LOGIN“เชิญ”
ทิวัตถ์ผายมือเชิญแล้วเห็นปรีดิทาเดินไวๆ ไปหน้าทางเข้างาน ส่วนตัวเขาวางตาไปที่เดิม
ปรีดิทาเดินไวๆ ไปหามุมที่ผู้คนไม่มาก กระนั้นกลับต้องหันมองด้านหลัง เพราะผู้ชายคนนั้นเดินตามเธอมาจึงรู้สึกกังวล ก่อนจะโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายแค่มาหามุมสูบบุหรี่ เธอรีบเดินห่างออกไปแล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแนบหูพูดคุยกับจารวี
“ยังไงโปรดฝากดูแลยัยหนูด้วยนะ”
เธอได้เอ่ยปากให้จารวีช่วยดูแลต่อไปอีกนิด โชคดีที่ยัยหนูไม่งอแง คิดว่างานคงจะจบลงอีกไม่เกินสองชั่วโมง ไม่ทันจะได้ขยับตัวกลับเข้างาน ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินตรงปรี่เข้ามาหา
“ไงคุณหมอโปรด”
คนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยนิดๆ อย่างออมสินแต้มยิ้มไม่จริงใจบนดวงหน้า ก่อนจะทำท่ายกมือขึ้นปิดปาก
“อุ้ย ตอนนี้ไม่ใช่แล้วนี่เนอะ”
ปรีดิทากระแทกลมหายใจแรงๆ ออกจากจมูก ถึงแม้ข่าวการทำงานผิดพลาดของเธอจะไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง แต่ก็ใช่ว่าไม่มีคนรู้ คนที่ทำงานในแวดวงเดียวกันก็คงรับรู้ข่าวสารไปบ้าง ซึ่งออมสินนั้นทำหน้าที่ประสานงานกับตัวแทนบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล
หญิงสาวเลือกที่จะขยับเพื่อเดินหนี เพราะไม่อยากปะทะด้วย เพราะหากเธอเจอกับคนตรงหน้าเมื่อใดก็ต้องต่อปากต่อคำไปเสียทุกหน ทว่าคนมาร้ายไม่ยินยอม ขยับตัวเข้ามาขวาง
“นี่ฉันคิดว่าเธอเลิกกับหมอไท่ไปแล้วเสียอีก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังทำสีหน้าสงสัยระคนแปลกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าจะได้เห็นคุณหมอคนเก่งควงภรรยาออกงานอีก แล้วจ้องเขม็งคนที่เป็นคู่แข่งกันมาตลอด และแน่นอนว่าเธอนั้นมักเป็นฝ่ายชนะ แต่มันก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้น
“อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ออมสิน” ปรีดิทาบอกเสียงเข้ม ปัญหาที่เธอแบกอยู่หนักพอแล้ว ไม่อยากจะมายุ่งยากวุ่นวายกับคนที่ชอบแย่งของเธอมาตลอด
เธอกับออมสินเรียนห้องเดียวกันมาในช่วงมัธยมต้นและปลาย เธอมักชนะอีกฝ่ายด้วยผลการเรียน ไม่ว่าจะลงแข่งอะไรก็คว้ารางวัลมาได้ อีกฝ่ายจึงเอาคืนด้วยการแย่งทุกคนที่เธอรักไป
ไม่ว่าจะมีความรักกี่ครั้ง สุดท้ายออมสินก็จะแทรกกลางและยึดครองไป แล้วได้ฟังประโยคที่ทำให้ส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่ามาทำเป็นหยิ่งหน่อยเลย เธอก็ชนะฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นละ”
“ฉันไม่เคยอยากเอาชนะเธอ” ที่ผ่านมาเธอก็แค่อยากอยู่อย่างสงบๆ แต่ออมสินไม่เคยหยุด
ออมสินที่ได้ฟังเหยียดปากราวกับปรีดิทาลืมบางเรื่องไป แล้วปล่อยประโยคเหยียดหยันออกจากปาก
“โชคดีที่ฉันไม่ได้แต่งงานกับเขา เพราะฉันไม่อยากเป็นเมียที่เขาไม่รัก”
ไม่พูดเปล่ายังหัวเราะตบท้าย สะใจจริงๆ ที่สุดท้ายแล้วผลนั้นคือปรีดิทาพ่ายแพ้และคงจะเจ็บหนักอยู่ไม่น้อย
“ใครบอกว่าผมไม่รักหมอโปรดล่ะครับ”
เสียงทุ้มเข้มทำให้ผู้หญิงทั้งสองหันไปมองชายที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาหา
“หมอไท่” ออมสินหน้าเสียแม้จะพยายามส่งยิ้ม ก่อนความซีดเจื่อนจะปรากฏซ้ำเมื่อเห็นภาพบาดตา
ทิวัตถ์เดินไวๆ ไปโอบเอวของภรรยาตัวแทน แสดงความรู้สึกให้เหมือนที่เอ่ยบอก ปรีดิทาทำแค่ยืนนิ่ง
“ออมขอตัวเข้างานไปหาคุณพ่อก่อนนะคะ”
ออมสินถอยล่าทันทีราวกับกลัวอะไรบางอย่าง ทิวัตถ์ส่งยิ้มร่ำลา เมื่อหลงเหลือเพียงแค่สองคนก็หันไปบอกคนที่มองเขาอยู่อย่างสงสัย
“มันก็แค่บทละครบทหนึ่งเท่านั้น”
“ละครบทนี้มีขึ้นเพื่ออะไรคะ”
เธออยากรู้ เขาจะเล่นละครตบตาว่ายังรักกันไปทำไม ทิวัตถ์ไม่ตอบคำถาม เพราะสายตามองไปยังคนที่เดินเข้ามาหา
“คุณไท่ครับ”
คนคนนั้นคือทศ ลูกน้องคนสนิทของหยางจินที่ถูกสั่งให้ตามติดปรีดิทามาเพื่อเฝ้าดูตั้งแต่หญิงสาวเดินออกจากงาน
“คุณท่านเรียกหาครับ” ทศได้รับมาอีกคำสั่งเมื่อครู่จึงรีบรายงาน
ทิวัตถ์พยักหน้ารับ คงถึงเวลาที่เขาต้องทำหน้าที่ที่รับปากไว้แล้ว สองเท้าก้าวเข้าไปด้านในงาน มีปรีดิทาเดินเคียงคู่กันมา ก่อนจะบอกให้หญิงสาวไปนั่งลงที่เดิม ส่วนเขาแยกตัวไปหาหยางจินตามการผายมือของทศ
“นี่ลูกชายคนเล็กของฉัน” แค่ไปหยุดเท้าคำแนะนำจากปากคนที่จมไม่ลงก็ดังขึ้น
ทิวัตถ์ค้อมศีรษะไปทักทายชายห้าคนที่ยืนล้อมวงอยู่ สาระสำคัญของงานในวันนี้คือการที่เขาจะได้พบหุ้นส่วนคนสำคัญของหยางจินอย่างเป็นทางการพร้อมเป็นการประกาศตัว ที่มีทั้งพันธมิตรและปรปักษ์ที่คิดโค่นอำนาจ บางคนเขาก็เคยเจอหน้ากันมาบ้าง รวมถึงได้เห็นประวัติพร้อมรู้ข้อมูลสำคัญมาบางส่วน
คนแรกคือตง สองคืออี้ น้องชายของตง ทั้งสองชอบลงทุนกับตัวเลขและทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรพลอย ทั้งคู่เป็นคนฉลาดในเรื่องการค้าขาย ส่วนมากคนเป็นพี่จะเป็นผู้นำ แต่ติดที่มีนิสัยโผงผาง หัวร้อน ส่วนน้องเป็นผู้ตามที่ดี แทบไม่เคยขัดใจพี่ชาย
สามคือพลัช เจ้าของธุรกิจสีเทาหลายอย่างที่หยางเองก็ร่วมลงทุนด้วย และดึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหยาง
จินกรุ๊ป โดยมีนิสัยเข้าถึงง่าย ไม่ใช่คนมากเรื่องอะไร
สี่เป็นพิชิตชัย ชายที่มียศมีตำแหน่ง ห้าคือวันเฉลิม เจ้าของธุรกิจก่อสร้างรายใหญ่ มีนิสัยขี้ประจบประแจง เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นอันดับแรก ทั้งหมดคือคนที่มีส่วนปลุกปั้นหยางจินกรุ๊ปขึ้นมา
แน่นอนว่าหัวเรือใหญ่คือหยางจิน ในตอนแรกนั้นเริ่มจากธุรกิจท่าเรือขนส่งสินค้าแล้วค่อยๆ แผ่ขยายไปทำธุรกิจอื่นๆ
“ฉันฝากด้วยนะ อีกไม่นานไท่จะขึ้นมาแทนที่ฉัน” หยางจินปรายตามองไปรอบๆ โดยหยุดอยู่ที่ตงอยู่นานเมื่ออีกฝ่ายคิดจะขัดและตัดขาของเขา ครั้งหนึ่งถึงขั้นเคยเอ่ยปากว่าอาจจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ต้องหาคนใหม่มาดูแลงานแทน
เนื่องจากในช่วงสองปีที่ผ่านมาการบริหารธุรกิจของเขาย่ำแย่ลง ทำอะไรก็ไม่ทันเกมคนรุ่นใหม่ แต่คนอย่างเขาไม่มีทางให้คนอื่นมาขึ้นแทนหรอก
แต่ปัญหาไม่ใช่เพราะเขาอย่างเดียว เพราะมันมีหนอนตัวใหญ่ที่พยายามชอนไชรากฐานของหยางจินกรุ๊ปอยู่ด้วย เมื่อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาคนของเขาจับได้ว่ามีของในโกดังที่ท่าเรือหายไป มีไอ้พวกเลี้ยงไม่เชื่องบังอาจมาลักลอบขโมยสินค้าไปขาย ทำให้หยางจินกรุ๊ปเสียชื่อเสียง ไม่เป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า
แต่หนอนพวกนั้นมันเก่ง มันสามารถซ่อนตัวอยู่ใต้ดินได้ ตามจับไม่ทันเสียที ทว่าอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้พอเดาได้ว่าไม่พ้นคนในหรอก และมันจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ไอ้สองคนที่คิดจะโค่นเขา ในตอนนี้คนของเขากำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ถ้าได้หลักฐานที่แน่ชัดเมื่อใดจะเล่นงานให้ตายทั้งเป็นเลยทีเดียว
“ได้สิครับ พวกผมจะสนับสนุนเต็มที่”
ตงหน้าเจื่อนแต่ยังเล่นไปตามน้ำ ไม่นึกว่าหยางจินจะดันลูกชายที่เพิ่งได้กลับมาขึ้นกุมบังเหียนแทนจริงๆ แม้จะไม่ทรงอำนาจเท่าลูกชายคนโต แต่ความฉลาดคงไม่แพ้กัน
ทิวัตถ์แค่นยิ้มรับในถ้อยคำนั้น สายตากวาดมองทั้งห้าคน โดยเฉพาะตงกับอี้ จากนั้นไปหยุดยังคนที่เขาชังอย่าง
หยางจิน แล้วเปลี่ยนจุดโฟกัสไปยังคนสนิททั้งสองของอีกฝ่ายที่ยืนขนาบข้างคนเป็นนายไม่ยอมห่าง
ด้านปรีดิทาที่นั่งลงแล้วไม่ได้หันไปเจรจากับผู้ใด ทำแค่ส่งยิ้มไปเป็นมารยาท แล้วดึงตาไปหยุดมองทิวัตถ์
“เพราะอะไรกัน”
หญิงสาวพึมพำในลำคอ เพราะอะไรเขาถึงเลือกจะไปยืนอยู่ข้างๆ คนอันตราย หรือเพราะเขาอยากกลับไปอยู่ใกล้ๆ เธอคนนั้น
มันคงเป็นทางเดียวที่เขาทำได้
ทิวัตถ์ยังยืนคุยกับหุ้นส่วนของหยางจินอยู่ จนกระทั่งทั้งหมดแยกตัวไป หนนี้ก็ถึงเวลาของเขาบ้าง
“ผมจะกลับแล้ว”
หยางจินไม่ยื้อไว้ เพราะได้ตามที่ต้องการแล้ว กระนั้นก็ยังมีเรื่องให้กังวลอยู่ดี
“ดูแลลลิษดีๆ ด้วย” ทิวัตถ์ดึงตาไปมองลลิษา ความห่วงใยมีอยู่เต็มอก
“ไม่ต้องห่วงว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ฉันรัก”
หยางจินเน้นเสียงแล้วบอกในสิ่งที่ต้องการมากๆ พอกับอำนาจที่ต้องการคงไว้
“แกน่ะเตรียมตัวหาลูกสะใภ้คนใหม่ให้ฉันได้แล้ว เอาที่มีบารมีมาส่งเสริมแก” คนที่หวงในอำนาจหวังว่าลูกชายจะทำตามและกำจัดปัญหาให้พ้นตัวไปสักที ขณะในหัวใจนึกกลัวและมีความใคร่รู้ร่วมด้วย แต่คนอย่างทิวัตถ์ต่อให้เอากรรไกรมาง้างปากก็จะไม่เอ่ยในสิ่งที่เก็บงำไว้แน่
ทิวัตถ์ไม่ตอบกลับแค่มองหยางจินนิ่งๆ คล้ายกับเตือนบางอย่าง แล้วเดินไวๆ ไปบอกให้ปรีดิทาเดินตาม หญิงสาวกระเด้งตัวขึ้นอย่างเร็วไวด้วยความอยากกลับไปหาลูก
เมื่อไปถึงบ้านปรีดิทาก็ก้าวลงจากรถเป็นคนแรก แต่ก็ต้องหยุดเท้าลงตรงทางแยกที่จะนำพาเธอไปยังห้องนอนเพราะมีเสียงดังมาจากด้านหลัง
“รีบ” ทิวัตถ์ถามหน้านิ่ง หลังหญิงสาวก้าวเดินจนแทบจะวิ่ง
“ค่ะ โปรดรีบไปหาลูก และวันนี้คงหมดหน้าที่ของตัวแทนแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับหน้าที่แปลกใหม่ที่ให้โปรด” หญิงสาวกล่าวจบหน้าที่ของตัวเอง สองเท้าขยับเพื่อจะก้าวกลับไปหาแก้วตาดวงใจ
“อยากทำอีกหน้าที่เพิ่มไหมล่ะ” เขาถามหน้าตาย ก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายราวเปิดเผยตัวตน
ปรีดิทามองคนที่เอ่ยถาม ก่อนจะได้ยินอีกประโยคที่ทำให้เธอขบเม้มปากอย่างแรง
“ฉันจะไปอาบน้ำรอ รีบตามขึ้นไปละกัน รับรองว่าถ้าลีลายังดีเหมือนก่อนฉันจ่ายไม่อั้นแน่”
ในตอนที่ได้ยินว่าอดีตน้องชายหวนกลับไปหาคนที่ชัง เขาคิดได้ทันทีว่าเป็นเพราะมันอยากกลับไปยืนข้างๆ ลลิษา หลังจากที่ครอบครัวของปรีดิทาสร้างหนี้พนันไว้ให้ แต่ติดที่สถานะของลลิษานั้นเป็นคู่หมั้นของเขา มันจึงต้องตะเกียกตะกายไปในเส้นทางที่เกลียด แต่ตอนนี้เขาอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด มันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่เห็นเสียแล้ว ส่วนปรีดิทาก้มมองการ์ดแต่งงานในมือ สีหน้ามีความหนักใจ ไม่รู้ทิวัตถ์จะรู้เรื่องนี้หรือยัง ขณะนั้นเองเสียงเล็กๆ ก็แผดร้องขึ้น “แง้ง” ปรีดิทาทุ่มความสนใจทั้งหมดไปยังลูก แล้วรีบพาแกกลับห้องนอน ในวันนี้เธอไม่มีคาบสอนแล้ว มีจารวีช่วยจัดการเรื่องอาหารให้อย่างเคย แต่ผ่านมาอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วปราณปรียากลับยังร้องไห้เป็นระยะ “วันนี้งอแงหรือจ๊ะ ตัวก็ไม่ร้อน”
บทที่ 7 อย่างน้อยเราก็เคยเป็นเพื่อนกัน “ที่พี่สอนไป เรากลับไปทบทวนด้วยนะ” เสียงใสๆ ของปรีดิทาเอ่ยกับเด็กวัยมัธยมศึกษาผ่านโปรแกรมหนึ่งในโน้ตบุ๊ก เธอเริ่มกลับมาสอนพิเศษได้ราวๆ ห้าวันแล้ว ทุกอย่างเป็นไปเหมือนแต่ก่อน มีแต่หัวใจที่เกิดอาการพะว้าพะวง แต่ก็พยายามมีสมาธิอยู่กับการสอน “อาทิตย์หน้าเจอกันใหม่จ้ะ” ก่อนจะบอกคำปิดท้ายพร้อมยกยิ้มร่ำลา ปรีดิทาพับหน้าจอลงพร้อมขยับตัวลุกทันที สองเท้ามุ่งหน้าออกจากห้องตรงไปหาจารวีและรำนำ “ยัยหนูเป็นยังไงบ้าง งอแงไหม” เมื่อไปถึงเธอก็รับลูกมาไว้ในอ้อมกอด โชคดีที่การสอนของเธอมีช่วงเวลาพักอยู่หลายครั้งจึงเดินออกมาดูแก้วตาดวงใจได้บ้าง&nbs
“แปลกเนอะ แย่งของเขาไปแท้ๆ แต่กลับจิกกัดเขาไม่ยอมปล่อย” ดนุภาไม่เข้าใจความคิดของออมสินสักนิด อีกฝ่ายแสดงออกว่าชังเพื่อนของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียน เธอเองก็มักถูกยัยนั่นหาเรื่อง จนปรีดิทาต้องห้ามทัพอยู่หลายยก เธอมองว่าคนบางประเภทต้องสาดน้ำร้อนเข้าใส่ น้ำเย็นไม่ได้ผลหรอก ไม่นานรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าแล้วเอ่ยบอกกับเพื่อน “แต่อย่างน้อยๆ แกก็ชนะแม่นั่นครั้งหนึ่ง” เพื่อนของเธอมักแพ้ออมสินเรื่องความรักเสมอ แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ชนะ อีกฝ่ายแพ้ราบคาบเลย ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ให้หน้าเสีย “ฉันขอโทษ” ผลพวงของความสำเร็จทำให้เพื่อนของเธอเจ็บปวด มือยกขึ้นตีปากของตัวเอง ปรีดิทาสั่นหน้าว่าไม่เป็นไร พลางหันไปมองรำนำที่นั่งอยู่ถัดไป หลังเสียงสัญญาณของเครื่อง
เขาไม่ได้ดูสดชื่นขึ้น เหมือนคนนอนไม่ค่อยพอเสียมากกว่า ทว่าในจังหวะนั้นกลับต้องหันไปมองด้านหลัง เพราะรู้สึกว่ามีคนจ้องมอง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ จังหวะนั้นหัวคิ้วเลิกคิ้ว เพราะเหมือนเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่ง คนที่เอาแต่จ้องเธอในงานที่ทิวัตถ์พาไป ก่อนจะมีอีกหนึ่งเรื่องสงสัยให้รีบดึงตาไปมองคู่สนทนา “นับวันมันยิ่งทำตัวน่าสงสัย พี่เห็นมันไปเรียนต่อยมวย เรียนต่อสู้ ยิงปืนด้วย ทำอย่างกับจะไปรบกับใคร” หลายเดือนที่ผ่านมาบนร่างกายของทิวัตถ์มักมีรอยช้ำ จนเขาต้องเค้นถามจากมันจึงได้รู้ว่ามันกำลังเรียนการต่อสู้หลายแขนง “คงเพราะเขากำลังจะเข้ารับตำแหน่งแทนหยางจินละมั้งคะ” หญิงสาวคิดว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้สูง เพราะเขาคงรู้ว่าขาข้างหนึ่งเหยียบความเสี่ยงความตายไว้ จึงจะเตรียมพร้อม ถึงอย่างนั้นก็นึกห่วงขึ้นมา แล้วหันกลับไปมองในจุดโฟกัสก่อนหน้านี้ แต่ไม่พบชายคนนั้นเสียแล้ว จึงคิดว่าตัวเองอาจจะจำผิด หรือไม่ก็แค่เรื่องบังเอิญ “ไอ้ไท่เนี่ยนะครับ” คนอย่างทิวัตถ์เนี่ยนะจะถึงขั้นขึ้นกุมบังเหียนต่อจากคนที่มันพูดถึงน้อย จนแทบจะไม่พูดถึงเลยด้วยซ้ำ แต่ไม่นานมานี้เขาพอรู้มาบ้
สามนาทีต่อมาก็วางถ้วยลงบนเคาน์เตอร์หน้าทิวัตถ์ จากนั้นพลิกตัวเดินกลับไปหาลูกที่ตาแป๋วรอเธออยู่ อาการโยเยหายไปจนคนเป็นแม่คลายความกังวลไปได้ ส่วนทิวัตถ์เดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ขลุกอยู่กับเอกสาร โน้ตบุ๊ก โดยมีเสียงหนึ่งดังอยู่เป็นระยะ เสียงของเครื่องทำลายเอกสาร สีหน้าของคนบนเตียงมีแววครุ่นคิด เคร่งเครียด ก่อนจะหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู สลับกันไปมา เขาต้องจัดการสองเรื่องในเวลาเดียวกัน และเมื่อเอกสารไฟล์ใดที่ดูเสร็จแล้วก็จะถูกลบหรือไม่ก็กำจัดทิ้ง โดยชายหนุ่มเชื่อว่าอีกไม่นานเขาจะจบเรื่องหนึ่งได้หลังทำมายาวนาน ขอแค่พบตัวคนที่หลุดรอดไปได้ ร่วมสองชั่วโมงกว่าก็พับเก็บทุกอย่างแล้วยัดใส่กระเป๋า ร่างกายของเขาอ่อนล้าไม่น้อย เพราะขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ทว่าก็หลับๆ ตื่นๆ ราวกับคนที่มีเรื่องให้คิดหรือมีเรื่องให้ระแวง เฮ้อ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกรอบ ชายหนุ่มก็เลือกจะกระเด้งตัวมาผ่อนลมหายใจออกจากจมูก ก่อนตัดสินใจลงไปยังชั้นล่างของบ้าน เดินตรงดิ่งไปห้องรับแขก มือเปิดเลื่อนผ้าม่านมองไปรอบๆ คล้ายอยากจะเช็กความเรียบร้อย แ
บทที่ 6 ข้อต่อรอง “ลลิษส่งยามาให้แล้วกินหรือยัง” ทิวัตถ์เลิกคิ้วถาม สายตาจดจ้องอยู่เบื้องหน้า ปรีดิทาเข้าใจสาเหตุที่เขากลับมาที่นี่แล้วเพราะเธอคนนั้น แล้วมองหน้าคนที่มีท่าทางเหนื่อยล้า อ่อนเพลียคล้ายคนที่นอนไม่พอ ฝ่ายทิวัตถ์เมื่อไม่ได้คำตอบก็เอ่ยประโยคถัดมา “อย่าให้เสียของ เสียน้ำใจ” ทิวัตถ์พูดดักทาง ปรีดิทาสมควรรับน้ำใจไว้แต่โดยดี ไม่ควรทิ้งขว้างหรือปามันทิ้ง “ถ้ามันเป็นยาพิษ โปรดก็ต้องรักษาน้ำใจหรือคะ” เธออดจะประชดประชันไม่ได้ “ยอกย้อนเก่ง” 







