Share

บทที่12 การกลั่นแกล้ง

Penulis: Midzilee01
last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-06 20:29:45

ชีวิตของอวี้หลิงหรงในตำหนักเทียนเหิงขององค์ชายหกนั้นไม่ง่ายนัก หลังจากวันที่เข้าวังพร้อมกับฉินเฉินอวี้ เขาก็ไม่เคยโผล่หน้ามาที่เรือนของนางอีกเลย แต่เรื่องนั้นหาใช่เรื่องใหญ่สำหรับอวี้หลิงหรง เขาจะมาหรือไม่มานั้นนางหาได้สนใจ

"พระชายาเพคะ ฮึก.. พระชายา.." เสียงร้องไห้ของจื่อรั่วดังขึ้นจากทางหน้าประตู อวี้หลิงหรงจึงลุกขึ้นจากตั่งไม้และเดินไปหาด้วยความเป็นห่วง

"เด็กน้อย..มีอะไรหรือเจ้าร้องไห้ทำไมกัน" ขณะที่เปิดประตูออกไปอวี้หลิงหรงก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ

ใบหน้าของจื่อรั่วเต็มไปด้วยคราบน้ำตารอยแดงและรอยขีดข่วน มุมปากของนางมีคราบเลือดไหลซึมออกมา อีกทั้งเสื้อผ้ายังเปรอะเปื้อนไปและเต็มไปด้วยเศษฝุ่นเศษดิน

หัวใจของอวี้หลิงหรงคล้ายถูกบีบรัด นางกำแขนเสื้อของตนเองแน่นเพราะความโกรธ จื่อรั่วนางเป็นเด็กสาวใสซื่อและบริสุทธิ์ อีกทั้งยังเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่จริงใจกับนาง เด็กที่น่ารักเช่นนั้นควรโดนกระทำเช่นนี้หรือไร!

อวี้หลิงหรงพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอาไว้ นางประคองร่างของจื่อรั่วเข้ามาภายในเรือน ก่อนจะใช้ผ้าเช็ดหน้าซับคราบเลือดและคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของนาง

"เกิดเรื่องอะไรขึ้น" น้ำเสียงของนางนั้นราบเรียบ ทว่าการกระทำนั้นกลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

จื่อรั่วล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อ ก่อนจะหยิบห่อผ้าเล็ก ๆ ออกมาด้วยมือที่สั่นเครือ

"บ่าวไปขอให้แม่ครัวจัดสำรับให้พระชายาหนึ่งชุด แต่ไม่มีใครสนใจคำพูดของบ่าวเลยเจ้าค่ะ.. บ่าวจึงตัดสินใจจะตักแกงในหม้อและจัดสำรับเอง แต่กลับถูกคนพวกนั้นขวางไว้และเหวี่ยงสำรับลงพื้น บ่าวเห็นว่าพระชายายังไม่เสวยอะไรตั้งแต่เมื่อวาน บ่าวไม่มีทางเลือกจึงขโมยหมั่นโถวเหล่านี้มาให้.."

"พวกนางจึงพากันลุมทุบตีเจ้าอย่างนั้นหรือ" อวี้หลิงหรงเอ่ยถามเสียงเย็น จื่อรั่วไม่ตอบอะไรนางเพียงแต่คลี่ห่อผ้าผืนนั้นออก ด้านในมีหมั่นโถวอุ่น ๆ สามสี่ลูก

อวี้หลิงหรงจ้องมองภาพเบื้องหน้าหัวใจก็พลันที่เจ็บแปลบ ดูท่าจื่อรั่วคงจะใช้ร่างกายของตนเองปกป้องหมั่นโถวเหล่านี้เอาไว้ เดิมทีนางก็ไม่คิดว่าตนจะได้รับการต้อนรับอย่างดีในฐานะพระชายาอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะหยามหน้านางถึงเพียงนี้

"พระชายาเสวยเถิด พรุ่งนี้บ่าวจะพยายามหาเนื้อที่ท่านชอบมาให้นะเจ้าคะ" จื่อรั่วพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น ตัวนางในตอนนี้ก็หิวไม่แพ้กัน แต่นางทำงานหนักมาทั้งชีวิต หิวแค่นี้นางทนได้อยู่แล้ว!

อวี้หลิงหรงคลี่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหยิบหมั่นโถวที่จื่อรั่วตั้งใจเอามาให้ขึ้นมากัดด้วยความรู้สึกขมขื่นและเจ็บใจ นางไม่น่าให้จื่อรั่วตามมาที่นี่ด้วยเลย มิเช่นนั้นจื่อรั่วก็คงมิต้องมาเจ็บตัวเช่นนี้

"หมั่นโถวนี่อร่อยนัก เจ้าก็มากินด้วยกันสิ" อวี้หลิงหรงเอ่ยชวน แน่นอนว่าจื่อรั่วเองก็ปฏิเสธทันควัน

"บ่าวยังไม่หิวเจ้าค่ะ"

"เจ้าจะไม่หิวได้อย่างไร เมื่อวานเจ้าก็ไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน กินเสียจะได้มีแรง"

จื่อรั่วพลันน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แต่นางก็พยายามใช้หลังมือปาดออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะหยิบหมั่นโถวขึ้นมากัด บอกตามตรงว่านางเจ็บใจยิ่งนัก เจ็บใจที่ไม่สามารถช่วยอะไรพระชายาได้เลย นางนั้นช่างไร้ประโยชน์!

"เจ้าไม่ต้องห่วง.. เรื่องในวันนี้ข้าจะจดจำใส่ใจเอาไว้" อวี้หลิงหรงเอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะกัดหมั่นโถวเข้าไปคำใหญ่ นางต้องกินให้มีแรงเสียก่อน แค้นในครั้งนี้นางจะต้องหาทางชำระอย่างแน่นอน

ยามเฉิน [1] ของวันต่อมา

แสงอาทิตย์สาดส่องทั่วตำหนัก อันจิ่นเยว่ยังคงนั่งอย่างสบายใจบนม้านั่งไม้ด้านหน้าห้องครัว นางหัวเราะพลางคุยเล่นกับบ่าวไพร่คนอื่น ๆ เสียจนเสียงดัง

อันจิ่นเยว่เป็นลูกสาวของแม่บ้านอัน ผู้รับใช้ในตำหนักเทียนเหิงมาอย่างยาวนาน ด้วยฐานะและความผูกพันในตำหนักตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้อันจิ่นเยว่ได้พบเห็นและอยู่ใกล้ชิดฉินเฉินอวี้มาตลอด

นางแอบหลงรักองค์ชายหกอยู่เงียบ ๆ แม้จะรู้ดีว่ารักนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์ ส่วนนางเป็นเพียงบ่าวไพร่ต่ำต้อย

แม้นางจะรู้ว่าใจของฉินเฉินอวี้นั้นมอบให้เว่ยลี่หลิน บุตรสาวของแม่ทัพเว่ย แต่จิ่นเยว่ก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกในใจได้

“ขอเพียงได้อยู่ใกล้ชิด ได้รับใช้ และเป็นบ่าวอุ่นเตียงขององค์ชาย ข้าก็พอใจแล้ว” นางเคยปลอบตนเองเช่นนั้น

เมื่อเว่ยลี่หลินถูกส่งตัวไปแต่งงานกับองค์รัชทายาท ฉินเฉินอวี้ก็โศกเศร้าหนักจนเมาหัวราน้ำอยู่หลายวัน จิ่นเยว่ใช้โอกาสนั้นอยู่เคียงข้างเขา คอยดูแลไม่ห่าง ด้วยความหวังลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งฉินเฉินอวี้จะหันมาสนใจนางบ้าง

แต่แล้วทุกอย่างกลับพังทลายลงเมื่อฉินเฉินอวี้ต้องเข้าพิธีอภิเษกกับอวี้หลิงหรง เชลยจากแคว้นหาน! สำหรับจิ่นเยว่แล้ว นั่นไม่ต่างอะไรจากการตบหน้านาง เชลยต่ำต้อยเพียงนั้นหรือจะมีสิทธิ์เป็นพระชายา

นางไม่มีทางยอมรับหรอก!

"จิ่นเยว่ เราไม่ยอมส่งอาหารให้พระชายามาสามวันแล้วนะ อีกทั้งเมื่อวานเจ้าก็ยังตบตีสาวใช้ของนางอีก แบบนี้จะดีหรือ?" สาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความกังวล

"ใช่แล้ว..ถ้านางเอาเรื่องนี้ไปฟ้ององค์ชายหกล่ะจะทำอย่างไร?" สาวใช้อีกคนรีบเสริม

อันจิ่นเยว่หันขวับมาด้วยสายตาดุดัน นางแค่นเสียงถ่มน้ำลายลงพื้นก่อนตวาดลั่น "ถุย! พระชายากับผีน่ะสิ! ใครมันกล้าเรียกนางนั่นว่าพระชายาต่อหน้าข้าอีก ข้าจะเอากรรไกรตัดปากเสีย!"

คำพูดนั้นทำให้บ่าวไพร่ที่เหลือตัวสั่นเล็กน้อย แต่จิ่นเยว่กลับยิ้มเยาะ ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

"นางนั่นก็แค่เชลยศึก แต่กลับทำตัวสูงส่งรอให้คนยกข้าวยกน้ำไปให้งั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!" สิ้นคำของจิ่นเยว่ สาวใช้คนอื่น ๆ ได้แต่มองหน้ากันอย่างลังเล แต่แล้วพวกนางก็พยักหน้าเห็นด้วย

"จริงอย่างที่เจ้าว่า พระชายาคนนั้นไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับแคว้นฉิน นางก็แค่เชลยที่ถูกส่งมาพร้อมเสบียง ไร้ค่ายิ่งกว่าบ่าวไพร่เสียอีก" เสียงหนึ่งพูดขึ้น

เสียงหัวเราะยังดังขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่บรรยากาศรอบตัวพวกนางดูจะเปี่ยมไปด้วยความสะใจ โดยไม่มีใครทันสังเกตว่ามีเงาร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ไม่ไกลนัก..

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่64 นับอนันต์ (จบบริบูรณ์)

    หลังเหตุการณ์กบฏสิ้นสุดลง ชะตาชีวิตของหลายคนก็พลิกผัน แต่ชื่อของเว่ยลี่หลินกลับไม่ปรากฏอยู่ในบัญชีโทษของผู้ใด ด้วยเพราะนางมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเรื่องราวทั้งสิ้น นางเป็นเพียงหญิงสาวที่ถูกดึงเข้าสู่กระดานหมากใหญ่แห่งราชสำนัก โดยไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือเลือกหนทางให้ตนเองราชโองการให้หย่าขาดจากอดีตองค์รัชทายาทฉินจื่อหยวนผู้ล่วงลับ ถูกประกาศออกมาในวันที่ฟ้าครึ้มฝน แม้นางจะรู้ว่าเรื่องนี้คงถูกนำไปนินทาอย่างสนุกปากจากบรรดาบุตรสาวขุนนาง แต่ถึงกระนั้น นางก็ยอมรับมันโดยสงบ แม้จะต้องทิ้งนามพระชายาที่เคยเป็นทั้งเกียรติและพันธนาการ แต่ก็แลกมาด้วยอิสรภาพที่นางโหยหามานานเว่ยลี่หลินกลับไปใช้สกุลเดิม “เว่ย” ตามเดิม บรรดาผู้คนในวังต่างนินทาว่านางคงตกต่ำลงแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางรู้สึกเบาใจขึ้นเพียงใด เมื่อไม่ต้องฝืนยิ้ม ไม่ต้องสวมหน้ากากให้ใครมองอีกต่อไปหลังจากนั้นไม่นาน นางก็เลือกที่จะหันหลังให้กับเมืองหลวงและออกเดินทางไปทั่วแว่นแคว้น โดยไม่มีรถม้าหรูหรา มีเพียงบ่าวรับใช้เก่าแก่สองคนและหีบเสื้อผ้าใบเล็ก ๆ ที่บรรจุของใช้เท่าที่จำเป็นผู้คนถามว่าสตรีผู้เคยเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาท จะไปที่ใด

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่63 บุคคลที่คู่ควรกับความรัก

    หลังจากเหตุการณ์อันเลวร้ายและความสูญเสียผ่านพ้นไป ฤดูร้อนก็เวียนกลับมาอีกครั้ง พร้อมสายลมอบอุ่นและแสงแดดอ่อนที่ราวกับช่วยลบล้างความขมขื่นในหัวใจอวี้หลิงหรงในวัยครรภ์แก่ใกล้คลอดเต็มที ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถม้าโดยมีมือของฉินเฉินอวี้คอยประคอง ดวงตานางทอดมองวังหลวงที่คุ้นเคยอย่างเงียบงัน ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนบางให้พระสวามีของตนวันนี้เป็นวันมงคลของแผ่นดิน..วันแต่งตั้งฮองเฮาองค์ใหม่ และผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นมารดาแห่งแผ่นดินก็คือพระสนมสวี่ซิงเหยียน พระมารดาขององค์ชายหกภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยขุนนางชั้นสูง องค์ชาย องค์หญิง และเหล่าผู้มีบรรดาศักดิ์ต่างร่วมงานด้วยสีหน้าปีติยินดี เสียงพิณบรรเลงแผ่วเบาประกอบท่วงท่าแห่งพิธีอันสง่างามเมื่อพิธีเสร็จสิ้นลง องค์ฮ่องเต้ฉินเซิ่งหยวนและฮองเฮาสวี่ซิงเหยียนจึงทรงเรียกองค์ชายหกและพระชายาเข้าเฝ้าเป็นการส่วนตัว“อวี้เอ๋อร์... ข้ากับมารดาของเจ้าต่างเห็นพ้องกัน ว่าเจ้าคือผู้เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งองค์รัชทายาท” เสียงของฮ่องเต้ฉินเซิ่งหยวนดังขึ้นอย่างราบเรียบ ทว่าหนักแน่นและเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นฉินเฉินอวี้นิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะค้อมกายลงด้วยความเคารพ แล

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่62 บทสรุป

    เมื่อฉินจื่อหยวนตระหนักได้ว่าการดวลกับนางต่อไปมีแต่จะเสียเปรียบ เขาจึงหันสายตาไปยัง ฉินเฉินอวี้ที่ตอนนี้กำลังพยายามลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ในจังหวะที่กระบี่ของอวี้หลิงหรงฟาดสวนมาทางเขาอีกครั้ง ฉินจื่อหยวนก็เบี่ยงตัวหลบ แล้วเปลี่ยนทิศทางของดาบในมือ พุ่งออกไปทางฉินเฉินอวี้ แต่ก่อนที่ดาบนั้นจะเข้าถึงตัวของชายผู้ที่บาดเจ็บจนแทบยืนไม่ไหว สตรีในชุดดำก็รีบเร่งฝีเท้าพุ่งตัวเข้ามาขวางทางอย่างไม่ลังเล"ไม่!!!" อวี้หลิงหรงกรีดร้องสุดเสียง นางพุ่งตัวออกไปเบื้องหน้าโดยไม่คิดชีวิต เพื่อที่จะสกัดกั้นคมดาบนั้นให้ได้ นางรู้ดีว่าตนไม่มีทางปัดป้องได้ทันเวลา และในครรภ์ของนางก็ยังมีชีวิตน้อย ๆ อยู่อีกหนึ่งคน ในชั่วพริบตาแห่งการตัดสินใจ นางปล่อยกระบี่ในมือลงกับพื้น ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปรับคมดาบด้วยตัวเอง!เสียงฉีกขาดของเนื้อดัง ฉัวะ! โลหิตสีแดงฉานพุ่งกระเซ็นท่วมสองฝ่ามือ“กรี๊ด!!” เสียงกรีดร้องของอวี้หลิงหรงดังก้องสะท้อนทั่วลาน ฉินเฉินอวี้เงยหน้าขึ้นอย่างตื่นตระหนก สิ่งที่เห็นมีเพียงแผ่นหลังบาง ๆ ของนางที่ยืนขวางเขาเอาไว้ชั่วขณะนั้น..เวลาราวกับหยุดหมุนดวงตาคู่งามสั่นไหวด้วยความปวดร้าว มือทั้งสองที่เปื้

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่61 การก่อกบฏ

    ค่ำคืนมืดครึ้มในวังหลวง ท้องฟ้าถูกบดบังด้วยเมฆทมิฬ เสียงสายลมหวีดหวิวกรีดผ่านยอดหลังคาตำหนักฟังแล้วชวนขนหัวลุก หิมะยังคงโปรยปรายลงมาอย่างต่อเนื่องขณะที่แสงโคมไฟในวังริบหรี่ลงทุกขณะณ ตำหนักเฉียนชิงอันเป็นที่พำนักขององค์ฮ่องเต้ประตูไม้สลักลายมังกรปิดสนิท แผ่นหิมะเกาะขอบหลังคาเงียบงัน ใต้ผ้าห่มแพรแดงลายมังกรบนเตียงไม้แกะสลัก มีสองร่างนอนแนบชิดกันอย่างสงบนิ่ง ราวกับไม่รับรู้ถึงภัยเงาร้ายที่กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ทุกขณะเสียงฝีเท้าแผ่วเบาแทรกผ่านเสียงลม เงาร่างชุดดำกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นตามเงาเสา เงียบเชียบราวกับเป็นเพียงเงาจันทร์สาดทาบพื้น พวกมันลอบเข้ามาจากทางระเบียงด้านข้าง ดาบในมือแต่ละเล่มยังเปื้อนเลือดสดจากทหารยามเฝ้าเวรหนึ่งในนั้นยกดาบขึ้นสูงเหนือร่างบนเตียง ก่อนจะแทงลงกลางอกด้วยแรงทั้งหมดโดยไร้ซึ่งความลังเลทว่าร่างที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นกับนิ่งเงียบไม่ไหวติง มือสังหารรีบกระชากผ้าห่มผืนใหญ่ออกอย่างรุนแรงภายใต้ผ้าห่ม ไม่ใช่ร่างของฮ่องเต้หรือพระสนมสวี่ แต่เป็นเพียงหมอนข้างที่ซ้อนกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มเท่านั้น“กับดัก..?” เสียงพร่าของมือสังหารเพิ่งหลุดออกจากริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะได้หันไป

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่60 การตัดสินใจ

    หลังจากการประชุมวานนี้ องค์ฮองเฮาถูกกักบริเวณอยู่ในตำหนักอวี้ฮวา ตามพระราชโองการของฮ่องเต้ โดยให้เหตุผลว่าต้องรอการพิสูจน์ความบริสุทธิ์นาง ในขณะเดียวกัน นางกำนัลคนสนิทของฮองเฮากลับถูกลากตัวไปยังคุกหลวง ถูกทรมานเพื่อหาความจริง นางกรีดร้องปานวิญญาณหลุดจากร่าง เสียงนั้นสะท้อนอยู่ในห้องขังแคบ ๆ ส่วนทางด้านพระสนมสวี่ แม้นางจะเป็นสตรีที่ฮ่องเต้รักยิ่ง แต่ในยามนี้พระพักตร์ขององค์จักรพรรดิกลับเย็นชาดุจน้ำแข็งหลายวันมาแล้วที่พระสนมสวี่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ใจของนางเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยง ๆ ยามคิดถึงบิดาที่กำลังถูกจองจำในคุกหลวง ด้วยใจระทมทุกข์ นางจึงรวบรวมความกล้าขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้เพื่อทูลขอพระราชทานอนุญาตให้ตนเข้าเยี่ยมบิดาแต่องค์จักรพรรดิก็หาได้เหลียวแลไม่ “ขอฝ่าบาทเมตตา..” พระนางคุกเข่าท่ามกลางลมหนาว หยดน้ำตาของพระสนมคล้ายหยาดพิรุณตกต้องใจใครบางคน แต่ก็ไม่อาจทะลุม่านเย็นชาของผู้เป็นกษัตริย์ได้หิมะค่อย ๆ โปรยปรายลงมา ท่ามกลางความเงียบงันของลานหน้าพระตำหนักเฉียนชิง สตรีผู้สูงศักดิ์ในชุดแพรบางสีครามยังคุกเข่าอยู่กับพื้น หยดน้ำตาไหลเงียบ ๆ ลงบนแก้มซีดเซียว“ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าน้อยมาทูลว่า

  • สตรีผู้นี้..เหนื่อยเกินไปแล้ว   บทที่59 การประชุมที่ท้องพระโรง

    ภายในท้องพระโรงอันโอ่อ่า บรรยากาศตึงเครียดจนแทบสัมผัสได้ เสนาบดีเจียงยืนอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์ สีหน้าเคร่งขรึมแฝงไปด้วยความมั่นใจ เขากำลังกล่าวถ้อยคำฟังดูหนักแน่นแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบาย“กระหม่อมเห็นว่า...การมีโรงกษาปณ์เถื่อนตั้งอยู่ในหมู่บ้านชิงหลินซึ่งอยู่ในเขตปกครองของสกุลสวี่ ย่อมบ่งชี้ถึงความพยายามในการสะสมกำลังและท้าทายราชอำนาจ เรื่องนี้ไม่อาจมองข้าม หากไม่สอบสวนให้ถึงที่สุด เกรงว่าความมั่นคงของแผ่นดินจะสั่นคลอนพ่ะย่ะค่ะ”เหล่าขุนนางหลายคนพากันพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่บางส่วนก็เหลือบมองกันไปมา ราวกับกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างอำนาจของตระกูลสวี่และความแข็งแกร่งของกลุ่มเจียงระหว่างที่คำกล่าวหายังไม่สิ้นสุด เสียงฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งของขันทีคนหนึ่งก็ดังแทรกขึ้น ฝ่าฝืนความเงียบที่กดดันเขาเข้าไปกระซิบอย่างเร่งร้อนกับกงกงคนสนิทขององค์ฮ่องเต้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะหันมากระซิบรายงานเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงตื่นตัว“ฝ่าบาท..พระชายาขององค์ชายหก เสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ ทรงกล่าวว่ามีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับหมู่บ้านชิงหลิน ที่ต้องทูลต่อหน้าพระพักตร์และเหล่าขุนนางทั้งหลาย”องค์ฮ่องเต้ชะงักเพียงเล็กน้อ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status