Share

บทที่ 2

Author: สายลมไร้กาลเวลา
ของขวัญแรกพบหรือ?

องค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายต่างเผยรอยยิ้มเย็นชาที่มุมปาก

แค่สามัญชนคนหนึ่งยังจะนำของขวัญแรกพบมาด้วย?

ด้วยฐานะของพวกเขา ของล้ำค่าหายากอันใดบ้างที่ไม่เคยเห็น จะมาอยากได้ของจากสามัญชนเช่นเจ้าหรือ?

ทว่า ฉู่หวยที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรกลับเผยสีหน้ายินดีออกมา “ดูท่ามารดาของเจ้าจะสั่งสอนเจ้ามาเป็นอย่างดี นำของขวัญของเจ้าขึ้นมาสิ”

อย่างไรเสีย เขาก็เป็นบุตรของเรา ทั้งยังจะถูกส่งไปยังแนวหน้าเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนด้วยน้ำมือของเขาเอง จะไม่รับของขวัญของฉู่หนิงเลยก็คงจะไม่ได้กระมัง?

ฉู่หนิงหยิบหยกแขวนขนาดครึ่งฝ่ามือออกมาจากอกเสื้อ “นี่คือของขวัญที่ลูกตั้งใจมอบให้เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

สีหน้าของฉู่หวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย “รีบนำมาให้เราดูเร็วเข้า!”

หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงรีบรับหยกแขวนมาทันที จากนั้นยื่นให้ฉู่หวย

เมื่อมองหยกแขวนที่ยังคงมีความอบอุ่นซึ่งอยู่ในมือ ฉู่หวยก็เผยสีหน้าหวนรำลึกถึงอดีต

นี่คือของขวัญที่เรามอบให้แก่มารดาของฉู่หนิง

คาดไม่ถึงว่านางจะเก็บรักษามันไว้ตลอด ทั้งยังส่งต่อให้ฉู่หนิงอีก

นาง คงจะเกลียดชังเราที่ไม่เคยไปหานางเลยกระมัง

“ของขวัญชิ้นนี้ เราชอบมาก!”

เมื่อจัดการกับอารมณ์ของตนเองได้แล้ว ฉู่หวยก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกที่แฝงไปด้วยความรู้สึกผิดต่อมารดาของฉู่หนิง “เจ้ามอบของขวัญแรกพบให้เรา เราก็จะมอบของให้เจ้าหนึ่งชิ้นเช่นกัน”

“ใครก็ได้ นำกระบี่คู่กายของเรามามอบให้ฉู่หนิง”

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา สีหน้าขององค์รัชทายาท เหล่าองค์ชาย และขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊ต่างก็เปลี่ยนไปอย่างยิ่ง

กระบี่คู่กายของฮ่องเต้ นั่นคือสมบัติล้ำค่าประหนึ่งฮ่องเต้เสด็จมาด้วยพระองค์เอง มีกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าลบหลู่ฉู่หนิง

องค์รัชทายาทเป็นคนแรกที่ไม่ยอม รีบก้าวออกมายืนคัดค้าน “เสด็จพ่อ กระบี่เล่มนี้...”

“องค์รัชทายาท เจ้ากำลังสงสัยในการตัดสินใจของเราอย่างนั้นหรือ?”

ฮ่องเต้ตรัสขัดขึ้นก่อนที่องค์รัชทายาทจะพูดจบ “อีกไม่นานฉู่หนิงจะต้องไปทัพหน้า มีกระบี่เล่มนี้อยู่ในมือ จะได้ใช้ควบคุมเหล่าทหารที่แนวหน้าได้!”

องค์รัชทายาทไม่กล้าโต้เถียง ทว่าแววตาอันเย็นชากลับฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง

เขาแอบมองกระบี่เล่มนี้มานานแล้ว ไม่คิดว่าตอนนี้จะตกเป็นของฉู่หนิงเสียได้

ในขณะนั้น จ้าวหมิงถือกระบี่คมกริบในฝักสีเหลืองอร่ามมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉู่หนิง

ฉู่หนิงยื่นมือไปรับกระบี่ล้ำค่า กล่าวด้วยความตื่นตระหนก “เสด็จพ่อ กระบี่เล่มนี้ล้ำค่าเกินไป ลูกเคิดว่าท่านพี่องค์รัชทายาทดูจะชอบมันมาก ไม่สู้มอบกระบี่เล่มนี้ให้เขาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

ดวงตาขององค์รัชทายาทเป็นประกาย!

นับว่าเจ้าเด็กนี่รู้จักกาลเทศะ ของที่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรจะได้ ก็สมควรจะเป็นฝ่ายมอบออกมาเอง!

องค์รัชทายาทมองฮ่องเต้ด้วยความยินดี “เสด็จพ่อ ยากนักที่ฉู่หนิงจะมีน้ำใจเช่นนี้ กระบี่เล่มนี้...”

ฉู่หวยทำหน้าบึ้ง “หึ กระบี่เล่มนี้ใช้สำหรับควบคุมเหล่าทหารแนวหน้า หรือว่าองค์รัชทายาทอยากจะไปแนวหน้า?”

องค์รัชทายาทถึงกับพูดไม่ออกในทันที

แม้จะอยากได้กระบี่เล่มนี้ แต่เขาก็ไม่อยากไปแนวหน้า

โชคดีที่ฮ่องเต้เองก็รู้ว่าการตำหนิองค์รัชทายาทต่อหน้าธารกำนัลจะเป็นการทำลายบารมีของเขา จึงหันไปมองฉู่หนิง “ของที่เรามอบให้เจ้า จะส่งต่อให้ผู้อื่นตามใจชอบได้อย่างไร?”

“เสด็จพ่อทรงสั่งสอนได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉู่หนิงก้มหน้ากล่าวอย่างนอบน้อม “เป็นเพราะลูกเพิ่งมาถึงจึงไม่เข้าใจกฎระเบียบ ถือโอกาสใช้ของขวัญแรกพบนี้เป็นการขอโทษท่านพี่องค์รัชทายาท”

พูดจบ เขาก็หยิบห่อผ้าออกมาจากแขนเสื้อ

หลังจากคลี่ผ้าที่ห่อไว้หลายชั้นออก ก็เผยให้เห็นของที่อยู่ข้างใน...ใบชาสีเขียวมรกตกองหนึ่ง!

ฉู่หนิงกล่าวด้วยสีหน้าจริงใจ “ข้ารู้ว่าองค์รัชทายาทและเสด็จพี่ทุกท่านไม่ได้ขาดแคลนของล้ำค่าหายากอันใด แต่ใบชานี้ข้าเป็นคนปลูกและเก็บด้วยตนเอง ถือเป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ หวังว่าเสด็จพี่ทุกท่านจะรับไว้”

วุ่นวายมาตั้งนาน ทำทีลับ ๆ ล่อ ๆ บอกว่าเป็นของขวัญแรกพบ สุดท้ายกลับเป็นแค่ใบชากองหนึ่งอย่างนั้นหรือ?

แค่ชาเขียวธรรมดา ๆ ยังกล้าเอาออกมาให้ขายหน้าอีก?

มุมปากขององค์รัชทายาทกระตุก “น้ำใจของน้องสิบแปดพวกเราขอรับไว้ แต่ใบชานี้เจ้าเก็บไว้เองเถิด”

ฉู่หนิงถอนหายใจยาว “ท่านพี่องค์รัชทายาทไม่ชอบชาเขียวที่ข้าปลูกด้วยตนเองสินะ”

แววตาที่ผิดหวังนั้นถูกฮ่องเต้เห็นเข้าพอดี

เจ้าพวกลูกทรพี!

ถึงแม้ฉู่หนิงจะเป็นตัวตายตัวแทน แต่ก็เป็นน้องชายของพวกเจ้านะ

คนเขาให้ของขวัญยังจะรังเกียจอีก?

ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “ยากนักที่ฉู่หนิงจะมีน้ำใจเช่นนี้ ใบชาพวกนี้เราและพวกเสด็จพี่ของเจ้ารับไว้แล้ว”

“จ้าวหมิง เจ้าเอาใบชาไปแบ่งให้พวกเขา”

หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงรับคำ แล้วรับใบชาจากมือของฉู่หนิงไปแบ่งให้เหล่าองค์ชายคนละเล็กน้อย เหลือส่วนใหญ่ไว้แล้วนำไปถวายข้างกายฮ่องเต้

องค์รัชทายาทมองใบชาที่เขียวจนเรืองแสงในมือ แววตาเต็มไปด้วยความดูแคลน

เดี๋ยวออกจากท้องพระโรงไปแล้ว จะหาหมาสักตัวโยนให้มันกิน!

“เสด็จพ่อ ธุระต่าง ๆ จบสิ้นแล้ว ควรจะเลิกว่าราชการได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทอดใจรอไม่ไหวที่จะโยนชาเขียวในมือทิ้ง

ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย กำลังจะประกาศเลิกว่าราชการ ใครจะรู้ว่าฉู่หนิงกลับเอ่ยขึ้นมาทันที “เดี๋ยวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว “เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก?”

ฉู่หนิงทำท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “ท่านพี่องค์รัชทายาท โบราณกล่าวไว้ว่าของขวัญเมื่อให้แล้วต้องได้รับคืน ข้ามอบของขวัญแรกพบให้เสด็จพี่ทุกท่านแล้ว แต่เสด็จพี่ทุกท่านยังไม่ได้มอบของขวัญแรกพบให้ข้าเลยนะ”

องค์รัชทายาทและเหล่าองค์ชายถึงกับตกตะลึง

ขอของขวัญแรกพบต่อหน้าธารกำนัล?

ยังมีคนหน้าหนาถึงเพียงนี้อีกหรือ?

ช่วยรู้จักอายบ้างได้หรือไม่!

ชาเขียวที่เจ้ามอบให้มันจะสักกี่อีแปะกันเชียว ยังกล้ามาทวงของขวัญตอบแทนจากพวกเขาอีกหรือ?

เหล่าขุนนางกลับเงียบกริบในยามนี้

ฉู่หนิงได้รับการยอมรับกลับสู่ราชวงศ์แล้ว ชื่อของเขาถูกบันทึกลงในบันทึกลำดับญาติของสำนักราชวงศ์ ตามหลักแล้ว เหล่าองค์ชายในฐานะผู้อาวุโสของฉู่หนิงก็ควรจะให้ของขวัญแรกพบจริง ๆ

แต่ว่า นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเหล่าองค์ชาย พวกเขาไม่อยากจะไปล่วงเกินเหล่าองค์ชายเพราะฉู่หนิง

บนบัลลังก์มังกร ในตอนแรกฮ่องเต้แสดงสีหน้าตกตะลึง ไม่เชื่อว่าฉู่หนิงจะกล้าขอของขวัญแรกพบด้วยตนเอง

แต่จากนั้นในแววตากลับเผยความยินดีออกมา

ต้องอย่างนี้สิ!

ฉู่หนิงก็เป็นองค์ชาย ทั้งยังได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง ก็ควรจะทัดเทียมกับองค์ชายคนอื่น ๆ

ของขวัญแรกพบนี้ จำเป็นต้องให้!

เมื่อมองเหล่าองค์ชายที่เงียบกริบ ฮ่องเต้ก็ใช้มือขวาลูบเคราแพะใต้คางแล้วแย้มสรวล “พวกเจ้าในฐานะพี่ชาย ตามความสัมพันธ์แล้วก็ควรจะมอบของขวัญแรกพบ”

“อีกทั้งเมื่อครู่พวกเจ้าก็เพิ่งรับของขวัญจากฉู่หนิงไป ตามหลักการแล้วก็ควรจะให้ของขวัญตอบแทนเช่นกัน”

เมื่อฮ่องเต้ตรัสออกมาแล้ว เหล่าองค์ชายก็ไม่อาจจะยืนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป

องค์รัชทายาทเป็นคนแรกที่แสดงท่าที “เสด็จพ่อตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกยินดีมอบม้าดีสิบตัวให้แก่น้องสิบแปด!”

ม้าชั้นดีหนึ่งตัวอย่างน้อยก็ต้องราคาสองร้อยตำลึง!

องค์รัชทายาทมอบของขวัญตอบแทน จะให้แค่ม้าตัวเดียวก็คงไม่ได้

แต่ก็ไม่อาจมอบของที่ล้ำค่าเกินไป ม้าสิบตัวจะว่ามากก็ไม่มาก จะว่าน้อยก็ไม่น้อย

องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างคำนวณมูลค่าในใจ แล้วพากันก้าวออกมา

“น้องสิบแปด พี่มีร้านขายผ้าสองแห่งทางใต้ของเมืองขอมอบให้เจ้า!”

“พี่มอบร้านตีเหล็กสองแห่งให้เจ้า!”

“พี่มอบผ้าไหมหนึ่งร้อยพับ!”

“พี่มอบไข่มุกราตรีหนึ่งคู่!”

...

แม้ในใจจะไม่เต็มใจ แต่เมื่อฮ่องเต้ผู้เป็นบิดาเอ่ยปากแล้ว ใครเล่าจะกล้าไม่ให้?

เมื่อคิดว่าของล้ำค่าของตนเองถูกฉู่หนิงใช้ชาเขียวแลกไป เหล่าองค์ชายก็รู้สึกพะอืดพะอมราวกับกลืนแมลงวันตายเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น

แต่ฮ่องเต้กลับพอพระทัยอย่างยิ่ง ทรงลุกขึ้นยืนแล้วแย้มสรวลพลางตรัสว่า “ฉู่หนิงเอ๋ย ยังไม่รีบขอบคุณพวกเขาอีก”

“ขอบพระทัยเสด็จพี่ทุกท่าน!” ฉู่หนิงประสานมือคารวะเหล่าองค์ชายด้วยสีหน้าจริงใจ

ฮ่องเต้หัวเราะฮ่า ๆ “อย่างนี้สิถึงจะเหมือนครอบครัวเดียวกัน ต่อไปพวกเจ้าต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อปกป้องต้าฉู่ของเราให้รุ่งเรืองไปร้อยชั่วอายุคน”

“จริงสิ เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่ เราจะส่งองครักษ์สองนายติดตามเจ้าไป เผื่อว่าเจ้าจะไม่รู้จักทาง”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ!”

ฉู่หนิงประสานมือคารวะ จากนั้นองครักษ์สองนายก็เดินตามเขาออกไปพร้อมกัน

แต่ในขณะนี้ องค์รัชทายาทฉู่เวยกลับจ้องมองแผ่นหลังของฉู่หนิงที่เดินจากไปอย่างเย็นชา

ไม่สิ พูดให้ถูกคือ เขากำลังจ้องมองกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ในมือของฉู่หนิง!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status