ท้ายที่สุดเหล่าบุรุษผู้เคราะห์ร้ายก็มิอาจต้านทานลั่ว หนิงฮวาได้ พวกเขานอนซมอยู่กับพื้นรู้สึกระบมไปทั่วทั้งกาย ในใจนึกหวาดกลัวสตรีน้อยนางนี้ยิ่งนัก
ลั่วหนิงฮวาหยิบไก่ย่างที่เหลือขึ้นมากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย นี่นับเป็นความดีความชอบของโจรมือใหม่พวกนี้ที่นำอาหารมาให้นางถึงที่
เหล่าชายชุดดำลอบมองลั่วหนิงฮวาเป็นระยะ ในใจนึกสบถด่าทอนางเป็นพันครั้ง
หน้าด้านยิ่งนัก!!! ทุบตีผู้อื่นแล้วยังเอาไก่เขาไปกินอีก!!!
หัวหน้าชายชุดดำจ้องมองลั่วหนิงฮวาอย่างไม่ลดละ จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นในหัวของเขา
สตรีเก่งกาจถึงเพียงนี้ หากพวกเขาได้ติดตามย่อมดีไม่น้อย บางคราอาจจะไม่ต้องอดตายเลยด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ชายชุดดำจึงส่งยิ้มหวานเยิ้มไปให้ลั่ว หนิงฮวา ลั่วหนิงฮวารับรู้ได้ว่ามีคนจ้องมองนางอยู่ จึงหันกลับไปมองทันที ใบหน้าเย็นชาของนางทำให้หัวหน้าชายชุดดำถึงกับสะดุ้งโหยง
"มองข้าด้วยเหตุอันใดกัน?"
"เอ่อ..."
"รีบพูดมา ก่อนที่ข้าจะเอาไม้นี่ฟาดเจ้าอีกรอบ"
ไม่กล้าแล้ว!!! แม่นางโปรดรับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถิด!!!"
"ศิษย์?"
ลั่วหนิงฮวาหันไปจ้องมองหัวหน้าชายชุดดำด้วยสายตาที่เรียบเฉย ใบหน้าสวยเงียบสงบราวกับมิรับรู้สิ่งใด แต่ทว่าในใจกลับครุ่นคิด
เอาโจรมาเป็นศิษย์ ผู้ใดเขาทำกัน?
"ข้ามิได้เก่งกาจปานนั้น คงมิอาจรับเจ้าเป็นศิษย์ได้"
"แม่นาง เอ่อ ลูกพี่!!! พวกข้ายอมเป็นมือเป็นเท้าให้ท่าน ขอเพียงให้พวกเราได้กินอิ่มนอนหลับก็พอ!!!"
"แล้วสภาพข้าในตอนนี้เหมือนคนกินอิ่มหรือ?"
หัวหน้าชายชุดดำมีท่าทางเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที ลูกน้องของพวกเขาต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยความงุนงง
"ลูกพี่ ด้วยความสามารถของลูกพี่ ข้าเชื่อว่าท่านทำได้ ข้าจะสนับสนุนลูกพี่เอง ถุย!!!"
หัวหน้าชายชุดดำไอออกมาคราหนึ่ง ก่อนที่ฟันหน้าของเขาจะกระเด็นหลุดมาอยู่ตรงหน้าของลั่วหนิงฮวา
"เอ่อ...ลูกพี่ มันโยกได้สักพักแล้ว พอโดนไม้หน้าสามของลูกพี่ มันเลยหลุดออกมาทั้งราก"
ลั่วหนิงฮวาจ้องมองหัวหน้าชายชุดดำด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย แต่ทว่าในใจกลับด่าทอไม่ยั้ง
สารเลว!!! ดีไม่กระเด็นมาโดนหน้าข้า
ฟาดให้หักหมดปากดีหรือไม่!!!
หน้าบัดซบนี่ก็ตึงยิ่งนัก!!! จะยิ้มก็ยิ้มไม่ได้
"ลูกพี่!!!"
"หยุด!!! ตกลง ข้ารับพวกเข้ามาเป็นลูกน้อง ว่าแต่พวกเจ้ามิใช่ว่าถูกทางการตามจับตัวอยู่หรอกนะ?"
"ไม่ ๆ ๆ ไม่แน่นอนลูกพี่ พวกข้าเพิ่งหัดปล้น"
ดียิ่งนัก บัดซบจริง ๆ สวรรค์ส่งอะไรมาให้ข้าวะเนี่ย!!!
"เช่นนั้นวันนี้พวกเจ้าไปจับปลา เยอะเท่าใดยิ่งดี ข้าจะนำไปขาย"
"ลูกพี่จะไปเองหรือ?"
"ใช่ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไร?"
"ข้าชื่อจางสงขอรับ ส่วนคนอื่น ๆ"
"ไม่ต้อง ข้าขี้เกียจจำ จำแค่ชื่อเจ้าคนเดียวก็พอ จางสงต่อไปนี้เจ้าต้องดูแลเรือนนี้ของข้าและทำตามที่ข้าสั่ง หากเจ้าเชื่อฟังข้า รับรองว่าเจ้าจะมีกิน ลูกเมียเจ้าจะไม่ลำบาก"
"ขอรับ"
จางสงยิ้มแย้มดีใจทันที แต่ทว่าลั่วหนิงฮวากลับคิดไม่ตก
รับคนมามากถึงเพียงนี้จะเอาที่ไหนกินกันนะ แต่ช่างเถิด!!! ขายฝันไปก่อน ให้พวกเขาช่วยจับปลาไปขาย แล้วค่อยคิดหาทางก็แล้วกัน
เมื่อพวกจางสงออกไปจับปลาแล้ว แม่นมหยางและซือลี่ก็รีบเข้ามาหาลั่วหนิงฮวาทันที
"คุณหนู!!! อย่ารับพวกนั้นเลยนะเจ้าคะ บ่าวกลัว!!!"
"บ่าวก็กลัวเจ้าค่ะ!!!"
"ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่"
"แต่คุณหนู!!!"
"แม่นมหยาง ท่านคิดว่าข้าอ่อนแอเฉกเช่นแต่ก่อนหรือ ท่านคิดใหม่เถิด"
ลั่วหนิงฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ นางเบื่อจะอธิบายเรื่องพวกนี้ที่สุด
ไม่ว่าลั่วหนิงฮวาคนเก่าจะอ่อนแอเพียงใดก็ตาม แต่ยามนี้ร่างนี้เป็นของนาง ไม่มีทางที่นางจะอ่อนแอยอมให้ผู้ใดมารังแกได้โดยเด็ดขาด
ไม่นานนักจางสงและพวกก็จับปลามาได้มากมาย ลั่ว หนิงฮวารู้สึกพึงพอใจไม่น้อย นางสั่งให้แม่นมหยางและซือลี่ช่วยกันทำปลาเหมือนคราวที่แล้ว ก่อนจะเดินทางไปที่ตลาดพร้อมกับจางสงเพียงสองคน แม่นมหยางพยายามห้ามปรามแต่ก็ไร้ผล
ตลาด
ลั่วหนิงฮวากวาดตามองไปโดยรอบด้วยความครุ่นคิด การได้มาเห็นตลาดชุมชนในสมัยโบราณเช่นนี้นับเป็นเรื่องที่เปิดหูเปิดตาไม่น้อย
แม่นมหยางบอกนางว่ามีเถ้าแก่ร้านหนึ่งรับซื้อปลาจากนาง ร้านของเขาตั้งอยู่ที่ตรอกถนนติดกับโรงพนันหลัวหยง จางสงดูจะชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดี เขาพานางมาถึงร้านที่แม่นม หยางบอก เถ้าแก่ร้านดูจะตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสตรีน้อยมาขายปลา แต่เมื่อสอบถามทราบว่าเป็นแม่นมหยางที่ส่งนางมา จึงรับซื้อโดยไม่ไต่ถามสิ่งใดอีก
ครานี้ขายได้ถึงสามตำลึงเงิน ค่อนข้างเยอะไม่น้อย ลั่ว หนิงฮวาหันไปมองโรงพนันหลัวหยงคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มในใจ
นานแล้วสินะที่ไม่ได้เล่นการพนัน?
ลั่วหนิงฮวารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ใบหน้านี้เป็นอัมพาต มิเช่นนั้นคงได้เห็นรอยยิ้มงดงามเจิดจ้าของนางไปแล้ว
นางน่ะ ชื่นชอบการเล่นพนันยิ่งนัก!
จางสงที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยถามลั่วหนิงฮวาด้วยความสงสัย
"ลูกพี่ นี่ท่าน"
"ข้าจะเข้าไปเล่นในโรงพนันแห่งนั้น"
"จะดีหรือลูกพี่ หอพนันหลัวหยงขึ้นชื่อว่าโกงกินผู้คนไม่น้อย มีอย่างที่ไหนใครเล่นได้เยอะพวกเขากลับมิยอมให้ก้าวออกมาจากโรงพนัน!"
"หึ! ข้าอยากลองดูสักครา"
"ลูกพี่!"
"หากไม่อยากฟันร่วงอีกซี่ก็จงตามข้ามา"
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้