LOGIN“โอ๊ย” หรงลี่กุมคางตนเองที่ชนเข้ากับหินใหญ่ก้อนหนึ่ง จากที่งัวเงียก็กลายเป็นตื่นเต็มตา “ผลักข้าทำไมเจ้าคะ ข้าเจ็บนะ”
“ชายหญิงมิควรใกล้ชิด มานอนกอดข้าทั้งคืนเช่นนี้ยังต้องถามอีกหรือ” เฟยเทียนสั่งสอนออกไป
“แล้วมันความผิดผู้ใดเล่า” หรงลี่ขมวดคิ้วถาม ก่อนจะรีบปิดปากที่เผลอกล่าวออกไปเช่นนั้น นางไม่รู้เลยว่าเหตุใดเมื่ออยู่กับคนผู้นี้ความกล้าที่ไม่เคยมีกลับเพิ่มพูนขึ้น
“ความผิดเจ้าน่ะสิ เพียงแค่ขยับขา ข้ายังทำมิได้ จะเป็นความผิดข้าได้หรือ”
“ได้เจ้าค่ะ” หรงลี่จ้องเฟยเทียนไม่วางตา
ย้อนกลับไปคืนก่อนหน้า เสิ่นหรงลี่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะความหิวโหย ผลไม้นั้นไม่มีความอยู่ท้องเอาเสียเลย จึงต้องเดินย่องเบาๆ ไปที่กองผลไม้ รสฝาดของผลท้อกล่าวทักทายลิ้นเล็กของเสิ่นหรงลี่อีกครั้ง พลางคิดว่าเมื่อต้องหลบซ่อนอาศัยอยู่ในป่าเช่นนี้ หากไม่ตายเพราะขาดสารอาหารก็คงจะได้ตายเพราะความเบื่อหน่าย
“แล้วนั่นเล่า ไม่หิวบ้างหรือ” ปากกัดพลางจับจ้องไปยังเฟยเทียน “หรือเพราะฤทธิ์ของพิษไปกดอาการหิว” หรงลี่สรุปไปเองโดยมิได้รับรู้เลยว่าจอมมารเช่นเฟยเทียน หากมาโลกมนุษย์นั้น ไร้ความจำเป็นที่จะต้องกินอาหาร แต่หากจะเลือกที่จะกินก็มักจะเป็นเพราะความเคยชิน และความอยากเท่านั้น
“ท่านแม่เจ้าคะ หากลูกขอติดตามคนผู้นี้ไป จะนับว่าผิดต่อท่านหรือไม่” เสิ่นหรงลี่ปาดน้ำตาที่ร่วงหล่นออกมาจากดวงตาคู่งาม ไม่รู้ว่าตนเองไปทำบาปกรรมอันใดไว้ จึงต้องมาพบเจอชะตาเช่นนี้ คุณหนูรองผู้อาภัพสะอึกสะอื้นต่ออีกครู่หนึ่ง รสชาติเค็มของน้ำตาผสมปนเปกับความฝาดของผลท้อลงตัวดีอย่างน่าประหลาด
“หากจะกินให้อร่อยต้องร้องไห้ไปด้วยหรือ ช่างเป็นผลไม้ที่เอาแต่ใจตนนัก นิสัยไม่ดีเลยเจ้าท้อ ฮึกๆ ฮือ” หรงลี่บีบน้ำตาออกมามากกว่าเดิม แม้ชีวิตจะย่ำแย่ แต่ก็ควรได้รับความอร่อย
“หยุด!” เสียงเฟยเทียนตะโกนออกมา
“แต่ข้าหิวนะเจ้าคะ…” นางตอบออกไปอย่างมึนงง เขาจะมาสั่งให้นางหยุดกินด้วยเหตุอันใด
“วิธีจัดการชั้นต่ำเช่นนี้ เรียกว่าชายชาติทหารได้หรือ” เฟยเทียนกล่าวออกมาอีก
“หือ…ไม่เห็นจะเกี่ยวข้องเลยเจ้าค่ะ” หรงลี่รีบโยนเม็ดท้อที่หมดพอดีออกไปแล้วลุกไปหาเฟยเทียน
“ทรยศ”
“อ๋า…ละเมอนี่เอง” เสิ่นหรงลี่ยื่นมือออกไปสัมผัสหน้าผาก และช่วงคอก็พบว่าส่งไอร้อนผ่าวออกมาไม่น้อยเลย และออกจะร้อนเกินกว่าจะใช้ยาเพียงอย่างเดียวได้ จึงกังวลอยู่เล็กน้อย “ทำเช่นไรดีล่ะ…ความรู้ของพี่ใหญ่ว่าอย่างไรแล้วนะ” คุณหนูรองที่ยามนี้ต้องใช้ความรู้ในการรักษาคน ก็นึกเสียดายที่ไม่ได้ตั้งใจฟังว่าคนของพี่สาวผู้เป็นพระชายาให้คนมาถ่ายทอดไว้ว่าอย่างไร เพราะความอคติที่บดบังจึงต้องมาลำบากพยายามคิดเช่นนี้
“เอ…ใช่ร้อนต้องทำให้เย็นหรือไม่” หรงลี่รู้สึกว่าความคิดนี้เข้าท่ากว่าสิ่งใด เมื่อนึกเท่าใดก็นึกไม่ออก ก็มีแต่จะต้องทำตามใจตนเอง คิดได้ดังนั้นจึงเตรียมปลุกให้เฟยเทียนลุกขึ้นมากลืนยาลงไปเสียก่อน แล้วนางจะเช็ดตัว และเปลี่ยนสมุนไพรพอกแผลให้เขาเสียในคราวเดียว
“เฟยเทียน เฟยเทียน เคี้ยวยานี้ก่อนเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นเขางัวเงียรับยาไปแล้ว นางจึงนำมือไปรองน้ำมาป้อนให้เขาไม่ขมปากจนเกินไปนัก
คุณหนูรองเมื่อออกมานอกถ้ำก็รู้สึกหนาวเย็น หากว่าเฟยเทียนไม่ได้จุดไฟไว้ ค่ำคืนนี้ย่อมลำบากไม่น้อย นางมองหาก้อนหินคมมาหั่นปลายอาภรณ์ออก ส่วนนี้จะใช้เป็นผ้าไว้เช็ดไล่ความร้อนออกจากตัวเขา หรงลี่นำผ้าที่ได้มาไปชุบน้ำและบิดหมาด
เมื่อวิ่งเข้ามาภายในก็ได้ยินเขาละเมอเหมือนว่ากำลังถูกปองร้ายจากคนใกล้ชิด นางจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใด เขาจึงกัดปากนางเสียเต็มแรงในคราแรกที่ฟื้นตื่นมาพบกัน
เสิ่นหรงลี่เช็ดไล่ลงมาจากหัวแล้วจึงเลื่อนมายังคอ พร้อมกับวิ่งไปชุบน้ำบิดหมาดใหม่อีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าผ้านั้นร้อนเกินไป ทั้งยังกลั้นใจแกะอาภรณ์ของเขาออกเพื่อเช็ดให้ทั่วตัว เมื่อเช็ดไล่ลงมาถึงขา นางก็จัดการทำความสะอาดแผลอย่างดี ทั้งยังเคี้ยวสมุนไพรลงไปพอกใหม่ตามตำราที่เคยได้อ่านมา
เมื่อเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วจับดูก็คล้ายว่าร่างกายของเฟยเทียนจะเย็นลงเล็กน้อย เสิ่นหรงลี่จึงนำผ้าไปวางไว้ รอดูอาการของเขาในอีกหนึ่งชั่วยาม หากกลับมาร้อนขึ้นอีก ก็จะนำผ้าผืนเดิมไปชุบน้ำเพื่อเช็ดตัว
“ท่านถูกทำร้ายจนต้องหนีมาผู้เดียวเช่นนี้ คงเจ็บปวดไม่น้อย” นางกล่าวออกไปทั้งที่รู้ว่าเขาไม่สามารถตอบออกมาได้
ในช่วงที่รอเสิ่นหรงลี่ร้องทำนองเพลงที่มั่นใจว่าเคยได้ยินมาก่อนแต่กลับไม่มีผู้ใดรู้จัก ตั้งแต่จำความได้ทำนองนี้ก็คล้ายว่าจะคุ้นหูเหลือเกิน และการร้องเพลงของนางก็คล้ายว่าจะทำให้เฟยเทียนสงบลงเช่นกัน เขาไม่ได้ละเมอสิ่งใดออกมาอีกแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอนับว่าดีนักในความคิดของหรงลี่
หรงลี่กะเกณฑ์เวลา ผ่านบทเพลงแก้เบื่อของตน เมื่อรู้สึกว่าครบเวลาแล้ว จึงเอื้อมมือไปตรวจวัดความร้อน จากตัวของเฟยเทียน นางลอบยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าตัวมิได้ร้อนขึ้นจึงคิดจะดึงมือกลับ และนอนลงอย่างเดิม แต่แล้วแรงของชายที่รู้จักได้ไม่นานก็ดึงตัวนางลงไปในอ้อมกอด
“เฟยเทียน ท่านปล่อยข้านะเจ้าคะ” หรงลี่กล่าวประท้วง
ไม่มีการตอบกลับใดจากเขา ทั้งอ้อมกอดก็ยังดูจะแน่นขึ้นอีกเสียด้วย เมื่อพยายามดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนของเฟยเทียนแล้ว แต่ไร้ผลลัพธ์ เสิ่นหรงลี่จึงต้องจำใจ ให้เขากอดอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหลับใหลไปในที่สุด
“เมื่อเรื่องมันเป็นเช่นนี้ ท่านจะให้ข้าทำอย่างไรหรือเฟยเทียน” เสิ่นหรงลี่กล่าวถาม เมื่อเล่าเรื่องราวว่านางมาอยู่ในอ้อมกอดของชายผู้นี้ได้อย่างไรจบ และแน่นอนว่านางไม่ลืมที่จะเว้นเหตุการณ์น่าอายและความคิดของตนเองไว้เป็นส่วนตัว จะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาดว่านางร้องไห้ให้ผลท้ออร่อยขึ้น
“ขอบใจเจ้าที่ดูแล และขออภัยที่กล่าวหาแม่นาง”
“ทำไปมากมายกลับผลักข้าออกจนเจ็บตัว น่าโมโหนัก”
“ส่วนนั้นถือเป็นราคาของการแอบเปิดอาภรณ์ข้า”
“เช่นนั้นอย่าได้จับไข้อีกก็แล้วกัน ข้าจะปล่อยให้ร้อนจนไฟลุก”
“แค่หยอกล้อเล่นเท่านั้น ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง” เฟยเทียนรีบแก้ตัวออกมา เมื่อเห็นว่าหรงลี่ดูจะโกรธเคืองเข้าจริงๆ
บทพิเศษ 4 น้ำตกผูกรัก“นี่มัน นี่เหมือนกับน้ำตกที่เราได้พบกันไม่มีผิดเพี้ยน” หานหรงลี่กล่าวออกมาพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอเบ้าขึ้นมา“เป็นอย่างไรชอบหรือไม่ ของขวัญครบรอบหนึ่งพันห้าร้อยปีที่เราได้พบกัน” ตงเฟยเทียนเข้าไปสวมกอดฮองเฮาของตนจากด้านหลัง“ชอบที่สุดเพคะ ไม่คิดว่าแม้แต่วันพบหน้าก็ยังมีของขวัญให้เช่นนี้” หรงลี่หันกลับไปเอ่ยกับสามี“แล้วเจ้าเล่ามีอันใดมาแลกกันหรือไม่” ผู้เป็นองค์มารเอ่ยถาม“ปกติเราไม่เคยฉลองจึงไม่มีเพคะ พี่เฟยเทียนโกรธเคืองหรือไม่” นางช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน แม้ตำแหน่งจะใหญ่โตแล้ว แต่หรงลี่ก็ยังถือคติว่ากับตงเฟยเทียนแล้วการน่ารักสักหน่อย อ่อนอ้อนเล็กน้อย
บทพิเศษ 3 ไม่คาดคิดว่าจะพบกันหนึ่งเดือนถัดมายามนี้ก็เป็นงานมงคลของหลิวหยางหลงและกงหรูอี้ แน่นอนว่าอี้ฉุนเป็นผู้ดูแลความงามทุกกระเบียดนิ้วในแก่เจ้าสาวรายนี้เช่นกันตัวหรงลี่นั้นเป็นตัวแทนของแดนมารมาร่วมงานมงคลในครั้งนี้ที่จัดขึ้นในวังของหลิวหยาง และเพราะตัวนางเป็นผู้นำขบวนเจ้าสาวจึงมาถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายทว่าก่อนจะเริ่มพิธีดวงตาของหรงลี่เหลือบไปเห็นสตรีผู้หนึ่งที่ดูแล้วคุ้นเคยยิ่งนัก ในระหว่างพิธีตัวนางเหลือบมองไปยังคนผู้นั้นอยู่เป็นระยะ บ่าวที่ติดตามมาแจ้งว่านั่นคือองค์ชายเก้าและพระชายา นางจึงพยักหน้ารับและหันกลับไปสนใจบ่าวสาวที่ผลัดกันโยนของลงอ่างน้ำตามธรรมเนียมสมุทร จากนั้นจึงทำพิธีคำนับ ตามด้วยการโยนไม้เสี่ยงทายให้มหาเทพยอมรับ และเมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นแล้ว นางก็เ
บทพิเศษ 2 ยินยอมแล้วทุกสรรพเสียงแห่งความคิดของหานหรงลี่สงบลงเมื่อประตูตำหนักถูกเปิดออก หรงลี่เงยหน้ามองผ่านผ้าคลุมหน้าของตนด้วยความประหม่า แม้จะไม่ใช่สาวน้อยที่ไม่รู้ความเรื่องชายหญิงอีกต่อไป แต่เรื่องเล่านั้นก็เพียงรู้ผ่านคำบอกเล่า หรือการเห็นผ่านตาในภพเก่า ยิ่งองค์มารเดินเข้ามาใกล้ใจของหรงลี่ยิ่งสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ“พี่เฟยเทียน” สตรีที่ตำแหน่งฐานะเลื่อนขึ้นมาเป็นฮองเฮาเอ่ยเรียก“รอนานหรือไม่” เฟยเทียนเดินเข้ามาใกล้กับเตียงใหญ่“นานเพคะ เครื่องหัวนี้หนักกว่ายามที่แต่งเข้าวังโลหิตนัก” หรงลี่บ่น“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะนำผ้าคลุมหน้าและเครื่องหัวออกให้บัดเดี๋ยวนี้” องค์มารที่อยู่กับคนรักเพียงลำพังเริ่มพูดจาหยอกล
บทพิเศษ 1 ยกน้ำชางานมงคลของหานหรงลี่สตรีเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้เข้าไปอาศัยในวังหลังของวังมารในรัชสมัยนี้ยิ่งใหญ่นัก โชคดีที่ความหวาดระแวงระหว่างดินแดนเบาบางลงมากแล้ว มิเช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้อาจสร้างความระส่ำระสายเหมือนยามที่มีการประกาศหมั้นหมาย แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้นอย่างไรก็เริ่มมีการทาบทามให้องค์หญิงแดนสมุทรที่ยังไร้คู่หมายให้แก่องค์ชายในแดนสวรรค์บ้างแล้วส่วนเด็กคนแรกที่จะเกิดในครรภ์ของหานหรงลี่ก็ถูกทาบทามไว้แล้วด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงหรือองค์ชายย่อมต้องให้แต่งกับราชวงศ์ของแดนสวรรค์ เพื่อผสานดินแดนใหญ่ทั้งสามไว้ว่าอย่างไรก็ล้วนเป็นเครือญาติกันทั้งสิ้นเรื่องนี้ทำให้แดนพฤกษาสามารถกลับมาวางตัวเป็นกลางไม่เข้าพวกกับแดนใดได้ตามต้องการ แต่ผู้คนที่จับตาย่อมรู้ด
บทที่ 63 องค์มารของเจ้ามานู่นแล้ว“แม่ แม่รีบกดตะกร้าเลย ไลฟ์นี้ก่อนแม่ค้าหยุดยาวกลับจีนน้า ใครตุนได้ตุนเลย” หรงลี่พูดภาษาไทยในแบบที่คนทั่วไปสามารถฟังออกว่าภาษานี้ไม่ใช่ภาษาแม่ของผู้พูด‘แม่ค้าจะหิ้วสครับพส.จีนกลับมาไหมคะ’“หิ้วมาแน่นอน ตัวไหนแมสเอามาหมดแม่ แม่รอกดเลย”หรงลี่กวาดตาอ่านคอมเมนต์ของลูกค้าที่สอบถามเรื่องต่างๆ ในไลฟ์ของแม่ค้าออนไลน์อย่างเธอ อาชีพที่รู้มาก่อนแล้วว่าจะได้ยึดเป็นเครื่องมือหาเงิน หรงลี่ดีดตัวขึ้นมาไลฟ์สดขายของได้เพราะคลิปที่เธอกับจางมี่ถ่ายเล่นในตอนมาเรียนมหาวิทยาลัยในไทย และที่ตัดสินใจมาเรียนในไทยเพราะคะแนนเกาเข่าไม่ดีนัก สองเพื่อนสนิทเลยตัดสินใจมาหาประสบการณ์ในต่างประเทศและเรียนภาษาที่สามที่มีคู่แข่งในตลาดงานน้อยกว่า
บทที่ 62 เกิดใหม่อีกครั้งขบวนเกี้ยวเจ้าสาวสั้นๆ ไม่มีอะไรให้คนตื่นตาถูกหามจากถนนหน้าบ้านของหัวหน้าฝ่ายโก๋ พิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมถูกจัดขึ้นอย่างสามัญ ชุดเจ้าสาวก็หยิบยืมมา เครื่องประดับมีเพียงชิ้นเดียวที่ได้ความเมตตาจากว่าที่แม่สามีให้มาใส่เข้าพิธี สินเดิมเป็นข้าวสาร หัวมัน และเผือก ของมีค่ามีเพียงเงินและตั๋วแลกของไม่กี่ใบเท่านั้นจางหรงลี่ถูกปลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดไม่ได้มีเวลาได้ปลุกแม่ของตนเองเพื่อกล่าวลาและขอพรใดด้วยซ้ำ ป้าสะใภ้ลากตัวออกมาเสมือนกลัวว่าหรงลี่จะหนีงานแต่งความคิดที่จะกลืนน้ำลายตนเองกลับไปร่วมทดลองหาเงินให้แม่ได้มีติดตัวต้องพับเก็บไว้ เพราะเจ็ดวันที่ผ่านมาทั้งย่าและป้าไม่อนุญาตให้เธอออกไปไหน ทุกวินาทีมีคนสับเปลี่ยนมาจับตามองอยู่เสมอ แม้ยืนยันเท่าใดว่าไม่คิดห







