INICIAR SESIÓNปัง…
มิราแนบแผ่นหลังลงประตูห้องนอนตัวเองที่เพิ่งปิดตัวลง ภาพตอนถูกคาร์มินจูบยังคงฉายซ้ำในหัว อีกทั้งความรู้สึกยังติดตรึงจนถึงตอนนี้ ‘อยากได้ของคืน ก็หาอะไรมาแลกสิ… เด็กน้อย’ ‘หนูไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร’ ‘ก็ลองเดาดูสิว่าฉันต้องการอะไร’ หรือที่เขาบอกให้เธอหาอะไรมาแลก เขาหมายถึงจูบหรือเปล่านะที่ต้องการ เธอเลื่อนมือขึ้นมาแตะริมฝีปากที่โดนผู้ชายอันตรายคนนั้นจูบ เสียครั้งแรกให้ไม่พอ นี่ยังเสียจูบแรกให้เขาอีก ทุกสัมผัสจากเขายังคงตามหลอกหลอนเธออยู่ทุกวินาที พยายามไม่คิดมากเท่าไร ก็ยิ่งคิดมากเท่านั้น “เลิกคิดได้แล้วมิรา ก็แค่จูบและ… เซ็กซ์” เธอเดินออกจากตรงนี้เพื่ออาบน้ำเตรียมเข้านอน ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปหาน้องชายที่โรงพยาบาล ••• “พี่กับแม่รอเมฆอยู่นะ พวกเราคุยกันไว้ว่า ถ้าเมฆฟื้นเมื่อไหร่ แม่จะทำของโปรดที่เมฆชอบไว้ให้เยอะๆ เลย รีบฟื้นขึ้นมานะ” น้องชายเธอยังคงนอนอาการโคม่า อีกไม่กี่ชั่วโมงเมฆต้องเข้ารับการผ่าตัด ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดครั้งนี้ถือว่าสูงเลยทีเดียว เงินที่มีอยู่ตอนนี้ไม่พอต้องหาเพิ่ม เธอบอกแม่ว่าไม่ต้องเครียดเรื่องเงิน เพราะจะเป็นคนหาเอง เธอยอมสละเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อมาทำงานอย่างหนัก หาเงินมาจ่ายรักษาพยาบาลของน้องชาย “มิรา ค่ารักษาพยาบาลของน้อง…” “เดี๋ยวหนูจัดการเองค่ะแม่” “มันเยอะมากเลยนะลูก” “แค่ทำงานหนักขึ้นจากเดิม ก็น่าจะหาได้นะคะแม่” มะลิมองลูกสาวด้วยความเห็นใจ มิราทำงานหนักมาก เธอเป็นห่วง กลัวว่าจะทำงานหนักจนไม่มีเวลาพักผ่อน ช่วงนี้ลูกสาวนอนน้อยมาก แถมยังต้องตื่นเช้าทุกวันเพื่อมาช่วยตนเปิดร้าน ครอบครัวไม่เคยตกต่ำขนาดนี้มาก่อน นับตั้งแต่หย่ากับสามี ทุกอย่างก็เป็นอย่างที่เห็น เงินเก็บทุกบาททุกสตางค์ถูกสามีเก่าขโมยไปจนหมดบัญชีธนาคาร ซ้ำยังหาหนี้สินมาให้ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามีเก่าเอาบ้านไปค้ำประกันกับ ‘เสี่ยวิชัย’ เพิ่งมารู้ตอนหย่ากันได้สองอาทิตย์กว่าๆ เพราะทางนั้นมาทวงหนี้ และเอาหลักฐานทุกอย่างมายืนยัน หากไม่ยอมจ่ายหนี้ บ้านหลังนี้คงถูกยึด มิราออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อในโรงพยาบาล หลังจากได้ของที่ต้องการแล้วจึงเดินมากดลิฟต์เพื่อขึ้นไปข้างบน ประตูลิฟต์ที่กำลังปิดตัวลงแยกออกจากกันอีกครั้ง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นคาร์มินก้าวเข้ามาในลิฟต์พร้อมกับกระเช้าผลไม้ในมือ ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนที่มิราจะเป็นฝ่ายหลบสายตา หญิงสาวขยับออกห่างจากคนข้างกายจนติดผนังในลิฟต์ หมายเลขชั้นของเขาคือจุดหมายปลายทางเดียวกันกับเธอ… ภายในลิฟต์เงียบสนิทจนความอึดอัดก่อตัว มิรากำถุงของกินในมือแน่น ริมฝีปากพลางเม้มเข้าหากัน สายตามองหมายเลขชั้นที่เลื่อนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งอยากออกไปจากตรงนี้เร็วเท่าไร หมายเลขชั้นที่กำลังเลื่อนขึ้นยิ่งช้าลงมากเท่านั้น ติ้ง~ เสียงสวรรค์มาแล้ว พอลิฟต์เปิดออก คาร์มินเป็นคนแรกที่ก้าวออกไปโดยไม่สนใจหญิงสาว ทำราวกับไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น “สวัสดีค่ะคุณคาร์มิน” “สวัสดีค่ะ” อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นคนในโรงพยาบาลยกมือไหว้ทักทายคาร์มินแทบทุกคน ไม่สิ… ต้องบอกว่าทุกคนที่เดินผ่านเขา เธอเลิกสนใจในตัวผู้ชายคนนั้นว่าเป็นใครกันแน่ รีบเดินจ้ำอ้าวไปยังห้องที่น้องชายพักรักษาตัวอยู่ ตอนนี้เมฆผ่าตัดเสร็จแล้วเรียบร้อย 19:00 น. “มิรารีบไปทำงานเถอะลูก เดี๋ยวทางนี้แม่ดูแลต่อเอง” “ค่ะแม่” ตอนนี้ถึงเวลางานแล้ว เธอบอกเจ้มอลลี่ว่าอาจจะไปสายหน่อย มิราออกจากโรงพยาบาลมารอแท็กซี่ ระยะทางจากโรงพยาบาลไปไนต์คลับไม่ไกลกันมาก ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็มาถึง คนตัวเล็กควักเงินจ่ายให้คุณลุงขับแท็กซี่ก่อนจะเปิดประตูรถลงมา วันนี้รู้สึกเพลียเล็กน้อยเพราะเมื่อคืนนอนเกือบตีหนึ่งครึ่ง ซ้ำยังต้องตื่นนอนตอนหกโมงเช้า สภาพเธอตอนนี้พร้อมนอนทุกช่วงเวลาเลยก็ว่าได้ “สวัสดีค่ะเจ้มอลลี่” “สวัสดีจ้า ทำไมตาเราเหมือนคนไม่ได้นอนมาเลยล่ะ” “นอนดึกตื่นเช้าค่ะเจ้” “พักผ่อนเยอะๆ หน่อยนะ อันที่จริงไม่ต้องทำงานจนร้านปิดก็ได้ สี่ห้าทุ่มกลับบ้านก็ได้เจ้ไม่ว่า” “ไม่เป็นไรค่ะเจ้ หนูไหว” “พรุ่งนี้ต้องไปเรียนด้วยนิ วันนี้เจ้ให้ทำงานถึงสี่ทุ่มพอ ถ้ามิราดื้อ เจ้จะหักเงินเดือน” “เจ้มอลลี่…” “ไม่ต้องเลย เอาร่างกายตัวเองก่อน วันนี้เลิกงานสี่ทุ่มเข้าใจไหม?” “เข้าใจแล้วค่า” แม้อยากอยู่ทำงานต่อ ทว่าก็ไม่สามารถขัดเจ้มอลลี่ได้ กลับเร็วก็ดีเหมือนกัน เพราะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ใจยังไหวแต่ร่างกายมันเรียกร้องหาเตียงและหมอนใบที่คุ้นเคย มิราง่วนทำงานอย่างตั้งใจ วันนี้ได้ดูแลลูกค้าวีไอพีถึงสองคน ทิปไม่ต้องพูดถึง เพราะด้วยใบหน้าสะสวยบวกกับความน่ารัก จึงทำให้ลูกค้าผู้ชายต่างเอ็นดูแล้วป้อนทิปให้อย่างไม่อั้น “ช่วงนี้เนื้อหอมจังเลยนะเกว” เพื่อนในที่ทำงานเอ่ยแซว “พี่นิดหน่อยก็ใช่ย่อยเหมือนกันนะคะ แล้ววันนี้ลูกค้าเป็นยังไงบ้างคะ เห็นคนบอกว่างานดีมาก” “งานดีจริง ได้ทิปมาเยอะเลย” “รอบหน้าเอาให้ได้เยอะกว่านี้นะคะพี่นิดหน่อย” “ก็ขอให้เจอลูกค้าที่กระเป๋าหนักและไม่ขี้เหนียว” เธอและพี่นิดหน่อยคุยกันอย่างสนุกสนานถูกคอ ขณะกำลังยืนคุยอยู่นั้น สายตาพลันไปเห็นคาร์มิน ซึ่งนั่งอยู่โซนวีไอพีพร้อมกับชายหนุ่มหน้าตาดีอีกสี่คนที่เป็นเพื่อนของเขา แม้ไม่อยากเจอแต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะเขาและเพื่อนมาดื่มที่นี่บ่อยมาก “นั่นมันลูกค้าของเกวคืนนั้นนิ รู้ไหมว่าวันนั้นพวกพี่อิจฉาเกวกันตาร้อนมาก” “อิจฉาอะไรกันคะพี่นิดหน่อย ไม่เห็นมีอะไรให้น่าอิจฉาเลย…” “เอ๋า! ก็ต้องอิจฉาสิ นั่นคุณคาร์มินเชียวนะ” “พี่นิดหน่อยรู้จักเขาด้วยเหรอคะ?” “รู้สิ ครอบครัวเขาดังจะตาย แถมยังรวยมากอีกด้วยนะ คุณคาร์มินเกิดมาบนกองเงินกองทอง เหมือนคาบช้อนทองมาเกิด หลายคนอิจฉาชีวิตเขามากเลยล่ะ นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังรวย และเก่งรอบด้านอีกต่างหาก” “เวลามองเขา พี่นิดหน่อยรู้สึกว่าเขามีรังสีน่ากลัวบางอย่างไหมคะ” “ใครๆ ก็พูดกันว่าเขาดูน่ากลัว ว่ากันว่าครอบครัวคุณคาร์มินสืบเชื้อสายมาจากตระกูลมาเฟียเก่าแก่ แต่ไม่มีใครฟังธงว่าคือเรื่องจริง เท่าที่มองแววตาเขา พี่ก็ว่าเขาดูน่ากลัว ลึกลับ และน่าค้นหาดีนะ” สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมาเฟียอย่างนั้นเหรอ เธอละสายตาจากพี่นิดหน่อยไปมองเขาอีกครั้ง คราวนี้คาร์มินหันมาสบตา วินาทีนั้นหัวใจเธอกระตุกวูบจนต้องรีบหลบแววตาน่ากลัวคู่นั้นไป “สาวๆ คงเข้าหาเขาเยอะนะคะ” “อยู่แล้ว จะเอาไม่เอาก็อีกเรื่อง คุณคาร์มินไม่เคยเข้าไปเป็นตัวเลือกของผู้หญิงคนไหน เพราะเขาเองที่เป็นคนเลือกผู้หญิงเข้ามาในชีวิต” “หมดเวลาพักของพี่แล้ว พี่ไปทำงานต่อก่อนนะ” เธอพยักหน้าให้พี่นิดหน่อยแล้วดึงสาวตาไปมองนาฬิกาบนผนัง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เธอเดินออกไปจากตรงนี้เพื่อเปลี่ยนชุดกลับบ้าน ระหว่างกำลังยืนรอรถแท็กซี่ผ่านมา เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความบอกแม่ว่ากำลังกลับบ้านอย่างกลัวเป็นห่วงเพราะคืนนี้แม่นอนเฝ้าเมฆที่โรงพยาบาล “รอรถเหรอคนสวย” เสียงนั้นทำให้เธอหันไปมอง เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางเมากรึ่มกำลังมองด้วยสายตาแทะโลม “ค่ะ” ตอบกลับสั้นๆ แล้วเดินไปยืนที่อื่น แต่ไม่วายที่ชายขี้เมาจะเดินตามมา เธอเริ่มกลัวแล้ว… “ให้พี่ยืนรอเป็นเพื่อนเอาไหม” “ไม่เป็นไรค่ะ” หมับ พรึ่บ! “คะ…คิดจะทำอะไร!” เธอตวาดเสียงใส่เมื่อชายคนนี้เอื้อมมือมาสัมผัสแขนอย่างถือวิสาสะ “คนอะไรนอกจากจะสวย ขาวแล้ว ผิวยังนุ่มอีกต่างหาก ขอจับอีกนิดหน่อยได้ไหมคนสวย” “อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ!” ปึก! มิราถอยห่างออกจากชายขี้เมาโดยไม่รู้เลยว่าข้างหลังมีคนยืนอยู่ ทำให้ชนเข้ากับอีกคนเต็มๆ ตอนนี้คนตัวเล็กเริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา เพราะกำลังคิดว่าคนที่ยืนข้างหลังเป็นพวกเดียวกับชายขี้เมาตรงหน้า “ไปซะ ถ้าไม่อยากมีเรื่อง” น้ำเสียงเย็นเยียบคุ้นเคยดังเข้ามาในหูมิรา วินาทีนั้นหัวใจแทบหยุดเต้นลงไปชั่วคราว มือหนาที่กำลังจับเอวบางทำให้คนตัวเล็กรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร คาร์มิน…“เดินระวังนะครับ”“เบบี๋ประคองหนูทั้งวันแล้วนะ ให้หนูเดินเองเถอะ”“ไม่ได้ ท้องหนูโตมากแล้ว ให้เฮียประคองเนี่ยแหละดีแล้ว”เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ต่อให้ท้องไม่โตใกล้คลอดเขาก็เดินประคองทุกวันอยู่แล้ว อาทิตย์หน้าก็ถึงกำหนดคลอดลูก บอกตามตรงว่าตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน ไม่เคยมีประสบการณ์คลอดลูกมาก่อน ค้นกูเกิลเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก ซึ่งหลายคนบอกไม่เหมือนกันเลยสักคนคาร์มินประคองมิรามานั่งลงโซฟา ชายหนุ่มถอดรองเท้าออกให้ การกระทำของคนตัวโตเรียกรอยยิ้มจากภรรยาสาวได้ไม่ยากอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเขาทำแบบนี้ให้“ขอบคุณเบบี๋นะคะ”คาร์มินเงยหน้าขึ้นมองภรรยาสาว“เบบี๋ดูแลหนูดีมากเลย ไม่คิดว่าชีวิตนี้หนูจะได้เจอผู้ชายแบบเบบี๋” แม้จุดเริ่มของความสัมพันธ์ไม่ได้ดีมากนัก ทว่าตอนจบของเรื่อง…เชื่อว่ามันสวยงามเสมอคุณคาร์มินดีกับเธอมากจริงๆ เขาดูแลและเอาใจใส่ในทุกเรื่อง แถมยังรู้ด้วยว่าเธอชอบหรือไม่ชอบอะไร ถ้าหากวันนั้นเธอกับเขาไม่ได้เจอกัน ก็คงไม่มีวันนี้“หนูรักเบบี๋นะคะ”“รักเหมือนกันครับ” เขามองมิราแล้วยิ้ม ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปสวมกอดเธอเอาไว้ด้วยความรักถ้าหากรู้ว่าจะรักมิรามากขนาดนี้ คงขอเธอเป็นแฟนไ
วันแต่งงาน “สวยจังเลยลูกสาวแม่” มะลิพูดกับลูกสาวในชุดเจ้าสีขาวสะอาดตาสวยงามด้วยรอยยิ้มและแววตาที่ปลื้มปิติจากเด็กน้อยในวันนั้นสู่เจ้าสาวในวันนี้…วันและเวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ เผลอแป๊บเดียวมิราโตเป็นสาวแล้ว ความฝันของคนเป็นแม่ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย แค่อยากเห็นลูกสาวได้เจอคู่ชีวิตที่ดีและได้อุ้มหลานเส้นทางแห่งการก้าวสู่คำว่า ‘สร้างครอบครัว’ คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมิราและคาร์มิน หวังว่าทั้งสองคนจะจับมือกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ในอนาคตไปได้ จะคอยดูลูกสาวเติบโตอยู่ไม่ไกล หันมาเมื่อไหร่ก็ยังเจอ“แม่ก็สวยเหมือนกันค่ะ”“ปากหวานจริงๆ เด็กคนนี้”“คิก แม่ว่าคนอื่นจะมองหนูยังไงบ้างคะ เพราะหนูอายุสิบแปด แต่กำลังแต่งงาน”“อีกไม่กี่เดือนลูกสาวแม่ก็สิบเก้าแล้วนะ” มะลิพูดเย้าแหย่ให้ลูกสาวไม่เครียด“มิราไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่นหรอกว่าจะมองยังไง วันนี้หนูเป็นนางเอกของงาน สวยที่สุดในนี้ ต่อให้ลูกสาวแม่แต่งงานตอนอายุสิบแปดมันก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลย เพราะมิราบรรลุนิติภาวะแล้ว อีกอย่าง ความคิดและทัศนคติของลูกยังเหมือนผู้ใหญ่คนนึง”“…”“หากตัดเรื่องอายุออกไป ลูกสาวแม่ก็เหมือนผู้ใหญ่คนนึงเลยแหละ เพราะฉะนั้นมิราไม่ต
วันรับปริญญาคาร์มินในชุดครุยรับปริญญากำลังยืนถ่ายรูปกับกลุ่มเพื่อนสนิท สายตาคมเข้มมองหาใครบางคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วย มีเพียงครอบครัวตัวเองและของเพื่อนสนิทเท่านั้น เมื่อเช้ามิราโทรมาบอกว่าอาจจะไม่ได้เข้าไปเพราะติดธุระสำคัญวันนี้เป็นวันสำคัญแต่คนสำคัญกลับยังไม่มา พอมองดูรอบข้างเห็นคิมหันต์และอนาคินกำลังถ่ายรูปคู่กับแฟนสาวมันกลับทำให้เขารู้สึกเศร้าขึ้นมารู้ว่ามิราติดธุระของตัวเอง ทว่าวันสำคัญทั้งที ก็อยากให้เธอได้อยู่ตรงนี้ด้วยกัน“มิราไม่มาเหรอวะ” ลูคัสเดินเข้าไปถามคาร์มิน“ไม่แน่ใจวะ เห็นบอกว่าวันนี้ต้องไปทำธุระสำคัญ”“เดี๋ยวก็มา” เพื่อนสนิทตบไหล่เบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาครอบครัวตัวเองส่วนคาร์มินก็เดินเข้าไปหาพ่อ แม่ และน้องสาว“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะพี่คาร์มิน” คาร์เทียร์เอ่ยถามพร้อมกับอมยิ้ม แม้รู้อยู่แล้วว่าสาเหตุที่ทำให้พี่ชายทำหน้าหงอยแบบนี้มาจากอะไรเพราะว่าพี่สะใภ้ไม่อยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ เลยทำให้แมวเย็นแถวนี้กลายเป็นแมวหงอย“พี่สะใภ้ของเทียร์ยังไม่มาเหรอคะ”“นั่นนะสิ ตั้งแต่มาถึง แม่ยังไม่เห็นหนูมิราเลย”“วันนี้มิราติดธุระสำคัญครับ ไม่รู้ว่าจะเสร็จตอนไหน บางทีอาจจะไม่ได้มา”“ลอง
“เบบี๋~ หนูมาแล้ว~” เสียงใสคุ้นเคยดังเข้ามาในโสตประสาทชายหนุ่มที่กำลังวุ่นวายอยู่กับงานตรงหน้า ความเครียดตึงเหมือนสมองบีบรัดแน่นหายไปในพริบตา เมื่อได้เห็นรอยยิ้มสดใสของแฟนสาวและเป็นคนเดียวกับ…แม่ของลูก“ซื้อของกินมาฝากด้วยค่ะ” คนตัวเล็กในชุดสบายๆ ชูถุงของกินเต็มสองมือขึ้นต่อหน้าคาร์มิน“ไปชอปปิงกับคาร์เทียร์สนุกไหม” วันนี้เขาออกมาบริษัทตั้งแต่สิบโมงเช้า ทำให้มิราต้องอยู่เพนท์เฮาส์คนเดียว ตอนแรกแอบกังวลว่าเธอจะเหงาหรือเปล่า โชคดีวันนี้คาร์เทียร์โทรมาขออนุญาตพามิราไปชอปปิงเป็นเพื่อน เขาเลยอนุญาตให้ไป เพราะไม่อยากปล่อยแฟนไว้คนเดียว“สนุกมากเลยค่ะ น้องสาวเบบี๋ชวนคุยเก่งมาก แถมยังพาหนูไปกินของอร่อยๆ เยอะแยะเต็มไปหมดเลย”“หึ เฮียดีใจนะที่เห็นหนูมีความสุข” คงสนุกเที่ยวเลยล่ะ ทั้งมิราและคาร์เทียร์มีอะไรหลายอย่างคล้ายกันมาก แตกต่างกันอยู่แค่ไม่กี่อย่าง“ยิ้มแบบนี้เยอะๆ นะครับ” รอยยิ้มของมิราเปรียบเสมือนยาชูกำลัง เห็นแบบนี้ทุกวันทำให้เขาหายเหนื่อยกับอะไรหลายๆ อย่างที่ทำมาทั้งวันเลยล่ะ…“เมื่อกี้เห็นเบบี๋สีหน้าไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรเหรอคะ”“เฮียแค่กำลังโฟกัสกับงาน” เวลากำลังโฟกัสกับอะไร สีหน้าของ
บรรยากาศภายในห้องอาหารของโรงแรมหรูระดับห้าดาวชื่อดังแห่งหนึ่งอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุข สองครอบครัวได้มาเจอกันเป็นครั้งแรกครอบครัวคาร์มินให้การต้อนรับครอบครัวมิราเป็นอย่างดี ทั้งหมดร่วมกันรับประทานอาหารเย็นท่ามกลามวิวตึกในยามค่ำคืนของเมืองกรุงเทพมหานครในห้องอาหารส่วนตัววีไอพีคาร์มินเป็นคนนัดทุกคนให้มารวมตัวกันเพื่อบอกเรื่องสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าตัวไม่ได้คิดมากอะไร แต่คนที่คิดมากเห็นจะเป็นแฟนสาวมากกว่า เมื่อคืนมิรานอนไม่หลับเพราะเอาแต่เครียดเรื่องนี้ และกลัวอะไรหลายๆ อย่างที่ยังไม่เกิดขึ้น“นัดเจอกันแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ทำความรู้จักกับครอบครัวหนูมิราด้วย” เสียงนาร์มินพูดแล้วยิ้มให้ครอบครัวมิราอย่างเป็นมิตร“อะไรที่ทำให้ลูกนัดเจอพวกเราพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้” มาร์คินหันไปถามลูกชายด้วยความอยากรู้“ที่ผมนัดทุกคนมาเจอกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาวันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกให้ทราบครับ”“เรื่องสำคัญอะไรเหรอ?” มะลิถามคาร์มินหันไปมองหน้ามิราพร้อมกับจับมือเล็กมากุมเอาไว้ แม้คนข้างกายไม่แสดงออกว่ากำลังวิตกกังวล แต่ลึกๆ เชื่อว่าเธอคงกำลังเป็นแบบนั้น“
“เบบี๋~” เสียงใสเจื้อยแจ้วเรียกแฟนมาแต่ไกล มิราเดินมานั่งบนตักอ้อนคาร์มินที่กำลังทำงานอยู่ ทำให้ชายหนุ่มต้องพักงานตัวเองเอาไว้ชั่วคราวเพื่อสนใจแฟนสาวก่อนเป็นอันดับแรก“ว่าไงครับ”“เบบี๋ไม่ปลุกหนูอีกแล้ว”“เฮียเห็นหนูหลับอยู่เลยไม่อยากรบกวน” ช่วงนี้มิรานอนกลางวันบ่อยมาก แถมยังขี้อ้อน และติดเขาแบบสุดๆ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบที่เธอเป็นอย่างนี้ ชอบมากเลยล่ะ เพราะเมื่อก่อนมิราไม่ค่อยสนใจเขาเท่าไร อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี…“แต่บางทีการตื่นขึ้นมาโดยไม่เห็นเบบี๋ มันก็รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน”“บางทีเฮียก็เดินเข้าไปดูหนูอยู่ แต่เห็นนอนหลับสบายเลยไม่กล้าปลุก”“เบบี๋ทำงานอยู่เหรอ?”“ใช่ครับ”“หนูลงไปซื้อชานมไข่มุกนะ เบบี๋จะเอาอะไรไหมเดี๋ยวซื้อมาให้”“ไปคนเดียว?”เธอพยักหน้าเป็นคำตอบ เห็นเขากำลังทำงานอยู่เลยไม่อยากชวนลงไปด้วย“เดี๋ยวเฮียลงไปเป็นเพื่อน”“เบบี๋ทำงานเถอะค่ะ หนูไม่อยากกวน”“เดี๋ยวไปเป็นเพื่อน”“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปหยิบกระเป๋าตังค์ก่อนนะ”“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเฮียจ่ายให้”“เบบี๋จ่ายค่าชานมไข่มุกให้หนูเกือบทุกวัน หมดไปเยอะแล้วมั้ง ครั้งนี้หนูขอจ่ายเองดีกว่า”“เฮียจะจ่ายให้”“ตามใจเ







