Share

บทที่ 3

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“หึ แค่ใบชาธรรมดา ๆ แลกกับม้าดีของข้าไปตั้งสิบตัว!”

ตำหนักบูรพา

องค์รัชทายาทฉู่เวยโกรธจนหน้าเขียว เขาขว้างถ้วยชาในมือลงบนพื้นอย่างแรง

แต่แค่นี้ยังไม่หายโกรธ เขากระทืบซ้ำลงไปบนใบชาที่อยู่บนพื้นสองครั้ง แล้วตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เอาชาเขียวนี่ไปให้หมากิน!”

ชาเขียวนี่ก็เหมือนกับฉู่หนิง แค่เห็นก็รู้สึกขัดหูขัดตา!

องค์ชายเจ็ดผู้ซึ่งสนับสนุนองค์รัชทายาทมาตลอดหัวเราะเบา ๆ “ท่านพี่องค์รัชทายาท ไยต้องถือสาหาความกับคนที่กำลังจะตายด้วยเล่า?”

“ถือสาหาความหรือ?”

องค์รัชทายาทสีหน้ามืดมน “เสด็จพ่อประทานกระบี่คู่กายของเขาให้ฉู่หนิง กระบี่เล่มนั้นควรจะเป็นของข้า หากได้กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อมา บารมีและชื่อเสียงของข้าจะเหนือกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง!”

มุมปากขององค์ชายเจ็ดยกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฉู่หนิงนั่นก็เป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมากนัก หากท่านพี่องค์รัชทายาทไปหาเขาด้วยตนเอง เขายังจะกล้าเก็บกระบี่คู่กายของเสด็จพ่อไว้อีกหรือ?”

แค่สามัญชนคนหนึ่ง จะกล้ามาแย่งชิงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทได้อย่างไร?

ถึงแม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง แต่ก็เป็นเพียงตำแหน่งลอย ๆ ที่ไม่มีทั้งอำนาจบารมี และไร้ที่ดินศักดินา

ดวงตาขององค์รัชทายาทหรี่ลง ฉายแววประหลาดใจระคนยินดี “มีเหตุผล ข้าจะไปด้วยตนเอง กระบี่ของเสด็จพ่อจะตกไปอยู่ในมือของคนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!”

องค์รัชทายาทสะบัดแขนเสื้อ แล้วมุ่งหน้าออกจากตำหนักไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ในขณะเดียวกัน บนถนนใหญ่จูเชวี่ย ฉู่หนิงมองจวนหลังใหญ่ที่กินพื้นที่กว่าร้อยหมู่ตรงหน้า มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย

จวนหลังใหญ่ขนาดนี้อยู่กันแค่สามคน ช่างฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว

“จวิ้นอ๋อง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ท่าทางน่าเกรงขามผายมือในลักษณะเชื้อเชิญ

ฉู่หนิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง คนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ากว้างคางหนาดูภูมิฐาน อีกคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าแดงก่ำคมเข้มราวกับผลพุทรา

เขาเดินเข้าไปในประตู พลางเอ่ยถาม “พวกเจ้าสองคนชื่ออะไร?”

“กวนอวิ๋นพ่ะย่ะค่ะ!”

“จ้าวอวี่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ทั้งสองคนช่วยเตรียมชาร้อนให้ข้าด้วย อีกเดี๋ยวจะมีแขกมา” ฉู่หนิงสั่งการหนึ่งประโยค แล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ จวน

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ดวงตาฉายแววสงสัยเล็กน้อย

จวิ้นอ๋องท่านนี้มิใช่สามัญชนหรอกหรือ เหตุใดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็มีแขกมาเยี่ยมเยียนแล้ว?

แม้ในใจจะสงสัย แต่ทั้งสองคนก็ยังคงออกไปเตรียมชาร้อน

ขณะเดียวกัน ภายในพระราชวัง ฮ่องเต้กำลังจิบชาอยู่

“ชานี้ไม่เลวเลย กลิ่นหอมฟุ้ง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้ว่าฉู่หนิงไปได้มาจากที่ใด”

ฮ่องเต้ถือถ้วยชา พลางเอ่ยชมไม่ขาดปาก

หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงยิ้มเบา ๆ “ยากนักที่ฝ่าบาทจะทรงโปรด วันพรุ่งนี้บ่าวจะให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องนำชามาถวายอีกพ่ะย่ะค่ะ”

ระหว่างที่พูดคุยกัน บุรุษในชุดรัดกุมสีดำ สวมผ้าปิดหน้าสีดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเสด็จออกจากวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาของฮ่องเต้หรี่ลง วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “หึ เขาคงจะไปหาฉู่หนิงแล้วกระมัง!”

“ฝ่าบาททรงพระปรีชา!”

“จับตาดูเขาไว้ เราอยากจะเห็นนักว่าเขาคิดจะทำอะไร!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ภายในลานด้านในของจวน ฉู่หนิงที่เดินสำรวจจนทั่วแล้วกำลังพิจารณากระบี่คู่กายของฮ่องเต้

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกจวน

“องค์รัชทายาทเสด็จ!”

สีหน้าของกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งสองสบตากัน

จวิ้นอ๋องพูดถูกจริง ๆ ด้วย!

มีแขกมาเยือน!

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเสด็จมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ โปรดอภัยให้ด้วย!” ฉู่หนิงแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่งแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ

องค์รัชทายาทพอใจกับท่าทีของฉู่หนิงมาก

อยู่ต่อหน้าเขา ก็ควรจะอ่อนน้อมเช่นนี้!

“ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว น้องสิบแปดจะมีความผิดได้อย่างไรกัน?”

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเชิญด้านในขอรับ ใครก็ได้ ยกชามา!”

ฉู่หนิงเชิญองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องโถง องค์รัชทายาทก็นั่งลงบนที่นั่งหลักอย่างไม่เกรงใจ

ส่วนฉู่หนิง ทำได้เพียงยืนอยู่เท่านั้น

กวนอวิ๋นยกชาเข้ามา แต่รัชทายาทไม่แม้แต่จะชายตามอง สายตาของเขามีเพียงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เท่านั้น!

มุมปากของฉู่หนิงยกยิ้มเล็กน้อย แอบหัวเราะเยาะในใจ

รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่ไม่ประสงค์ดี ตั้งแต่อยู่ในท้องพระโรง สายตาก็ไม่เคยละไปจากกระบี่เล่มนี้เลย

อยากได้ใช่หรือไม่?

เช่นนั้นก็คงต้องจ่ายหนักหน่อยแล้ว!

ในราชวงศ์ที่ไร้ซึ่งความปรานีเช่นนี้ หากไร้ซึ่งเงินทอง อำนาจ และกองกำลัง ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกฆ่าตายอยู่ดี

ต้องสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา!

ก็เริ่มหาเงินจากองค์รัชทายาทผู้เป็นแหล่งเงินทุนชั้นดีนี่ก่อนเลยแล้วกัน!

“ไม่ทราบว่าท่านพี่องค์รัชทายาทมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด?” ฉู่หนิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน

องค์รัชทายาทกล่าวอย่างเรียบเฉย “น้องสิบแปดเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ข้าจึงตั้งใจแวะมาดูว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ และถือโอกาสนำของขวัญที่รับปากไว้มามอบให้เจ้าด้วย”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยท่านพี่องค์รัชทายาท!”

“คำขอบคุณปากเปล่าก็ไม่ต้องแล้ว เอาอะไรที่มันจับต้องได้ดีกว่า!”

องค์รัชทายาทยื่นมือชี้ไปที่กระบี่คู่กายของฮ่องเต้ในมือฉู่หนิง หรี่ตาลงแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้ม “กระบี่เล่มนี้ เสด็จพ่อเคยตรัสไว้ว่าจะเก็บไว้ให้ข้า”

ให้ตายเถอะ นี่มันปล้นกันซึ่ง ๆ หน้าชัด ๆ

ไม่คิดจะปิดบังกันเลย!

แต่ว่า คิดจะปล้นของจากมือฉู่หนิงคนนี้ เช่นนั้นก็ต้องจ่ายหนักหน่อย!

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าไม่เต็มใจ “กระบี่เล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ หากมอบให้ท่านพี่องค์รัชทายาท เกรงว่าจะอธิบายกับทางเสด็จพ่อได้ยากนะขอรับ”

อธิบาย?

คนใกล้ตายอย่างเจ้า จะต้องอธิบายอะไร?

องค์รัชทายาทแค่นเสียงอย่างดูถูก ทำท่าทีสูงส่งอยู่เหนืออีกฝ่าย “ข้าจะเอาของมาแลกกับกระบี่เล่มนี้กับเจ้า คิดว่าหากเสด็จพ่อทรงทราบก็คงไม่ตำหนิเจ้าหรอก”

“เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ย่อมขาดแคลนของหลายอย่าง เจ้าต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย!”

ขอเพียงแค่ฉู่หนิงยอมมอบกระบี่ออกมาด้วยความเต็มใจ ต่อให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ “ในเมื่อท่านพี่องค์รัชทายาทเอ่ยปากแล้ว ข้าก็มิอาจปฏิเสธได้ ตอนนี้ข้ากำลังจะไปทัพหน้าเพื่อสู้รบกับแคว้นศัตรู จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เหล่าทหาร!”

ต้องการเงิน?

เหตุใดไม่พูดแต่แรกเล่า!

ในฐานะองค์รัชทายาท อะไรก็ไม่มีมากเท่าเงิน!

“เจ้าต้องการเงินเท่าไร?”

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเห็นว่ากระบี่เล่มนี้มีค่าเท่าใด ก็ให้เท่านั้นเถิดขอรับ”

พูดจบ ฉู่หนิงก็โยนกระบี่ในมือไปให้องค์รัชทายาท โดยไม่มีทีท่าอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

องค์รัชทายาทถึงกับงุนงงไปเล็กน้อย

นี่คือกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เชียวนะ ในยามคับขันสามารถช่วยชีวิตได้!

เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่?

ช่างเถอะ จะไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไม

ไม่ว่าฉู่หนิงจะมอบกระบี่ให้จากใจจริงหรือไม่ อย่างไรเสียกระบี่ก็มาอยู่ในมือแล้ว!

เมื่อมองดูกระบี่ที่ใฝ่ฝันมาตลอดในมือ มือขององค์รัชทายาทก็อดสั่นเทาไม่ได้ ในใจรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง

มีกระบี่เล่มนี้แล้ว เขาก็สามารถข่มองค์ชายคนอื่น ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง!

ฉู่หนิงผู้นี้ ช่วยเขาได้มากจริง ๆ

เหลือบมองฉู่หนิงที่ก้มหน้าอยู่ องค์รัชทายาทก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปตบบ่าเขา “น้องสิบแปดใจกว้างเช่นนี้ ข้าก็จะใจแคบไม่ได้!”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าให้เงินเจ้าห้าหมื่นตำลึง เป็นอย่างไร?”

ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปทันที

เขาคิดว่าองค์รัชทายาทจะให้มากสุดก็แค่หนึ่งหมื่นตำลึง ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายเอ่ยปากก็ให้ถึงห้าหมื่นตำลึง

เขาประเมินความสามารถขององค์รัชทายาทต่ำไปเสียแล้ว

องค์รัชทายาทเห็นฉู่หนิงไม่พูดไม่จา ก็นึกว่าเขายังคิดว่าน้อยไป จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หกหมื่นตำลึงคงได้แล้วกระมัง!”

ไม่ใช่แค่ได้สิ แต่มันยอดเยี่ยมไปเลยต่างหาก!

ฉู่หนิงรีบพยักหน้า “ท่านพี่องค์รัชทายาทว่าเท่าไรก็เท่านั้นขอรับ”

“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ เจ้าช่างรู้จักกาลเทศะนัก ข้าพอใจมาก เดี๋ยวจะให้คนส่งเงินมาให้ทันที!”

องค์รัชทายาทพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ฉู่หนิง กล่าวเตือนด้วยเสียงต่ำ “แต่เรื่องนี้เจ้าห้ามบอกเสด็จพ่อเด็ดขาด มิเช่นนั้นเงินของข้าจะถูกเรียกคืนทั้งหมด!”

ฉู่หนิงรีบโบกมือ “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้กับเสด็จพ่อเด็ดขาด!”

องค์รัชทายาทพอใจมาก จากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ

ในลานบ้าน กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เห็นองค์รัชทายาทจากไปพร้อมกับกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ ทั้งสองคนก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

“จวิ้นอ๋อง กระบี่เป็นของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ ตอนนี้ถูกองค์รัชทายาทเอาไปแล้ว ฝ่าบาทต้องลงโทษท่านแน่พ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์รัชทายาทยังเสด็จไปได้ไม่ไกล จวิ้นอ๋องรีบตามไปทวงคืนเถิด!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ธงชัย ชัยเจริญสกุล
ดีมาก​ๆๆๆๆๆๆๆไ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 564

    “แต่ว่า……”ฉู่หนิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปทางหนึ่งในจวน แล้วกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ก่อนไป ข้าต้องไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”เสิ่นหวั่นอิ๋งพยักหน้าเบาๆ “ข้าไปเก็บสัมภาระให้ท่าน”นางรู้ ฉู่หนิงจะไปพบราชครูต้าถังหยวนเทียน!คนผู้นี้ถูกคุมตัวไว้ที่นี่มาหลายวันแล้ว ตอนนี้ฉู่หนิงจะไปจากจวน ย่อมต้องจัดการเรื่องของคนผู้นี้ให้เรียบร้อยฉู่หนิงไปพบหยวนเทียนใช้เวลาไม่นานนัก หลังจากครึ่งชั่วยามก็ออกมาไม่มีใครรู้ว่าฉู่หนิงพูดอะไรกับหยวนเทียน เพียงแต่หลังจากฉู่หนิงจากไป บนใบหน้าหยวนเทียนเผยให้เห็นรอยยิ้มในคืนนั้น หลังจากฉู่หนิงเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็พากองทัพม้าขาวมุ่งหน้าไปยังเมืองตุนหวงและไม่นานข่าวนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงขณะเดียวกัน ตำหนักบูรพาภายในห้องโถงใหญ่ที่แสงเทียนสั่นไหว สะท้อนให้เห็นใบหน้าที่เย็นชาและแฝงความอำมหิตองค์รัชทายาทหัวเราะไม่หยุด “รีบไปตายที่เมืองตุนหวงขนาดนี้ เกินความคาดหมายของข้าจริงๆ!แต่เช่นนี้ก็ดี คืนนี้ข้าก็สามารถไปลิ้มรสของพระชายาฉู่อ๋องที่จวนฉู่อ๋องแล้ว!” เมื่อกล่าวจบ องค์รัชทายาทก็พาองครักษ์ข้างกายมุ่งหน้าไปยังจวนฉู่อ๋องทันทีฉู่หนิงแตะต้องผู้หญิงข

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 563

    “หว่านอิ๋ง รีบออกมาเลย ข้ามีของดีจะให้เจ้าดู”จวนฉู่อ๋อง เรือนส่วนหลังฉู่หนิงถือป้ายทองเว้นตายไว้ในมือ เมื่อกลับมาถึงก็ตะโกนเข้าไปในห้อง ทำเอาเสิ่นหว่านอิ๋งที่กำลังฝึกเขียนอักษร หนวกหูจนต้องเดินออกมา“รีบมาดูป้ายทองเว้นตายนี่เร็ว” ฉู่หนิงยื่นป้ายทองออกไปราวกับถวายสมบัติเสิ่นหว่านอิ๋งรับป้ายทองมาดูแวบหนึ่ง บนใบหน้าเผยแววประหลาดใจ “ท่านไปขอป้ายทองเว้นตายนี่มาจากฝ่าบาทได้อย่างไร?” ฉู่หนิงพลันแสยะยิ้ม “ราชวงศ์ต้าโจวเคลื่อนทัพมาทางราชวงศ์ของเรา เสด็จพ่ออยากให้ข้าไปจัดการเรื่องนี้ที่แนวหน้า ข้าจึงใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไข ขอป้ายทองเว้นตายนี่มา”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเสิ่นหว่านอิ๋งดูไม่ดีนัก“จะไปแนวหน้าอีกแล้วหรือ?”เสิ่นหว่านอิ๋งคืนป้ายทองเว้นตายให้เขา พลางกล่าวเสียงเย็น “หากไม่เอาป้ายทองเว้นตายนี่ ท่านไม่ไปแนวหน้าได้หรือไม่?”ทั้งสองเพิ่งแต่งงานกันเดือนกว่า ฉู่หนิงก็จะไปแนวหน้าอีกแล้ว เสิ่นหว่านอิ๋งไม่ประหม่าได้หรือหากฉู่หนิงเกิดเรื่องไม่คาดคิดที่แนวหน้า ป้ายทองเว้นตายนี่ยังจะมีประโยชน์อะไร?เมื่อฉู่หนิงได้ยินกลับส่ายศีรษะ พลางกล่าวเสียงเรียบ “นี่เป็นข้อสรุปจากการหารือของ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 562

    นั่นเป็นเพียงทหารกองหน้าที่มาปูทางเท่านั้น!ครั้งนี้ ดูซิว่าเจ้าจะตายอย่างไร!องค์รัชทายาทที่คิดมาถึงตรงหน้า แสร้งทำหน้าจริงจังกะทันหัน “พูดมาเถิด เงื่อนไขของเจ้าคืออะไร?”บนบัลลังก์ ฮ่องเต้กำลังนั่งตัวตรง และทอดพระเนตรมาทางฉู่หนิงด้วยสีพระพักตร์ที่ประหม่า เพราะกลัวว่าฉู่หนิงจะพูดเงื่อนไขที่เกินเลยออกมาเห็นเพียงฉู่หนิงกล่าวสงบ “เงื่อนไขแรกของข้าก็คือ หากข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม ต่อไปยกเมืองตุนหวงให้ข้าปกครอง เช่นเดียวกับปิงโจว!”องค์รัชทายาทตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่าฉู่หนิงจะพูดเงื่อนไขเช่นนี้ออกมาเมืองตุนหวงตั้งอยู่บริเวณชายแดน อากาศร้อนทั้งปี ไม่มีใครอยากไปปกครองสถานที่แห่งนั้นเลยแม้แต่ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสอะไรไม่ออกเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าเงื่อนไขแรกของฉู่หนิงจะต่ำเพียงนี้สามารถพูดได้ว่า นี่ไม่นับว่าเป็นเงื่อนไขเลยผู้อื่นไม่อยากไปเมืองตุนจวิน มีเพียงฉู่หนิงที่เสนอฮ่องเต้ขมวดพระขนงเบาๆ “เจ้าคิดดีแล้วหรือ เมืองตุนหวงตั้งอยู่บริเวณชายแดน ผู้คนในพื้นที่ห้าวหาญ ยากต่อการปกครอง!”แต่ฉู่หนิงกลับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อ ก็เพราะปกครองยาก ลูกจึงอยากออกแรงส่วนหนึ่งเพื่อราช

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 561

    “เสด็จพ่อก็เห็นควรส่งลูกไปจัดการเรื่องราชวงศ์ต้าโจวเคลื่อนทัพหรือ?”ฉู่หนิงหวนคืนสติ หมุนกายไปมองฮ่องเต้ที่อยู่บนบัลลังก์ฉู่หนิงไม่เชื่อคำพูดของผู้อื่นต่อให้ออกมาจากปากองค์รัชทายาท ฉู่หนิงก็ไม่เชื่อเช่นกันเมื่อองค์รัชทายาทได้ยินดังนี้ สีหน้าก็เคร่งขรึมจนดูบูดบึ้งเล็กน้อยเจ้าหมอนี่ไม่ไว้หน้าข้าเลย!ระหว่างที่จมอยู่ในห้วงความคิด ฮ่องเต้มองฉู่หนิงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่งอันที่จริงสำหรับบุตรนอกสมรสผู้นี้ของตนเอง ฮ่องเต้ยอมรับว่าค่อนข้างลำเอียงไปทางเขา ซึ่งถือเป็นการชดเชยที่ให้เขาไปเป็นตัวตายตัวแทนเมื่อครั้งก่อนแต่ครั้งนี้ก็เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของต้าฉู่เช่นกัน หากจัดการได้ไม่ดี เป้าหมายต่อไปของราชวงศ์ต้าโจวก็คือต้าฉู่เพื่อต้าฉู่ จึงทำได้เพียงส่งฉู่หนิงไปแนวหน้าแล้วต่อให้ต้องสละฉู่หนิง ก็ยังคุ้มค่าอยู่ดีเสียสละองค์ชายท่านหนึ่งเพื่อบรรเทาโทสะของฮ่องเต้หญิงต้าโจว นับว่าเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าเขามีลูกชายเยอะ ตายไปคนหนึ่งก็ไม่กระทบต่อราชวงศ์ต้าฉู่แต่หากราชวงศ์ต้าโจวโจมตีต้าฉู่อย่างเต็มกำลัง เช่นนั้นสถานการณ์ก็ต่างกันแล้วเมื่อชั่งน้ำหนักผลได้เสีย ทำได้เพียงสละฉู่หนิง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 560

    แม้ฮ่องเต้จะรู้เจตนาของพวกองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่มีหนทางอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้วบางที การให้ฉู่หนิงมาอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดฮ่องเต้ทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แววตาหรี่ลงและทอประกายเด็ดขาด “เด็ก ๆ ไปตามตัวฉู่หนิงมาหารือ!”สิ้นเสียงคำสั่ง หัวหน้าขันทีก็เดินทางไปยังจวนฉู่อ๋องด้วยตัวเองราวครึ่งชั่วยามต่อมา ฉู่หนิงที่ได้รับแจ้งข่าวก็เดินทางมาถึงตำหนักอิงอู่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าสู่ตำหนัก ฉู่หนิงก็รู้สึกได้ว่าสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ตนตัวเขาที่ยังไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ แววตาเผยความประหลาดใจเล็กน้อยประหลาดยิ่งนัก เสด็จพ่อไม่เคยเรียกเขามาร่วมประชุม แต่แล้วจู่ ๆ ครั้งนี้กลับเรียกทุกคนมา หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่?ฉู่หนิงเดินเข้าไปทำความเคารพด้วยความสงสัย “ถวายพระพรเสด็จพ่อ!”ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย ตรัสด้วยเสียงทุ้มว่า “ไม่ต้องมากพิธี องค์รัชทายาท เจ้าบอกฉู่หนิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเถอะ”องค์รัชทายาทที่ถูกเรียกชื่อยิ้มเยาะในใจ ก้าวออกไปยืนหน้าฉู่หนิงและบอกข่าวที่ได้รับทราบมาเมื่อครู่ด้วยเสียงราบเรียบฉู่หนิงฟังจบก็ขมวดคิ้วแน่น เผยความรู้สึกประหลาดใจ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 559

    “กระไรนะ พวกเขาต้องการให้ราชสำนักเรารับผิดชอบ มิเช่นนั้นจะสังหารชาวเมืองตุนหวงทั้งหมดอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้ลุกพรวดขึ้นยืนเมื่อได้ยินเช่นกัน พระพักตร์เต็มไปด้วยความโกรธ “รังแกเกินไปแล้ว รังแกเกินไปแล้วจริง ๆ !”ทั้งที่องค์หญิงเกาผิงถูกไป่หลีซิงฆ่าตายต่างหาก แต่นี่ฮ่องเต้หญิงต้าโจวกลับจะให้ต้าฉู่รับผิดชอบช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลสิ้นดีต่อให้ต้าฉู่จะอ่อนแอลง แต่ก็ไม่อาจยอมให้ผู้ใดมารังแกถึงที่ได้แต่เพิ่งจะสิ้นเสียงฮ่องเต้ มหาราชครูกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไป รีบก้าวออกมาประสานมือคำนับ “ฝ่าบาท หากไม่อดทนต่อเรื่องเล็กน้อย จะทำให้เสียการใหญ่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้กำหมัดแน่น จ้องมองไปที่มหาราชครู “ฮ่องเต้หญิงต้าโจวข่มขู่ขนาดนี้ จะเรายอมกล้ำกลืนฝืนทนอย่างนั้นรึ?”มหาราชครูเห็นฮ่องเต้ทรงกริ้วก็ไม่กล้าพูดอีกในขณะนั้นเอง อัครเสนาบดีก็ก้าวออกมาพูดเสียงทุ้ม “ฝ่าบาท หากจะทำศึกก็ส่งได้เพียงแม่ทัพใหญ่กับทหารที่เขาฝึก”“ทว่า หากทำเช่นนั้น เรื่องเสบียงและเบี้ยหวัดก็จะเกิดปัญหา เงินที่เหลืออยู่ในท้องพระคลังก็ไม่พอที่จะรับภาระสงคราม”“อีกอย่าง เสบียงที่สำรองไว้ก็มีไม่มาก อีกไม่นานก็จะถึงช่วยเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status