ความเจ็บปวดจากกระดูกหักนั้นเจ็บปวดมากแค่ไหน ซ่งซีซีย่อมรู้โดยธรรมชาติ หาใช่ว่านางไม่เคยกระดูกหักเมื่อตอนที่นางยังเด็กมียาแก้ปวดหรือฝังเข็มเพื่อแก้ปวด แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสซ่งซีซีรู้สึกเป็นกังวล จากนั้นถามขึ้นอีกว่า "แล้วเขาเคยใช้ยาเสพติดด้วย จะเป็นอะไรหรือไม่?"หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวว่า "ยานั้นชื่อยาไส้หมู่ด่าน พอกินแล้วจะทำให้คนติดยา แต่ดูเหมือนว่าอาการของเขาตอนนี้ยังดีอยู่ ตลอดทางที่พวกเจ้ากลับมาเขาได้รู้สึกเจ็บปวดหรือไม่"ซ่งซีซีนึกถึงระหว่างทางนี้ ดูเหมือนเขาเคยอาการกำเริบบ้าง แต่เขาก็ทนเอาไว้ จากนั้นมาจนถึงตอนนี้ ไม่มีวี่แววที่จะกำเริบอีก เลยกล่าวว่า "ไม่ค่อย ที่อาการกำเริบล่าสุด เขาอดทนไว้จนได้""โอ้ ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องเคยกล่าวไว้ว่าเขาเคยกำเริบตอนอยู่หลิงโจว มีอาการหนักมาก ตอนนั้นเขาชนกำแพงไม่ก็ทำร้ายตัวเอง หลังจากที่ข้าไปถึงที่นั่นก็ไม่เคยเห็นอาการเช่นนั้นอีก"หมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจ "แรกๆ มันทนยากที่สุด แต่อาการจะเบาลงทุกครั้งจนกว่าจะเลิกเลย ยานี้จะมีผลเสียหายต่อร่างกาย หลังเลิกอย่างสมบูรณ์แล้ว ต้องพักฟื้นสักระยะหนึ่ง แต่เด็กคนนี้ไม่ได้สูงขึ้นเท่าไร เหตุผ
เมื่อนางส่งหมอมหัศจรรย์ดันออกไป หมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจก่อนพูดว่า "ถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไปก็เป็นเรื่องโชคร้าย แต่สามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติจากสังหารหมู่ก็ถือเป็นโชคดีอันยิ่งใหญ่ท่ามกลางความโชคร้ายเลย"แต่ซ่งซีซีกลับไม่คิดเช่นนั้นถ้ารุ่ยเอ๋อร์ส่งของหวานไปที่จวนแม่ทัพ นางต้องส่งรุ่ยเอ๋อร์กลับมาด้วยตนเองอย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้ที่นางจะค้างคืนที่จวนสักคืนหนึ่งเมื่อสายลับจากเมืองซีจิงเข้ามาสังหารหมู่ ถ้านางอยู่ที่นั่น แม้ว่านางจะไม่สามารถปกป้องทุกคนได้ แต่คงไม่ถึงขั้นถูกฆ่าตายทั้งครอบครัวดังนั้น นางจึงเกลียดพวกค้ามนุษย์เหล่านั้นถึงที่สุดแค่หวังว่าจะสามารถกำจัดพวกเขาให้สิ้นซาก ไม่ปล่อยผู้ใดไปหลังจากส่งหมอมหัศจรรย์ดันออกไปแล้ว ซ่งซีซีก็ให้คนเตรียมรถ จะนำรุ่ยเอ๋อร์เข้าไปในพระราชวัง เพื่อไปถวายกับฮ่องเต้และไทเฮา จากนั้นค่อยไปที่ตระกูลขงนางสั่งคนไปทำเสื้อผ้าใหม่ให้แล้ว แต่ชุดเดิมของเขายังคงใส่ได้ เพียงแต่เหลือไม่กี้ชิ้นเองแล้วตอนนั้นที่ทำงานศพ เสื้อผ้าบางส่วนของพวกเขาถูกฝังอยู่กับหลุมฝังศพพวกเขาไป เหลือเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นสำหรับเป็นที่ระลึกแม้ว่าเสื้อผ้านั้นที่รุ่ยเอ๋อร์ใส่ไ
หลังจากออกจากวังแล้ว ซ่งซีซีก็พารุ่ยเอ๋อร์ขึ้นรถม้าเดินทางไปตระกูลขงต่อเวลานี้เป็นยามเย็นแล้ว และคุณท่านของตระกูลขงคงเลิกงานกลับจวนแล้วในรถม้า รุ่ยเอ๋อร์เขียนหนังสือบนมือของซ่งซีซี "จะไปบ้านท่านตาหรือไม่"ซ่งซีซีพยักหน้าแล้วพูดว่า "ใช่ เราไปบ้านท่านตาของหนู หนูไม่คิดถึงพวกเขาเหรอ?"รุ่ยเอ๋อร์พยักหน้าและเขียนคำเดียวว่า "คิดถึง!"แต่เขามีสีหน้าดูกังวลมากเด็กคนนี้เป็นคนอ่อนไหว และคนของตระกูลขงบอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าเขากลับมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าตระกูลขงคงไม่อยากเจอเขาซ่งซีซีเห็นความกังวลของเขาออกจึงพูดว่า "อย่ากังวลเลยนะรุ่ยเอ๋อร์ ท่านตาท่านยายและท่านลุงของหนูทุกคนคิดถึงหนูมาก แต่พวกเขาแค่ไม่เชื่อว่าหนูยังมีชีวิตอยู่ พอพวกเขาเจอหน้าหนูแล้ว ต้องดีใจมากๆ เลย"รุ่ยเอ๋อร์พิงตัวท่านอา คางแหลมของเขายกขึ้นเล็กน้อย และเขาก็เปิดปากเพื่อพยายามส่งเสียงออกมา แต่มันก็ออกเสียงไม่ได้ เขารู้สึกหดหู่เล็กน้อยไม่รู้ว่าพวกเขาจะรังเกียจที่เขากลายเป็นใบ้และเป็นง่อยหรือไม่?หลังจากครุ่นคิดพักนึง เขาก็เขียนบนฝ่ามือของท่านอาว่า "พวกเขาจะรังเกียจรุ่ยเอ๋อร์หรือไม่"ซ่งซีซีรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ซ่งซีซีรู้ดีว่าพวกเขามีความเข้าใจผิดเช่นนี้ ก่อนหน้านี้นางบอกว่าพอจะเข้าใจได้ แต่จริงๆ แล้ว นางไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เช่นเดียวกับเมื่อนางได้รับจดหมายของเซี่ยหลูโม่ นางก็รีบออกเดินทางไปหลิงโจวทันที แม้ว่านางจะพยายามเกลี้ยกล่อมตัวเองว่าอย่ามีความหวังในตลอดทาง แต่นางก็ทำไม่ได้ที่นั่งเฉยๆ ขนาดไม่ไปตรวจดูด้วยตาของตนเองดังนั้น เมื่อนางได้ยินขงหยางพูดแบบนี้อีกครั้ง นางก็อารมณ์เสียขึ้นมา และหันกลับไปเปิดม่าน อุ้มรุ่ยเอ๋อร์ออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าขงหยาง และพูดอย่างเย็นชาว่า "อย่างน้อยก็ลองดูสักครั้งบ้าง ในระหว่างทางมาที่นี่ รุ่ยเอ๋อร์เขียนหนังสือบนฝ่ามือของข้าอย่างกังวลมาก เขากังวลว่าพวกเจ้าจะรังเกียจเขา ข้ายังปลอบใจเขาว่ามันไม่แน่นอน"ขงหยางต่อต้านวิธีการของนาง แต่เขาก็ยังมองดูเด็กที่นางอุ้มอยู่โดยสัญชาตญาณเพียงมองแวบเดียว เขาก็รู้ว่าเขาผิดมากแค่ไหนเพียงมองแวบเดียว ลมหายใจของเขาก็แทบจะหยุดลงคล้ายกันมาก คล้ายกันเกินไป แม้ว่าผอมโซไม่ได้กลมๆ และน่ารักเหมือนรุ่ยเอ๋อร์ในเมื่อก่อน แต่ก็คล้ายกันจริงๆริมฝีปากของเขาสั่น ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และเขาก็ตะโกนออกมาอย่างไม่แน่นอนว่า "รุ่ยเ
ทุกคนทั้งบีบนางและนวดขมับให้นาง สุดท้ายนางถึงฟื้นขึ้นมาทันทีที่นางฟื้นตัวยังคงร้องไห้ต่อ "คุณพระช่วย ทำไมต้องให้เด็กทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ ตระกูลซ่งมีแต่วีรบุรุษทั้งนั้น เหตุใดต้องมาตกเป็นสภาพเช่นนี้ สวรรค์เอ๊ย เจ้าไม่ยุติธรรมเลย เจ้าโหดร้ายเกินไป"ซ่งซีซีทนไม่ได้ที่จะได้ยินคำพูดที่บีบคั้นใจเช่นนี้ และรีบออกไปข้างนอก ในช่วงเวลานี้ น้ำตาของนางดูเหมือนจะมาไม่หมดเลย ก่อนหน้านี้จะอดทนมากแค่ไหน บัดนี้ก็จะอ่อนแอมากเท่านั้น น้ำตาที่นางเคยกลั้นไว้ในเมื่อก่อนตอนนี้ก็ไหลออกมาหมดเลยพวกเขานำรุ่ยเอ๋อร์ไปเยี่ยมกับทีละคน จากนั้นจึงพาไปที่เรือนของคุณนายใหญ่ดีที่นางได้รับยาล่วงหน้า เมื่อนางเห็นว่ารุ่ยเอ๋อร์กลายเป็นใบและขาง่อยๆ นางทุกข์ใจจนหลั่งน้ำตา เหลนดีๆ ของนาง ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ล่ะหลานสาวที่นางเลี้ยงมาด้วยมือของตนเองจากไปแล้ว เด็กคนนี้น่าเอ็นดู มีความประพฤติดีเหมือนกับท่านแม่ของเขา แน่นอนว่าหญิงชราเอ็นดูเขา เห็นเขาเป็นแก้วตาดวงใจของตนเอง บัดนี้กลายเป็นสภาพเช่นนี้ เท่ากับว่าเอามีดแทงใจนางจริงๆใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วยาม ทุกคนถึงกลั้นน้ำตาได้ และนั่งอย่างสงบในห้องโถงใหญ่ คุณนายใหญ่เดินออกมา
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดออกมา แต่ทุกคนรู้ดีว่านางกำลังกังวลว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะสร้างปัญหาให้เด็กแม้ว่าตระกูลขงจะไม่ค่อยได้เข้าร่วมการชุมนุมในช่วงสองปีที่ผ่านมา แต่เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในข้างนอกก็รู้มาไม่น้อยโดยเฉพาะเรื่องของซ่งซีซี พวกเขาให้ความสนใจอยู่ เพียงแต่ไม่ได้ไปสอบถามอะไรพวกเขาทุกคนรู้ดีว่าสนมฮุ่ยไทเฟยไม่พอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มากนัก หากนางพารุ่ยเอ๋อร์ไปด้วย เกรงว่าสนมฮุ่ยไทเฟยจะยิ่งรังเกียจมากขึ้นซ่งซีซีกล่าวว่า "รุ่ยเอ๋อร์ต้องมาก่อนทุกอย่าง หากสนมฮุ่ยไทเฟยรับรุ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ งั้นข้าจะพาเขากลับจวนเสนาบดีกั๋วกง ข้าสัญญากับพวกเจ้าว่า จะไม่ให้รุ่ยเอ๋อร์โดนรังแกแม้แต่น้อยเจ้าคะ"เห็นได้ชัดว่าคำรับรองของนาง ไม่ได้กำจัดความกังวลของทุกคน ถึงยังไงนางแต่งงานเป็นครั้งที่สองแล้ว แม่สามีไม่ชอบ ดังนั้นนางจะต้องโดนเล่นงานทุกวันอย่างแน่นอนแม้ว่าเป่ยหมิงอ๋องจะคืนยุติธรรมให้ แต่เป็นคนที่ต้องมาตัดสินทุกอย่างระหว่าท่านแม่กับภรรยาของตนเอง เมื่อเวลานานๆ ก็จะเสียความอดทนไปคุณท่านรองจากบ้านรองแห่งตระกูลขงกล่าวว่า "จริงๆ แล้ว มันจะเป็นการดีที่สุดสำหรับรุ่ยเอ๋อร์ที่จะอยู่ในตระกูลขง เพราะเรามีผู
วันรุ่งขึ้น จวนตระกูลขงส่งอาหารจานโปรดของรุ่ยเอ๋อร์มาให้ ยังบอกด้วยว่าสตรีในแต่ละเรือนกำลังยุ่งอยู่กับการเย็บผ้าและทำเสื้อผ้า รองเท้า และถุงเท้าให้กับนายน้อยรุ่ยเอ๋อร์จวนตระกูลขงใช้การกระทำเพื่อแสดงความรักความห่วงใยที่พวกเขามีต่อรุ่ยเอ๋อร์รุ่ยเอ๋อร์ก็ขจัดความกังวลออกไปหมดเช่นกัน ครอบครัวของท่านตาของเขาไม่ได้รังเกียจเขา แต่ยังใส่ใจกับเขามากวันนี้หมอมหัศจรรย์ดันมาด้วยตนเองอีกที โดยบอกว่าจะตรวจชีพจรอีกครั้งเผื่อมีอะไรพลาดไปในความเป็นจริง ด้วยทักษะทางการแพทย์ของเขา ทุกอย่างก็ชัดเจนแล้วที่เขาตรวจชีพจรเมื่อวานนี้ การระมัดระวังอย่างมากเช่นนี้ก็สามารถบอกได้ว่าเขาห่วงกับสายเลือดของจวนเสนาบดีกั๋วกงที่เหลือไว้ไม่มากมากหลังจากที่หมอมหัศจรรย์ดันจากไป เซี่ยหลูโม่ก็มาพร้อมกับจางต้าจ้วงเขาบอกกับซ่งซีซีว่าเขามาเยี่ยมรุ่ยเอ๋อร์และต้องการพัฒนาความสัมพันธ์กับรุ่ยเอ๋อร์รุ่ยเอ๋อร์มีความสุขมากที่เขามา และยังแสดงหินหมึกที่ท่านลุงของเขาให้กับเซี่ยหลูโม่ดู แถมยังบอกว่าสามารถมอบหินหมึกหนึ่งอันให้กับเซี่ยหลูโม่อย่างใจกว้างได้เซี่ยหลูโม่ยอมรับด้วยรอยยิ้ม และสอนให้เขาเขียนอย่างชำนาญด้วยมือของเขาอยู่
นางกระพริบตา “ศิษย์น้องชาย?”ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่แข็งทื่อ หันหลังกลับ และพูดปากแข็งว่า "ข้าไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของสถาบันว่านซงเหมิน ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่าข้าจะไม่เข้าร่วมสถาบันว่านซงเหมิน ข้าเป็นเพียงศิษย์ส่วนตัวของเขา"นางยิ้ม ดวงตาเป็นประกาย "ศิษย์น้อง จะพูดเช่นนี้ก็คือกำลังพูกหลอกลวงแล้วนะ ขนาดศิษย์อาเป็นสมาชิกของสถาบันว่านซงเหมิน ท่านเป็นศิษย์ของเขา ท่านจะไม่เป็นสมาชิกของสถาบันว่านซงเหมินได้อย่างไร ศิษย์น้องไหว้ครูตั้งแต่เมื่อใดล่ะ? "ใบหน้าของเซี่ยหลูโม่ยังคงพยายามยิ้มอย่างหนัก และเขาก็เปลี่ยนเรื่องอย่างไม่สนใจอะไร "เมื่อกี้เราบอกว่าจะพารุ่ยเอ๋อร์ไปหาซ่งไท่กงสินะ เจ้าวางแผนจะไปเมื่อไหร่?"ซ่งซีซียกคางขึ้นแล้วกระพริบตาให้เขา “ศิษย์น้อง พี่และรุ่ยเอ๋อร์จะไปพรุ่งนี้”ไม่รู้ทำไม พอรู้ว่าเขาเป็นสมาชิกของสถาบันเอง ซ่งซีซีก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก และอยู่ต่อหน้าเขาก็ได้เป็นตัวของตนเองมากขึ้น"..." เซี่ยหลูโม่กลอกตามองบนใส่นาง "ข้าอายุมากกว่าเจ้า"“อืม ศิษย์น้องอายุมากกว่าพี่จริงๆ” ซ่งซีซีมีความสุขมาก ไม่น่าแปลกใจในตอนแรกเขาไม่ยอมพูดอะไรเลย แค่บอกว่าไปภูเขาเหม่ยชานทุกปี ที่แท้