนื้อที่เกือบ 2 ไร่ แถมก่อนเกิดเหตุการณ์ประหลาดแบบนี้เขาก็เพิ่งจะพรวนดินหว่านเมล็ดไปได้ไม่นาน อีกทั้งช่วงที่เขาหมดสติไป ดาริณีก็เป็นคนรับหน้าที่รดน้ำต้นไม้ตลอด พวกมันจึงยังอยู่รอดปลอดภัย เฉินเฟิงกำชับให้สองแม่ลูกอยู่ในบ้านไปก่อน เขาจะออกไปดูความปลอดภัยด้านนอก สองมือชายหนุ่มกำขวานในมือแน่น ความตื่นกลัวพาลให้หูกระต่ายตั้งชันและรับรู้เสียงได้มากขึ้น เมื่อลองเพ่งสมาธิก็พบว่าสามารถได้ยินไกลไปเกือบ 2 กิโลเมตรนอกจากเสียงบ้านข้างเรือนเคียงที่อยู่ห่
“...” ชายที่เสนอตัวนิ่งเงียบไป เห็นรอยยิ้มของหัวหน้าก็มั่นใจแล้วว่าเจ้าตัวคงมีไพ่สักใบซ่อนเอาไว้ไพ่ที่พวกมันไม่เคยล่วงรู้ว่ามี…“พวกมึงจับไอ้พวกชาวบ้านสมควรตายพวกนี้ไปขังที่เตาเผาขยะ กูจะชำระความพรุ่งนี้เช้า” สถานที่ซึ่งเคยเป็นเตาไฟฟ้าใช้เผาขยะจากห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะ มาเวลานี้ไม่มีไฟฟ้าที่มีกำลังสูงพอ จึงถูกกันนำมาดัดแปลงเป็นห้องตัดสินโทษของคนที่คิดกระด้างกระเดื่อง“ถ้าใครหาผู้บุกรุกเจอ กูจะให้รางวัลอย่างงาม” กันนำของรางวัลออกมาหลอกล่อลูกน้อง มันเริ่มไม่อยากอยู่ในที่โล่งกว้างแล้ว เวลานี้ถึงจะมีกำแพงมนุษย์ให้ใช้ได้หลายคน แต่การอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งก็อันตรายเกินไป เกิดอีกฝ่ายมีปืนหรืออาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างรุนแรง มันคงไม่พ้นชะตาขาดในคืนนี้“ใครก็ได้ไปดูเครื่องสำรองไฟด้วย” หันไปสั่งลูกน้องคนอื่นพร้อมกับเดินแยกจากไปพวกชาวบ้านที่ยังถูกคุมตัวอยู่ในบริเวณนั้นต่างลอบสบตากันอย่างตื่นตระหนก ที่คลังสต๊อกสินค้ายังมีเวรยามที่พวกเขาไม่รู้อีกเหรอ!แย่แล้ว!ทำยังไงดี! พวกเขาจะไปเตือนคนกลุ่มนั้นยังไงดี!ก่อนหน้านี้ไม่นานนักหงส์มองผลงานของตัวเองอย่างมีความสุข เครื่องสำรองไฟขนาดใหญ่ในห้างสรรพสิน
“ดื้อนักเหรอ!” หนึ่งในลูกน้องของกันกระชากเส้นผมสีขาวให้อีกฝ่ายเงยหน้าสบตากับหัวหน้าอีกครั้ง หลังถูกอัดจนหมอบไปกับพื้นชายชราผู้กล้าหาญข่มความเจ็บปวด หลับตาแน่น หัวคิ้วขมวดชนกัน ความเจ็บปวดแล่นปลาบไปทั่วร่าง แต่แม้จะเจ็บหนักก็ไม่หลุดเสียงร้องออกไปยอมกักเก็บไว้ในลำคอ ให้ตายก็ไม่ร้องออกมาให้พวกเดรัจฉานได้ยินกลุ่มคนรอบด้านที่ถูกจ้างมาด้วยสินบนบิสกิตเช่นกันต่างก็ก้มหน้าหลบสายตา ไม่ให้เผลอไปสบเข้ากับนัยน์ตาที่สามารถทำให้พวกเขาสารภาพทุกอย่างในใจออกมา แต่ยิ่งก้มหน้าไม่สบตาก็เห็นภาพชายชราถูกเตะถูกต่อยชัดเจนยิ่งขึ้นกรอด…ก่อนหน้านี้ชายชราเฝ้าอ้อนวอนขอร้องพระผู้เป็นเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างบนสากลโลก ขอให้วันเฮงซวยที่เผชิญอยู่นี้สิ้นสุดลงเสียที ที่ต้องเฝ้าสวดอ้อนวอนเพราะลำพังกำลังที่มีนั้นน้อยนิดเกินกว่าจะต่อกรกับใครไหว เมื่อต้องจนกับปัญหาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ความอ่อนแอก็เข้ามากัดกินจิตใจยิ่งทำให้ไม่กล้าเงยหน้าต่อสู้กับความอยุติธรรมแต่ครั้งนี้ไม่ใช่มีคนใจดีหยิบยื่นแสงสว่างมาให้แล้ว พวกเขามีแต่ต้องเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น ต้องเข้มแข็งขึ้นให้มากพอที่จะขจัดความหวาดกลัว ความอ่อนแอในจิตใจ เพ
“อาจจะเป็นพวกคนที่ไอ้จระเข้นั่นรายงานหรือเปล่า” ชายคนหนึ่งนึกถึงหัวข้อสนทนาช่วงรายงานสถานการณ์ประจำวันเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา“เป็นไปได้” มันเองก็คิดว่าคงเป็นเจ้าพวกนั้นแน่ ๆ “เสือกนักนะ”“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว ไปที่คลังเก็บของเดี๋ยวนี้ พวกมันต้องไปช่วยอีตัวพวกนั้นแน่” วันสิ้นโลกไม่เคยขาดแคลนพวกคนดีมีหรือจะทนเห็นคนทุกข์ยากได้พอดีเลย… เขากำลังเบื่อพวกผู้หญิงในสต๊อกอยู่พอดี มีของใหม่มาเติมให้กระชุ่มกระชวยเสียที“นายท่าน ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ทำไมถึงมีน้ำท่วมไปถึงบ้านของผมได้” แต่ก่อนที่กันจะได้เดินทางตรงไปยังคลังเก็บอาหารและคู่นอน พวกชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงคงได้รับผลกระทบจากที่อยู่ ๆ ก็มีน้ำไหลนองเต็มไปหมดก็ตรงเข้ามาถาม“ใช่ค่ะ บ้านอิฉันเป็นแค่กล่องลังกระดาษ พอโดนน้ำก็เปื่อยยุ่ยหมดเลย ลูกชายอิฉันจ่ายค่ากินอยู่ทุกเดือน ทางคุณจะรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นยังไง” หญิงวัยกลางคนประสานมือต่อว่าเจ้าของค่ายเสียงเบา หล่อนกับลูกชายเคยมีบ้านอาศัยอยู่แถวนี้ วันดีคืนดีโลกก็เข้าสู่ยุคโลกาวินาศ จากที่เคยมีบ้านให้ซุกหัวนอนก็ถูกขับไล่ออกมาเพราะพวกมันจะยึดที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่
ตุ่นวิ่งตามกลิ่นที่คนรักทิ้งไว้ไปจนถึงจุดที่โจเซฟรออยู่แล้ว สูดจมูกจนไปใกล้จุดที่หัวหน้าซ่อนตัวอยู่ จากนั้นก็เคาะพื้นเป็นจังหวะที่รู้เพียงพวกเขาเท่านั้นเพื่อยืนยันตัวตน“พามาแล้วครับ”“ปลอดภัยกันดีนะ” ชายหนุ่มมองมาที่ดาริณีเป็นคนแรก พิมพากับตุ่นแลกเปลี่ยนสายตาอย่างรู้กัน คันปากอยากแซวแต่สถานการณ์ไม่สมควรให้พูดเล่นสักเท่าไรนัก แซวในใจไปก่อนแล้วกัน“ค่ะ” ดาริณีพยักหน้าพลางหมุนตัวให้ชายหนุ่มดู รู้ว่าการมาของตนในครั้งนี้คงทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างเป็นกังวลมากโจเซฟเห็นดาริณีไม่มีบาดแผลก็โล่งใจ ค่อยเลื่อนสายตาไปมองที่ตุ่นและพิมพาเป็นลำดับต่อมาเมินสายตาล้อเลียนของทั้งคู่ จากนั้นก็เริ่มแจกแจงหน้าที่ที่แต่ละคนจะต้องทำนอกจากแท็งก์น้ำที่ถูกเจาะรูให้น้ำไหลออกมาหมด ก็มีแปลงผักที่ถูกพลิกหน้าดิน กลับหัวกลับหางจนไม่เหลือผักใบเขียวให้เห็นอีก มีแต่ร่องดินสีน้ำตาลเท่านั้น…อย่างหลังน่าจะยังไม่มีใครสังเกตเห็น คงต้องรอให้พระอาทิตย์ตอกบัตรทำงานนั่นแหละ“ป่านนี้พวกมันคงหัวเสียกันน่าดู” พิมพายิ้มเยาะ สะใจกับความฉิบหายของคนเลวยิ่งนัก“หัวหน้าต้องได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดของมัน ขำเป็นบ้า” ตุ่นผู้ได้ยินเสียงชัดเจนที่
หงส์กัดริมฝีปาก ภาพที่เห็นสร้างความสะเทือนใจให้กับเธอเป็นอย่างมาก เธอต้องพยายามข่มใจไม่เปิดตะแกรงเหล็กลงไปยกหญิงสาวคนนั้นขึ้นมากอดปลอบ พร่ำบอกว่าไม่เป็นไรแล้วนะ พวกเรามาช่วยคุณแล้วขอร้องล่ะ… อย่าเพิ่งแตกสลายเลย‘ไอ้พวกเวร!’ หญิงสาวค่อย ๆ คลานถอยหลัง พยายามหลับตาไม่มองสบกับนัยน์ตาอ้อนวอนคู่่นั้น เธอต้องนิ่งเข้าไว้ ถ้าทำอะไรพลการลงไป แผนที่วางมามีหวังล่มไม่เป็นท่าแน่นอนจากนั้นก็ไม่สามารถช่วยใครได้เลย…ไม่คิดว่าค่ายราวกับนรกบนดินแห่งนี้จะอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทั้งที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตรก็มีหมู่บ้านแสนสงบสุขที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจฟันฝ่ามีกินมีใช้ไม่ขัดสน เทียบกันแล้วเธอและเขาเหล่านี้กับต้องทนกับการทรมาทรกรรมจากสิ่งมีชีวิตสปีชีส์เดียวกัน ไม่ให้ความช่วยเหลือก็แล้วไปเถอะ…ทำไมต้องทำร้ายกันด้วยค่ายแห่งนี้โหดร้ายอย่างกับไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์เหมือนกัน ถึงบ้านเมืองจะไม่มีขื่อมีแป เป็นคนเดียวก็ว่าแย่ แต่นี่ทั้งค่ายต่างรับรู้การกระทำเลวทรามต่ำช้าและช่วยสนับสนุนโดยไม่สนว่าผู้คนในห้องเหล่านั้นจะรู้สึกเช่นไรที่ความเป็นมนุษย์ของตนถูกลิดรอนไปโดยน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองแม้จะมีความโกรธ
“สงสัยเจอกุ๊กกู๋ว่ะ” ชายคนหนึ่งหัวเราะขึ้นเมื่อเสียงเพื่อนร่วมเวรเงียบไป “หรือไม่ใช่วะ” พร้อมกับลางสังหรณ์บางอย่างที่พาให้ขนคอลุกชันฉึบแต่ยังไม่ทันที่จะเปิดปากบอกเล่าความสงสัย ตัวมันก็คล้ายกับถูกกระแสลมวูบหนึ่งพัดผ่านแถวลำคอ พอจะอ้าปากพูดกลับไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทั้งความเจ็บที่ไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน แรงดึงรั้งบริเวณคอเสื้อทำให้มันมั่นใจว่าตอนนี้คงถูกผู้บุกรุกเล่นงานแล้วต้องเตือนเพื่อน!ต้องเตือน…ฝ่ามือหนายกขึ้นหมายจะไขว่คว้าใครสักคนท่ามกลางความมืด แต่ก็สายไปเสียแล้ว…ร่างไร้วิญญาณถูกวางลงบนพื้นอย่างเบามือ อย่างที่เจ้าของร่างไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนไม่สามารถลุกขึ้นมาพูดคุยกับเพื่อนได้อีกเป็นครั้งที่สอง“พวกมึงแม่งทำไมเงียบไปวะ” มนุษย์หมูเริ่มเอะใจ ฝ่ามือหยาบกร้านกระชับกระบองเหล็กในมือพลางกวาดมันไปมาท่ามกลางความมืด เกิดเสียงขวับ ๆ จากการหวดลม“ช่วย...! อ่อก!” มนุษย์หมูเตรียมจะตะโกนเรียกเพื่อนที่อยู่เวรไม่ไกลกันให้มาตรวจสอบความผิดปกตินี้ แต่ทันทีที่อ้าปากก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างเมื่อตนเองกลืนน้ำเข้าไปอึกใหญ่ทั้งทางปากและจมูก “อุก... อ่อก”โจเซฟฉวยโอกาสที่มนุษย์หมูกำลังตกใจกับลูกบอ
“ดีที่เป็นแค่คนชั่วธรรมดาด้วย” โจเซฟมองออกว่าคนพวกนี้แต่เดิมถ้าไม่ใช่พวกอันธพาลหน้าปากซอย ก็น่าจะเป็นคนทั่วไปที่เบนเข็มมาทำชั่ว ถ้ามีใครสักคนในนี้เป็นทหารหรือตำรวจ การฆ่าคนเหล่านี้อาจไม่ง่ายดายนัก“ข้างหน้าน่าจะเป็นคลังเก็บเสบียง” หญิงสาวสัมผัสได้ว่าบริเวณนั้นมีเวรยามมากกว่าจุดที่ผ่านมาเกือบเท่าตัว และมีกลิ่นเย็น ๆ ของเครื่องปรับอากาศลอยมาปะทะจมูกเป็นระยะ“กี่คน”“คร่าว ๆ น่าจะประมาณ 7 คน” มีคนอู้หลับ 2 หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่รอเข้ากะในเวรยามช่วงต่อไป“ห่างจากห้องเก็บสินค้าที่ได้ยินเสียงร้องไห้มากไหม”“ไม่ไกลกันเลยค่ะ” จะบอกว่าอยู่ข้างกันเลยก็ได้“ใช้คนเยอะเฝ้าสองอย่างเลยสินะ” โจเซฟกุมคางครุ่นคิด “มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบ้างหรือยัง”“เท่าที่ฟังจากเสียงฝีเท้ากับเสียงพูดคุยประปราย เหมือนจะยังไม่รู้ว่าเราบุกเข้ามา” หงส์กระซิบเสียงเบา“งั้นก็ดี” ชายหนุ่มมองหลอดไฟพลังงานแสงอาทิตย์ตามจุดสำคัญต่าง ๆนับว่าหัวหน้าค่ายแห่งนี้ใช้จ่ายกระแสไฟฟ้าที่หาได้ยากอย่างฟุ่มเฟือยมาก นอกจากจะไม่เก็บสำรองไว้ใช้ในยามจำเป็นแล้ว ในตอนกลางคืนก็ยังคงเปิดไฟไว้โดยไม่คิดเลยว่ามันจะเรียกอันตรายมาหาพรึบ!“เฮ้ย
ผู้บุกรุกยามวิกาลแบ่งกำลังพลออกเป็น 2 ส่วน ตุ่นกับสองสาวสมาชิกใหม่รับหน้าที่ก่อกวนพร้อมกับสร้างความเสียหายให้มากที่สุด เอาให้พวกมันต้องใช้เวลาวุ่นวายอยู่กับการฟื้นฟูแทนที่จะมาคิดเรื่องใต้สะดือโจเซฟกับหงส์จะเป็นคนออกไปตามหาว่าพวกมันนำหญิงสาวไปขังรวมกันไว้ที่ไหน หากมีช่องทางช่วยเหลือได้ในทันทีก็จะยื่นมือเข้าช่วยที่ต้องแยกสองสามีภรรยาออกจากกันเพราะทั้งคู่ต่างก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีประสาทการฟังที่ยอดเยี่ยม หากเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้น โจเซฟสามารถใช้เสียงเพื่อให้คนที่อยู่ใกล้และไกลถอยออกได้ทันท่วงทีความปลอดภัยของพวกเขาต้องมาก่อนชายหนุ่มรู้ว่าการบุกเข้ามาที่นี่ค่อนข้างเสี่ยง นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว ดาริณีและพิมพาล้วนเป็นมือใหม่ ไม่เคยประสบพบเจอกับเรื่องราวโหดร้ายทารุณประเภทนี้เลยสักครั้ง ตอนแรกเขาอยากให้ทั้งคู่รออยู่ที่จุดนัดพบมากกว่า แต่พวกเธอปฏิเสธและบอกกลับมาว่า‘ถ้าไม่ไปก็จะไม่ได้ประสบการณ์ค่ะ’ พิมพายืนยันหนักแน่น‘ถ้าเกิดเรื่องกับพวกเรา ไม่ต้องกังวลนะคะ เป็นฉันที่อยากทำเอง’ ดาริณีสบตาชายหนุ่ม ในแววตาไม่มีความหวาดกลัวอยู่เลยสักเสี้ยวเดียว‘แต่ถ้าพวกคุณเป็นอะไรไป ยังมีเด็ก ๆ ที่เส
“ไม่มีสายเสริมกำลังกายบ้างเลยเหรอ?” โจเซฟ“ไม่แน่ใจครับ อาจจะมีหรืออาจจะไม่มี” พลังพิเศษสายกำลังกายถ้าไม่แสดงออกมาย่อมไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ดูอย่างเด็กชายดลสิ ถ้าไม่วิ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าเด็กนั่นวิ่งเร็วแค่ไหน“ที่รักพอจะจำหน้าคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ ในค่ายได้ไหม" หงส์ถาม“ไม่แน่ใจนะ เวลามันน้อยเกินไป”“น่าเสียดาย” ถ้าฆ่าพวกมันให้หมดได้ก็น่าจะแก้ปัญหาที่ตรงเหตุที่สุดแล้วแท้ ๆ“พวกตัวหัวหน้ามักจะมีท่าทีแตกต่างจากคนปกติทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นฆ่าได้ฆ่า” โจเซฟยิ้มเหี้ยม เดนมนุษย์อย่างนี้จะเก็บไว้ทำไมให้รกโลก“รับบัญชาค่ะ” หงส์คลี่ยิ้มกว้าง…ได้เวลานองเลือดแล้วสิห้างสรรพสินค้าที่เป็นประเด็นแห่งนี้ถูกแบ่งสันปันส่วนตามระดับความสำคัญของคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ คนที่เป็นแค่กรรมกรหรือเบ๊จิปาถะไม่มีพลังพิเศษจะอาศัยอยู่รอบนอก ไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้ห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หากไม่มีกิจธุระที่จำเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ธรรมดาอยู่ชั้นใต้ดิน ชั้นที่หนึ่งจะเป็นห้องอาหารและส่วนสันทนาการต่าง ๆ แล้วแต่ใครจะทำอะไร ชั้นสองเป็นชั้นสินค้าแบรนด์เนมจึงให้กลุ่มผู้มีพลังพิเศษหรือมนุษย์กลายพันธุ์อยู่อาศัย ชั้นที่สามเป็นชั้นสำหรับเ