Share

บทที่ 3

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“หึ แค่ใบชาธรรมดา ๆ แลกกับม้าดีของข้าไปตั้งสิบตัว!”

ตำหนักบูรพา

องค์รัชทายาทฉู่เวยโกรธจนหน้าเขียว เขาขว้างถ้วยชาในมือลงบนพื้นอย่างแรง

แต่แค่นี้ยังไม่หายโกรธ เขากระทืบซ้ำลงไปบนใบชาที่อยู่บนพื้นสองครั้ง แล้วตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เอาชาเขียวนี่ไปให้หมากิน!”

ชาเขียวนี่ก็เหมือนกับฉู่หนิง แค่เห็นก็รู้สึกขัดหูขัดตา!

องค์ชายเจ็ดผู้ซึ่งสนับสนุนองค์รัชทายาทมาตลอดหัวเราะเบา ๆ “ท่านพี่องค์รัชทายาท ไยต้องถือสาหาความกับคนที่กำลังจะตายด้วยเล่า?”

“ถือสาหาความหรือ?”

องค์รัชทายาทสีหน้ามืดมน “เสด็จพ่อประทานกระบี่คู่กายของเขาให้ฉู่หนิง กระบี่เล่มนั้นควรจะเป็นของข้า หากได้กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อมา บารมีและชื่อเสียงของข้าจะเหนือกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง!”

มุมปากขององค์ชายเจ็ดยกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฉู่หนิงนั่นก็เป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมากนัก หากท่านพี่องค์รัชทายาทไปหาเขาด้วยตนเอง เขายังจะกล้าเก็บกระบี่คู่กายของเสด็จพ่อไว้อีกหรือ?”

แค่สามัญชนคนหนึ่ง จะกล้ามาแย่งชิงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทได้อย่างไร?

ถึงแม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง แต่ก็เป็นเพียงตำแหน่งลอย ๆ ที่ไม่มีทั้งอำนาจบารมี และไร้ที่ดินศักดินา

ดวงตาขององค์รัชทายาทหรี่ลง ฉายแววประหลาดใจระคนยินดี “มีเหตุผล ข้าจะไปด้วยตนเอง กระบี่ของเสด็จพ่อจะตกไปอยู่ในมือของคนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!”

องค์รัชทายาทสะบัดแขนเสื้อ แล้วมุ่งหน้าออกจากตำหนักไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ในขณะเดียวกัน บนถนนใหญ่จูเชวี่ย ฉู่หนิงมองจวนหลังใหญ่ที่กินพื้นที่กว่าร้อยหมู่ตรงหน้า มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย

จวนหลังใหญ่ขนาดนี้อยู่กันแค่สามคน ช่างฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว

“จวิ้นอ๋อง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ท่าทางน่าเกรงขามผายมือในลักษณะเชื้อเชิญ

ฉู่หนิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง คนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ากว้างคางหนาดูภูมิฐาน อีกคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าแดงก่ำคมเข้มราวกับผลพุทรา

เขาเดินเข้าไปในประตู พลางเอ่ยถาม “พวกเจ้าสองคนชื่ออะไร?”

“กวนอวิ๋นพ่ะย่ะค่ะ!”

“จ้าวอวี่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ทั้งสองคนช่วยเตรียมชาร้อนให้ข้าด้วย อีกเดี๋ยวจะมีแขกมา” ฉู่หนิงสั่งการหนึ่งประโยค แล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ จวน

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ดวงตาฉายแววสงสัยเล็กน้อย

จวิ้นอ๋องท่านนี้มิใช่สามัญชนหรอกหรือ เหตุใดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็มีแขกมาเยี่ยมเยียนแล้ว?

แม้ในใจจะสงสัย แต่ทั้งสองคนก็ยังคงออกไปเตรียมชาร้อน

ขณะเดียวกัน ภายในพระราชวัง ฮ่องเต้กำลังจิบชาอยู่

“ชานี้ไม่เลวเลย กลิ่นหอมฟุ้ง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้ว่าฉู่หนิงไปได้มาจากที่ใด”

ฮ่องเต้ถือถ้วยชา พลางเอ่ยชมไม่ขาดปาก

หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงยิ้มเบา ๆ “ยากนักที่ฝ่าบาทจะทรงโปรด วันพรุ่งนี้บ่าวจะให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องนำชามาถวายอีกพ่ะย่ะค่ะ”

ระหว่างที่พูดคุยกัน บุรุษในชุดรัดกุมสีดำ สวมผ้าปิดหน้าสีดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเสด็จออกจากวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาของฮ่องเต้หรี่ลง วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “หึ เขาคงจะไปหาฉู่หนิงแล้วกระมัง!”

“ฝ่าบาททรงพระปรีชา!”

“จับตาดูเขาไว้ เราอยากจะเห็นนักว่าเขาคิดจะทำอะไร!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ภายในลานด้านในของจวน ฉู่หนิงที่เดินสำรวจจนทั่วแล้วกำลังพิจารณากระบี่คู่กายของฮ่องเต้

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกจวน

“องค์รัชทายาทเสด็จ!”

สีหน้าของกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งสองสบตากัน

จวิ้นอ๋องพูดถูกจริง ๆ ด้วย!

มีแขกมาเยือน!

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเสด็จมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ โปรดอภัยให้ด้วย!” ฉู่หนิงแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่งแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ

องค์รัชทายาทพอใจกับท่าทีของฉู่หนิงมาก

อยู่ต่อหน้าเขา ก็ควรจะอ่อนน้อมเช่นนี้!

“ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว น้องสิบแปดจะมีความผิดได้อย่างไรกัน?”

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเชิญด้านในขอรับ ใครก็ได้ ยกชามา!”

ฉู่หนิงเชิญองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องโถง องค์รัชทายาทก็นั่งลงบนที่นั่งหลักอย่างไม่เกรงใจ

ส่วนฉู่หนิง ทำได้เพียงยืนอยู่เท่านั้น

กวนอวิ๋นยกชาเข้ามา แต่รัชทายาทไม่แม้แต่จะชายตามอง สายตาของเขามีเพียงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เท่านั้น!

มุมปากของฉู่หนิงยกยิ้มเล็กน้อย แอบหัวเราะเยาะในใจ

รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่ไม่ประสงค์ดี ตั้งแต่อยู่ในท้องพระโรง สายตาก็ไม่เคยละไปจากกระบี่เล่มนี้เลย

อยากได้ใช่หรือไม่?

เช่นนั้นก็คงต้องจ่ายหนักหน่อยแล้ว!

ในราชวงศ์ที่ไร้ซึ่งความปรานีเช่นนี้ หากไร้ซึ่งเงินทอง อำนาจ และกองกำลัง ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกฆ่าตายอยู่ดี

ต้องสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา!

ก็เริ่มหาเงินจากองค์รัชทายาทผู้เป็นแหล่งเงินทุนชั้นดีนี่ก่อนเลยแล้วกัน!

“ไม่ทราบว่าท่านพี่องค์รัชทายาทมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด?” ฉู่หนิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน

องค์รัชทายาทกล่าวอย่างเรียบเฉย “น้องสิบแปดเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ข้าจึงตั้งใจแวะมาดูว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ และถือโอกาสนำของขวัญที่รับปากไว้มามอบให้เจ้าด้วย”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยท่านพี่องค์รัชทายาท!”

“คำขอบคุณปากเปล่าก็ไม่ต้องแล้ว เอาอะไรที่มันจับต้องได้ดีกว่า!”

องค์รัชทายาทยื่นมือชี้ไปที่กระบี่คู่กายของฮ่องเต้ในมือฉู่หนิง หรี่ตาลงแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้ม “กระบี่เล่มนี้ เสด็จพ่อเคยตรัสไว้ว่าจะเก็บไว้ให้ข้า”

ให้ตายเถอะ นี่มันปล้นกันซึ่ง ๆ หน้าชัด ๆ

ไม่คิดจะปิดบังกันเลย!

แต่ว่า คิดจะปล้นของจากมือฉู่หนิงคนนี้ เช่นนั้นก็ต้องจ่ายหนักหน่อย!

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าไม่เต็มใจ “กระบี่เล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ หากมอบให้ท่านพี่องค์รัชทายาท เกรงว่าจะอธิบายกับทางเสด็จพ่อได้ยากนะขอรับ”

อธิบาย?

คนใกล้ตายอย่างเจ้า จะต้องอธิบายอะไร?

องค์รัชทายาทแค่นเสียงอย่างดูถูก ทำท่าทีสูงส่งอยู่เหนืออีกฝ่าย “ข้าจะเอาของมาแลกกับกระบี่เล่มนี้กับเจ้า คิดว่าหากเสด็จพ่อทรงทราบก็คงไม่ตำหนิเจ้าหรอก”

“เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ย่อมขาดแคลนของหลายอย่าง เจ้าต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย!”

ขอเพียงแค่ฉู่หนิงยอมมอบกระบี่ออกมาด้วยความเต็มใจ ต่อให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ “ในเมื่อท่านพี่องค์รัชทายาทเอ่ยปากแล้ว ข้าก็มิอาจปฏิเสธได้ ตอนนี้ข้ากำลังจะไปทัพหน้าเพื่อสู้รบกับแคว้นศัตรู จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เหล่าทหาร!”

ต้องการเงิน?

เหตุใดไม่พูดแต่แรกเล่า!

ในฐานะองค์รัชทายาท อะไรก็ไม่มีมากเท่าเงิน!

“เจ้าต้องการเงินเท่าไร?”

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเห็นว่ากระบี่เล่มนี้มีค่าเท่าใด ก็ให้เท่านั้นเถิดขอรับ”

พูดจบ ฉู่หนิงก็โยนกระบี่ในมือไปให้องค์รัชทายาท โดยไม่มีทีท่าอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

องค์รัชทายาทถึงกับงุนงงไปเล็กน้อย

นี่คือกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เชียวนะ ในยามคับขันสามารถช่วยชีวิตได้!

เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่?

ช่างเถอะ จะไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไม

ไม่ว่าฉู่หนิงจะมอบกระบี่ให้จากใจจริงหรือไม่ อย่างไรเสียกระบี่ก็มาอยู่ในมือแล้ว!

เมื่อมองดูกระบี่ที่ใฝ่ฝันมาตลอดในมือ มือขององค์รัชทายาทก็อดสั่นเทาไม่ได้ ในใจรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง

มีกระบี่เล่มนี้แล้ว เขาก็สามารถข่มองค์ชายคนอื่น ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง!

ฉู่หนิงผู้นี้ ช่วยเขาได้มากจริง ๆ

เหลือบมองฉู่หนิงที่ก้มหน้าอยู่ องค์รัชทายาทก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปตบบ่าเขา “น้องสิบแปดใจกว้างเช่นนี้ ข้าก็จะใจแคบไม่ได้!”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าให้เงินเจ้าห้าหมื่นตำลึง เป็นอย่างไร?”

ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปทันที

เขาคิดว่าองค์รัชทายาทจะให้มากสุดก็แค่หนึ่งหมื่นตำลึง ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายเอ่ยปากก็ให้ถึงห้าหมื่นตำลึง

เขาประเมินความสามารถขององค์รัชทายาทต่ำไปเสียแล้ว

องค์รัชทายาทเห็นฉู่หนิงไม่พูดไม่จา ก็นึกว่าเขายังคิดว่าน้อยไป จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หกหมื่นตำลึงคงได้แล้วกระมัง!”

ไม่ใช่แค่ได้สิ แต่มันยอดเยี่ยมไปเลยต่างหาก!

ฉู่หนิงรีบพยักหน้า “ท่านพี่องค์รัชทายาทว่าเท่าไรก็เท่านั้นขอรับ”

“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ เจ้าช่างรู้จักกาลเทศะนัก ข้าพอใจมาก เดี๋ยวจะให้คนส่งเงินมาให้ทันที!”

องค์รัชทายาทพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ฉู่หนิง กล่าวเตือนด้วยเสียงต่ำ “แต่เรื่องนี้เจ้าห้ามบอกเสด็จพ่อเด็ดขาด มิเช่นนั้นเงินของข้าจะถูกเรียกคืนทั้งหมด!”

ฉู่หนิงรีบโบกมือ “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้กับเสด็จพ่อเด็ดขาด!”

องค์รัชทายาทพอใจมาก จากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ

ในลานบ้าน กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เห็นองค์รัชทายาทจากไปพร้อมกับกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ ทั้งสองคนก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

“จวิ้นอ๋อง กระบี่เป็นของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ ตอนนี้ถูกองค์รัชทายาทเอาไปแล้ว ฝ่าบาทต้องลงโทษท่านแน่พ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์รัชทายาทยังเสด็จไปได้ไม่ไกล จวิ้นอ๋องรีบตามไปทวงคืนเถิด!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
ธงชัย ชัยเจริญสกุล
ดีมาก​ๆๆๆๆๆๆๆไ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 696

    แต่ก็มีคนก้าวออกมาคัดค้านทันที “ฮึ่ม ใต้เท้าเหอดูแลกรมโยธาธิการ หากย้ายไปกรมการคลัง ใครจะรับผิดชอบงานของกรมโยธาธิการ?”“ถูกต้อง ใต้เท้าเหอไม่เหมาะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง ให้ใต้เท้าจางดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังเหมาะสมกว่า”“ใต้เท้าจางไม่เหมาะ ให้ใต้เท้าเผิงดำรงตำแหน่งเหมาะสมที่สุด”“ฝ่าบาท ในความเห็นของกระหม่อม ใต้เท้าโม่เหมาะกับตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังที่สุด”ทุกคนพากันก้าวออกมา ปกป้องผู้ที่ตนเองจงรักภักดีตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังมีความสำคัญอย่างยิ่ง พวกเขาต้องแย่งตำแหน่งนี้มาให้เจ้านายของตนเองให้ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปอยู่ในราชสำนัก จะตกอยู่ใต้อำนาจผู้อื่นแต่พวกเขายิ่งทะเลาะกัน รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่หนิงก็ยิ่งกว้างทะเลาะเลย ทะเลาะเยอะๆ ทะเลาะจนทำให้เสด็จพ่อรำคาญพวกเจ้า ถึงเวลานั้น ตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลังก็จะเป็นของหลิวโส่วเริ่นเจ้าพวกนี้ยังคิดจะฉวยโอกาส แต่หารู้ไม่ว่าเสด็จพ่อ ถนัดเรื่องการถ่วงดุลอำนาจมากที่สุดตอนนี้พวกเจ้าแต่ละคนให้ขุนนางที่สนับสนุนตนเองออกมาร่วมวงด้วย นี่ไม่เท่ากับกำลังบอกฮ่องเต้ว่า : คนพวกนี้เป็นคนของพวกเจ้า!ด้วยนิสัยของฮ่องเต้ ไม่มีทางปล่อยให้ฝ่ายใด

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 695

    “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่าใต้เท้าหลิวเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมการคลัง!”ฉู่หนิงก้าวออกมาพูดแทนหลิวโส่วเริ่น “ในช่วงนี้ ขุนนางกรมการคลังขาดแคลน ทำให้หลายเรื่องไม่สามารถจัดการได้ทันท่วงที ใต้เท้าหลิวเป็นคนประคับประคองกรมการคลังมาโดยตลอดดูจากใต้เท้าหลิวจัดการงานของกรมการคลังในช่วงที่ผ่านมา เขาสามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”การมีคนในราชสำนักย่อมทำให้ทำงานง่ายขึ้น หากสามารถควบคุมกรมการคลังที่เป็นหนึ่งในหกกรม ก็เท่ากับมีหูตาอยู่ในราชสำนักนี่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาปิงโจวในอนาคตอย่างมากยิ่งไปกว่านั้น หลิวโส่วเริ่นมีพื้นเพมาจากปิงโจว และยังเคยเป็นเจ้าเมืองเมืองติ้งเซียง มีความผูกพันกับปิงโจว หลังจากกลายเป็นเสนาบดีกรมการคลัง จะต้องหาวิธีดูแลปิงโจวแน่นอนราชสำนักในอดีต ท้องพระคลังขาดแคลน กรมการคลังมีแต่ชื่อ ไม่มีอำนาจมากนักแต่ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว ท้องพระคลังได้รับเงินมากมายเช่นนั้น กรมการคลังในอนาคต เป็นเนื้อก้อนโตเลยทีเดียว!แต่ก็เพราะเป็นเนื้อก้อนโต องค์รัชทายาทกับองค์ชายคนอื่นๆ ก็อยากชิงดูสักตั้ง!ทันทีที่สิ้นเสียงฉู่หนิง องค์รัชทายาทก้าวออกมาคัดค้านเป็นคนแรก“น้องส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 694

    เพราะอย่างไรเสีย ฉู่หนิงก็เป็นคนทวงเงินกลับคืนมาทันทีที่สิ้นเสียง ขุนนางที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาทก้าวออกมาสนับสนุนทันที เมื่อองค์ชายรองและคนอื่นๆ เห็นดังนี้ก็หันไปสบตากัน จากนั้นก็พากันเห็นด้วย เวลานี้ ขุนนางคนอื่นๆ จึงจะเข้าใจเหล่าองค์ชายเห็นพ้องต้องกัน!แต่มาลองคิดดูมันก็ถูก ครั้งนี้ฉู่หนิงได้สร้างความดีความชอบอันใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาเด่นเกินหน้าเกินตา ในฐานะองค์ชาย ใครก็ต้องหวั่นเกรงในเรื่องของการพระราชทานรางวัล เหล่าองค์ชายย่อมไม่อยากให้ฉู่หนิงได้เปรียบเหล่าขุนนางที่เข้าใจแล้ว ก็พากันก้าวออกมาสนับสนุน“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทพูดถูก!”“ชีวิตของฉู่อ๋องในปิงโจวลำบากมาก เมื่อก่อนราชสำนักไม่มีเงิน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่อ๋องพึ่งพาตนเอง ตอนนี้ราชสำนักมีเงินแล้ว ก็ควรดูแลฉู่อ๋องเป็นพิเศษ!”“กระหม่อมก็รู้สึกว่าควรพระราชทานเงิน”“ขอฝ่าบาทโปรดทรงมีพระราชโองการ!”คำพูดของขุนนางบุ๋นบู๊ ทำให้หลิวโส่วเริ่นที่เป็นผู้รักษาการณ์กรมการคลังทนดูต่อไปไม่ได้แล้วเขาก้าวออกมากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ฝ่าบาท ฉู่อ๋องช่วยราชสำนักทวงเงินกลับคืนมานับร้อยล้าน ช่วยแก้ปัญหาท้องพระคลังขาดแ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 693

    วันต่อมา ยามเหมายามเช้าในเดือนห้า ท้องฟ้าสว่างจนมองเห็นชัดฉู่หนิงสวมชุดอ๋องสีม่วง ควบม้ามาถึงหน้าประตูพระราชวัง“คำนับท่านอ๋อง!”หน้าประตูพระราชวัง ขุนนางหลายคนพากันประสานมือคารวะฉู่หนิงสามารถทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ยอมอ่อนข้อเพียงลำพัง ทั่วราชวงศ์ต้าฉู่มีเพียงฉู่หนิงที่ทำได้ไม่ว่าเหล่าขุนนางจะอยู่ฝ่ายใด ล้วนชื่นชมฉู่หนิงมากฉู่หนิงกวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง พยักหน้าแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”ขณะที่กำลังพูด มีเสียงกีบเท้าม้า องค์ชายรองฉู่หมิงควบม้ามาถึงแล้ว“น้องสิบแปด ช่างหน้าใหญ่จริงๆ!” องค์ชายรองมองฉู่หนิงที่ถูกทุกยกยอจนแทบตัวลอย แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พี่รองล้อเล่นแล้ว ข้าเพิ่งมาถึงเอง เป็นเพราะขุนนางทุกท่านเกรงใจเกินไปต่างหาก”“พอแล้ว รีบเข้าไปเถิด การประชุมเช้ากำลังจะเริ่มแล้ว”เมื่อกล่าวจบ องค์ชายรองพลิกกายลงจากม้า แล้วเดินตรงไปที่ประตูของพระราชวังฉู่หนิงพลันยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินตามไปโดยไม่พูดอะไรมากที่หน้าประตูตำหนักจินหลวน มีองค์ชายและขุนนางมารออยู่แล้ว เมื่อเห็นองค์ชายรองกับฉู่หนิงเดินมา ก็พากันคารวะองค์รัชทายาทเพียงกวาดมองฉู่หนิงด้วยสีหน้าไร้อารม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 692

    ผู้หญิงคนนี้หนีไปได้ ไม่แน่อาจเป็นปัญหาใหญ่ในวันข้างหน้าแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านี้ จัดการคนเจ็ดคนนี้ก่อนค่อยว่ากัน“ฮึ่ม ว่ามา เหตุใดต้องลอบสังหารข้า?” ฉู่หนิงจ้องคนทั้งเจ็ดอย่างเย็นชาและถามหัวหน้าตระกูลทั้งเจ็ดเงียบทันทีเหตุใดลอบสังหารเจ้า? ในใจเจ้าไม่รู้เลยหรือ?เดิมทีปิงโจวอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลใหญ่ แต่พอเจ้าฉู่หนิงไปปิงโจว ยึดที่ดินทั้งหมดคืน ตระกูลใหญ่จะอยู่รอดได้อย่างไรไม่ฆ่าเจ้าแล้วจะฆ่าใคร?แต่พวกเขาไม่กล้าพูดคำพูดนี้ออกมา เพราะกลัวฉู่หนิงจะลงมือกับตนเอง“ไม่พูดใช่หรือไม่?”ฉู่หนิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เด็กๆ ฆ่าพวกมันให้หมด!”ทันทีที่คำสั่งดังขึ้น ก่อนคนทั้งเจ็ดจะตั้งสติได้ หร่านหมิงพลันยิ้มอย่างดุร้าย เงื้อมดาบในมือขึ้น ก็ตัดศีรษะของหัวหน้าตระกูลคนหนึ่งหลุดโดยตรง เมื่อทัพอาชาคนอื่นเห็นดังนี้ ก็พากันลงดาบในมือ พริบตาเดียว ที่เกิดเหตุมีดวงวิญญาณเพิ่มมาหกดวงกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉุนจมูก ฉู่หนิงปิดจมูก พลางโบกมือสั่ง “เผาศพ แล้วฝังไว้ตรงนี้!”หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ทุกคนเดินทางกลับเมืองเ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 691

    ในที่สุดก็หาตัวผู้อยู่เบื้องหลังคดีลอบสังหารเจอเสียทีเป็นไปตามที่ฉู่หนิงคาดการณ์ เป็นฝีมือของแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ที่จริงเดาออกนานแล้วว่าเป็นฝีมือของคนเหล่านี้ เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่มีหลักฐานก็เท่านั้นเองตอนนี้มีการชี้ตัวของเหล่าตระกูลใหญ่ การจับกุมแปดตระกูลใหญ่แห่งปิงโจว ก็เป็นไปอย่างมีความชอบธรรมและหลักฐานองค์รัชทายาทมองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของฉู่หนิง มีความไม่เต็มใจเสี้ยวหนึ่งแลบผ่านแววตาวันนี้เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทวนเงินคลังที่ถูกยักยอกกลับคืนมา และยังหาเงินสำหรับการสร้างสุสานให้เสด็จพ่อด้วย เสด็จพ่อคงจะโปรดปรานเขามากขึ้นแน่!ไม่ได้ ปล่อยให้ฉู่หนิงทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาดองค์รัชทายาทพลันหรี่ตาลง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เสด็จพ่อ ปัจจุบันน้องสิบแปดใจกล้าบ้าบิ่น จะต้องทำให้เหล่าตระกูลใหญ่ เกิดความไม่พอใจต่อเขาแน่นอน นี่ไม่เป็นผลดีต่อราชวงศ์ต้าฉู่ของเรานะ เพราะวันข้างหน้ายังมีเรื่องอีกมากมายต้องพึ่งพาเหล่าตระกูลใหญ่”แต่เวลานี้ฮ่องเต้กำลังจมอยู่กับความปีติยินดีของการสร้างสุสานหลวง เมื่อได้ยินองค์รัชทายาทว่าร้ายฉู่หนิง สีพระพักตร์จึงเคร่งขรึมลงทันที“รัชทายาท เรารู้ว่า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status