"พี่ชายท่านเห็นหรือไม่ ข้าจะมีสิ่งใดให้พวกท่านปล้นกัน ข้าน่ะหาปลาประทังชีวิต ยามนี้ก็ล้มป่วยเจ็บหนัก เงินที่หามาได้ก็ต้องเอามารักษาใบหน้าตน ท่านเห็นหรือไม่ใบหน้าข้าเป็นอัมพาตมิอาจรักษาได้ ฮึก ซ้ำร้าย ข้ายังถูกคนในตระกูลนำมาทิ้งที่นี่อีก ฮือ"
เหล่าบุรุษเมื่อได้ยินเรื่องราวเช่นนี้ก็ให้เศร้าหมองยิ่งนัก แท้จริงพวกเขามิใช่โจรโดยสันดาน แต่เป็นชาวบ้านที่ตกอับ ไร้หนทางทำมาหากินจึงต้องทำเช่นนี้
น่าเวทนายิ่งนัก!
หนึ่งในบุรุษชุดดำถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าให้สหายตน นำไก่ย่างที่ขโมยมาได้มอบให้แก่ลั่วหนิง ฮวา
ลั่วหนิงฮวายิ้มกริ่มอยู่ในใจ เรื่องโน้มน้าวขอความเห็นใจจากคนอื่นน่ะนางถนัดยิ่งนัก
"ขอบคุณพี่ชาย"
"แม่นาง หากไร้ที่พึ่ง ข้าจะรับเจ้ามาเป็นภรรยา หากเจ้ายินยอม ข้าสัญญาจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี"
"พี่ชาย!!!"
ลั่วหนิงฮวาแสร้งทำเป็นเขินอาย แม่นมหยางและซือลี่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใจหายวาบ นึกอยากห้ามปรามคุณหนูของตน แต่ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าโหดเหี้ยมของชายผู้นั้นก็มิกล้าปริปากเอ่ยสิ่งใดออกไป
ชายชุดดำผู้เป็นหัวหน้า เมื่อเห็นว่าลั่วหนิงฮวามีท่าทีเขินอายก็ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจไม่น้อย สตรีงามถึงเพียงนี้หากได้มากกกอดย่อมถือว่าตายตาหลับแล้ว
ลั่วหนิงฮวาส่งยิ้มหวานให้ชายผู้นั้น ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
"พี่ชายจะดูแลข้าจริง ๆ หรือเจ้าคะ?"
"แน่นอน"
"เช่นนั้น หากท่านชนะข้าได้ ข้าจะยอมเป็นภรรยาของท่าน"
"เอ๋?"
ผัวะ!!!
"อ๊าส์!!!"
ลั่วหนิงฮวาถือโอกาสที่ชายผู้นั้นไม่ทันระวัง นางคว้าไม้หน้าสามมาจากข้างกายเขา ก่อนจะฟาดไปที่ศีรษะของชายผู้นั้นจนสุดแรง
"นี่เจ้า!!! กล้าตีหัวหน้าหรือ!!!"
"กล้าสิ!!! แม้แต่พวกเจ้าข้าก็กล้า!!!"
ผัวะ ผัวะ!!!
ลั่วหนิงฮวาขยับกายเพียงเล็กน้อย ไม้หน้าสามขนาดเหมาะมือก็ฟาดใส่ชายชุดดำห้าคนจนล้มระเนระนาด บางคนหัวแตก บางคนตาเขียว ล้มลงไปกองกับพื้นส่งเสียงร้องครวญครางปานจะขาดใจ
ลั่วหนิงฮวาผู้มีใบหน้าเย็นชาจ้องมองบุรุษเหล่านั้นด้วยแววตาอำมหิต ชายชุดดำที่เห็นเช่นนั้นก็สั่นสะท้านหวาดกลัวไม่น้อย
นี่มันไม่ใช่สตรีน้อยบอบบาง นี่มันปีศาจชัด ๆ!!!
วาจาคมคายหลอกล่อให้พวกเขาสงสารเห็นใจ สุดท้ายก็ตลบหลังไม่มีชิ้นดี
ลั่วหนิงฮวาหมุนคอของตนไปทางซ้ายทีขวาที ก่อนจะควงไม้หน้าสามในมือเล่น ท่าทางราวกับอันธพาลตามท้องตลาด แม่นมหยางกับซือลี่ต่างตกตะลึงจนทำสิ่งใดไม่ถูกไปเสียแล้ว
แน่นอน!!! สมัยเรียนนางคือหัวหน้ากลุ่ม เพื่อนของนางล้วนเป็นบุรุษ หลังเลิกเรียนนางจะยกพวกต่อยตีกับนักเรียนฝั่งตรงข้ามจนเคยชิน
พวกสวะเหล่านี้น่ะหรือ ไม่ระคายมือนางเลยสักนิด!!!
หึ!!! นี่ขนาดว่าร่างนี้ยังไม่เข้าที่เข้าทางนะ!!!
"อยากมาปล้นข้าหรือ ฝันไปเถิด"
"โอ๊ย!!! ยอมแล้ว แม่นาง ข้ามิใช่โจร!!!"
"ดูก็รู้แล้ว!!! โจรอันใดกันผอมแห้งน่าเกลียดถึงเพียงนี้ ข้าจะจับพวกเจ้าส่งทางการให้หมด!!!"
"อย่านะแม่นางอย่า!!! ขอร้อง ข้ายังมีลูกเมียต้องดูแล ฮืออออ โอ๊ย!!!"
"อย่ามาจับขาข้า!!!"
ชายผู้หนึ่งยื่นมือมาจับขาลั่วหนิงฮวา นางจึงยกเท้าขึ้นเสยปลายคางมันทันที
"หึ!!! ทำเรื่องไม่ดีแล้วยังมีหน้ามาขอความเห็นใจ มีภรรยาอยู่แล้วยังอยากได้ข้าเป็นภรรยาเพิ่มอีก ฟาดอีกสักทีดีหรือไม่!!!"
"อ๊าาาา กลัวแล้ว!!!"
เหตุการณ์กลับชุลมุนไปหมด จากเดิมที่กลุ่มชายชุดดำถือไพ่เหนือกว่า กลับกลายเป็นลั่วหนิงฮวาที่คุมสถานการณ์เอาไว้ได้ทั้งหมด
นางทิ้งกายลงนั่งที่พื้น ก่อนจะเอ่ยถามเหล่าชายชุดดำอีกครั้ง ขณะที่มือข้างหนึ่งก็จับไม้หน้าสามเคาะลงไปบนโต๊ะเบา ๆ
"พวกเจ้าเป็นคนแถวนี้หรือ?"
"เอ่อ..."
"ตอบดีดี ตอบไม่ดีข้าฟาดไม่ยั้ง!!!"
"ไม่ใช่ พวกข้าเป็นคนอีกหมู่บ้านหนึ่ง แต่เพราะความยากจนจึงต้องออกปล้นหาเลี้ยงปากท้อง"
"ปล้นมานานแล้วหรือ ปล้นที่ใดบ้าง?"
"ไม่นานเท่าใดนัก เดิมทีปล้นเพียงร้านค้าเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น"
"อ้อ"
เหล่าชายชุดดำที่ได้ยินเช่นนั้นก็ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พลางเหลือบมองใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ของลั่ว หนิงฮวาด้วยความหวาดกลัว
บัดซบเถิด!!! พวกเขากลัวเด็กสาวนางนี้
"แม่นาง เจ้าจะไม่ส่งพวกข้าให้ทางการแล้วใช่หรือไม่?"
"ไม่แล้ว"
"ดียิ่งนัก เช่นนั้นพวกข้าไปแล้ว..."
"หยุด!!!"
"เอ๋..."
"หากไม่อยากให้ข้าลากคอพวกเจ้าไปส่งทางการ ก็ทำตามที่ข้าบอก"
"ทำสิ่งใด!!!"
"ข้าจะออกปล้นกับพวกเจ้าด้วย"
ชายชุดดำ "..."
"ทำไมหรือ พวกเจ้าไม่ยอมหรือ?"
เหล่าชายชุดดำมองหน้ากันไปมาด้วยความตื่นตระหนก ลั่วหนิงฮวาเริ่มหงุดหงิดแล้ว แค่ไปออกปล้นจะคิดมากทำไมกัน
สมัยเรียนนางปีนกำแพงบ้านคนอื่นบ่อยจะตายไป!
"แม่นาง นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น"
"หน้าข้าเหมือนคนที่กำลังล้อพวกเจ้าเล่นหรือ?"
"เอ่อ..."
"ไม่ยอมหรือ"
"เอ่อ... โอ๊ยยยย!!!"
เวลาล่วงไปจนถึงยามเช้าเสียงร้องครวญครางของเหล่าชายผู้เคราะห์ร้ายจึงเงียบลงไป ลั่วหนิงฮวาสั่งให้แม่นมหยางและซือลี่ช่วยกันมัดชายเหล่านั้นเอาไว้ ส่วนลั่วหนิงฮวาก็นั่งซดน้ำแกงปลาอย่างมีความสุข
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ทุบตีคนเช่นนี้ รู้สึกดีจริงเชียว
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้