Share

บทที่ 3

Author: สายลมไร้กาลเวลา
“หึ แค่ใบชาธรรมดา ๆ แลกกับม้าดีของข้าไปตั้งสิบตัว!”

ตำหนักบูรพา

องค์รัชทายาทฉู่เวยโกรธจนหน้าเขียว เขาขว้างถ้วยชาในมือลงบนพื้นอย่างแรง

แต่แค่นี้ยังไม่หายโกรธ เขากระทืบซ้ำลงไปบนใบชาที่อยู่บนพื้นสองครั้ง แล้วตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เอาชาเขียวนี่ไปให้หมากิน!”

ชาเขียวนี่ก็เหมือนกับฉู่หนิง แค่เห็นก็รู้สึกขัดหูขัดตา!

องค์ชายเจ็ดผู้ซึ่งสนับสนุนองค์รัชทายาทมาตลอดหัวเราะเบา ๆ “ท่านพี่องค์รัชทายาท ไยต้องถือสาหาความกับคนที่กำลังจะตายด้วยเล่า?”

“ถือสาหาความหรือ?”

องค์รัชทายาทสีหน้ามืดมน “เสด็จพ่อประทานกระบี่คู่กายของเขาให้ฉู่หนิง กระบี่เล่มนั้นควรจะเป็นของข้า หากได้กระบี่คู่กายของเสด็จพ่อมา บารมีและชื่อเสียงของข้าจะเหนือกว่าองค์ชายคนอื่น ๆ อย่างสิ้นเชิง!”

มุมปากขององค์ชายเจ็ดยกยิ้มเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ฉู่หนิงนั่นก็เป็นแค่สามัญชนที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมากนัก หากท่านพี่องค์รัชทายาทไปหาเขาด้วยตนเอง เขายังจะกล้าเก็บกระบี่คู่กายของเสด็จพ่อไว้อีกหรือ?”

แค่สามัญชนคนหนึ่ง จะกล้ามาแย่งชิงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้กับองค์รัชทายาทได้อย่างไร?

ถึงแม้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง แต่ก็เป็นเพียงตำแหน่งลอย ๆ ที่ไม่มีทั้งอำนาจบารมี และไร้ที่ดินศักดินา

ดวงตาขององค์รัชทายาทหรี่ลง ฉายแววประหลาดใจระคนยินดี “มีเหตุผล ข้าจะไปด้วยตนเอง กระบี่ของเสด็จพ่อจะตกไปอยู่ในมือของคนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด!”

องค์รัชทายาทสะบัดแขนเสื้อ แล้วมุ่งหน้าออกจากตำหนักไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ในขณะเดียวกัน บนถนนใหญ่จูเชวี่ย ฉู่หนิงมองจวนหลังใหญ่ที่กินพื้นที่กว่าร้อยหมู่ตรงหน้า มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย

จวนหลังใหญ่ขนาดนี้อยู่กันแค่สามคน ช่างฟุ่มเฟือยเกินไปแล้ว

“จวิ้นอ๋อง เชิญด้านในพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ท่าทางน่าเกรงขามผายมือในลักษณะเชื้อเชิญ

ฉู่หนิงมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง คนหนึ่งรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้ากว้างคางหนาดูภูมิฐาน อีกคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าแดงก่ำคมเข้มราวกับผลพุทรา

เขาเดินเข้าไปในประตู พลางเอ่ยถาม “พวกเจ้าสองคนชื่ออะไร?”

“กวนอวิ๋นพ่ะย่ะค่ะ!”

“จ้าวอวี่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ทั้งสองคนช่วยเตรียมชาร้อนให้ข้าด้วย อีกเดี๋ยวจะมีแขกมา” ฉู่หนิงสั่งการหนึ่งประโยค แล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ จวน

กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่สบตากัน ดวงตาฉายแววสงสัยเล็กน้อย

จวิ้นอ๋องท่านนี้มิใช่สามัญชนหรอกหรือ เหตุใดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงก็มีแขกมาเยี่ยมเยียนแล้ว?

แม้ในใจจะสงสัย แต่ทั้งสองคนก็ยังคงออกไปเตรียมชาร้อน

ขณะเดียวกัน ภายในพระราชวัง ฮ่องเต้กำลังจิบชาอยู่

“ชานี้ไม่เลวเลย กลิ่นหอมฟุ้ง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ไม่รู้ว่าฉู่หนิงไปได้มาจากที่ใด”

ฮ่องเต้ถือถ้วยชา พลางเอ่ยชมไม่ขาดปาก

หัวหน้าขันทีจ้าวหมิงยิ้มเบา ๆ “ยากนักที่ฝ่าบาทจะทรงโปรด วันพรุ่งนี้บ่าวจะให้เผิงไหลจวิ้นอ๋องนำชามาถวายอีกพ่ะย่ะค่ะ”

ระหว่างที่พูดคุยกัน บุรุษในชุดรัดกุมสีดำ สวมผ้าปิดหน้าสีดำคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนัก

“ฝ่าบาท องค์รัชทายาทเสด็จออกจากวังไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

ดวงตาของฮ่องเต้หรี่ลง วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง “หึ เขาคงจะไปหาฉู่หนิงแล้วกระมัง!”

“ฝ่าบาททรงพระปรีชา!”

“จับตาดูเขาไว้ เราอยากจะเห็นนักว่าเขาคิดจะทำอะไร!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ภายในลานด้านในของจวน ฉู่หนิงที่เดินสำรวจจนทั่วแล้วกำลังพิจารณากระบี่คู่กายของฮ่องเต้

ทันใดนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกจวน

“องค์รัชทายาทเสด็จ!”

สีหน้าของกวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งสองสบตากัน

จวิ้นอ๋องพูดถูกจริง ๆ ด้วย!

มีแขกมาเยือน!

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเสด็จมาเยือน ขออภัยที่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ โปรดอภัยให้ด้วย!” ฉู่หนิงแสร้งทำสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่งแล้วเดินเข้าไปต้อนรับ

องค์รัชทายาทพอใจกับท่าทีของฉู่หนิงมาก

อยู่ต่อหน้าเขา ก็ควรจะอ่อนน้อมเช่นนี้!

“ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว น้องสิบแปดจะมีความผิดได้อย่างไรกัน?”

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเชิญด้านในขอรับ ใครก็ได้ ยกชามา!”

ฉู่หนิงเชิญองค์รัชทายาทเข้าไปในห้องโถง องค์รัชทายาทก็นั่งลงบนที่นั่งหลักอย่างไม่เกรงใจ

ส่วนฉู่หนิง ทำได้เพียงยืนอยู่เท่านั้น

กวนอวิ๋นยกชาเข้ามา แต่รัชทายาทไม่แม้แต่จะชายตามอง สายตาของเขามีเพียงกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เท่านั้น!

มุมปากของฉู่หนิงยกยิ้มเล็กน้อย แอบหัวเราะเยาะในใจ

รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหมอนี่ไม่ประสงค์ดี ตั้งแต่อยู่ในท้องพระโรง สายตาก็ไม่เคยละไปจากกระบี่เล่มนี้เลย

อยากได้ใช่หรือไม่?

เช่นนั้นก็คงต้องจ่ายหนักหน่อยแล้ว!

ในราชวงศ์ที่ไร้ซึ่งความปรานีเช่นนี้ หากไร้ซึ่งเงินทอง อำนาจ และกองกำลัง ไม่ช้าก็เร็วจะต้องถูกฆ่าตายอยู่ดี

ต้องสร้างกองกำลังของตัวเองขึ้นมา!

ก็เริ่มหาเงินจากองค์รัชทายาทผู้เป็นแหล่งเงินทุนชั้นดีนี่ก่อนเลยแล้วกัน!

“ไม่ทราบว่าท่านพี่องค์รัชทายาทมาที่นี่ด้วยเรื่องอันใด?” ฉู่หนิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามก่อน

องค์รัชทายาทกล่าวอย่างเรียบเฉย “น้องสิบแปดเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ข้าจึงตั้งใจแวะมาดูว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือไม่ และถือโอกาสนำของขวัญที่รับปากไว้มามอบให้เจ้าด้วย”

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าซาบซึ้งใจ “ขอบพระทัยท่านพี่องค์รัชทายาท!”

“คำขอบคุณปากเปล่าก็ไม่ต้องแล้ว เอาอะไรที่มันจับต้องได้ดีกว่า!”

องค์รัชทายาทยื่นมือชี้ไปที่กระบี่คู่กายของฮ่องเต้ในมือฉู่หนิง หรี่ตาลงแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้ม “กระบี่เล่มนี้ เสด็จพ่อเคยตรัสไว้ว่าจะเก็บไว้ให้ข้า”

ให้ตายเถอะ นี่มันปล้นกันซึ่ง ๆ หน้าชัด ๆ

ไม่คิดจะปิดบังกันเลย!

แต่ว่า คิดจะปล้นของจากมือฉู่หนิงคนนี้ เช่นนั้นก็ต้องจ่ายหนักหน่อย!

ฉู่หนิงแสดงสีหน้าไม่เต็มใจ “กระบี่เล่มนี้เป็นของที่เสด็จพ่อพระราชทานให้ หากมอบให้ท่านพี่องค์รัชทายาท เกรงว่าจะอธิบายกับทางเสด็จพ่อได้ยากนะขอรับ”

อธิบาย?

คนใกล้ตายอย่างเจ้า จะต้องอธิบายอะไร?

องค์รัชทายาทแค่นเสียงอย่างดูถูก ทำท่าทีสูงส่งอยู่เหนืออีกฝ่าย “ข้าจะเอาของมาแลกกับกระบี่เล่มนี้กับเจ้า คิดว่าหากเสด็จพ่อทรงทราบก็คงไม่ตำหนิเจ้าหรอก”

“เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ย่อมขาดแคลนของหลายอย่าง เจ้าต้องการอะไรก็บอกมาได้เลย!”

ขอเพียงแค่ฉู่หนิงยอมมอบกระบี่ออกมาด้วยความเต็มใจ ต่อให้ฮ่องเต้ทรงทราบ ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ “ในเมื่อท่านพี่องค์รัชทายาทเอ่ยปากแล้ว ข้าก็มิอาจปฏิเสธได้ ตอนนี้ข้ากำลังจะไปทัพหน้าเพื่อสู้รบกับแคว้นศัตรู จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้เหล่าทหาร!”

ต้องการเงิน?

เหตุใดไม่พูดแต่แรกเล่า!

ในฐานะองค์รัชทายาท อะไรก็ไม่มีมากเท่าเงิน!

“เจ้าต้องการเงินเท่าไร?”

“ท่านพี่องค์รัชทายาทเห็นว่ากระบี่เล่มนี้มีค่าเท่าใด ก็ให้เท่านั้นเถิดขอรับ”

พูดจบ ฉู่หนิงก็โยนกระบี่ในมือไปให้องค์รัชทายาท โดยไม่มีทีท่าอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย

องค์รัชทายาทถึงกับงุนงงไปเล็กน้อย

นี่คือกระบี่คู่กายของฮ่องเต้เชียวนะ ในยามคับขันสามารถช่วยชีวิตได้!

เจ้าฉู่หนิงนี่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่?

ช่างเถอะ จะไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไม

ไม่ว่าฉู่หนิงจะมอบกระบี่ให้จากใจจริงหรือไม่ อย่างไรเสียกระบี่ก็มาอยู่ในมือแล้ว!

เมื่อมองดูกระบี่ที่ใฝ่ฝันมาตลอดในมือ มือขององค์รัชทายาทก็อดสั่นเทาไม่ได้ ในใจรู้สึกตื่นเต้นยินดีอย่างยิ่ง

มีกระบี่เล่มนี้แล้ว เขาก็สามารถข่มองค์ชายคนอื่น ๆ ได้อย่างสิ้นเชิง!

ฉู่หนิงผู้นี้ ช่วยเขาได้มากจริง ๆ

เหลือบมองฉู่หนิงที่ก้มหน้าอยู่ องค์รัชทายาทก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเดินเข้าไปตบบ่าเขา “น้องสิบแปดใจกว้างเช่นนี้ ข้าก็จะใจแคบไม่ได้!”

“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าให้เงินเจ้าห้าหมื่นตำลึง เป็นอย่างไร?”

ฉู่หนิงนิ่งเงียบไปทันที

เขาคิดว่าองค์รัชทายาทจะให้มากสุดก็แค่หนึ่งหมื่นตำลึง ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายเอ่ยปากก็ให้ถึงห้าหมื่นตำลึง

เขาประเมินความสามารถขององค์รัชทายาทต่ำไปเสียแล้ว

องค์รัชทายาทเห็นฉู่หนิงไม่พูดไม่จา ก็นึกว่าเขายังคิดว่าน้อยไป จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “หกหมื่นตำลึงคงได้แล้วกระมัง!”

ไม่ใช่แค่ได้สิ แต่มันยอดเยี่ยมไปเลยต่างหาก!

ฉู่หนิงรีบพยักหน้า “ท่านพี่องค์รัชทายาทว่าเท่าไรก็เท่านั้นขอรับ”

“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ เจ้าช่างรู้จักกาลเทศะนัก ข้าพอใจมาก เดี๋ยวจะให้คนส่งเงินมาให้ทันที!”

องค์รัชทายาทพูดพลางขยับเข้าไปใกล้ฉู่หนิง กล่าวเตือนด้วยเสียงต่ำ “แต่เรื่องนี้เจ้าห้ามบอกเสด็จพ่อเด็ดขาด มิเช่นนั้นเงินของข้าจะถูกเรียกคืนทั้งหมด!”

ฉู่หนิงรีบโบกมือ “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าจะไม่เอ่ยเรื่องนี้กับเสด็จพ่อเด็ดขาด!”

องค์รัชทายาทพอใจมาก จากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ

ในลานบ้าน กวนอวิ๋นและจ้าวอวี่เห็นองค์รัชทายาทจากไปพร้อมกับกระบี่คู่กายของฮ่องเต้ ทั้งสองคนก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

“จวิ้นอ๋อง กระบี่เป็นของที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ ตอนนี้ถูกองค์รัชทายาทเอาไปแล้ว ฝ่าบาทต้องลงโทษท่านแน่พ่ะย่ะค่ะ!”

“องค์รัชทายาทยังเสด็จไปได้ไม่ไกล จวิ้นอ๋องรีบตามไปทวงคืนเถิด!”

ฉู่หนิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หัวเราะเบา ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องรีบร้อน รอดูสถานการณ์ไปก่อน!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 318

    คำพูดนี้ทำให้องค์รัชทายาทและบรรดาองค์ชายถอนหายใจโล่งอกแม้ว่าเฝิงอันกั๋วจะไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเช่นกัน ไม่ได้ให้เหตุผลที่ฮ่องเต้จะตัดสินได้โดยตรงฮ่องเต้ขมวดคิ้ว นึกไม่ถึงว่าเฝิงอันกั๋วจะมีมุมที่เจ้าเล่ห์แบบนี้ด้วยแต่ที่เขาพูดก็มีเหตุผล อย่างไรสมญานามฉู่อ๋องก็เคยถูกใช้โดยฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์มาก่อน หากลูกหลานจะใช้ก็ต้องถามสำนักราชวงศ์ฮ่องเต้พยักหน้าเล็กน้อย “ใต้เท้าเฝิงพูดได้มีเหตุผล”จากนั้นหันไปมองชายชราผมขาวที่ถือไม้เท้าอยู่ในแถว “เสด็จอา ท่านคิดเห็นอย่างไร?”ชายชราผู้นี้มีนามว่าฉู่อวี๋ เป็นอาแท้ ๆ ของฮ่องเต้ ได้รับแต่งตั้งเป็นฉินอ๋อง ดูแลสำนักราชวงศ์ฉู่อวี๋ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะค้ำไม่เท้าก้าวออกมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งว่า “ฝ่าบาท เรื่องนี้ไม่เคยมีในราชวงศ์มาก่อน”ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ฉู่อวี๋กลับเสริมเพิ่มว่า “แต่ในกฎของราชวงศ์ก่อน ๆ เหมือนจะไม่ได้มีข้อห้ามว่าห้ามใช้พระนามของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกราชวงศ์ กระหม่อมตัดสินเรื่องนี้ไม่ได้ พระองค์ทรงตัดสินพระทัยได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”ความหมายชัดเจนมาก ไม่มีกฎห้ามไม่ให้ใช้ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่เคยมีผู้ใดใช้มาก่อ

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 317

    “ฝ่าบาท ลูกไม่กล้าก้าวก่ายการตัดสินพระทัยขององค์พระองค์พ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงรู้สึกว่าสมญานามฉู่อ๋องเป็นพระนามของฮ่องเต้ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ หากมอบให้ฉู่หนิง เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”องค์รัชทายาทไม่ใช่คนโง่ ย่อมได้ยินถึงความไม่พอพระทัยในน้ำเสียงของฮ่องเต้หากยังยืนกรานคัดค้าน ฮ่องเต้จะต้องไม่พอพระทัยแน่นอน!ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว ละสายตาจากฮ่องเต้ไปที่องค์ชายคนอื่นและถาม“พวกเจ้าคิดอย่างไรกับคำพูดของรัชทายาท?”องค์ชายรองเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา “เสด็จพ่อ ลูกมองว่าที่เสด็จพี่รัชทายาทกล่าวมาก็มีเหตุผลพ่ะย่ะค่ะ”องค์ชายที่เหลือเห็นว่ามีคนนำก็ใจกล้าขึ้นมา พากันก้าวออกไปพูดสนับสนุน“เสด็จพ่อ ในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เรา ไม่เคยมีผู้ใดกล้าใช้สมญาฉู่อ๋อง!”“ฉู่หนิงเกิดในหมู่สามัญชน หากได้รับแต่งตั้งเป็นฉู่อ๋องเพียงเพราะผลงานการรบ เกรงว่าจะเร่งร้อนเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“ใช่พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ต่อให้จะแต่งตั้งฉู่หนิงเป็นชินอ๋อง แต่จะให้เป็นฉู่อ๋องไม่ได้”บรรดาองค์ชายต่างแสดงความไม่พอใจฮ่องเต้มองท่าทีของทุกคน พระพักตร์แสดงถึงความไม่พอพระทัยมีคนกล้าคัดค้านความต้องการของเรางั้นหรือ?นี่มันพวกลูกทรพี!เหอะ ตอนน

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 316

    เหล่าขุนนางไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับพวกเขาในตอนนี้ พากันหลีกทางให้หลังจากทักทายไม่นาน ทุกคนก็มายืนเรียงแถวเป็นสองฝั่งที่ตำหนักอิงอู่“กระหม่อม/ลูก ถวายพระพรฝ่าบาท!”ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์ “ไม่ต้องมากพิธี ครั้งนี้ฉู่หนิงคว้าชัยชนะที่แนวหน้า พวกเจ้าก็มาฟังรายละเอียดด้วยกัน”จ้าวหมิงที่อยู่ด้านข้างนำรายงานชัยชนะออกมาอ่าน “กราบทูลเสด็จพ่อ ลูกใช้ขบวนลำเลียงเสบียงเป็นเหยื่อล่อให้ทัพศัตรูออกมาโจมตี แต่แท้จริงคือแอบซ่อนกำลังทหารไว้ในขบวนอยู่ก่อนแล้ว ทำลายกองโจมตีและกองซุ่มของศัตรูในคราเดียว”“จากนั้นเปิดประตูเมืองเพื่อล่อศัตรูมายังกำแพงเมืองฝั่งใต้ เมืองค่ายใหญ่ของศัตรูว่างเปล่าก็ส่งทหารที่จัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเข้าไปเผาค่ายศัตรู พร้อมทั้งบุกเข้าไปยังกองบัญชาการ สังหารมู่หรงจู๋!”“ศึกครั้งนี้กำจัดทัพศัตรูไปสองแสนนาย อีกแสนนายที่เหลือได้เข้ายึดเมืองทั้งสี่ ลูกได้สั่งให้ไปตียึดคืนแล้ว”“กระนั้น ครั้งนี้กองทัพฝ่ายเราก็เสียกำลังพลไปเกินครึ่ง บัดนี้เหลือเพียงหกหมื่นนาย หวังว่าเสด็จพ่อจะส่งอนุญาตให้รับสมัครเพิ่ม พร้อมทั้งจัดหาเสบียงมาสนับสนุน อีกไม่นานก็จะตีคืนเมืองทั้งสี่จากศัตรูได้สำเร็จ”เมื่อรายง

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 315

    สถานการณ์ของเมืองติ้งเซียงเริ่มเข้าที่เข้าทาง เมืองฉู่หนิงเปิดประตูให้ทุกคนเข้าทดสอบส่วนพวกจ้าวอวี่กับกวนอวิ๋นที่กำลังโจมตีเมืองอีกสี่แห่งก็กำลังดำเนินการตามแผนแต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยึดครองเมือง การโจมตีจึงไม่รุนแรงนัก ใช้วิธีปิดล้อมเพื่อตัดกำลังช่วยเหลือกองทัพปิดล้อมเมืองหนึ่งแห่ง รอให้อีกสามเมืองส่งคนมาช่วยเหลือ จากนั้นรอกำจัดระหว่างทางแต่กองทัพแคว้นจ้าวไม่ได้โง่ พวกเขาไม่ได้ส่งคนมาช่วยเหลือแต่อย่างใดฉู่หนิงไม่แปลกใจเมื่อได้ยินข่าวนี้ สั่งให้พวกเขาล้อมเมืองแค่หนึ่งแห่งก็พอ รอให้เสบียงในเมืองหมดลง กองทัพแคว้นจ้าวก็จะพ่ายแพ้ไปเองกาลเวลายืนอยู่ฝั่งของกองทัพฉู่ ฉู่หนิงไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น การเก็บกองทัพแคว้นฉู่เหล่านี้ไว้ก็ใช้ต่อรองกับราชสำนักได้ด้วยและหลังจากวันนี้ ในที่สุด ฮ่องเต้ประทับอยู่ในเมืองหลวงก็ได้รับข่าวของฉู่หนิง“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ข่าวชัยชนะ เป็นข่าวชัยชนะจริง ๆ ด้วย!”ฮ่องเต้กำรายงานชัยชนะของฉู่หนิงไว้ในมือ เดินออกจากตำหนักอิงอู่ด้วยเสียงหัวเราะ“สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่ สวรรค์คุ้มครองแคว้นฉู่!”ฮ่องเต้มีพระพักตร์ปลื้มปิติ “เด็ก ๆ เรียกขุนนางทุกฝ่ายม

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 314

    เมื่อมองฝูงชนเบื้องหน้า คนเหล่านี้มาเพราะเชื่อมั่นในตัวเขา!เขาสูดหายใจเข้าลุก ๆ ก่อนจะยกมือสั่งเสียงทุ้ม “ทหาร เปิดประตูเมือง!”สีหน้าของหลิวโส่วพลันเปลี่ยนไป “ท่านอ๋อง ท่าน…ท่านจะทำอันใด?”“ข้าจะออกไปปลอบโยนทุกคน!”“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ คนเหล่านี้เป็นคนอดอยาก หากประสงค์ร้ายขึ้นมา…”“พอแล้ว ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร หากความกล้าแค่นี้ก็ยังไม่มี ข้าก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองค์ชาย!”ฉู่หนิงมีท่าทีแน่วแน่ ว่าจบก็ลงจากกำแพงเมืองไม่นาน ประตูเมืองก็เปิดออก ฉู่หนิงควบม้านำทหารกลุ่มหนึ่งออกไปช้า ๆหลิวโส่วเริ่นตะโกนเสียงดัง “เผิงไหลจวิ้นอ๋องเสด็จ เหตุใดยังไม่คำนับอีก?”ทุกคนรีบโค้งตัวประสานมือ “คารวะท่านอ๋อง!”ฉู่หนิงกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ทั้งสองกลุ่มอยู่ใกล้กันมาก ทำให้เขาเห็นสภาพของทุกคนชัดเจนราษฎรส่วนใหญ่สวมเสื้อผ้าชุดบาง ร่างกายผ่ายผอม สีหน้ามีความตื่นตระหนกฉู่หนิงถอนหายใจยาว ๆ แล้วพูดเสียงทุ้ม “ข้าทราบถึงจุดประสงค์ที่ทุกคนมาที่นี่ แต่ข้าต้องการผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงกำยำ พวกเจ้ามีสภาพเช่นนี้ ต่อให้ส่งเข้าสนามรบไปก็เปล่าประโยชน์”แม้จะฟังดูใจร้าย แต่มันก็เป็นความจริงคนแบบนี้เข้าส

  • ศึกยอดมังกรครองบัลลังก์ แผ่นดินนี้ข้าไม่เอา   บทที่ 313

    ฉู่หนิงสังหารตู้หยวนจีด้วยกลยุทธ์สายฟ้าฟาด เป็นที่หวั่นเกรงของเจ้าเมืองทั้งสี่ด้วยเหตุนี้ ในช่วงเวลาหลายวันต่อมา เจ้าเมืองทั้งสี่ไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย ทำตามคำสั่งของฉู่หนิงอย่างเต็มกำลังและผลลัพธ์ ก็เกินความคาดหมาย!สามวันต่อมา ขณะที่ฉู่หนิงกำลังฝึกใช้หอกอยู่ในลานบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านนอกจากนั้น เสียงที่ดูร้อนรนของหลิวโส่วเริ่นก็ดังขึ้น “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง เกิดเรื่องใหญ่แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ฉู่หนิงขมวดคิ้ว โยนหอกในมือกลับขึ้นแท่นวางอาวุธอย่างมั่นคง“มีเรื่องอันใดกัน ใต้เท้าหลิวจึงต้องตื่นตระหนกเช่นนี้?”ฉู่หนิงยื่นมือไปรับผ้าจากสาวใช้ด้านข้าง เช็ดเหงื่อที่หน้าผากไปพลาง ถามด้วยรอยยิ้มไปพลางหลิวโส่วเริ่นรับราชการมาหลายปี เรื่องที่ทำให้เขาตื่นตระหนกแบบนี้น่าจะมีไม่มาก“ท่านอ๋อง ท่านรีบไปดูเถิด นอกเมืองมีคนเยอะมาก!”หลิวโส่วเริ่นพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น “คนเหล่านี้บอกว่ามาเข้าร่วมกองทัพ นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นชายฉกรรจ์ กระหม่อมกลัวว่าจะมีกองทัพแคว้นจ้าวปะปน ฉวยโอกาสโจมตีเมืองในจังหวะที่ทัพเราไม่ทันระวัง!”มีคนมาเยอะมากหรือ?ฉู่หนิงหรี่ตา โยนผ้าลงในกะละมังและ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status