ตอนที่
19
เมื่อมนุษย์น้ำแข็งละลาย
ผ่านไปไม่นานเสียงเพลงคลอเบา ๆ บนรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ปรายฟ้าที่แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่หายขาดจากอาการเพลีย เธอเผลอหลับไปแล้วศีรษะของเธอค่อย ๆ เอนไปซบไหล่ของภาคภูมิ
ภาคภูมิรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ เขาหันมามองปรายฟ้าที่หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอรดต้นคอของเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เขาเพียงแค่ทอดสายตามองไปข้างหน้า ปล่อยให้เธอหลับพิงอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อย
กัสที่ได้นั่งข้างณัฐพลก็ยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบหันไปมองปรายฟ้าและภาคภูมิ แล้วยกนิ้วโป้งให้มีนาที่นั่งอยู่ข้างชัยวัฒน์ มีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ ก่อนจะแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปโมเมนต์ของปรายฟ้ากับภาคภูมิเก็บไว้
ในขณะที่ปรายฟ้ากำลังหลับพิงไหล่ภาคภูมิอย่างสบายใจ กัสที่ได้นั่งเบาะข้างกันกับณัฐพลก็รู้สึกมีความไม่แพ้กัน เธอมองณัฐพลที่กำลังเปิดมือถือดูรูปถ่ายที่ทั้งสองแอบไปเดทกันมาเมื่อไม่นานแล้วยิ้มออกมา
“พลจำได้ด้วยเหรอว่ากัสชอบรูปนี้” กัสถามณัฐพลเสียงเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานเผยออกมา
ณัฐพลเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองกัส “ก็จำได้สิ รูปนี้เธอยิ้มสวยดี” เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วเลื่อนรูปไปให้กัสดูใกล้ ๆ
“บ้า!!! ชมอย่างนี้ก็เขินสิ อย่าไปพูดไปเรื่อยได้ไหม”
“ไม่ได้พูดไปเรื่อยนะ ก็ยิ้มสวยจริง ๆ” ณัฐพลยืนยันพร้อมกับมองกัสอย่างไม่วางตา
กัสรู้สึกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอหันกลับไปมองวิวข้างนอกหน้าต่างเพื่อซ่อนรอยยิ้มเขิน ๆ ที่กำลังจะปรากฎขึ้นบนใบหน้า ณัฐพลอมยิ้มแล้วหันกลับไปดูรูปในมือถือต่อแต่ก็แอบชำเลืองมองกัสเป็นระยะ ๆ บรรยากาศสงบแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งสอง
ถัดไปอีกไม่กี่แถว มีนาที่จำใจต้องมานั่งกับชัยวัฒน์เพราะกัสขอก็กำลังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด
“นี่นาย!!! อย่าเอาขามาเบียดฉันสิ” มีนาโวยวายเมื่อชัยวัฒน์เผลอขยับขามาโดนเธอ
ชัยวัฒน์ทำหน้างง “อ้าว!!! ก็ที่มันแคบนี่นาแล้วเธอมานั่งเบียดฉันเองไม่ใช่หรือไง”
“ใครเบียดใครกันแน่ นายต่างหากที่ตัวใหญ่กินพื้นที่” มีนาเถียงกลับทันควัน
“โธ่!!! ทีตอนแรกทำเป็นยกนิ้วโป้งให้เพื่อนเพราะได้มานั่งข้างฉันจนอยากนั่งข้างฉันจนตัวสั่นเลยล่ะสิ” ชัยวัฒน์พูดขึ้นมาเพื่อกวนใจมีนา
“นายบ้า!!! ใครจะอยากนั่งข้างนายกันล่ะ ฉันจำเป็นต่างหาก” มีนาตอบเสียงดังขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยิ่งโมโหเมื่อเขากำลังหัวเราะเธอ
“โอ๊ย ๆ ๆ พอ ๆ ๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว” อาจารย์สุภาวิณีที่เดินตรวจตรานักศึกษาอยู่หันมาปรามเบา ๆ
“นั่งดี ๆ ค่ะนักศึกษา”
มีนาและชัยวัฒน์รีบเงียบเสียงลงทันที พวกเขามองหน้ากันแล้วก็แอบแลบลิ้นใส่กัน ก่อนจะทำเป็นสนใจวิวข้างทางแต่ก็ยังแอบมองกันอย่างเคือง ๆ และกวนประสาทกันเป็นระยะ ๆ
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงปรายฟ้าขยับตัวเล็กน้อยแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอรู้สึกตัวว่ากำลังซบไหล่ของภาคภูมิอยู่ ใบหน้าของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที เธอรีบเด้งตัวออกจากไหล่ของเขาอย่างรวดเร็ว
“โทษที!!! ฉันเผลอหลับไปแล้วก็ไปพิงไหล่นาย” ปรายฟ้าพูดตะกุกตะกักก้มหน้าด้วยความเขินอาย
ภาคภูมิหันมามองเธอเล็กน้อย “ไม่เป็นไร” เขาตอบเสียงเรียบแต่ดวงตาไม่ได้แสดงความรำคาญใจเลยแม้แต่น้อย
“ดีขึ้นหรือยัง” เขาถามพลางยื่นขวดน้ำเล็ก ๆ ให้กับเธอ
“ดีขึ้นแล้วล่ะ” ปรายฟ้ารับขวดน้ำมาแล้วเปิดดื่มช้า ๆ เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก ๆ
“ขอบใจนะ”
“แต่เธอยังดูเพลีย ๆ อยู่นะปรายฟ้า” ภาคภูมิพูดแล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผ้าห่มผืนเล็ก ๆ ที่ปรายฟ้าพับวางไว้ข้างตัว
“เอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้อย่างนี้ จะได้ไม่หนาว” ภาคภูมิพูดขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มมาคลุมตัวของปรายฟ้าไว้
ปรายฟ้ามองการกระทำนั้นหัวใจของเธอเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้น ทั้งสองเผลอสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ
ดวงตาของภาคภูมิจ้องมองมาด้วยความห่วงใยที่ไม่อาจปิดบังไว้ได้ ปรายฟ้าสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา แม้เพียงเสี้ยววินาทีที่สบตากัน เธอรู้สึกเหมือนถูกสะกดไว้ ปรายฟ้ารีบหลบสายตาไปทางอื่นด้วยความประหม่า
“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ ไม่ใส่เสื้อกันหนาวเลย ไม่หนาวหรือไง” ปรายฟ้าแกล้งบ่นเพื่อทำลายความเขินอายของตัวเอง
“ผมไม่หนาว ผมแข็งแรง” ภาคภูมิตอบสั้น ๆ
บรรยากาศบนรถกลับมาเงียบอีกครั้งแต่ความเงียบนั้นไม่ได้อึดอัดอีกต่อไป มีเพียงเสียงเพลงเบา ๆ คลอไปกับเสียงเครื่องยนต์ ปรายฟ้าแอบมองภาคภูมิเป็นระยะ ๆ เขากำลังเล่นมือถืออยู่เงียบ ๆ
รถบัสยังคงแล่นไปตามถนนอย่างต่อเนื่อง แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศอบอุ่นกำลังดี ปรายฟ้ารู้สึกสบายตัวขึ้นหลังได้พักผ่อน เธอหันไปมองวิวข้างนอกหน้าต่าง ต้นไม้ริมทางผ่านตาไปอย่างรวดเร็ว สลับกับทุ่งนาเขียวขจีที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
“วิวสวยจัง” ปรายฟ้าพึมพำกับตัวเองพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
ภาคภูมิ ซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินเข้าก็เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นกัน
“ธรรมชาติก็มีมุมที่สวยงามเสมอ”
“นายชอบธรรมชาติเหรอ” ปรายฟ้าถามด้วยความสนใจ
“ก็เฉย ๆ” ภาคภูมิตอบตามสไตล์
“แต่ถ้าได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับธรรมชาติก็ชอบ”
ปรายฟ้า หัวเราะเบา ๆ “นายก็ยังคงเป็นนายจริง ๆ นะ”
บทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ดำเนินไปเรื่อย ๆ ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องวิวทิวทัศน์ที่กำลังผ่านไป บางครั้งภาคภูมิก็อธิบายถึงพันธุ์พืชบางชนิดที่เขาเคยศึกษาให้ปรายฟ้าฟัง ทำให้เธอรู้สึกทึ่งในความรู้รอบตัวของเขา ความรู้สึกอึดอัดที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปจนหมดสิ้นเหลือเพียงความสบายใจที่ได้อยู่ใกล้กัน
“นายชอบดูหนังแนวไหนเหรอ” ปรายฟ้าลองชวนภาคภูมิคุยเพราะเห็นเขาเปิดหนังเรื่องหนึ่งในมือถือ
ภาคภูมิชะงักเล็กน้อยแล้วก็หันมามองเธอ “ผมดูได้หมดแล้วแต่ว่าเรื่องนั้นน่าสนใจไหม”
“แล้วเคยดูหนังตลกไหม” ปรายฟ้าถามต่อแล้วก็รอคำตอบจากภาคภูมิอย่างสนใจ
“ไม่ค่อยได้ดู”
“งั้นแสดงว่านายก็ไม่ได้เป็นคนอารมณ์ขันสินะ”
ภาคภูมิเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ก็ไม่ใช่อย่างนั้น”
ปรายฟ้าหัวเราะเบา ๆ “งั้นนายเคยหัวเราะเสียงดัง ๆ บ้างไหมเนี่ย”
ภาคภูมิมองหน้าปรายฟ้าแล้วยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ก็มีบ้างแล้วถามทำไมเนี่ย”
“ก็แค่อยากรู้” ปรายฟ้าพูดแค่นั้นก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อนั่งชมวิวข้างทางไปเรื่อย ๆ ส่วนภาคภูมิก็ใส่หูฟังแล้วเขาก็หลับตาไป ปรายฟ้าก็แอบมองภาคภูมิเป็นระยะแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว
ตอนที่ 22ทะเลกับความรู้สึกที่เบ่งบานหลังจากจัดการเรื่องตะขาบเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับมื้อค่ำที่อาจารย์สุภาวิณีจองไว้ เสียงหัวเราะและบทเพลงจากห้องพักชายหญิงดังสลับกันไปมา บ่งบอกถึงความสุขและความผ่อนคลายที่ทุกคนกำลังได้รับเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็น นักศึกษาทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ร้านหมูกระทะริมทะเลที่อาจารย์จองไว้บรรยากาศยามเย็นริมหาดทรายช่างสวยงามเหลือเกิน แสงสีส้มแดงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าทอประกายบนผิวน้ำทะเล ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจโต๊ะหมูกระทะถูกจัดเรียงราย หมูหมัก กุ้ง ปลาหมึก ผักสด และน้ำจิ้มรสเด็ดถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ กลิ่นหอมของเนื้อย่างลอยมาเตะจมูก ทำให้ทุกคนท้องร้องจ๊อก ๆปรายฟ้านั่งอยู่ข้างภาคภูมิอีกแล้วโดยไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือเพื่อน ๆ แอบจัดให้ กัสกับณัฐพลนั่งเยื้อง ๆ กัน ส่วนมีนากับชัยวัฒน์ก็นั่งตรงข้ามกัน“โอ๊ย หิวมาก” กัสพูดพลางคีบหมูลงบนเตาอย่างรวดเร็ว“ใจเย็น ๆ กัส เดี๋ยวก็ไหม้หรอก” ณัฐพลบอกพลางช่วยคีบผักวางรอบ ๆชัยวัฒน์รีบย่างกุ้งให้มีนา “นี่มีนากินเยอะ ๆ จะได้มีแรงไปเถียงฉันพรุ่งนี้”มีนาทำหน้าหมั่นไส้ “ไม่
ตอนที่21ค้างคืน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ศูนย์เรียนรู้ กลุ่มนักศึกษาก็พร้อมออกเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางถัดไป นั่นคือที่พักริมทะเล รถบัสแล่นออกมาจากศูนย์ทิ้งความร่มรื่นของป่าไม้ไว้เบื้องหลังมุ่งหน้าสู่ท้องทะเลสีครามที่รออยู่เบื้องหน้า แสงแดดยามบ่ายเริ่มอ่อนลง บรรยากาศในรถอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นและรอยยิ้มของนักศึกษาปรายฟ้านั่งริมหน้าต่างมองวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนผ่านไปเรื่อย ๆ ข้าง ๆ เธอ ภาคภูมิกำลังก้มอ่านอะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจแต่ก็มีบางจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมามองเธอกัสที่นั่งกับณัฐพลไม่วายที่จะแอบหยิกแก้มของณัฐพลเบา ๆ เมื่อเขาแกล้งหลับพิงไหล่ของเธอ ส่วนมีนาและชัยวัฒน์ก็ยังคงเถียงกันเรื่องเพลงที่เปิดในรถ เสียงหัวเราะและเสียงแซวกันดังเป็นระยะ สร้างความครึกครื้นตลอดการเดินทาง“นักศึกษามีใครอยากเป็นนักร้องบ้าง ใครอยากโชว์ลูกคอเป็นเพลงแรกค่ะ” อาจารย์สุภาวิณีเอ่ยถามขึ้นมาเท่านั้นแหละ บรรยากาศในรถก็เปลี่ยนเป็นคอนเสิร์ตเคลื่อนที่ทันทีกัสและณัฐพลอาสาเป็นคู่แรก พวกเขาร้องเพลงคู่รักหวาน ๆ ด้วยเสียงที่ประสานกันอย่างน่ารัก ทำให้เพื่อน ๆ ในรถส่งเสียงกรี๊ดและแซวกันยกใหญ่“โอ๊ย!!! หวานกว่
ตอนที่20ใกล้กันอีกนิด ไม่นานนักรถบัสก็เริ่มชะลอความเร็วลง ก่อนจะเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดรถของศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสถานที่แรกที่พวกเขาจะมาทัศนศึกษา อาคารไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น ด้านหน้ามีป้ายต้อนรับที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลอย่างสวยงามอาจารย์สุภาวิณีประกาศให้นักศึกษาลงจากรถและมารวมตัวกันหน้าอาคาร“ถึงแล้ว!!!” กัสกระซิบณัฐพลใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกันกับนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ตื่นเต้นไม่แพ้กันปรายฟ้าลงมาจากรถพร้อมกับภาคภูมิ กลิ่นอายของธรรมชาติ ทั้งกลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้และความชื้นจากอากาศที่ร่มเย็นทำให้เธอรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก“อากาศดีจังเลยเนอะ” ปรายฟ้าพูดขึ้นขณะสูดหายใจเข้าลึก ๆ“จริง” ภาคภูมิตอบพลางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจอาจารย์สุภาวิณีเริ่มอธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการมาที่นี่และกิจกรรมที่นักศึกษาจะต้องทำรวมถึงการแบ่งกลุ่มสำหรับการเดินสำรวจและเก็บข้อมูล“เอาล่ะค่ะนักศึกษา ทุกคนจะต้องทำงานเป็นกลุ่มนะครับ ตามกลุ่มโปรเจกต์ที่เราแบ่งไว้แล้ว แต่ละกลุ่มต้องเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพืชพรรณ สัตว์เล็ก ๆ และระบบนิเวศน์ในบริเวณนี้ เพื่อนำ
ตอนที่19เมื่อมนุษย์น้ำแข็งละลาย ผ่านไปไม่นานเสียงเพลงคลอเบา ๆ บนรถทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย ปรายฟ้าที่แม้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ร่างกายก็ยังไม่หายขาดจากอาการเพลีย เธอเผลอหลับไปแล้วศีรษะของเธอค่อย ๆ เอนไปซบไหล่ของภาคภูมิภาคภูมิรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ เขาหันมามองปรายฟ้าที่หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ ลมหายใจแผ่ว ๆ ของเธอรดต้นคอของเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ เขาเพียงแค่ทอดสายตามองไปข้างหน้า ปล่อยให้เธอหลับพิงอยู่เช่นนั้น ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่น้อยกัสที่ได้นั่งข้างณัฐพลก็ยิ้มอย่างมีความสุข เธอแอบหันไปมองปรายฟ้าและภาคภูมิ แล้วยกนิ้วโป้งให้มีนาที่นั่งอยู่ข้างชัยวัฒน์ มีนาเองก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจ ก่อนจะแอบหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปโมเมนต์ของปรายฟ้ากับภาคภูมิเก็บไว้ในขณะที่ปรายฟ้ากำลังหลับพิงไหล่ภาคภูมิอย่างสบายใจ กัสที่ได้นั่งเบาะข้างกันกับณัฐพลก็รู้สึกมีความไม่แพ้กัน เธอมองณัฐพลที่กำลังเปิดมือถือดูรูปถ่ายที่ทั้งสองแอบไปเดทกันมาเมื่อไม่นานแล้วยิ้มออกมา“พลจำได้ด้วยเหรอว่ากัสชอบรูปนี้” กัสถามณัฐพลเสียงเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มหวานเผยออกมาณัฐพลเงยหน้าจากโทรศัพท์มามองกัส “ก็จำได้สิ รูปนี้เธอยิ้มสวยดี” เ
ตอนที่18เตรียมตัวออกเดินทางได้ เช้าวันรุ่งขึ้น ณ ลาดจอดรถมหาวิทยาลัย เสียงจอแจของนักศึกษาดังเซ็งแซ่ ทุกคนต่างหอบหิ้วสัมภาระมากันเต็มที่ อากาศยามเช้าสดใสทำให้บรรยากาศดูครึกครื้นเป็นพิเศษปรายฟ้าเดินทางมาถึงพร้อมกับมีนาและกัส เธอดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงมีร่องรอยความอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แย่เท่าเมื่อวาน“โชคดีนะที่หายดีขึ้นมาบ้าง” มีนาพูดขึ้นขณะที่พวกเธอกำลังเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมโปรเจกต์“ฉันนึกว่าต้องแบกแกไปซะแล้ว”“พูดบ้า ๆ ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” ปรายฟ้าแย้งพลางยิ้มแหย ๆกัสชำเลืองไปเห็นภาคภูมิกำลังยืนคุยกับชัยวัฒน์และณัฐพลอยู่ไม่ไหล “โน่นไง เจ้าชายน้ำแข็งของแกมาแล้ว”“นั่นก็พลเจ้าชายของแกไม่ใช่หรือไงกัส” ปรายฟ้าแซวเพื่อนเช่นกันเพราะตอนนี้กัสกับณัฐพลกำลังคุย ๆ กันอย่างเปิดเผยแล้วกัสหันมาทำตาเขียวใส่ปรายฟ้า “นี่แกว่าอะไรนะ พูดดี ๆ หน่อยสิ” แม้จะพูดอย่างนั้นแต่ใบหน้าของกัสก็แดงขึ้นเล็กน้อย ปรายฟ้าและมีนาหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อนปรายฟ้าเหลือบมองไปทางกัสชี้ใบหน้าของภาคภูมิ ดูนิ่งเฉยตามปกติแต่แววตาของเขาดูเหมือนจะกวาดมองหาสักคนอยู่ ก่อนที่สายตาของเข
ตอนที่17ทริปทัศนศึกษาแม้ว่าปรายฟ้าจะมีอาการที่ดีขึ้นแต่เมื่อเธอกลับถึงหอพักร่างกายของเธอก็อ่อนเพลียมาก ๆ เธอรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนอนอย่างหมดแรง วันนี้อาการป่วยยังไม่หายสนิท เธอหลับตาลงอย่างอ่อนล้าแต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นปรายฟ้าลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย หยิบมือถือขึ้นมาดูเห็นชื่อภาคภูมิปรากฎอยู่บนหน้าจอเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ปกติเขาไม่ค่อยโทรหาเธอ ปรายฟ้าจึงกดรับสายของเขา“ฮัลโหล” เสียงของปรายฟ้าแหบเล็กน้อยจากการไอ“ปรายฟ้าคุณดีขึ้นหรือยัง” เสียงของภาคภูมิดังมาตามสายฟังดูเป็นกังวลเล็กน้อย“ก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเพลีย ๆ ปวดหัวแล้วก็ยังไอ มีอะไรหรือเปล่า” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่สัมผัสได้“กินยาหรือยังไปรายฟ้าได้ยินอย่างนั้นเขาก็รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็นและเป็นห่วงเธอมากขนาดนี้“กินแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก นายเองก็ตากฝนเหมือนกันระวังจะไม่สบายเหมือนฉัน” ปรายฟ้าพูดขึ้นมาแล้วก็แอบอมยิ้มอยู่คนเดียว“ไม่มีทางคนอย่างผมแข็งแรงกว่าที่คุณคิดมาก” ภาคภูมิพูดขึ้นมาแล้วก็ยิ้มคนเดียวเช่นเดียวกัน“จ้าพ