แชร์

บทที่ 2 เมืองฉางเยว่

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-17 12:13:05

เมืองฉางเยว่

"เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา วันนี้เหลาสุราซือจี๋มีสุรารสเลิศมาขายอีกแล้ว วันนี้ผู้ใดสั่งสุราสองไห ที่ร้านจะมอบเนื้อตุ๋นให้หนึ่งจาน เร่เข้ามาจ้า เร่เข้ามา"

เสียงหวานใสของสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าเหลาสุราซือจี๋ พร้อมกับตีกลองไปด้วย สร้างความสนใจให้แก่ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาไม่น้อย ไม่นานนักผู้คนก็เดินข้ามาที่เหลาสุรา ลูกค้าเริ่มเบียดเสียดแน่นขนัดตา

"ซินซิน ไปเอาเนื้อตุ๋นมาเพิ่มที"

"เจ้าค่ะคุณหนู"

สาวใช้น้อยรับคำ ก่อนจะไปจัดการตามที่เจ้านายสั่งในทันที

"จินเซียง เอาสุรามาเพิ่มที"

"เจ้าค่ะท่านพ่อ"

หญิงสาวพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบไปนำสุราที่เก็บเอาไว้ในห้องหมักสุราออกมาเพิ่มอีกหลายไห

หญิงสาวนามว่าไป๋จินเซียง ปีนี้มีอายุสิบเก้าปีแล้ว นางเป็นบุตรสาวเจ้าของเหลาสุราซือจี๋ เหลาสุราที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฉางเยว่

เดิมทีนางไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ นางมาจากยุคปัจจุบัน ก่อนหน้านี้เพราะนางล้มป่วยจนเสียชีวิต จู่ๆ วิญญาณของนางมาอยู่ในร่างของสตรีนามว่าไป๋จินเซียง สตรีที่มีชื่อเดียวกับนาง อีกทั้งยังมีใบหน้าเหมือนกันราวกับฝาแฝดอีกด้วย บิดาของนางในยุคโบราณนี้เป็นเจ้าของเหลาสุรา ส่วนมารดาตายจากไปนานแล้ว นางเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวเขาจึงรักนางเป็นอย่างยิ่ง  แรกเริ่มไป๋จินเซียงคิดไม่ตกว่าจะต้องทำเช่นไร นางพยายามหาทางออกเพื่อจะกลับไปยังโลกอนาคตหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับจนปัญญา เมื่อกลับไปไม่ได้แล้ว นางจึงต้องตั้งสติ และเริ่มใช้ชีวิตที่นี่จนคุ้นชิน โชคดีที่ต้นตระกูลของนางในโลกปัจจุบันมีความรู้เชี่ยวชาญเรื่องสุราหลายชนิด นางจึงนำมาประยุกต์หลายสูตร จนกระทั่งได้สูตรที่ใช้ได้ ขายทำกำไรงอกเงยมากมาย โรงสุราที่อื่นไม่อาจสู้ร้านของนางได้ และนางก็ใช้กลยุทธ์การลดแลกแจกแถมจากยุคปัจจุบันมาใช้ที่นี่ จึงค่อนข้างทำกำไรได้สูงมาก

ในขณะที่ไป๋จินเซียงกำลังนำสุรามามอบให้ไป๋จงผู้เป็นบิดา นางก็ได้ยินเสียงผู้คนในร้านสนทนากันเสียงดังเซ็งแซ่

"นี่พวกเจ้าได้ยินข่าวใหม่หรือไม่ อีกไม่กี่วันจะมีเจ้าเมืองคนใหม่มาประจำการที่เมืองฉางเยว่ด้วย"

ชายร่างอ้วนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะมีชายร่างผอมอีกคนเอ่ยสมทบขึ้นมา

"เหอะ เขาก็คงเหมือนเจ้าเมืองคนก่อนๆ ที่เอาแต่รีดไถประชาชน เห็นผิดเป็นชอบ รับสินบนจากคนมีอำนาจ กดขี่พวกเรา!"

เมื่อได้ยินชายร่างผอมพูดเช่นนั้นทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ไป๋จินเซียงละสายตาจากบรรดาลูกค้าที่สนทนากัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

เมืองฉางเยว่นี้นับว่าเป็นเมืองที่ไม่เล็ก และเป็นเมืองที่สวยงามมีธรรมชาติรายล้อม แต่เพราะอยู่ติดชายแดนถนนหนทางสัญจรค่อนข้างลำบากจึงทำให้ไม่ค่อยมีคนแวะเวียนมาเท่าใดนัก จะมีก็แต่พ่อค้าต่างเมืองที่มาค้าขายและทหารที่แวะเวียนมาดื่มสุราเพียงเท่านั้น

ทว่าก่อนหน้านี้ท่านเจ้าเมืองคนก่อนๆ ล้วนเป็นพวกกังฉิน ไม่บ้าอำนาจก็บ้าตัณหา หรือไม่ก็เห็นแก่เงิน มีพวกอันธพาลและคนมีอำนาจรีดไถส่วยจากคนทำการค้า ประชาชนอยู่อย่างยากลำบากเพราะไม่อาจพึ่งพาทางการได้ อย่างไรเสียก็ไม่มีทางขจัดคนชั่วเช่นนี้ออกไปได้

เจ้าเมืองคนใหม่ผู้นี้ไม่รู้ว่าจะเป็นพวกกังฉินเช่นคนก่อนๆ อีกหรือไม่?

ไป๋จินเซียงคร้านจะสนใจ นางจัดการงานของตนเองต่อไป จนกระทั่งเวลาเย็นย่ำก็มีคนของนายอำเภออู๋มาที่เหลาสุราของนาง บอกว่าอยากได้สุราชั้นดีไปมอบให้ท่านเจ้าเมืองที่มาใหม่ เวลานี้ท่านเจ้าเมืองเดินทางมาถึงแล้ว กำลังพักอยู่ที่จวนเจ้าเมือง 

ไป๋จินเซียงส่ายหน้าไปมา คนของนายอำเภออู๋มาทีไร ย่อมเอาสุราที่ร้านของนางไปโดยไม่ยอมจ่ายเงินสักอีแปะ บอกว่าเป็นค่าภาษีที่ต้องจ่ายเพียงเล็กน้อย

สารเลว หลอกกินไม่จ่ายละสิไม่ว่า!

แม้ในใจจะสบถด่าทอ แต่เบื้องหน้าไป๋จินเซียงกลับยิ้มแย้มต้อนรับ จะให้ทำเช่นไรได้เล่า นางเองก็ไม่อยากให้บิดาเดือดร้อน แม้จะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรมแต่กลับไม่อาจทำอะไรได้ เสียหายเพียงเล็กน้อย ดีกว่าเดือดร้อนจนทำการค้าไม่ได้มิใช่หรือ?

ด้านเสิ่นอี้ที่เดินทางมาถึงเมืองฉางเยว่แล้วก็เข้าพักยังจวนเจ้าเมืองที่ทางการจัดเตรียมเอาไว้ให้ เมื่อมาถึงเขาก็พบว่าที่นี่ตกแต่งอย่างหรูหรา หรูหราเสียยิ่งกว่าห้องนอนที่จวนของเขาเสียอีก เสิ่นอี้ทอดสายตามองนายอำเภออู๋ก่อนจะออกคำสั่ง

"รื้อออกไป ข้าไม่ชอบความหรูหราเกินเหตุเช่นนี้"

"ขอรับท่านเจ้าเมืองเสิ่น ท่านเจ้าเมือง นี่เป็นสุราขึ้นชื่อของเมืองฉางเยว่ เชิญท่านลองดื่มดูขอรับ หากชอบข้าน้อยจะไปนำมาให้อีก"

นายอำเภออู๋พูดจาประจบระแจง ก่อนจะจัดการรินสุราให้เสิ่นอี้อย่างเอาอกเอาใจ เสิ่นอี้มองจอกสุราตรงหน้าแต่ไม่ได้ยกขึ้นดื่มในทันที

ก่อนหน้าจะเดินทางมาที่เมืองฉางเยว่เขาได้สืบความเป็นมาไม่น้อย พบว่าผู้คนที่นี่ทุกปีต้องประสบกับอุทกภัยที่แก้ไขไม่ได้เสียที อีกทั้งนายอำเภออู๋ผู้นี้ก็เป็นพวกไม่เอาไหน ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ขูดรีดราษฎร บริหารจัดการงานไม่ได้เรื่องเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเป็นคนที่ชินอ๋องน้องชายของอดีตฮ่องเต้เสนอมา ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้องการรักษาหน้าท่านอาตนจึงไม่อาจปริปากโต้แย้งได้ อีกทั้งเพิ่งจะขึ้นครองราชย์ เป็นช่วงที่บัลลังก์ยังไม่มั่นคง การจะขัดแข้งขััดขากับคนเก่าก่อนในราชสำนักนับว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่าใดนัก

เสิ่นอี้ถอนหายใจออกมา เห็นทีการที่เขามาที่นี่จะต้องมีงานยากรอให้เขาจัดการไม่มากก็น้อยเสียแล้ว

ชายหนุ่มยกจอกสุราขึ้นดื่ม พบว่ารสชาติดีและแปลกใหม่เป็นอย่างยิ่ง เขายิ้มให้นายอำเภออู๋ ก่อนจะเอ่ย

"สุราดี"

นายอำเภออู๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี แล้วแนะนำ

"เหลาสุราซือจี๋ เป็นร้านขึ้นชื่อของเมืองฉางเยว่เราขอรับ"

"อืม พวกท่านกลับไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องมาคอยต้อนรับข้า ข้าเองก็อยากพักแล้ว พรุ่งนี้จะได้สะสางงานที่ท่านเจ้าเมืองคนเก่าทำค้างเอาไว้”

"ขอรับๆ"

นายอำเภออู๋เอ่ยจบก็เดินออกมาจากจวนท่านเจ้าเมือง เมื่อออกมาแล้วเขาก็หันมาสั่งกับคนของตนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

"จับตาดูท่านเจ้าเมืองคนใหม่เอาไว้ ข้าได้ยินว่าเขาเป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมา"

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 16 ตอนจบ

    เสิ่นอี้เมื่อกินมื้อเย็นแล้ว เขาก็ไปพบกับบิดาที่ห้องหนังสือ เดิมทีเขาไม่อยากจะสนทนสิ่งใดกับบิดามากนัก แต่เพราะอยู่จวนเดียวกันย่อมหลีกเลี่ยงการไม่พบหน้ากันไม่ได้ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องหนังสือ ยามนี้บิดาของเขากำลังนั่งดื่มสุราอยู่ภายในห้อง เมื่อเห็นว่าบุตรชายเข้ามาแล้วก็เหลือบตามองแวบหนึ่ง “คารวะท่านพ่อขอรับ"เสิ่นอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ห่างเหิน แม่ทัพใหญ่เสิ่นเพียงพยักหน้าช้าๆ"นั่งก่อนสิ พ่อมีเรื่องอยากจะพูดคุยกับเจ้า"เสิ่นอี้พยักหน้า ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามบิดา แม่ทัพใหญ่เสิ่นมองบุตรชายอย่างพิจารณา เอ่ยขึ้นว่า"เจ้าแต่งงานกับซูลี่ให้เป็นเรื่องเป็นราวเสีย ตระกูลของนางมีหน้ามีตามากว่า ย่อมเชิดชูสนับสนุนเจ้าได้ ส่วนสตรีนางนั้นที่เจ้าพามาจากบ้านนอก ก็ให้นางเป็นอนุไปเสีย ข้าเชื่อว่าซูลี่อย่างไรย่อมดีต่อนาง"เสิ่นอี้แค่นเสียงเย็นออกมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา"ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว ท่านไม่ต้องยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องของข้า อย่างไรไป๋จินเซียงก็คือภรรยาข้า และข้าจะมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวข้าไม่ใช่คนมักมากในตัณหา"แม่ทัพใหญ่เสิ่นหันขวับมามองบุตรชาย ตวาดอย่างเกรี้ยวกราด"อี้เอ๋อร์

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 15 ภรรยาเอกคนใหม่

    อากาศช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิเวียนมาอีกครา การมาอยู่ที่เมืองหลวงนับว่าเป็นเรื่องที่ไป๋จินเซียงไม่ค่อยจะคุ้นชินเท่าใดนัก นางพาสาวใช้ตัวน้อยซินซินติดตามมาเพียงคนเดียวเท่านั้น เสิ่นอี้เองก็บอกว่ารอมาถึงเมืองหลวงแล้วเขาจะหาสาวใช้เพิ่มให้นางอีกสักสองสามคนวันแรกที่ก้าวเข้ามานั้น นอกจากซูลี่ที่มองนางด้วยสายตาไม่เป็นมิตรแล้ว ยังมีเสิ่นฮูหยินและแม่ทัพเสิ่นที่ดูเหมือนจะไม่ชอบนางเท่าใดนัก วันที่นางยกน้ำชาคารวะก็ให้นางนั่งอยู่นานสองนานกว่าจะยอมเอ่ยวาจาใดกับนาง เพราะไม่อยากให้เสิ่นอี้ลำบากใจ ไป๋จินเซียงจึงไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกไปเสิ่นเป่ายังคงมาหานางทุกวัน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นมารดาเลี้ยงของเขา แต่นางกับเสิ่นเป่ายังคงสนิทสนมกันเช่นเดิม เขาไม่ยอมเรียกนางว่าท่านแม่นางเองก็ไม่บังคับหรือถือสาหาความ อีกทั้งยังทำของอร่อยให้เขากินทุกวันวันนี้เสิ่นอี้ออกไปทำงานแต่เช้าแล้ว หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงก็เหมือนว่าเขาจะมีงานให้ต้องจัดการไม่น้อยเลย บางวันก็ไม่ได้กลับจวน ไป๋จินเซียงอยู่ว่างๆก็รู้สึกเบื่อหน่าย เดิมทีตอนอยู่ที่เมืองฉางเยว่เช้ามานางมักจะไปตลาดและทำงานอยู่ที่ร้านสุราจนมือแทบเป็นระวิง เมื่อต้องมาอยู่เฉยๆเช่นน

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 14 หักห้ามใจ

    หมิงเจ๋อหันไปมอง ก่อนจะยิ้มออกมาได้ นายท่านของเขากลับมาได้เสียทีเสิ่นอี้ควบม้ามุ่งหน้าเข้ามาในจวน พร้อมกับสังหารคนชุดดำทั้งหมดในทันที ไม่นานเหตุการณ์ก็กลับคืนสู่ความสงบ แต่ทว่าข้ารับใช้ในจวนเจ้าเมืองเกือบทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตให้กับคนชั่วไปไม่น้อย"นายท่าน"เสิ่นอี้พยักหน้าให้หมิงเจ๋อคราหนึ่ง รีบกวาดตามองหาไป๋จินเซียงที่ยามนี้ร่างกายคว่ำหน้าลงพื้นกอดเสิ่นเป่าเอาไว้ในอ้อมกอด ใบหน้าของนางซีดเผือดดวงตาปิดสนิท เสิ่นเป่ายื่นมือน้อยๆ เข้าไปเขย่าตัวหญิงสาวตรงหน้า ร้องไห้โฮออกมาไม่หยุด เสิ่นอี้เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปดูนางในทันที เขาอุ้มบุตรชายมากอดเอาไว้ ก่อนจะเอ่ย"เป๋าเอ๋อร์ พ่อกลับมาแล้ว""ฮือ ท่านพ่อ พี่ไป๋จินเซียงตายแล้ว!"เสิ่นอี้เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ใจเต้นรัวแรง เขาวางเสิ่นเป่าลง ก่อนจะรีบเข้าไปประคองไป๋จินเซียงขึ้นมา แต่กลับพบว่ามือของตนสัมผัสถูกของเหลวอุ่นร้อนจนชุ่มไปทั้งมือ เมื่อเขายกมือขึ้นมาดูก็พบว่ามันคือโลหิต!นางบาดเจ็บ!เสิ่นอี้รีบสั่งให้หมิงเจ๋อไปตามท่านหมอมาโดยด่วน ก่อนจะรีบอุ้มนางเข้าไปที่ห้อง ไม่นานท่านหมอก็มาถึง เสิ่นอี้ทำได้เพียงเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องด้วยความ

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 13 กบฎ

    บรรยากาศที่น่ากระอักกระอ่วนนี้ทำให้ซินซินรีบหันหลังเดินจากไปทันที ส่วนไป๋จินเซียงเองก็เดินกลับห้องพักของตนไปในทันที หญิงสาวยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากของตน ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความเขินอายเช้าวันต่อมาอากาศค่อนข้างดี แม้จะมีสายฝนตกลงมาโปรยปรายแต่ก็เย็นสบายเป็นอย่างยิ่ง เสิ่นอี้ยังคงนั่งทำงานอยู่ที่ห้องหนังสือ ส่วนไป๋จินเซียงก็ไปที่ร้านสุราเช่นทุกวัน ยามนี้หมิงเจ๋อกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว เขานำเงินทองเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มและเหล่าทหารหลายร้อยนายมาช่วยดูแลชาวบ้านได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ทุกอย่างดำเนินต่อไปอย่างสงบเรียบร้อยดี จนกระทั่งมีอยู่คืนหนึ่งในขณะที่ไป๋จินเซียงนั่งอยู่กับเสิ่นเป่าในห้องนอนของเด็กน้อยและกำลังเล่านิทานให้เขาฟัง ก็ได้ยินว่าเสิ่นอี้เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หมิงเจ๋อแจ้งว่าเสิ่นอี้พลัดตกลงไปในแม่น้ำ ยามนี้เขาสั่งให้คนช่วยกันตาหาแล้วแต่กลับไม่พบเบาะแสของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย เสิ่นเป่ายามนี้หลับไปแล้ว ไป๋จินเซียงสั่งห้ามเข้าไปรบกวนเขาและกำชับบ่าวทุกคนในเรือนว่าห้ามบอกเขาว่าเกิดเรื่องกับเสิ่นอี้ หญิงสาวรีบสวมเสื้อคลุมและถือคบไฟออกไปช่วยตามหาเสิ่นอี้ แต่กลับไม่พบ นางร้องเร

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 12 จูบ

    วิธีของไป๋จินเซียงนั่นก็คือนางให้เสิ่นอี้หาเชือกยาวมาหลายเส้น ตรงหน้าจวนท่านเจ้าเมืองจะมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น นางรีบมัดเชือกกับต้นไม้ใหญ่ สองเส้น เส้นหนึ่งมัดกับเอวของเสิ่นอี้ อีกเส้นให้เสิ่นอี้ที่มีกำลังภายในแข็งแรงค่อยๆเดินทวนกระแสน้ำที่ยามนี้น้ำเริ่มนิ่งบ้างแล้ว นำเชือกที่เหลือไปมัดกับต้นไม้ใหญ่ฝั่งตรงข้าม และสร้างสะพานเชือกขึ้นมา ให้ชาวบ้านทยอยเดินข้ามมาฝั่งจวนท่านเจ้าเมืองและเข้ามาหลบภัยที่นี่ได้ชั่วคราว รอให้น้ำลดเบาบางลงแล้วค่อยอพยพกลับไปวิธีนี้ค่อนข้างดีไม่น้อยเลย ไม่นานนักก็สามารถพาชาวบ้านมาที่ปลอดภัยได้สำเร็จ เสียงฝนตกฟ้าร้องยังคงดังไม่หยุด เสิ่นอี้เปียกปอนไปทั้งตัว ไป๋จินเซียงที่ช่วยดูแลชาวบ้านตอนข้ามฝั่งมาก็เปียกปอนไปทั้งตัวเช่นเดียวกัน ผู้คนต่างร่วมด้วยช่วยกัน ไม่นานนักทุกคนก็ปลอดภัย แต่ก็มีชาวบ้านไม่น้อยที่ถูกกระแสน้ำพัดหายไป"รีบหาเสื้อผ้ามาให้ทุกคนเปลี่ยน แล้วต้มน้ำขิงให้พวกดื่มกันหนาวเร็วเข้า"เสิ่นอี้รีบหันไปเอ่ยกับสาวใช้ในจวน ซินซินที่ได้ยินก็รีบเข้าไปสมทบกับคนใช้ในโรงครัว รีบนำน้ำขิงมาแจกจ่ายให้ทุกคน เสิ่นอี้ให้พวกเขาพักผ่อน ก่อนจะรีบกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้า ในใจของเขาค

  • วาสนาเคียงนิรันดร์   บทที่ 11 อุทกภัย

    เมื่อมาถึงโรงหมอ ท่านหมอก็ช่วยทำแผลและตรวจดูอาหารของไป๋จินเซียงอย่างละเอียด เมื่อตรวจแล้วไม่เป็นอะไรมากจึงเขียนเทียบยาให้นาง และให้นางกลับบ้านได้ ยามนี้บิดาของนางกำลังนอนพักอยู่อีกห้องหนึ่งโดยมีซินซินคอยดูแล ไป๋จินเซียงไม่อยากรบกวนบิดาจึงให้เขานอนพักให้เต็มที่ แล้วออกมาหาเสิ่นอี้ที่รออยู่ด้านนอกห้องตรวจเสิ่นอี้รีบเดินเข้ามาหาไป๋จินเซียงทันที ก่อนหน้านี้เขาให้จิ้นอิ๋งพาเสิ่นเป่ากลับไปที่จวนก่อนแล้ว"ขอบคุณท่านมากที่เป็นธุระจัดการให้"เสิ่นอี้พยักหน้าเล็กน้อย พลางสอบถามเรื่องราว"สาวใช้ของเจ้าบอกกับข้าว่าที่เจ้าเข้าไปในกองเพลิงเพียงเพราะอยากเข้าไปเอาหีบเงินเช่นนั้นหรือ? ""ใช่ มันเป็นเงินที่ข้าเก็บมา ข้าเสียดาย"ไป๋จินเซียงตอบด้วยน้ำเสียงที่เบาลง เสิ่นอี้พิจารณามองหญิงสาวตรงหน้า ก่อนจะเอ่ย"ไป๋จินเซียง มนุษย์เราล้วนมีความหวงแหนในสิ่งของข้าเข้าใจได้ แต่ในยามนั้นหากเจ้าไม่อาจรอดกลับมาได้ เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าบิดาเจ้าจะอยู่เช่นไร สำหรับบิดาเจ้าแล้ว ระหว่างเงินหีบนั้นกับตัวเจ้าสิ่งใดสำคัญกว่ากันเจ้าไม่รู้เลยหรือ เงินพวกนั้นข้าเข้าใจว่ามันเป็นเงินที่เจ้าเก็บมานานหลายปี แต่หากเจ้าตายไปมันคุ้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status