Masukเสิ่นหรงลี่ที่ออกมาจากถ้ำแล้ว ก็มองหาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ฟื้นฟูกำลังเพื่อนำไปให้ชายที่นางสาบานกับตนเองแล้วว่าจะช่วยเหลือ แม้เขาจะรุ่มร่ามกับตัวนางไปบ้าง แต่เสิ่นหรงลี่เองก็รู้ว่าสตรีที่จากครอบครัวมาอย่างไม่อาจหวนกลับนั้น หากไร้คนพึ่งพิงแล้วอาจลำบากจนเกินจินตนาการ
เหตุผลหลายประการประกอบกันนี้ ทำให้เขาเป็นทางรอดที่ดีที่สุดของตัวนาง เสิ่นหรงลี่คิดว่าหากติดตามเขาไป ไม่ว่าในฐานะใดเฟยเทียนผู้นี้ก็คงมิใจร้ายนัก ด้วยมีบุญคุณผูกโยงไว้
“ความคิดอ่านราวกับคนหิวโหยอยากมีสามี ตัวข้าตกต่ำเกินไปแล้วจริงๆ” ปากเล็กบ่นอุบอิบ แต่มือก็ยังขุดต้นสมุนไพรอย่างตั้งใจไปด้วย
เมื่อหาได้จนพอแล้ว ก็พลันรู้สึกปวดท้องเล็กน้อย ความหิวโหยทำให้คุณหนูรองเสิ่นมุ่งหน้าไปยังต้นผลไม้เดิม แม้รสชาติจะย่ำแย่ แต่อย่างน้อยตัวนางก็มั่นใจได้ว่าไร้พิษภัย เก็บมาได้จำนวนหนึ่งก็เร่งสาวเท้า นำของที่เสาะหามาไปแกว่งล้างในน้ำ ก่อนจะเดินกลับไปในถ้ำนั้น
นางรีบกระโดดข้ามเข้ามาในถ้ำระวังไม่ให้ตัวเปียกชื้น แต่ก็ต้องตกใจที่คนภายในนั่งหน้าแดง และเหงื่อไหลจนชุ่ม “เฟยเทียน!” หรงลี่รีบวางของในมือแล้วเข้าไปใกล้เขา
“ช่วยลากข้าออกไปที” จอมมารผู้สิ้นท่ากล่าวด้วยเสียงอ่อนแรง ตัวเขามิได้คิดว่าเสิ่นหรงลี่จะออกไปนาน จึงก่อไฟให้เสร็จสิ้นด้วยของที่นางเตรียมเอาไว้ แต่เมื่อรอเท่าไหร่หรงลี่ก็ยังไม่กลับมา กองไฟจึงแผดเผาลวกผิวของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“เหตุใดไม่เอาแขนผลักยันตัวท่านออกไปเล่า” เสิ่นหรงลี่กล่าวด้วยความกังวล แต่ก็ไม่รอช้ารีบดึงคนที่ตัวโตกว่านางหลายเท่าให้ออกห่างจากกองไฟทันที
“ข้าทดลองแล้ว หากแต่เรี่ยวแรงแขนยังไม่มากพอ” ตงเฟยเทียนเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เขาอับอายนักที่ไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้ และเป็นภาระให้แก่แม่นางตัวเล็กๆ ผู้หนึ่ง ยิ่งได้ยินเสียงหายใจบ่งบอกความยากเย็นในการลากตัวเขาที่พยายามใช้แขนช่วยแล้ว ก็รู้สึกนับถือในน้ำใจของหรงลี่ที่ดูแลเขาในยามที่ไร้สติอยู่ไม่น้อย หากนางทำด้วยใจจริงย่อมเป็นผู้ที่ควรมีไว้ใกล้ตัว
“ไม่ร้อนแล้วหรงลี่ ข้าอยู่ตรงนี้ได้”
“แน่ใจหรือ ข้ายังพอมีแรง”
“หากอยู่ไกล กลางดึกอาจหนาวเกินไป” เขากล่าวอย่างมีหลักการ
“ขออภัยที่ทิ้งท่านไว้นานเช่นนี้”
“ไม่ต้องขออภัย ข้าเป็นเพียงคนแปลกหน้า เท่านี้ก็นับว่าพึ่งพาเจ้ามากเกินไปแล้ว”
“หากกังวลก็ค่อยตอบแทนนะเจ้าคะ” หรงลี่ที่เห็นเขาพิงหินที่ยื่นออกมาจากผนังถ้ำได้แล้ว ก็ลุกขึ้นหันไปหยิบผลท้อที่เก็บมาหวังให้เขากินแก้ขัด ปากก็พลางกล่าวข้อแก้ตัวไปด้วย “ข้าจับปลาไม่เป็น ท่านกินผลไม้ไปก่อน มีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น ทั้งยังไร้ความอร่อย เฟยเทียนท่านกลั้นใจเสียหน่อยนะเจ้าคะ” ทว่าเมื่อหันกลับมา กลับเห็นว่าเฟยเทียนกำลังทุบขาตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
“เหตุใดยังใช้การไม่ได้!” เสียงแหบต่ำของเขาถามออกมาทั้งที่รู้คำตอบ พร้อมกับใช้มือที่ทุบตีขานั้นไม่หยุดหย่อน เพราะรู้สึกรังเกียจที่ตนเองต้องตกเป็นภาระให้ผู้อื่นดูแลนานเกินไป ทั้งยังคิดไม่ตกว่าเหตุการณ์หักหลังมุ่งเอาชีวิตของเขาเป็นฝีมือผู้ใด จึงระบายความกดดันของตนออกมาในยามนี้
“กรี๊ด!” เสิ่นหรงลี่กรีดร้องออกมาจนสุดเสียง “ทุบเจ็บ กรี๊ด ไม่ทุบ ไม่ทุบ ไม่ตีแล้วนะเจ้าคะ ฮือๆๆ ให้หยุด หยุดนะเจ้าคะ กลัวแล้ว หรงลี่กลัวแล้ว ออกไปนะ ไม่ทำ ทุบเจ็บ ตีเจ็บ กรี๊ด” คุณหนูรองเสิ่นร้องออกมาคล้ายคนสติไม่ดี ทั้งยังเข้าไปดึงมือเฟยเทียนออกมิให้ทำร้ายตนเองต่อไป
ตงเฟยเทียนตกใจกับสิ่งที่นางกระทำ จนหยุดมือของตนไว้มิได้ระบายอารมณ์ขุ่นมัวใดๆ ออกมาอีก แต่เมื่อเห็นว่าแม้จะหยุดแล้วแม่นางตรงหน้าก็ยังไม่หยุดร้องไห้ และกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ตัวเขาจึงดึงนางกอดไว้อย่างไม่รังเกียจ
“ไม่เป็นอันใดแล้ว ไม่ทุบไม่ตีแล้ว ขออภัยที่ทำให้หรงลี่ตกใจ ไม่เป็นอันใดแล้ว เชื่อข้าเถิด ข้าไม่เจ็บเลยสักนิด” เฟยเทียนกอดปลอบนางอย่างมึนงง ทั้งด้วยมิเคยต้องปลอบผู้ใดที่รู้สึกเจ็บช้ำแทนผู้อื่น และไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงมีอาการตอบโต้รุนแรงเช่นนี้ แม้จะยังไม่อาจทำให้หรงลี่สงบลงได้ เขาก็ไม่ได้คิดจะปล่อยนางไป
“ไม่เอา ทุบเจ็บ ฮือออ เจ็บแล้ว หรงลี่สัญญา ไม่พูดอีกแล้ว ไม่พูด หยุดแล้ว ฮึก ฮือออ” เสิ่นหรงลี่ยังร้องไห้ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ภาพที่เฟยเทียนทำร้ายตนเองซ้อนทับกับเหตุการณ์เมื่อยามนางมีอายุได้สามหนาว นั่นเป็นครั้งแรกที่คุณหนูรองสกุลเสิ่นได้ยินเสียงสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นในหัว สตรีนางนั้นกล่าวว่าขอเป็นสหายของนาง และสัญญาว่าจะอยู่กับหรงลี่ตลอดไป นางและเสียงในหัวเล่นกันอย่างสนุกสนานทุกวัน จนนางรักใคร่สหายใหม่ ผู้ที่มีเพียงนางเท่านั้นที่สื่อสารด้วยได้อย่างหมดใจ
วันนั้นเสียงในหัวของนางกล่าวว่าอยากมีสหายเพิ่ม แต่ขอให้เสิ่นหรงลี่เลือกสหายที่โตสักหน่อย และจะต้องเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม เหมาะแก่การมาเป็นองค์หญิงในการละเล่นถัดไป
เด็กน้อยอย่างนางยามนั้นคิดสิ่งใดไม่ออก แต่จดจำได้ว่าอนุของท่านพ่อแต่งหน้าแต่งกายสวยงามทุกวัน จึงวิ่งไปยังเรือนอนุในทันใด ทว่าเมื่อเล่าเรื่องราวแล้ว อนุของท่านพ่อกลับสั่งให้นางทุบตีตนเอง เพื่อไล่ผีปีศาจ
ทั้งยังสั่งให้ทำแรงกว่าเดิมทุกครั้ง เด็กตัวน้อยทุบตีตนเอง พร้อมกับร้องขอความเมตตาสัญญาว่าจะไม่พูดคนเดียวอีกแต่ก็ไม่เป็นผล ต้องลงมืออยู่เช่นนั้น จนกระทั่งนางในวัยสามหนาวเป็นลมล้มพับไป
แม้ว่าจะเผชิญความอยุติธรรมเช่นนี้ แต่นางกลับไม่ได้รับการปกป้องเลย อนุผู้นั้นใช้ช่องโหว่ว่านางมิได้เป็นคนทุบตี หากแต่หรงลี่ในวัยเด็กรู้ความผิดดี จึงทำร้ายตนเองไปมากมายเช่นนั้น แม้มารดาของนางจะแย้งว่า เด็กย่อมมีจินตนาการ แต่นางอนุผู้นั้นกลับบอกว่าตัวนางไม่เคยมีบุตรย่อมไม่รู้เรื่องราวปกติของเด็ก
ท่านพ่อเพียงแค่สั่งให้กักบริเวณอนุคนงามไว้สามวัน แต่ความเจ็บปวดทางกายของหรงลี่ต้องรอแรมเดือนจึงจะหายไป การเอาผิดมิได้สมดุลเลย ทั้งยังถูกกล่าวหาว่ามีเพียงคนสติไม่ดีเท่านั้นที่จะทุบตีตนเองอย่างแรง อนุผู้นั้นไม่ควรถูกลงโทษรุนแรงเพราะความซื่อของนาง
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คำลวงของมารตนนั้นหลอกล่อให้หรงลี่ติดกับมาได้นานหลายปี เริ่มต้นอย่างสหาย ที่ปลอบโยนยามได้รับความเจ็บปวด เป็นเสียงคอยช่วยก่นด่าท่านพ่อ และว่ากล่าวท่านแม่ที่ปกป้องนางไม่ได้เลย เมื่อเชื่อสนิทใจแล้วว่าตนเองนั้นมีสหายไร้ตัวตนที่อยู่เคียงข้างเพียงผู้เดียว นางมารตนนั้นจะพูดอย่างไรก็เชื่อถือทั้งหมด
“ไม่เป็นไรแล้วเด็กดี สงบลงเสียเถิด” เสียงของเฟยเทียนเริ่มดึงให้หรงลี่กลับมาอยู่กับปัจจุบันได้สำเร็จ เหลือเพียงเสียงสะอึกสะอื้น เขาลูบหัวนางเบาๆ จนกระทั่งคุณหนูเสิ่นหลับไปในอ้อมแขนแกร่ง
“เจ้าไปพบเจอสิ่งใดมากันแน่ หรงลี่ คุณหนูในภพมนุษย์ยอมทิ้งความสุขสบายออกมาเช่นนี้ย่อมมิใช่สามัญ” เมื่อมิได้รับปฏิกิริยาตอบกลับจึงรู้ว่าเสิ่นหรงลี่หลับสนิทดีแล้ว เขาจึงค่อยๆ ขยับตัวนางให้เอนนอนลง มือขยับอย่างเชื่องช้าล้วงหยิบยาที่ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บออกมาทาแผลบนปาก
เมื่อทำเสร็จสิ้นแล้วตัวเขาก็หรี่ตามองอย่างจับผิด มิคลายสงสัยว่าเหตุใดผู้ที่มีเลือดพิเศษเช่นนี้จึงได้ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ แม้จะแน่ใจว่าไม่ใช่นักฆ่า แต่เจตนาแอบแฝงอื่นนั้นยังไม่แน่
“ประหลาดเสียจริง”
บทพิเศษ 4 น้ำตกผูกรัก“นี่มัน นี่เหมือนกับน้ำตกที่เราได้พบกันไม่มีผิดเพี้ยน” หานหรงลี่กล่าวออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าขึ้นมา“เป็นอย่างไรชอบหรือไม่ ของขวัญครบรอบหนึ่งพันห้าร้อยปีที่เราได้พบกัน” ตงเฟยเทียนเข้าไปสวมกอดฮองเฮาของตนจากด้านหลัง“ชอบที่สุดเพคะ ไม่คิดว่าแม้แต่วันพบหน้าก็ยังมีของขวัญให้เช่นนี้” หรงลี่หันกลับไปเอ่ยกับสามี“แล้วเจ้าเล่ามีอันใดมาแลกกันหรือไม่” ผู้เป็นองค์มารเอ่ยถาม“ปกติเราไม่เคยฉลองจึงไม่มีเพคะ พี่เฟยเทียนโกรธเคืองหรือไม่” นางช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน แม้ตำแหน่งจะใหญ่โตแล้ว แต่หรงลี่ก็ยังถือคติว่ากับตงเฟยเทียนแล้วการน่ารักสักหน่อย อ่อนอ้อนเล็กน้อย
บทพิเศษ 3 ไม่คาดคิดว่าจะพบกันหนึ่งเดือนถัดมายามนี้ก็เป็นงานมงคลของหลิวหยางหลงและกงหรูอี้ แน่นอนว่าอี้ฉุนเป็นผู้ดูแลความงามทุกกระเบียดนิ้วในแก่เจ้าสาวรายนี้เช่นกันตัวหรงลี่นั้นเป็นตัวแทนของแดนมารมาร่วมงานมงคลในครั้งนี้ที่จัดขึ้นในวังของหลิวหยาง และเพราะตัวนางเป็นผู้นำขบวนเจ้าสาวจึงมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายทว่าก่อนจะเริ่มพิธีดวงตาของหรงลี่เหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งที่ดูแล้วคุ้นเคยยิ่งนัก ในระหว่างพิธีตัวนางเหลือบมองไปยังคนผู้นั้นอยู่เป็นระยะ บ่าวที่ติดตามมาแจ้งว่านั่นคือองค์ชายเก้าและพระชายา นางจึงพยักหน้ารับและหันกลับไปสนใจบ่าวสาวที่ผลัดกันโยนของลงอ่างน้ำตามธรรมเนียมสมุทร จากนั้นจึงทำพิธีคำนับ ตามด้วยการโยนไม้เสี่ยงทายให้มหาเทพยอมรับ และเมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นแล้ว นางก็เ
บทพิเศษ 2 ยินยอมแล้วทุกสรรพเสียงแห่งความคิดของหานหรงลี่สงบลงเมื่อประตูตำหนักถูกเปิดออก หรงลี่เงยหน้ามองผ่านผ้าคลุมหน้าของตนด้วยความประหม่า แม้จะไม่ใช่สาวน้อยที่ไม่รู้ความเรื่องชายหญิงอีกต่อไป แต่เรื่องเล่านั้นก็เพียงรู้ผ่านคำบอกเล่า หรือการเห็นผ่านตาในภพเก่า ยิ่งองค์มารเดินเข้ามาใกล้ใจของหรงลี่ยิ่งสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ“พี่เฟยเทียน” สตรีที่ตำแหน่งฐานะเลื่อนขึ้นมาเป็นฮองเฮาเอ่ยเรียก“รอนานหรือไม่” เฟยเทียนเดินเข้ามาใกล้กับเตียงใหญ่“นานเพคะ เครื่องหัวนี้หนักกว่ายามที่แต่งเข้าวังโลหิตนัก” หรงลี่บ่น“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำผ้าคลุมหน้าและเครื่องหัวออกให้บัดเดี๋ยวนี้” องค์มารที่อยู่กับคนรักเพียงลำพังเริ่มพูดจาหยอกล
บทพิเศษ 1 ยกน้ำชางานมงคลของหานหรงลี่สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้เข้าไปอาศัยในวังหลังของวังมารในรัชสมัยนี้ยิ่งใหญ่นัก โชคดีที่ความหวาดระแวงระหว่างดินแดนเบาบางลงมากแล้ว มิเช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้อาจสร้างความระส่ำระสายเหมือนยามที่มีการประกาศหมั้นหมาย แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้นอย่างไรก็เริ่มมีการทาบทามให้องค์หญิงแดนสมุทรที่ยังไร้คู่หมายให้แก่องค์ชายในแดนสวรรค์บ้างแล้วส่วนเด็กคนแรกที่จะเกิดในครรภ์ของหานหรงลี่ก็ถูกทาบทามไว้แล้วด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงหรือองค์ชายย่อมต้องให้แต่งกับราชวงศ์ของแดนสวรรค์ เพื่อผสานดินแดนใหญ่ทั้งสามไว้ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นเครือญาติกันทั้งสิ้นเรื่องนี้ทำให้แดนพฤกษาสามารถกลับมาวางตัวเป็นกลางไม่เข้าพวกกับแดนใดได้ตามต้องการ แต่ผู้คนที่จับตาย่อมรู้ด
บทที่ 63 องค์มารของเจ้ามานู่นแล้ว“แม่ แม่รีบกดตะกร้าเลย ไลฟ์นี้ก่อนแม่ค้าหยุดยาวกลับจีนน้า ใครตุนได้ตุนเลย” หรงลี่พูดภาษาไทยในแบบที่คนทั่วไปสามารถฟังออกว่าภาษานี้ไม่ใช่ภาษาแม่ของผู้พูด‘แม่ค้าจะหิ้วสครับพส.จีนกลับมาไหมคะ’“หิ้วมาแน่นอน ตัวไหนแมสเอามาหมดแม่ แม่รอกดเลย”หรงลี่กวาดตาอ่านคอมเมนต์ของลูกค้าที่สอบถามเรื่องต่างๆ ในไลฟ์ของแม่ค้าออนไลน์อย่างเธอ อาชีพที่รู้มาก่อนแล้วว่าจะได้ยึดเป็นเครื่องมือหาเงิน หรงลี่ดีดตัวขึ้นมาไลฟ์สดขายของได้เพราะคลิปที่เธอกับจางมี่ถ่ายเล่นในตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยในไทย และที่ตัดสินใจมาเรียนในไทยเพราะคะแนนเกาเข่าไม่ดีนัก สองเพื่อนสนิทเลยตัดสินใจมาหาประสบการณ์ในต่างประเทศและเรียนภาษาที่สามที่มีคู่แข่งในตลาดงานน้อยกว่า
บทที่ 62 เกิดใหม่อีกครั้งขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสั้นๆ ไม่มีอะไรให้คนตื่นตาถูกหามจากถนนหน้าบ้านของหัวหน้าฝ่ายโก๋ พิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมถูกจัดขึ้นอย่างสามัญ ชุดเจ้าสาวก็หยิบยืมมา เครื่องประดับมีเพียงชิ้นเดียวที่ได้ความเมตตาจากว่าที่แม่สามีให้มาใส่เข้าพิธี สินเดิมเป็นข้าวสาร หัวมัน และเผือก ของมีค่ามีเพียงเงินและตั๋วแลกของไม่กี่ใบเท่านั้นจางหรงลี่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดไม่ได้มีเวลาได้ปลุกแม่ของตนเองเพื่อกล่าวลาและขอพรใดด้วยซ้ำ ป้าสะใภ้ลากตัวออกมาเสมือนกลัวว่าหรงลี่จะหนีงานแต่งความคิดที่จะกลืนน้ำลายตนเองกลับไปร่วมทดลองหาเงินให้แม่ได้มีติดตัวต้องพับเก็บไว้ เพราะเจ็ดวันที่ผ่านมาทั้งย่าและป้าไม่อนุญาตให้เธอออกไปไหน ทุกวินาทีมีคนสับเปลี่ยนมาจับตามองอยู่เสมอ แม้ยืนยันเท่าใดว่าไม่คิดห







