เสียงของนาง อย่างน้อยแม่ทัพทั้งหลายและกองทัพซวนเจียต่างก็ได้ยินนางพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมแต่ประโยคนี้ทำให้ผู้คนในสนามที่เดิมทีรู้สึกดูแคลนซ่งซีซีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งดูถูกนางมากขึ้นเสียงของการสนทนาค่อย ๆ กลายเป็นคำด่าทอถาโถมเข้าหาซ่งซีซีอย่างไม่ขาดสายเสิ่นว่านจือและคนอื่น ๆ โกรธจนหน้าเขียว หากพวกเขาไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ทางทหาร พวกเขาก็คงจะปรี่ไปสั่งสอนยี่ฝางว่าการเป็นคนต้องทำเช่นไรเมื่อมองไปที่ซ่งซีซี กลับไม่เห็นความโกรธเลยสักนิดเดียว มีคนมายั่วยุขนาดนี้ นางกลับไม่แสดงความโกรธเลย นางมองไปที่ยี่ฝางอย่างสงบ โดยไม่ตอบสักคำเดียวซ่งซีซีไม่ตอบ และสีหน้าของก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มีเพียงดวงตาของนางที่สลดลง“ ซ่งซีซี!” เซี่ยหลูโม่หยิบกระบองยางจากมือของจางต้าจ้วงแล้วโยนให้แก่ซ่งซีซี “อย่าใช้หอกดอกท้อ ใช้ไม้กระบองเถอะ”ซ่งซีซีรับมันไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโยนหอกดอกท้อกลับไปที่เซี่ยหลูโม่ แล้วมองเซี่ยหลูโม่อย่างลึกซึ้งก่อนพูดขึ้นว่า "ค่ะ!"นางเข้าใจความหมายของเป่ยหมิงอ๋อง ดาบผาหน้าไม้ไร้ตา เมื่อไหร่ที่ระงับความอาฆาตพยาบาทไว้ไม่อยู่ หอกดอกท้อสามารถปาดคอยี่ฝางได้ในทันที
ยี่ฝางตื่นตระหนก มองดูดวงตาสีเข้มของซ่งซีซี จากนั้นก็มองไปที่กระบองไม้ในมือของนางที่กลับไม่มีร่องรอยใด ๆ ปรากฎ จึงแอบประหลาดใจขึ้นมาเป็นไปได้ไหมว่านี่ไม่ใช่กระบองธรรมดา? ใช่แล้ว เป่ยหมิงอ๋องยืนกรานที่จะปกป้องนาง จะให้กระบองไม้ธรรมดาแก่นางได้อย่างไรกัน?มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆเมื่อนึกถึงตรงนี้ นางยิ้มอย่างเย็นชา "กระบองไม้นี้ เกรงว่าไม่ใช่แท่งไม้ธรรมดาสินะ ดูเหมือนว่าผู้บังคับบัญชาได้เลือกอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่นาง"กระบองไม้นั้นยาวพอ ๆ กับหอกดอกท้อ เดิมทีเอามาใช้เป็นเสาไม้สำหรับการตั้งแคมป์ เพียงแค่ยี่ฝางใส่ใจเพิ่มขึ้น ก็จะรู้ว่ามันเป็นเพียงกระบองไม้ธรรมดาแต่นางเชื่อปักใจว่าเป่ยหมิงอ๋องลำเอียงต่อซ่งซีซี เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกกระบองไม้ธรรมดาแก่ซ่งซีซีเพื่อใช้ในการประลองยุทธ์เช่นนี้เนื่องจากทหารจำนวนมากมองเห็นไม่ชัดเนื่องจากอยู่ระยะไกล เมื่อได้ยินคำพูดของนางต่างก็รู้สึกว่ามันเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมแม้ว่าจะมีบางคนตะโกนว่ามันไม่ยุติธรรม ดาบธรรมดาจะเปรียบเทียบกับอาวุธที่เหนือกว่าได้อย่างไร?“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนดาบยาวให้นางเสียดีกว่า นึกว่าเก่งสักแค่ไหน ที่แท้ก็ตบตา
ยี่ฝางกระอักเลือด ลูกเตะนั้นแทบทำให้อวัยวะภายในของนางเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงจนไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้ใบหน้าของนางซีดเผือด ยื่นมือออกไปลูบลำคอโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือของนางเปื้อนเลือด ร่างกายสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะความกลัว แต่เป็นเพราะนางรับไม่ได้กับผลลัพธ์เช่นนี้นางมองดูซ่งซีซีอย่างไม่เชื่อสายตา วิทยายุทธเช่นนี้ นางไม่เคยมาก่อนในชีวิตแต่ซ่งซีซี นางจะมีวิทยายุทธการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อก่อนตอนที่นางหย่าร้าง พี่จ้านเคยบอกว่านางเหาะเหินเดินอากาศทำร้ายคนได้ ตอนนั้นคิดว่าเป็นแค่เรื่องตลก ตอนนี้เข้าใจดีแล้ว หัวใจของนางถูกครอบงำด้วยความริษยา มีความรู้สึกราวกับว่ามีมดนับพันกำลังรุมกัดความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้นางเสียหน้าอย่างหนัก เมื่อก่อนนางเคยพูดกับกองกำลังเสริมว่าซ่งซีซีอาศัยความสัมพันธ์มาไต่เต้า ซึ่งส่งผลให้แม่ทัพหลายคนถูกโบยและก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น นางก็ยังกล่าวหาเสียงดังเช่นนี้ต่อซ่งซีซี โหมกระแสความรู้สึกโกรธเคืองของผู้คนแต่ในตอนนี้ ซ่งซีซีใช้ความสามารถที่แท้จริงของนาง หักล้างคำพูดของนางส
บัดนี้กองทัพซวนเจียรู้สึกชื่นชมนับถือกับซ่งซีซีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปี้หมิงเขามองออกความแข็งแกร่งแห่งการเคลื่อนไหวของแม่ทัพซ่ง แท่งไม้กลายเป็นท่อนไม้ที่เป็นชิ้นๆ อีกอย่างทั้งหมดเรียงกันอย่างเรียบร้อย พลังภายในนี้ได้ซ่อนฝีมือไว้ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเศษไม้จำนวนมากที่พุ่งออกไป มีเพียงชิ้นเดียวที่ลงยังคอเท่านั้นที่มันเบาเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และฟ้าเริ่มมืดลง กองไฟก็ส่องทหารที่ค่อยๆ กระจายออกไป และพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนามแต่คราวนี้หัวข้องที่พวกเขาสนทนานั้นล้วนเกี่ยวกับท่าที่แม่ทัพซ่งออกให้"แท่งไม้แตกออกเป็นชิ้นๆ ทันที มันน่าทึ่งมากจริงๆ มันเหมือนกับมายากลทีเดียว""สมเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพซ่งจริงๆ สินะ นางสุดยอดมาก""ข้าว่าแล้วเชียว หากไม่ได้สร้างผลงานทางทหารด้วยความสามารถของตัวเองจริงๆ แล้วจะเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพชั้นห้าได้อย่างไรเล่า""เจ้านี่ไร้ยางอายเลย เจ้าเป็นคนโวยวายเสียงดังที่สุดในตอนแรก และยังคิดจะไปประท้วงต่อหน้าผู้บังคับบัญชาเสียอีก หากข้าไม่ได้ห้ามเจ้าไว้ คนที่ถูกตีด้วยไม้เท้าจะเป็นเจ้าแน่""เอ๊ะๆๆ ข้าแค่หลงเชื่อคำพูดของแม่ทัพยี่ไป แม่ทัพยี่เป็นคนพูดเองว่า แม่ทัพซ
ซ่งซีซีชี้หอกดอกท้อออกไป ชี้ไปยังสถานที่ที่นางสู้กับปี้หมิง "หากตายังใช้งานได้ จงไปดูด้วยตัวเจ้าเองว่าเหตุใดปี้หมิงจึงยอมแพ้"สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกล ห่างจากพวกเขาเพียงเจ็ดหรือแปดฟุตเท่านั้นเมื่อมองตามทิศทางที่ชี้โดยหอกดอกท้อ ยี่ฝางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเห็นรอยแตกห้ารอยบนพื้น แต่ละรอยแตกนั้นเหมือนกับตะขาบกำลังคลานอยู่อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งกำลังไปยังที่แห่งเดียวนั่นอาจเป็นที่ที่ปี้หมิงยืนอยู่ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะทะลุเท้าของปี้หมิง เนื่องจากหนึ่งในห้ารอยแตกนั้นมีสถานที่ที่หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ประมาณรอยเท้าคู่หนึ่ง ซึ่งรอยไม่ได้ใหญ่มาก พอจะเข้าใจว่าแรงภายในจะกระทบเท้าของปี้หมิงเข้า ดังนั้นรอยแตกในสถานที่นั้นจึงค่อนข้างเล็กหากกำลังภายในนี้ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม ขาของปี้หมิงก็อาจถูกทำลายไปเลยนี่คือเหตุผลที่ปี้หมิงยอมรับความพ่ายแพ้ยี่ฝางหายใจเข้าลึกๆ นางรู้ว่า นางพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงต่อหน้าซ่งซีซีเลยแต่ไม่นานนัก นางก็ยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว คว้าแขนของจ้านเป่ยว่าง แนบชิดข้างเขา และเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่นางไม่เคยมีมาก่อน "ใช่ ในด้านความท้าทาย ข้าแพ้กับเจ้า ทักษะศิล
ซ่งซีซีถูกเซี่ยหลูโม่เรียกตัวไปมีถ้วยชาร้อนวางอยู่ตรงหน้านาง ความร้อนอบอ้าวทำให้ดวงตาของนางพร่ามัวนางหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบ น้ำชาขมมาก แต่ได้ดื่มชาในกองทัพก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว"ต้องการฆ่านาง?" เซี่ยหลูโม่ถาม"เคยคิด" ซ่งซีซีตอบอย่างตรงไปตรงมาเซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คนที่ถูกส่งไปสอบสวนส่งจดหมายกลับมา ชาวซีจิงถึงกับปกปิดการสังหารหมู่ในหมู่บ้าน พวกเขาแค่บอกคนนอกว่าหมู่บ้านเกิดไฟไหม้ และทุกคนถูกเผาจนตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร"ซ่งซีซีจับถ้วยในมือแน่น มือของนางอบอุ่นขึ้น แต่ใจกลับรู้สึกเย็นเฉียบ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ค่อยๆ พูดว่า "ข้ารู้ ชาวซีจิงต้องการซ่อนความอัปยศอดสูของรัชทายาทแห่งเมืองซีจิง""ดังนั้น แม้ว่าฮ่องเต้จะสืบความจริงเข้าแล้ว อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้า ขนาดเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรยี่ฝางได้ อย่างน้อยเจ้าวางใจได้ว่าท่านตาของเจ้าจะไม่โดนเดือดร้อนเพราะยี่ฝาง"ขนาดชาวซีจิงยังไม่ยอมรับยี่ฝางสังหารหมู่ แล้วฮ่องเต้จะเป็นฝ่ายริเริ่มยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไงเล่า คงเป็นไปไม่ได้ไปบังคับให้ชาวซีจิงยอมรับ แล้วให้ฮ่องเต้ส่งทูตไปยอมรับความผิดพลาดกับพวกเขากระมังซ่งซีซีก็เข
หลังจากที่ยี่ฝางล้มเหลวในการท้าทาย นางก็ถูกทหารหลายคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างลับหลังพวกทหารและแม่ทัพที่ถูกทุบตีด้วยไม้ทหารเพราะเชื่อใจนาง ยิ่งปฏิบัติต่อนางอย่างหงุดหงิดมากแต่โชคดีที่ทหารภายใต้บังคับบัญชาของนางยังคงเคารพนาง โดยเฉพาะทหารสามร้อยนายที่สร้างผลงานพร้อมกับนาง ซึ่งภักดีต่อนางมากถึงยังไงแล้ว การมีส่วนร่วมในสงครามเมืองลู่เปินเอ่อร์ ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลเงินไม่น้อย ดังนั้นไม่ว่าคนนอกจะพูดอะไร พวกเขาจะต้องภักดีต่อยี่ฝางนอกจากนี้ พวกเขายังมีความลับเดียวกัน ซึ่งความลับนี้ต้องเก็บไปตลอดไป ต่อให้ต้องตายก็บอกไม่ได้หลังจากยี่ฝางสติแตกไปสองวัน นางก็ค่อยๆ กลับมามีพลังอีกครั้งตอนนี้ นางกับพี่จ้านเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่านางจะสร้างผลงานไม่ได้อีก แต่ขอแค่พี่จ้านสร้างผลงานไว้ งั้นก็เป็นเกียรติของสองสามีภรรยาพวกเขาสองคนกันเมื่อถึงเวลานั้น นางจะนำกองทหารไปกับพี่จ้าน เพื่อช่วยเขาสังหารศัตรู และหลังจากพี่จ้านได้สร้างผลงานแล้ว ก็สามารถช่วยพูดให้นางอีกนางไปหาจ้านเป่ยว่างอย่างตื่นเต้น "พี่จ้าน เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ข้าจะนำกองกำลังของข้าติดตามเจ้าไป และช่วยเจ้าฆ่าศัตรู ถ้าเจ้าสร้างผลงานก็เ
ทุกคนกำลังเตรียมตัวอย่างตื่นเต้นสำหรับสงครามนี้ และซ่งซีซีก็ฝึกฝนหองทัพมาหลายวันแล้วทหารยามซวนเจียจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันนาย แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งทำหน้าที่โจมตีและอีกหนึ่งกลุ่มป้องกัน แต่ละกลุ่มแบ่งออกเป็นสิบหน่วย และจำนวนการโจมตีและการป้องกันทั้งหมดรวมกันคือยี่สิบหน่วยแผนการต่อสู้ของนางเป็นเช่นนี้ ขั้นแรก ให้ทั้งห้าหน่วยโจมตี จากนั้นอีกห้าหน่วยจะป้องกัน ให้สลับหน้าที่อย่างรวดเร็ว เมื่อหน่วยการป้องกันได้คงที่ให้รีบโจมตีทันที สลับกันปกป้องและโจมตีเลย ตามนี้ไปการฝึกไม่กี่วันก็ค่อนข้างมีประสิทธิผลบัดนี้ อาวุธพร้อมแล้ว โดยมีโล่และมีดสั้นสำหรับหน่วยป้องกัน และหอกสำหรับหน่วยโจมตีผู้บังคับบัญชากล่าวว่าก็ประมาณอีกสองสามวันข้างหน้าจะเริ่มโจมตีเมืองแล้ว กองทัพซวนเจียทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพ จะต้องเตรียมแผนการล้อมโจมตีเมืองทีละแผนให้ดีๆในเวลานั้น จ้านเป่ยว่างจะให้ความร่วมมือและนำคนหนึ่งหมื่นคนไปสร้างบันได ดันเครื่องโยนหิน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือในช่วงสองสามวันก่อนสงครามจริงๆ แล้วแผนการโดยรวมถูกผู้บังคับบัญชากำหนดไว้แล้ว พวกเขาไม่มีอะไรสำคัญที