เวลาล่วงเลยมาจนถึงยามเช้า ลั่วหนิงฮวาตื่นนอนแต่เช้าเพื่อมาฝึกฝนร่างกายในทุก ๆ วัน แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาบนใบหน้าสวยที่มีหยดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพราย ยิ่งขับให้ความงามของนางหวานล้ำจนโจวอี้เฉินละสายตาไม่ได้
เขานั่งมองนางอยู่เช่นนั้นเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ลั่วหนิงฮวาเองก็ไม่ใส่ใจเขาเท่าใดนัก เมื่อฝึกฝนร่างกายจนพอใจแล้ว นางก็ทิ้งกายนั่งลงตรงลำธารเบื้องหน้าก่อนจะใช้มือวักน้ำขึ้นมาล้างหน้าของตน
"ฝึกเสร็จแล้วหรือ ข้ายังอยากดูต่ออยู่เลย"
โจวอี้เฉินเอ่ยกับลั่วหนิงฮวาด้วยน้ำเสียงที่กรุ้มกริ่ม แท้จริงแล้วเขามิได้อยากดูนางฝึกฝนวรยุทธ์ แต่เขาต้องการดูหน้าอกของนางต่างหาก
ยามที่นางขยับกายขึ้นลง สองเต้าเต่งตึงของนางก็จะกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ
เห็นแล้วเขาอยากจะกินนมยิ่งนัก!
ลั่วหนิงฮวาหันไปถลึงตาใส่โจวอี้เฉินอย่างรู้ทัน ผีหน้าหม้อตนนี้ชักจะเอาใหญ่แล้ว!!!
"ลูกพี่ สุราที่พวกเราบ่มเอาไว้ได้ที่แล้วขอรับ"
จางสงวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาลั่วหนิงฮวาด้วยความตื่นเต้น ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยนั่นเป็นสุราสูตรพิเศษที่นางคิดค้นขึ้นมาเองกับมือ ใช้เวลาหมักเพียงไม่กี่วันรสชาติก็จะดีเยี่ยม นี่เป็นสูตรลับที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษในชาติที่แล้วของนาง
"ขุดสุราเหล่านั้นขึ้นมาให้หมด ข้าจะนำไปส่งที่โรงพนันหลัวหยง"
"ลูกพี่จะไปเองหรือขอรับ"
"แน่นอน คนซื่อบื้อเช่นพวกเจ้าไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของหลัวเฟิงหรอก ไปเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะออกไปโรงพนันเดี๋ยวนี้"
"ขอรับ"
จางสงพยักหน้าก่อนจะรีบไปจัดการตามคำสั่ง โจวอี้เฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็หันมามองลั่วหนิงฮวาด้วยแววตาเป็นประกาย
"โอ๊ะโอ นอกจากจะงดงามแล้ว ยังมีความสามารถรอบด้านที่พิเศษไม่น้อยอีกด้วย น้องสาวข้างกายข้ายังไร้ชายา มิสู้เจ้า..."
"หุบปาก ข้าไม่เป็นชายาของคนมักมากเช่นท่านแน่นอน"
ลั่วหนิงฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินจากไป ใบหน้าสวยยังคงเย็นชาไร้ความรู้สึก ทำให้โจวอี้เฉินรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ เขาอยากจะได้นางมาครอบครองเสียให้รู้แล้วรู้รอด
รอให้เขากลับเข้าร่างได้เสียก่อน เขาจะต้องได้นางมาเป็นภรรยา!!!
ลั่วหนิงฮวาสั่งให้แม่นมหยางและซือลี่ดูแลสำรับยามเช้าให้แก่โจวอวี้หลัน ส่วนนางกับจางสงมุ่งหน้าไปที่โรงพนันหลัวหยงตั้งแต่เช้าตรู่
ที่โรงพนันหลัวหยงมิเคยมีเวลาปิด ล้วนเปิดทำการทั้งวันทั้งคืน เมื่อลั่วหนิงฮวาไปถึงก็พบกับหลัวเฟิงที่กำลังรอนางอยู่ก่อนหน้าแล้ว เขาปรายตามองนางเล็กน้อย เมื่อเช้าเขากำลังหลับสบายแต่กลับถูกคนปลุกให้ตื่นเพราะจดหมายของลั่วหนิงฮวา ในนั้นเขียนไว้ว่าต้องการพบเขา หากเขาไม่มานางจะเปิดโปงความลับของเขา
บัดซบจริง ๆ!!!
"ส่งคนไปตามข้าออกมาตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใด"
"ข้านำสุรามาส่งให้เจ้าตามที่เราตกลงกันไว้"
"รวดเร็วปานนั้น?"
หลัวเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงตาค้าง เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีสุราที่ใช้เวลาหมักสั้นถึงเพียงนี้ แล้วจะมีรสชาติดีเยี่ยม
สตรีนางนี้กำลังปั่นหัวเขา!!!
"แม่นาง เจ้าอย่าล้อข้าเล่นเลย สุราที่ใดกันจะใช้เวลาบ่มรวดเร็วปานนี้ อย่างน้อยควรจะใช้เวลาร่วมเดือนจึงจะมีรสชาติที่ดีเยี่ยม"
"หน้าข้าเหมือนคนล้อเล่นหรือ?"
เมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นหลัวเฟิงก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
"เช่นนั้นข้าขอลิ้มรสสุราของเจ้าเสียหน่อย"
"ย่อมได้"
ลั่วหนิงฮวาหันไปพยักหน้าให้จางสงนำสุราเข้ามาหนึ่งไห หลัวเฟิงที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า เขารีบรับสุรามาเทใส่จอกก่อนจะยกขึ้นดื่มคราหนึ่งรสชาติหวานล้ำปนรสชาติที่ขมฝาดผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ยามที่สุราไหลรินผ่านลำคอของเขาให้ความรู้สึกนุ่มนวลไม่บาดลำคอจนร้อนผ่าว รสชาติช่างดีเยี่ยมยิ่งนัก
หลัวเฟิงจ้องมองลั่วหนิงฮวาอย่างไม่เชื่อสายตา
"รสชาติไม่เลว"
"สุรานี้มีชื่อว่า นารีสวรรค์ มันให้ความรู้สึกที่อ่อนหวานนุ่มนวล"
"ชื่อไพเราะยิ่งนัก"
"ข้าคิดไหละหนึ่งพันตำลึง"
"หา!!!"
หลัวเฟิงที่ได้ทราบราคาสุราก็แทบจะหน้ามืดลมจับ
"นี่เจ้าจะปล้นข้าหรือ!!!"
"ไม่ใช่เสียหน่อย สุราที่ข้าทุ่มเทใจทำมันขึ้นมาย่อมต้องมีราคาสูง อีกอย่างข้ารับประกันว่าสุรานี้จะสามารถดึงดูดลูกค้ามาให้เจ้าได้อย่างแน่นอน"
"หากข้าไม่ตกลงเล่า"
"เฮ้อ วันพรุ่งคงจะมีข่าวลือของเจ้ากับบัณฑิตหนุ่มรูปงามแพร่กระจายไปทั่วทั้งตลาดจนบิดามารดาของเจ้ารับรู้"
ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะในขณะที่ใบหน้าสวยกลับไร้อารมณ์ใดใดทั้งสิ้น
หลัวเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบกัดฟันกรอด นี่มิใช่การค้า นี่มันบังคับซื้อชัด ๆ แล้วจะให้เขาทำเช่นใดได้!!!
"ก็ได้"
"วันนี้ข้านำสุรามาสิบไห รวมเป็นหนึ่งหมื่นตำลึงพอดี"
หลัวเฟิงกล้ำกลืนฝืนทนยื่นตั๋วเงินหนึ่งหมื่นตำลึงให้แก่ลั่วหนิงฮวา ในใจของเขานึกหวาดกลัวนางขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
สตรีนางนี้รีดไถเก่งยิ่งกว่าปลิงเสียอีก ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!!!
โจวอี้เฉินจ้องมองทุกการกระทำของลั่วหนิงฮวาอย่างไม่ละสายตา เขารู้สึกสนใจในตัวนางมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
"หนิงเอ๋อร์ หากเจ้าเป็นชายาของข้า ข้าย่อมให้เจ้าได้มากกว่าหนึ่งหมื่นตำลึง"
"หุบปาก!!!"
ลั่วหนิงฮวาตะคอกเสียงดังจนจางสงที่เดินนำหน้าสะดุ้งตัวโยน หันกลับมามองนางอย่างหวาดผวา
"ลูกพี่ ตะคอกข้าหรือ"
"ไม่ใช่ เจ้ามิต้องใส่ใจ รีบพาข้ากลับเรือน"
"ขอรับ"
จางสงรีบขับรถม้ามุ่งหน้ากลับเรือนทันที ในใจนึกสงสัยว่าลูกพี่ของตนพูดคุยกับผู้ใดกันแน่
ช่างแปลกยิ่งนัก
แต่ช่างเถิด ลูกพี่เคยปกติเสียที่ไหนกัน!!!
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้