เมื่อจัดการปลาที่จับมาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลั่วหนิง ฮวาจึงให้แม่นมหยางและซือลี่นำไปขายที่ตลาด แม่นมหยางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยอมไปแต่โดยดี ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม แม่นมหยางและซือลี่ก็กลับมาที่เรือนด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นดีใจ
"คุณหนู!!! ปลาพวกนั้นขายได้ตั้งหนึ่งตำลึงเงินน่ะเจ้าค่ะ!!!"
แม่นมหยางยื่นตำลึงเงินก้อนนั้นให้แก่ลั่วหนิงฮวา นางรับมันมาพิจารณาเพียงเล็กน้อย แต่ก่อนนางเห็นเงินมากมายมหาศาลมานับไม่ถ้วน เงินเพียงเท่านี้นับว่าน้อยนิดยิ่งนัก แต่ทว่าเมื่อเห็นแม่นมหยางและซือลี่ดีใจถึงเพียงนั้น นางจึงไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
บางคราเงินเพียงน้อยนิดอาจมีค่าสำหรับคนบางคน อย่างเช่นนางในตอนนี้
"คุณหนู พรุ่งนี้ยามเช้า บ่าวจะไปซื้อของกินดีดีมาให้คุณหนูนะเจ้าคะ เมื่อครู่มัวแต่ดีใจ บ่าวจึงลืมไปเสียเลย"
"ช่างเถิด ข้าอยากกินน้ำแกงปลา แม่นมหยางทำมาให้ข้ากินที"
"เจ้าค่ะ เอ่อ คุณหนู ยาที่ใช้รักษาใบหน้าของคุณหนูไม่มีแล้วนะเจ้าคะ"
แม่นมหยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง เพราะความลำบากทำให้คุณหนูไม่ได้รับการรักษาที่ดี ใบหน้าของคุณหนูจึงเป็นเช่นนี้
"เอาเถิด วันพรุ่งข้าจะจับปลามาเพิ่มอีก หากขายได้เงินมากกว่าวันนี้ แม่นมก็นำมันไปซื้อยาให้ข้าก็แล้วกัน"
"เจ้าค่ะคุณหนู"
"ใส่ฮวาเจียวมากหน่อย ข้าชอบกินเผ็ด"
"เอ๋ ยามปกติคุณหนูมิกินเผ็ดนะเจ้าคะ"
"เช่นนั้นหรือ แต่ยามนี้ข้าอยากเปลี่ยนรสชาติดูบ้าง"
"ได้เจ้าค่ะ"
ลั่วหนิงฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะกลับเข้าไปรอในห้อง ดวงตาคู่สวยทอดมองไปยังหิมะด้านนอกที่เริ่มเบาบางลงบ้างแล้ว ไม่นานนักแม่นมหยางก็นำน้ำแกงปลามาให้นาง ลั่วหนิงฮวายกถ้วยน้ำแกงปลาขึ้นซดอย่างเอร็ดอร่อย มื้อนี้ช่างพิเศษยิ่งนัก เป็นมื้อที่อิ่มที่สุดตั้งแต่นางข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้
กลางดึกในคืนนั้น ขณะที่ลั่วหนิงฮวากำลังนอนหลับอย่างสบายใจ แต่นางกลับต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงบางอย่างที่นอกเรือน
ลั่วหนิงฮวาค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่ง ก่อนจะกวาดสายตามองฝ่าความมืด นางยังคงเห็นแม่นมหยางและซือลี่นอนหลับสนิทอยู่ที่พื้นด้านล่างเตียง
ปัง!!!
ยังไม่ทันที่ลั่วหนิงฮวาจะได้สงสัยสิ่งใด เสียงประตูไม้ด้านนอกก็ดังขึ้นเสียก่อน คล้ายกับว่ามีคนตั้งใจถีบมันจนพังโครมลงมาเสียอย่างนั้น แสงไฟในเรือนสว่างไสวขึ้นในชั่วพริบตา แม่นมหยางและซือลี่ดีดตัวลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ
"คุณหนูเกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ!!!"
แม่นมหยางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก ลั่วหนิง ฮวาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน แต่เพราะใบหน้าเป็นอัมพาตนางจึงมิอาจแสดงสีหน้าใดใดออกมาได้
"โอ้ววว มีสาวน้อยด้วย!!!"
เบื้องหน้าของลั่วหนิงฮวาในยามนี้ ปรากฏร่างของบุรุษสี่ถึงห้าคนที่สวมชุดสีดำ ใบหน้าดูโหดเหี้ยม ในมือของพวกมันถือไม้เอาไว้ พวกมันจ้องมองมาที่ลั่วหนิงฮวาด้วยดวงตาเป็นประกาย แม่นมหยางและซือลี่ตื่นตระหนกเสียจนทำสิ่งใดไม่ถูก
ลั่วหนิงฮวาจ้องมองบุรุษตรงหน้าก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบไม่ร้อน
"พวกเจ้าบุกเข้ามาในเรือนข้ายามวิกาลเช่นนี้ต้องการสิ่งใด"
"แม่นาง ส่งเงินของเจ้ามาให้หมด ข้าติดตามยายแก่นี่มา เห็นมันขายปลาได้ตำลึงมากมาย เอามาให้พวกข้าให้หมด!!!"
หนึ่งในชายชุดดำตะคอกใส่ลั่วหนิงฮวาอย่างโหดเหี้ยม แต่ทว่าลั่วหนิงฮวากลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้านให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
"จะปล้นหรือ?"
"เอ่อ..."
"เช่นนั้นก่อนจะปล้นก็มานั่งกินข้าวด้วยกันสักมื้อเถิด อิ่มแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะปล้นดีหรือไม่?"
เหล่าชายชุดดำมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจ ตั้งแต่เป็นโจรมาเขาเพิ่งจะเคยเห็นเรื่องราวเช่นนี้
ชวนโจรกินข้าว?
"แม่นางอย่ามาเล่นลิ้น!!!"
"พี่ชายทั้งหลาย พวกท่านใจเย็นก่อนเถิด ข้าเองมิใช่ว่าไม่ยินยอม แต่พวกท่านมากันเหนื่อย ๆ คงหิวมิใช่น้อย ดูสิ แต่ละคนผอมโซถึงเพียงนี้ ช่างน่าเวทนายิ่งนัก"
ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน บุรุษเหล่านั้นเมื่อได้เห็นท่าทางบอบบางน่าทะนุถนอมของนางก็พลันใจอ่อนยวบ
"มิใช่ว่าเจ้าคิดวางยาพวกข้าหรือ?"
"เฮ้อ ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ แม่นมหยาง ซือลี่ ไปนำอาหารมา"
"แต่คุณหนู"
"ไปเอามาเถิด"
แม่นมหยางและซือลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นเดินไปที่โรงครัวทันที โดยมีบุรุษชุดดำผู้หนึ่งติดตามไปด้วย
ผ่านไปไม่นานนัก แม่นมหยางและซือลี่ก็นำสำรับเข้ามาวางบนโต๊ะ สำรับตรงหน้าทำให้บุรุษเหล่านั้นถึงกับเลิ่กลั่ก
ข้าวต้มเกลือ?
บัดซบเถอะ!!! พวกเขายังได้กินดีกว่านางเสียอีก!!!
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้