“เชิญ”
ทิวัตถ์ผายมือเชิญแล้วเห็นปรีดิทาเดินไวๆ ไปหน้าทางเข้างาน ส่วนตัวเขาวางตาไปที่เดิม
ปรีดิทาเดินไวๆ ไปหามุมที่ผู้คนไม่มาก กระนั้นกลับต้องหันมองด้านหลัง เพราะผู้ชายคนนั้นเดินตามเธอมาจึงรู้สึกกังวล ก่อนจะโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายแค่มาหามุมสูบบุหรี่ เธอรีบเดินห่างออกไปแล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแนบหูพูดคุยกับจารวี
“ยังไงโปรดฝากดูแลยัยหนูด้วยนะ”
เธอได้เอ่ยปากให้จารวีช่วยดูแลต่อไปอีกนิด โชคดีที่ยัยหนูไม่งอแง คิดว่างานคงจะจบลงอีกไม่เกินสองชั่วโมง ไม่ทันจะได้ขยับตัวกลับเข้างาน ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินตรงปรี่เข้ามาหา
“ไงคุณหมอโปรด”
คนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยนิดๆ อย่างออมสินแต้มยิ้มไม่จริงใจบนดวงหน้า ก่อนจะทำท่ายกมือขึ้นปิดปาก
“อุ้ย ตอนนี้ไม่ใช่แล้วนี่เนอะ”
ปรีดิทากระแทกลมหายใจแรงๆ ออกจากจมูก ถึงแม้ข่าวการทำงานผิดพลาดของเธอจะไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง แต่ก็ใช่ว่าไม่มีคนรู้ คนที่ทำงานในแวดวงเดียวกันก็คงรับรู้ข่าวสารไปบ้าง ซึ่งออมสินนั้นทำหน้าที่ประสานงานกับตัวแทนบริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวกับโรงพยาบาล
หญิงสาวเลือกที่จะขยับเพื่อเดินหนี เพราะไม่อยากปะทะด้วย เพราะหากเธอเจอกับคนตรงหน้าเมื่อใดก็ต้องต่อปากต่อคำไปเสียทุกหน ทว่าคนมาร้ายไม่ยินยอม ขยับตัวเข้ามาขวาง
“นี่ฉันคิดว่าเธอเลิกกับหมอไท่ไปแล้วเสียอีก” ไม่พูดเปล่า แต่ยังทำสีหน้าสงสัยระคนแปลกใจไม่น้อย ไม่นึกว่าจะได้เห็นคุณหมอคนเก่งควงภรรยาออกงานอีก แล้วจ้องเขม็งคนที่เป็นคู่แข่งกันมาตลอด และแน่นอนว่าเธอนั้นมักเป็นฝ่ายชนะ แต่มันก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้น
“อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ออมสิน” ปรีดิทาบอกเสียงเข้ม ปัญหาที่เธอแบกอยู่หนักพอแล้ว ไม่อยากจะมายุ่งยากวุ่นวายกับคนที่ชอบแย่งของเธอมาตลอด
เธอกับออมสินเรียนห้องเดียวกันมาในช่วงมัธยมต้นและปลาย เธอมักชนะอีกฝ่ายด้วยผลการเรียน ไม่ว่าจะลงแข่งอะไรก็คว้ารางวัลมาได้ อีกฝ่ายจึงเอาคืนด้วยการแย่งทุกคนที่เธอรักไป
ไม่ว่าจะมีความรักกี่ครั้ง สุดท้ายออมสินก็จะแทรกกลางและยึดครองไป แล้วได้ฟังประโยคที่ทำให้ส่ายหน้าปฏิเสธ
“อย่ามาทำเป็นหยิ่งหน่อยเลย เธอก็ชนะฉันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นละ”
“ฉันไม่เคยอยากเอาชนะเธอ” ที่ผ่านมาเธอก็แค่อยากอยู่อย่างสงบๆ แต่ออมสินไม่เคยหยุด
ออมสินที่ได้ฟังเหยียดปากราวกับปรีดิทาลืมบางเรื่องไป แล้วปล่อยประโยคเหยียดหยันออกจากปาก
“โชคดีที่ฉันไม่ได้แต่งงานกับเขา เพราะฉันไม่อยากเป็นเมียที่เขาไม่รัก”
ไม่พูดเปล่ายังหัวเราะตบท้าย สะใจจริงๆ ที่สุดท้ายแล้วผลนั้นคือปรีดิทาพ่ายแพ้และคงจะเจ็บหนักอยู่ไม่น้อย
“ใครบอกว่าผมไม่รักหมอโปรดล่ะครับ”
เสียงทุ้มเข้มทำให้ผู้หญิงทั้งสองหันไปมองชายที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาหา
“หมอไท่” ออมสินหน้าเสียแม้จะพยายามส่งยิ้ม ก่อนความซีดเจื่อนจะปรากฏซ้ำเมื่อเห็นภาพบาดตา
ทิวัตถ์เดินไวๆ ไปโอบเอวของภรรยาตัวแทน แสดงความรู้สึกให้เหมือนที่เอ่ยบอก ปรีดิทาทำแค่ยืนนิ่ง
“ออมขอตัวเข้างานไปหาคุณพ่อก่อนนะคะ”
ออมสินถอยล่าทันทีราวกับกลัวอะไรบางอย่าง ทิวัตถ์ส่งยิ้มร่ำลา เมื่อหลงเหลือเพียงแค่สองคนก็หันไปบอกคนที่มองเขาอยู่อย่างสงสัย
“มันก็แค่บทละครบทหนึ่งเท่านั้น”
“ละครบทนี้มีขึ้นเพื่ออะไรคะ”
เธออยากรู้ เขาจะเล่นละครตบตาว่ายังรักกันไปทำไม ทิวัตถ์ไม่ตอบคำถาม เพราะสายตามองไปยังคนที่เดินเข้ามาหา
“คุณไท่ครับ”
คนคนนั้นคือทศ ลูกน้องคนสนิทของหยางจินที่ถูกสั่งให้ตามติดปรีดิทามาเพื่อเฝ้าดูตั้งแต่หญิงสาวเดินออกจากงาน
“คุณท่านเรียกหาครับ” ทศได้รับมาอีกคำสั่งเมื่อครู่จึงรีบรายงาน
ทิวัตถ์พยักหน้ารับ คงถึงเวลาที่เขาต้องทำหน้าที่ที่รับปากไว้แล้ว สองเท้าก้าวเข้าไปด้านในงาน มีปรีดิทาเดินเคียงคู่กันมา ก่อนจะบอกให้หญิงสาวไปนั่งลงที่เดิม ส่วนเขาแยกตัวไปหาหยางจินตามการผายมือของทศ
“นี่ลูกชายคนเล็กของฉัน” แค่ไปหยุดเท้าคำแนะนำจากปากคนที่จมไม่ลงก็ดังขึ้น
ทิวัตถ์ค้อมศีรษะไปทักทายชายห้าคนที่ยืนล้อมวงอยู่ สาระสำคัญของงานในวันนี้คือการที่เขาจะได้พบหุ้นส่วนคนสำคัญของหยางจินอย่างเป็นทางการพร้อมเป็นการประกาศตัว ที่มีทั้งพันธมิตรและปรปักษ์ที่คิดโค่นอำนาจ บางคนเขาก็เคยเจอหน้ากันมาบ้าง รวมถึงได้เห็นประวัติพร้อมรู้ข้อมูลสำคัญมาบางส่วน
คนแรกคือตง สองคืออี้ น้องชายของตง ทั้งสองชอบลงทุนกับตัวเลขและทำธุรกิจเกี่ยวกับเพชรพลอย ทั้งคู่เป็นคนฉลาดในเรื่องการค้าขาย ส่วนมากคนเป็นพี่จะเป็นผู้นำ แต่ติดที่มีนิสัยโผงผาง หัวร้อน ส่วนน้องเป็นผู้ตามที่ดี แทบไม่เคยขัดใจพี่ชาย
สามคือพลัช เจ้าของธุรกิจสีเทาหลายอย่างที่หยางเองก็ร่วมลงทุนด้วย และดึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหยาง
จินกรุ๊ป โดยมีนิสัยเข้าถึงง่าย ไม่ใช่คนมากเรื่องอะไร
สี่เป็นพิชิตชัย ชายที่มียศมีตำแหน่ง ห้าคือวันเฉลิม เจ้าของธุรกิจก่อสร้างรายใหญ่ มีนิสัยขี้ประจบประแจง เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นอันดับแรก ทั้งหมดคือคนที่มีส่วนปลุกปั้นหยางจินกรุ๊ปขึ้นมา
แน่นอนว่าหัวเรือใหญ่คือหยางจิน ในตอนแรกนั้นเริ่มจากธุรกิจท่าเรือขนส่งสินค้าแล้วค่อยๆ แผ่ขยายไปทำธุรกิจอื่นๆ
“ฉันฝากด้วยนะ อีกไม่นานไท่จะขึ้นมาแทนที่ฉัน” หยางจินปรายตามองไปรอบๆ โดยหยุดอยู่ที่ตงอยู่นานเมื่ออีกฝ่ายคิดจะขัดและตัดขาของเขา ครั้งหนึ่งถึงขั้นเคยเอ่ยปากว่าอาจจะถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่ต้องหาคนใหม่มาดูแลงานแทน
เนื่องจากในช่วงสองปีที่ผ่านมาการบริหารธุรกิจของเขาย่ำแย่ลง ทำอะไรก็ไม่ทันเกมคนรุ่นใหม่ แต่คนอย่างเขาไม่มีทางให้คนอื่นมาขึ้นแทนหรอก
แต่ปัญหาไม่ใช่เพราะเขาอย่างเดียว เพราะมันมีหนอนตัวใหญ่ที่พยายามชอนไชรากฐานของหยางจินกรุ๊ปอยู่ด้วย เมื่อในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาคนของเขาจับได้ว่ามีของในโกดังที่ท่าเรือหายไป มีไอ้พวกเลี้ยงไม่เชื่องบังอาจมาลักลอบขโมยสินค้าไปขาย ทำให้หยางจินกรุ๊ปเสียชื่อเสียง ไม่เป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า
แต่หนอนพวกนั้นมันเก่ง มันสามารถซ่อนตัวอยู่ใต้ดินได้ ตามจับไม่ทันเสียที ทว่าอย่างน้อยๆ มันก็ทำให้พอเดาได้ว่าไม่พ้นคนในหรอก และมันจะเป็นใครไปได้ ถ้าไม่ใช่ไอ้สองคนที่คิดจะโค่นเขา ในตอนนี้คนของเขากำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ถ้าได้หลักฐานที่แน่ชัดเมื่อใดจะเล่นงานให้ตายทั้งเป็นเลยทีเดียว
“ได้สิครับ พวกผมจะสนับสนุนเต็มที่”
ตงหน้าเจื่อนแต่ยังเล่นไปตามน้ำ ไม่นึกว่าหยางจินจะดันลูกชายที่เพิ่งได้กลับมาขึ้นกุมบังเหียนแทนจริงๆ แม้จะไม่ทรงอำนาจเท่าลูกชายคนโต แต่ความฉลาดคงไม่แพ้กัน
ทิวัตถ์แค่นยิ้มรับในถ้อยคำนั้น สายตากวาดมองทั้งห้าคน โดยเฉพาะตงกับอี้ จากนั้นไปหยุดยังคนที่เขาชังอย่าง
หยางจิน แล้วเปลี่ยนจุดโฟกัสไปยังคนสนิททั้งสองของอีกฝ่ายที่ยืนขนาบข้างคนเป็นนายไม่ยอมห่าง
ด้านปรีดิทาที่นั่งลงแล้วไม่ได้หันไปเจรจากับผู้ใด ทำแค่ส่งยิ้มไปเป็นมารยาท แล้วดึงตาไปหยุดมองทิวัตถ์
“เพราะอะไรกัน”
หญิงสาวพึมพำในลำคอ เพราะอะไรเขาถึงเลือกจะไปยืนอยู่ข้างๆ คนอันตราย หรือเพราะเขาอยากกลับไปอยู่ใกล้ๆ เธอคนนั้น
มันคงเป็นทางเดียวที่เขาทำได้
ทิวัตถ์ยังยืนคุยกับหุ้นส่วนของหยางจินอยู่ จนกระทั่งทั้งหมดแยกตัวไป หนนี้ก็ถึงเวลาของเขาบ้าง
“ผมจะกลับแล้ว”
หยางจินไม่ยื้อไว้ เพราะได้ตามที่ต้องการแล้ว กระนั้นก็ยังมีเรื่องให้กังวลอยู่ดี
“ดูแลลลิษดีๆ ด้วย” ทิวัตถ์ดึงตาไปมองลลิษา ความห่วงใยมีอยู่เต็มอก
“ไม่ต้องห่วงว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้ฉันรัก”
หยางจินเน้นเสียงแล้วบอกในสิ่งที่ต้องการมากๆ พอกับอำนาจที่ต้องการคงไว้
“แกน่ะเตรียมตัวหาลูกสะใภ้คนใหม่ให้ฉันได้แล้ว เอาที่มีบารมีมาส่งเสริมแก” คนที่หวงในอำนาจหวังว่าลูกชายจะทำตามและกำจัดปัญหาให้พ้นตัวไปสักที ขณะในหัวใจนึกกลัวและมีความใคร่รู้ร่วมด้วย แต่คนอย่างทิวัตถ์ต่อให้เอากรรไกรมาง้างปากก็จะไม่เอ่ยในสิ่งที่เก็บงำไว้แน่
ทิวัตถ์ไม่ตอบกลับแค่มองหยางจินนิ่งๆ คล้ายกับเตือนบางอย่าง แล้วเดินไวๆ ไปบอกให้ปรีดิทาเดินตาม หญิงสาวกระเด้งตัวขึ้นอย่างเร็วไวด้วยความอยากกลับไปหาลูก
เมื่อไปถึงบ้านปรีดิทาก็ก้าวลงจากรถเป็นคนแรก แต่ก็ต้องหยุดเท้าลงตรงทางแยกที่จะนำพาเธอไปยังห้องนอนเพราะมีเสียงดังมาจากด้านหลัง
“รีบ” ทิวัตถ์ถามหน้านิ่ง หลังหญิงสาวก้าวเดินจนแทบจะวิ่ง
“ค่ะ โปรดรีบไปหาลูก และวันนี้คงหมดหน้าที่ของตัวแทนแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับหน้าที่แปลกใหม่ที่ให้โปรด” หญิงสาวกล่าวจบหน้าที่ของตัวเอง สองเท้าขยับเพื่อจะก้าวกลับไปหาแก้วตาดวงใจ
“อยากทำอีกหน้าที่เพิ่มไหมล่ะ” เขาถามหน้าตาย ก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายราวเปิดเผยตัวตน
ปรีดิทามองคนที่เอ่ยถาม ก่อนจะได้ยินอีกประโยคที่ทำให้เธอขบเม้มปากอย่างแรง
“ฉันจะไปอาบน้ำรอ รีบตามขึ้นไปละกัน รับรองว่าถ้าลีลายังดีเหมือนก่อนฉันจ่ายไม่อั้นแน่”
“เชิญ” ทิวัตถ์ผายมือเชิญแล้วเห็นปรีดิทาเดินไวๆ ไปหน้าทางเข้างาน ส่วนตัวเขาวางตาไปที่เดิม ปรีดิทาเดินไวๆ ไปหามุมที่ผู้คนไม่มาก กระนั้นกลับต้องหันมองด้านหลัง เพราะผู้ชายคนนั้นเดินตามเธอมาจึงรู้สึกกังวล ก่อนจะโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายแค่มาหามุมสูบบุหรี่ เธอรีบเดินห่างออกไปแล้วหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาแนบหูพูดคุยกับจารวี “ยังไงโปรดฝากดูแลยัยหนูด้วยนะ” เธอได้เอ่ยปากให้จารวีช่วยดูแลต่อไปอีกนิด โชคดีที่ยัยหนูไม่งอแง คิดว่างานคงจะจบลงอีกไม่เกินสองชั่วโมง ไม่ทันจะได้ขยับตัวกลับเข้างาน ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินตรงปรี่เข้ามาหา “ไงคุณหมอโปรด” คนที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยนิดๆ อย่างออมสินแต้มยิ้มไม่จริงใจบนดวงหน้
“ไม่ใช่หน้าที่ฉัน” ทิวัตถ์บอกเสียงหนักและสะบัด หน้าที่ของใครก็ต้องรับผิดชอบให้ได้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องมานั่งบอก ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างปรีดิทาแสยะยิ้มใส่ความร้ายของผู้ชายที่เธอตกหลุมรัก ไม่ทันได้หายใจหายคอได้สะดวกเสียงหนึ่งก็แว่วดังจากด้านหลังให้รู้สึกอึดอัด “ฉันนึกว่าแกจะไม่ยอมมา” ทิวัตถ์พลิกตัวไปมองไม่ได้ตอบโต้ แค่เอียงคอรับ สายตามองนิ่งๆ อย่างไร้ความหมาย ก่อนจะวูบไหวในประโยคถัดมาของผู้ให้กำเนิด “ลลิษกำลังมา” หยางจินบอกด้วยท่าทางนิ่งๆ สีหน้าแสดงอาการโล่งใจนิดๆ เมื่อเห็นลูกชายมาร่วมงานนี้ หลังเขาทำอะไรล้ำเส้น ล้ำข้อตกลงระหว่างกัน จากนั้นปล่อยประโยคสำคัญออกไป ลูกชายคนเล็กของเขาสมควรรู้ไว้&nbs
บทที่ 4 ตัวแทน (2) หลังจากได้รับข้อความนั้นปรีดิทาขบเนื้อปากด้านล่างไม่รู้กี่หน ความอึดอัดเคลื่อนย้ายเข้าสู่หัวใจมากขึ้น ดวงตาอมโศกหันมองยัยตัวเล็กที่หลับไปอีกครั้ง จนเวลาล่วงผ่านมาถึงตอนเย็น เสียงที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามวลอากาศลดน้อยลงก็แว่วดัง เสียงของรถแอสตันมาร์ตินที่เคลื่อนมาจอด เขาคงกลับมาแล้ว ตามมาด้วยเสียงที่ทำให้เธอสะดุ้งนิดๆ ก๊อก ก๊อก ปรีดิทาไม่ได้ถ่วงเวลาที่จะก้าวเดินไปเปิดประตู รู้ดีว่าอย่างไรก็ต้องเกิดขึ้น จึงเปล่าประโยชน์หากจะชักช้า แต่ในตอนที่ประตูค่อยๆ ถูกเปิดก็มีลมหายใจสะดุดอยู่เหมือนกัน ทว่าคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นไม่ใช่ทิวัตถ์ “คุณโปรดคะ คุณไท่ให้เนมมาบอกว่า ให้คุณโปรดอาบน้ำแล้วรีบขึ้นไปหาบนห้องค่ะ” คำบอกกล่าวนั้นปรีดิทาหน้าจืดลงไปแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ความกังวลวนเวียนกลับเข้ามาเมื่อหันไปมองปราณปรียา “โปรดฝากเนมดูยัยหนูสักพักได้ไหม” “ได้ค่ะ เดี๋ยวเนมกับรำจะช่วยดูแลคุณหนูเองค่ะ” ปรีดิทายิ้มขอบคุณ สองเท้าก้าวกลับเข้าด้านใน แต่ไม่ได้ไปอาบน้
“ถ้ามีอะไรอยากให้เนมช่วยบอกเนมได้เลยนะคะ เนมก็เคยเลี้ยงเด็กอยู่บ้างค่ะ” จารวีขันอาสา ฝ่ายคุณแม่มือใหม่พยักหน้ารับ แต่หากเธอยังไหวก็อยากจะเลี้ยงยัยหนูด้วยตัวเอง สองเท้าก้าวไวๆ กลับไปหาลูกสาวแสนรัก “หลับสบายเลยนะคะคนเก่ง” ปราณปรียายังหลับด้วยท่าทางน่าเอ็นดู รอยยิ้มกระจายเต็มดวงหน้าของคนเป็นแม่ แม้จะรู้สึกง่วงแต่ปรีดิทากลับเดินไปหยิบหนังสือที่นงลักษณ์เก็บใส่กระเป๋ามาด้วยออกมาเปิด เธอต้องเตรียมข้อมูลสำหรับการสอน โน้ตบุ๊กก็ถูกเปิดขึ้นด้วย พอเวลาผ่านไปสักพัก ปรีดิทาก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นต่อสายหาคนสำคัญ “ป้าอยู่ได้ใช่ไหมคะ” นงลักษณ์เป็นอีกคนที่หญิงสาวห่วงใยไม่น้อย เมื่อได้ฟังคำตอบก็เบาใจไปได้บ้าง และเมื่อจัดการหลายอย่างเสร็จก็ก้าวเท้าขึ้นเตียงไปนอนกับลูกสาว แง้งง ปรีดิทาสะดุ้งตัวตื่นขึ้นในหนึ่งชั่วโมงต่อมา เพราะเสียงร้องของลูก “หิวนมหรือจ๊ะคนดี” หญิงสาวรีบเอาลูกเข้าอก เฝ้ามองแกกินนมด้วยความหิว หลังจากอิ่มแกก็กลับมาตาแป๋วอีกครั้ง “เร
“ไม่กี่อาทิตย์คงหนีได้แล้ว” ทิวัตถ์รู้ดีว่าเขาจะเป็นที่พักพิงของปรีดิทาไม่นานหรอก หลังจากนี้เจ้าตัวคงคิดหาทางจะจากไป หญิงสาวกดหน้าแล้วตบท้ายด้วยรอยยิ้ม เธอไม่ปฏิเสธ เธอจะหนีไปอย่างแน่นอน โดยเงินส่วนหนึ่งจากเขาก็จะช่วยสนับสนุน คนที่ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้วอย่างเธอก็ไม่ต่างจากหมาจนตรอก เธอทำและยอมได้ทุกอย่าง เพื่อลูก เพื่อในวันหนึ่งจะได้กลับมามีความสุขอีกครั้ง “เอาที่ที่หยางจินหาไม่เจอด้วยละกัน ขี้เกียจฟังคำอ้อนวอนอีก” “ไม่ต้องห่วงค่ะ แม้แต่คุณก็จะหาโปรดไม่เจอ และโปรดจะไม่มีวันเป็นหมาจนตรอกแบบนี้อีก” เธอขอสัญญาว่าจะทำอย่างที่เอ่ยแน่นอน พลางหันไปมองจารวีที่กำลังเดินผ่านหน้าห้องรับแขก “เนม” “คะคุณโปรด” “ช่วยหยิบอุปกรณ์ทำแผลให้โปรดหน่อยสิ” ปรีดิทาบอกเสียงเรียบ สายตาเบนไปมองคนที่สมควรได้รับการทำแผล จารวีล่าถอยไปหยิบอุปกรณ์ ไม่นานก็กลับมายื่นให้แก่เจ้านาย “ขอบคุณจ้ะ” หญิงสาวยิ้มขอบคุณ แล้วหันไปสบตากับคนที่นั่งเงียบที่กำลังคล้ายจะอ้าปา
บทที่ 3 ตัวแทน ปรีดิทาถึงกับปากสั่นในความเลือดเย็นของทิวัตถ์ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่เธอตกหลุมรัก จนได้แต่งงานกัน ความหวานปะแล่มๆ ไม่ได้โดดเด่นตามสไตล์คนพูดน้อยอย่างเขาทำให้หัวใจของเธอชุ่มฉ่ำได้ เธอไม่ได้ต้องการการเอาอกเอาใจ ขอแค่เขารักก็เพียงพอ ก่อนดึงตัวเองกลับมามองนงลักษณ์อย่างลำบากใจ ฝ่ายคนที่ไม่เป็นที่ต้อนรับวางหน้าเครียด เพราะไม่อยากปล่อยให้คุณหนูอยู่ที่นี่ตามลำพัง ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน กระทั่งปรีดิทาเปิดตาขึ้นหลังหลับลงเพื่อตัดสินใจ “ตอนนี้โปรดจำเป็นต้องพึ่งเขาค่ะป้า” นอกจากทิวัตถ์จะเลือดเย็นแล้ว เขายังสอนให้เธอเป็นเช่นนั้นด้วยเช่นกัน ในเวลานี้ทางเลือกของเธอแทบไม่มี การทำให้ลูกปลอดภัยจากห