“ท่านพ่อ” ดิสมัสมาถึงพอดี และกำลังจะเข้าไปต่อสู้ แต่ถูกบาลเดอร์ปล่อยพลังแสงใส่ ดิสมัสถึงกับเจ็บปวดจนลุกไม่ขึ้น เท่ากับว่าคนในราชวงศ์ถูกกำจัดในพริบตา
“โอดินเสด็จ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา โอดินเดินมาพร้อมกับสามจิ้งจอก เขาเดินมาหาเทียรี่เอาเท้าเหยียบเข้าที่หัวขององค์ราชาและกดเท้าลงไปเป็นเครื่องหมายว่าตอนนี้เหล่าเอลฟ์รานุนได้แพ้แก่เขาแล้ว ลูก ๆ ทั้งสามของเทียรี่กัดฟันด้วยความโกรธแค้น และยังไม่ไรไทร์ก็เดินมาพร้อมกับ ลิซ่าและเฮล เมื่อทั้งสองเห็นหน้าของโอดินก็หน้าเสียทันที
“ท่านแม่ อย่าทำอะไรแม่ข้านะ” ดิสมัสพูด โอดินหันมามองลิซ่า และหันไปมองเทียรี่กับดิสมัส
“นี่ข้าได้ยินไม่ผิดใช่มั้ย เจ้าเรียกไอ้นี่ว่าแม่เหรอ” โอดินพูด เทียรี่หันมาพูดว่า
“นางเป็นเมียข้า ก็ต้องเป็นแม่ของลูกข้าสิ”
โอดินหัวเราะเสียงดังเหมือนกับมีเรื่องตลกตรงหน้า แต่ลิซ่าหน้าซีดตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เทียรี่ไม่เคยเห็นภรรยาหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน
“นี่เจ้ารู้จักมันเหรอ หรือว่ามันเป็นสามีเก่าเจ้ากัน”
โอดินหยุดหัวเราะแล้วแตะเข้าที่หน้าของเทียรี่อย่างแรง จนเลือดกบปาก แล้วพูดไม่สบอารมณ์นัก
“อย่าพูดมาชุ่ย ๆ นะโวย ข้าน่ะเหรอจะมาโง่ให้มันหลอกแบบเจ้า”
“หลอก ! นี่แกพูดอะไร” ดาเมี่ยงถามทันที
“งั้นข้าจะสงเคราะห์ให้หายโง่ก็แล้วกัน” โอดินรวมพลังแสงและยิงออกไปต้องร่างของลิซ่า เธอส่งเสียงกรีดร้องดังลั่น
“แกทำอะไรแม่ข้า” ดิสมัสรีบลุกขึ้นมายจะไปเล่นงานโอดิน แต่โอดินจับคอของเข้าไว้และเหวี่ยงเขากระเด็น
“รอดูอะไรเด็ด ๆ เถอะ”
เสียงร้องของลิซ่าเปลี่ยน มันกลายเป็นเสียงของผู้ชาย และร่างกายนางก็เริ่มเปลี่ยนไป จนกลายเป็นผู้ชายหน้าตาเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง คราวนี้เหล่าเทพองค์อื่นหัวเราะโดยไม่ต้องกลั้น แต่เทียรี่ ดิสมัส ดาเมี่ยง ดิดิเย่ร์ถึงกับอึ้งไปเลย
“นี่เจ้าใช้มนตร์อะไรเปลี่ยนร่างเมียข้าให้เป็นแบบนี้”
“เปลี่ยนอะไรกันเล่า นี่ล่ะร่างที่แท้จริงของเมียเจ้า ว่าไงไม่ได้พบกันนานเลยนะท่านอาโลกิ[1]” ธอร์ทำเสียงล้อเลียน เทียรี่พูดไม่ออก ดิสมัสเองกับช็อกครอบครัวของเขา วันนี้พังพินาตในพริบตา โอดินหันไปทางเฮลที่กำลังกอดโลกิเอาไว้แน่น สายของโอดินเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเหยียดหยาม
“บ้าน่า เขาเป็นผู้ชายแล้วจะท้องมีลูกกับข้าได้ไงกัน” เทียรี่พูดออกมาจนได้
“โอย ! ถ้าเป็นโลกิ เวลามันแปลงเป็นผู้หญิง เนี่ย มันก็ท้องได้ว่ะ ครั้งหนึ่งมันเคยได้กับม้านะ ท่านพ่อโอดินก็เอาไปขี่อยู่ทุกวันนี่ล่ะ” ธอร์พูดและหัวเราะไม่หยุด “อุ๊ยตาย ! ข้าว่าพวกข้าแปลงร่างเก่งแล้วนะ แต่ทำแบบเจ้าไม่ได้เลย” ทามาโมะพูดน้ำเสียงของนางอาจจะฟังแล้วดูใสซื่อ แต่หากใครได้ยินแล้ว จะรู้สึกว่าเป็นการเย้ยหยันแบบสุด ๆ “หยุดหัวเราะเยาะพ่อข้านะ” เฮลพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “โอ๊ะ ๆ ลูกโลกิยังเหลืออยู่เหรอเนี่ย นึกว่าโดนฆ่าตายในสงครามแร็กน่าร็อก ไปแล้วซะอีก แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ โลกิมันยังรอดเลย” ธอร์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ลูก ! นี่เฮลคนที่ดิสมัสเรียกน้ามาทั้งชีวิต ความจริงเป็นพี่สาวเขาเหรอ วันนี้ดิสมัสกำลังจะเป็นบ้าไปแล้ว แต่ดาเมี่ยงกับดิดิเย่ร์นั้นโกรธแทบคลั่ง ดาเมี่ยงรีบลุกขึ้นมาและวิ่งเข้าไปหมายสังหารโลกิ แต่เทียรี่ รีบเอาไม้เท้าไปขว้างดาบเอาไว้ก่อน “ปล่อยข้าท่านพ่อมันหลอกลวงท่านข้าจะฆ่ามัน” “ไม่ได้ถึงยังไง....ไม่ว่าจะเป็นอะไร เขาคือแม่ของลูกพ่อ และเป็นคนที่พ่อรักอยู่ดี” ดาเมี่ยงได้ยินก็ถอยอกมา เพราะเขาไม่กล้าลงมือกับพ่อแน่ ๆ เขาหันไปมองดิดิเย่ร์แล้ว เหมือนทั้งสองจะรู้ใจกัน พวกเขาไปคุกเข่าต่อหน้าโอดินทันที“พวกข้าขอสวามิภัทดิ์ต่อท่านโอดิน” โอดินนิ่งไป ต้าจี้พูดขึ้นมาว่า
“เอาสองคนนี่ไว้เถอะ ท่านโอดิน เพราะยังไงสองคนนี้ก็เป็นเชื้อพระวงศ์เก่านะ พวกเราจะได้กองทัพมาใช้อย่างสมบูรณ์แบบแน่นอน” โอดินพยักหน้าก่อนตอบรับ
“ข้ายินดีรับไมตรีครั้งนี้”
เทียรี่ตะลึง ลูกของเขาเพิ่งจะทรยศเขาไปต่อหน้าต่อตา ส่วนดิสมัสเหมือนตอนเขาจะไร้สติไปอย่างสิ้นเชิง เทียรี่ตะโกน
“ดิสมัสตั้งสติเร็ว เจ้ายังเป็นลูกพ่อ พาพวกเขาหนีไป”
“เห็นพวกเราเป็นหัวตอหรือไงวะหา” ธอร์ตะโกน เทียรี่รู้ดีว่าตนเองไม่รอดแน่เขาร่ายมนตร์เรียกโครงกระดูกมังกร ! มาถ่วงเวลาเอาไว้ เมื่อเห็นโครงกระดูกของมังกร ดิสมัสก็ได้สติ รีบใช้จังหวะวิ่งไปเอาตัวโลกิและเฮลมา และพาทั้งสองคนหนี โลกิกำลังพูดบางอย่างกับเขา แต่ดิสมัสบอกว่า
“ไว้รอดไปก่อนเราค่อยคุยกัน”
เจ้ามังกรกระดูกซื้อเวลาได้พอสมควร เพราะพวกของโอดินต้องเสียเวลา ไปมากในการต่อสู้ มันมีขนาดที่ใหญ่โตและยังสามารถพ่นหอกกระดูกอันแหลมคมได้อีกด้วย
โอดินเห็นแล้วก็เสกหอกขึ้นมา มันคือหอกกังเนอร์ อาวุธคู่กายของโอดิน เขาขว้างหอกไป แทงร่างของเทียรี่ หอกพุ่งไปเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ปักอกของเทียรี่ เขาเสียชีวิตทันที ฝาแฝดต้องฝาแฝดต้องทนเก็บความเศร้าเอาไว้ในใจและโกรธแค้นดิสมัสมาก
ส่วนดิสมัสได้ยินเสียงกระดูกขนาดยักษ์ถล่มลงมาก็พอจะรู้ได้แล้ว บิดาของเขาเสียชีวิตแล้วน้ำตาเริ่มไหลออกมา โดยเขาไม่รู้เลยว่าโลกิเองก็หลั่งน้ำตาออกมาเช่น
ดิสมัสพาโลกิกับเฮลมาซ่อนที่ป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งโลกิตอนนี้บาดเจ็บหนักจากพลังของบาลเดอร์ เขาไม่พูดอะไรกับโลกิ จนโลกิต้องพูดก่อน
“เจ้าพูดอะไรบ้างเถอะ แบบนี้มันอึดอัด”
“ท่านทำแบบนี้ได้ไงกัน” ดิสมัสถามเสียงสั่นด้วยความเศร้าผสมกับความโกรธ
“ทำอะไร” โลกิถาม
“หลอกพ่อข้าได้ไงตั้งหลายปี แล้วก็ราชินีองค์ก่อนฝีมือท่านสินะ” ดิสมัสพูดทั้งน้ำตา
โลกินิ่งไปก่อนจะพูดว่า
“มันเป็นการเอาตัวรอด แต่เจ้าเชื่อเถอะว่า ข้าน่ะรักพ่อเจ้า และเจ้าเหมือนกับพ่อแม่คนอื่น ๆ นี่ล่ะ” โลกิพูด ดิสมัสพูดไม่ออก ตอนนี้เขาสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้เลยว่าจะทำไงกับโลกิต่อไปดี จะฆ่าเสียก็ทำไม่ได้ เพราะโลกิเป็นผู้ให้กำเนิดเขาขึ้นมา แถมแม้ว่าที่ผ่านโลกิจะสร้างความกดดันและบังคับเขาแค่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่โลกิทำได้ดีเสมอก็คือ รักและหวังดีกับเขา
“ใช้คาถานั่นกับข้า” “เฮ้ย ! ไอ้การเป็นคนเสียสตินี่ นี่เป็นโรคติดต่อหรือไงวะเนี่ย” ดิดิเย่ร์พูด “ทำเลย” ดาเมี่ยงตะโกนเสียงดังลั่น “ก็ได้ แต่ไม่รับรู้ด้วยนะโวย ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดิดิเย่ร์ร่ายมนตร์ควันสีดำมาปกคลุมร่างของดาเมี่ยงเหมือนกับดิสมัส ทั้งสองโจมตีอีกครั้งแม้พลังจะเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่อาจระคายผิว ของบาลเดอร์ได้เลย แถมยังถูก บาลเดอร์ปล่อยลำแสงออกมาเล่นงานทั้งสองอีก คราวนี้ทั้งสองหลบไม่ได้โดนเข้าไปเต็ม ๆ ถึงล้มลงไปและลุกแทบไม่ขึ้น ดิดิเย่ร์ซึ่งตอนนี้ทำอะไรแทบไม่ถูกแล้ว แต่เมื่อมองไปที่ร่างเปลือยเปล่าของบัลเดอร์ก็นึกบางอย่างออก เขาเลยตัดสินใจลุกขึ้น เหวี่ยงไม้คถาไปที่หว่างขาของมัน ซึ่งเป้าหมายคือ ลูกอัณฑะ ร่างของมันที่เปลือยเปล่าทำให้เห็นเป้าหมายชัดเจน ซึ่งเขาคิดอย่างไรเสีย มันก็เป็นผู้ชาย โดนฟาดไปเต็ม ๆ แบบนี้ยังไงก็ต้องเจ็บปวดแน่นอนแต่กลายเป็นบาลเดอร์ไม่เป็นอะไรเลย “คิดว่าข้าจะเจ็บกับอะไรแบบนี้หรือไง” และมันก็แตะเข้าที่หว่างขาของดิดิเย่ร์คืน เขารู้สึกเจ็บและจุกจนยืนแทบไม่ได้“กระจอกมาก ไม่มีอะไรในโลกที่ฆ่าข้าได้หรอกโวย” พูดยังไม่ทันขาดคำมีบางอย
“จะช่วยเขาก็มีทางเดียวแล้วล่ะ ข้าต้องเสกอาวุธที่สามารถฆ่าเจ้านั้นได้ หวังว่าคงไม่ได้ตัวอะไรมาอีกนะ” ศุภมิตรพูด เขาก่อกองไฟขึ้นมา นั่งขัดสมาธิ และเริ่มร่ายมนตร์ เปลวไฟตรงหน้าลุกโชนราวกับมันกำลังเต้นระบำอย่างสนุกสนาน สองพี่น้องมองดูด้วยใจเต้นแรง และภาวนาให้พิธีนี้สำเร็จโดยเร็ว และสักพักก็มีต้นไม้ต้นเล็กสีเขียวปรากฏขึ้นมา มันดูอ่อนแอและบอบบางจนไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ทำอาวุธอะไรได้ “ท่านเสกอีหยังมาเนี่ย” คำพูนพูดอย่างแปลกใจ ศุภมิตรนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า “มันเรียกว่าต้น มิสเซิลโท เป็นต้นไม้ตระกูลกาฝากน่ะ เจ้าต้นไม้ต้นนี้ ตอนที่แม่ของบาลเดอร์ไปทำสัญญานั้น มันยังเล็กอยู่จึงไม่ได้ทำสัญญาด้วย นี่อาจเป็นสิ่งเดียวที่ฆ่าเจ้านั่นได้” “ฮ่วย ! มันต้นน้อยซ่ำนี่ และแถมดูอ่อนหลาย ๆ จะเอามาเฮ็ดเป็นอีหยังได้” คำพูนพูดพลางลองหักด฿ ซึ่งมันก็อ่อนอย่างที่คำพูลพูดจริง ๆ ศุภมิตรทำหน้าไม่ถูก แค่คำแพงกลับเห็นอะไรบ้างอย่าง “ข้อยจะเฮ็ดมันเป็นอาวุธเอง” ที่สนามรบ ดิสมัส อลิซซ่า ดิดิเยร์ ดาเมี่ยงกำลังยืนดูกองทัพไวกิ้งกำลังเคลื่อนพลมา ทั้งดิสมัสและ ดิดิเยร์เสกโกเ
ดิสมัสปั้นหน้าไม่ถูกเพราะ เขาไม่เคยเห็นคนที่เป็นราชาแสดงท่าทางแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะ ๆ เช่นนี้ อิบารา โดจิกับศุภมิตรพูดจาปราศัยกันสักพัก อรุณนภาต้องถามว่า “ท่านศุภมิตรพาใครมาเหรอเจ้าคะ”ศุภมิตรเลยรีบแนะนำเอลฟ์ทั้งสอง “ดิสมัส กับ อลิซซ่า พวกเขาเป็นเอลฟ์ ที่ยึดดินแดนใหญ่ของเจ้าเพาเดอร์ไป”ชูเท็นโดจิหันขวับมา แต่อรุณนาภารีบบอกว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็น มานั่งกินเหล้าเงียบ ๆ เถอะนะ”ชูเท็นโดจิ หันมาพูดกับอิบารากิโดจิว่า “วันนี้เจ้ากับข้ามีเรื่องพูดกันเยอะนะ อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ” ชูเท็นโดจิกลับนั่งและดื่มเหล้า อลิซซ่าก้าวเท้าออกมาโค้งคำนับอย่างสุภาพ “ข้าอลิซซ่า ตัวแทนของเหล่าเอลฟ์ มาขอคาราวะองค์ราชาและราชินี” “พวกเจ้ามายึดดินแดนข้า ไม่ต้องมาทำเป็นสุภาพหรอก” ชูเท็นโดจิพูดด้วยน้ำเสียงพร้อมหาเรื่อง แต่อรุณนภากลับพูดว่า “ใจเย็นก่อนชูเท็นเจ้าก็รู้นี่ ว่าไอ้เอลฟ์ที่มายึดเมืองเราต้องนั้นไม่ใช่พวกเขา ข้าขอเจรจาเอง” ชูเท็นโดจิยกเหล้าขึ้นดื่ม “จริงอยู่ดินแดนนั้นเคยเป็นของพวกท่าน แต่ท่านเสียให้เพาเดอร์ไปก่อนแล้ว ตอน
แม้ว่าตอนนี้ พวกมนุษย์หนูจะกลัวพวกนรสิงฆ์ แต่มันกลัวดิสมัสมากกว่า เลยตามดิสมัสไป เขากระโดดไปเกาะเจ้านกแสก ให้มันพาบินไปที่สนามรบและปล่อยร่างของนายมันลงไป เบต้าเองก็บินตามมาด้วย ดิสมัสกำดาบในมือแน่น เหล่านรสิงฆ์เข้ามาโจมตีเข้า ดิสมัสหลบได้และฟันสวนไปโดนเกราะ ดาบเด้งออกมา ทำให้รู้ว่าเกราะที่พวกเขาสวมอยู่ทำจากหวายสาน ! และดูจากสีของมันแล้ว มันต้องถูกแช่ในน้ำมันมาแน่น ๆ เกราะชนิดนี้มีน้ำหนักเบาแต่มีความเหนียวมาก อาวุธมีคมทำลายได้ไม่ง่าย ยิงพวกธนูยิ่งแล้วใหญ่มันเจาะเกราะแบบนี้ไม่ได้ แน่ ๆ “เบต้า แกบินไปบอกพี่ข้า ว่าเกราะพวกนี้เป็นหวายแช่น้ำมัน !” เบต้าพยักหน้ารับรู้และบินไปทันที คำแพงกับคำพูนกำลังจะตามช่วยดิสมัส แต่ดาเมี่ยงยืนขว้างหน้าเอาไว้ก่อน “คิดจะทำบ้าอะไร” “ก็ไปซอยอ้ายมัดติ เจ้าหลบไป” คำแพงพูด ดาเมี่ยงเลิกคิ้วเพราะเขาไม่ค่อยออกว่า คำแพงพูดว่าอะไรบ้าง ดิดิเย่ร์เลยพูดว่า “นางคงอยากให้เจ้าหลีกล่ะมั้ง เจ้ายังไม่ต้องไปไหนเดี๋ยว ไอ้ดิสมัสก็ส่งข่าวมา” ดิดิเย่ร์พูด “ฮู้ได้จั๋งได๋” คำแพงถาม ดิดิเย่ร์ตอบว่า
ดิสมัสไม่พูดอะไรอีกเขาเดินออกจากที่ประชุม และไปดูอาหารของตัวเอง ซึ่งเป็นเนื้อเค็มสูตรเขาและบิสกิสก้อนหิน “อ้ายเฮ็ดอีหยัง” คำแพงถามเขา “อยากจะเอาอะไรท่านพี่ทั้งสองกินสักหน่อย” ดิสมัสพูดขึ้นมา คำแพงมาดูแล้วพูดว่า “เอาของบ่เป็นตาแดก ไปให้สองคนนั้นเด้ เขาก็ชังอ้ายหลาย ๆ อยู่แฮ้ว เดี๋ยวก็ได้ชังหนักว่าเดิมติ”คำแพงพูดและมองรอบ ๆ ตอนนี้มีเพียงไข่กับข้าวเท่านั้น “รอก่อนเด้อ”คำแพงทำข้าวจี่และให้ดิสมัสเอาไปให้ฝาแฝด ตั้งแต่ถูกจับมา ดาเมี่ยงดูจะหงุดหงิดไปกับทุกอย่างรอบตัว ผิดกับดิดิเย่ร์ที่ดูสงบมากตั้งแต่เข้ามาในห้องขัง “โวยวายหาอะไรวะ ดาเมี่ยง” “แกไม่หงุดหงิดหรือไงวะ คุกนี้พวกเราคุมการสร้างเองนะโวย ! ใครจะไปคิดวะว่าจะเอามาขังพวกเราเอง” “ไม่นานหรอก เดี๋ยวพวกมันก็มาปล่อยเรา” ดิดิเย่พูด ดิสมัสกับคำแพงมาหาเขา ดิดิเย่ร์มองหน้าดิสมัสแล้วถามว่า “ต้องการอะไร” “ข้าแค่เอาอาหารมาให้เท่านั้นล่ะ” ดิสมัสวางข้าวจี่ตรงหน้าของฝาแฝด พวกเขาทำหน้างง แล้วถามพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ “ไอ้เหลือง ๆ นี่
“อ้ายล่อมันไปก่อน ข่อยจะเหวี่ยงหินใส่มัน” “เจ้าเป็นบ้าบ่ โตนมันยังกะยักษ์ หินก้อนน้อย ๆ ของเจ้าจะเฮ็ดหยังมันได้” พูดยังไม่ทันขาดคำเหล่าพานรมฤครุมโจมตีโกเล็มซะก่อน คำแพงเห็นเป็นโอกาสรีบเหวี่ยงหินไปทันที แต่ว่า ดาเมี่ยงโผล่มาเอาดาบปัดหินทิ้ง “คิดว่าหินแบบนี้จะฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ”คำพูลรีบมาขว้างหน้าคำแพง เขาตะโกนเสียงดังลั่น “ข่อยขอท้าสู้กับเจ้า โตต่อโต”ดาเมี่ยงได้ยินก็หัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าพูดบ้าอะไร อย่างเจ้าเหรอจะมาท้าทายข้าหา” “หรือว่าเจ้าย่านข่อยบ่”ดาเมี่ยงได้ยินก็ยิ่งหัวเราะเข้าไปอีก คราวนี้มันถึงกับน้ำตาไหล แล้วพูดว่า “อยากตายนักก็ได้ ข้าจะสงเคราะห์ให้ ดิดิเย่ร์ เจ้าไม่ต้องยุ่ง” ดาเมี่ยงพูด ดิดิเย่ร์หยักไหล่แล้วพูดว่า “ล้อเล่นเปล่าเนี่ย แค่มนุษย์คนเดียว แกยังจะให้ข้าลงมืออีกเหรอ”ดาเมี่ยงชักดาบออกมา คำพูลกำพร้าในมือเอาไว้แน่น เขารู้สึกถึงความกดดันที่แผ่เข้ามา ทำให้รู้ว่าฝีมือของอีกฝ่ายน่าจะเหนือกว่าตนหลายเท่า ดิสมัสตัดสินใจลุกขึ้นมาและเรียกเจ้านกแสกกลับ เขารวมพลังยิงกะโหลกเพลิงออ