"หยุดเดี๋ยวนี้!!!"
เสียงจากด้านหลังทำให้ลั่วหนิงฮวาและจางสงต้องหันไปมอง ก่อนจะพบกับชายฉกรรจ์ใบหน้าโหดเหี้ยมสองคนที่ก้าวเดินเข้ามาหานาง
"เอาตั๋วเงินคืนมา"
หนึ่งในชายฉกรรจ์สองคนนั้นยื่นมือมาทางลั่วหนิงฮวา พร้อมกับออกคำสั่ง น้ำเสียงของเขาฟังดูไร้ความเป็นมิตรและยังข่มขู่อีกด้วย
ลั่วหนิงฮวาจ้องมองชายผู้นั้นตอบอย่างไม่ลดละ
"เจ้านายเจ้าให้มาทวงคืนหรือ?"
"อย่าสู่รู้ ส่งตั๋วเงินมา"
"นี่เป็นตั๋วเงินของข้า"
"อย่าให้ข้าต้องใช้กำลัง หากไม่ยอมส่งมาให้ข้าแต่โดยดี ข้าจะใช้ไม้นี่ฟาดพวกเจ้าทั้งสองเสีย!!!"
"พวกเจ้านี่พูดไม่รู้ฟังจริงเชียว นี่มันเงินข้า!!!"
"เช่นนั้นขออภัยด้วยที่ข้าต้องล่วงเกินแม่นาง"
"ตามสบาย"
ชายฉกรรจ์ผู้นั้นเตรียมจะพุ่งเข้ามาหาลั่วหนิงฮวา แต่ทว่านางกลับหลบหลีกได้อย่างพลิ้วไหว มือสวยยื่นออกไปแย่งไม้ในมือของชายผู้นั้นได้อย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ กว่าจะรู้ตัวก็ถูกนางใช้ไม้นั้นฟาดใส่ไม่ยั้งเสียแล้ว
ผัวะ!!!
"อ๊าสสส!!!"
"จางสง ยืนบื้ออยู่ทำไม ฟาดมันสิ!!! ฟาดให้ตายไปเลย!!!"
"ขอรับลูกพี่!!!"
ชายฉกรรจ์สองคนส่งเสียงร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด พวกนั้นถูกลั่วหนิงฮวาฟาดไม้ใส่ไม่ยั้งจนล้มลงไปกองกับพื้น เพราะร่างนี้ยังบอบบางนักจึงใช้แรงได้ไม่ดีเท่าที่ควร เห็นทีนางคงต้องหาทางฝึกฝนตนเองเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว
"หยุดนะพวกเจ้า!!!"
ไม้ในมือของลั่วหนิงฮวาชะงักไปทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมอง
เป็นชายผู้นั้นที่โยนลูกเต๋ากับนาง!
เขาเป็นบุตรชายเจ้าของโรงพนันแห่งนั้น
เหตุใดนางจึงรู้น่ะหรือ ก็ผีสาวตนนั้นกระซิบบอกนางอย่างไรเล่า!
ชายผู้นั้นพุ่งเข้ามาหาลั่วหนิงฮวาทันที ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้านางและจ้องมองนางอย่างไม่ลดละ
"เจ้าตีคนของข้า!!!"
"คนของเจ้ามาทวงเงินข้าก่อน นี่มันเงินข้า อ้อ เป็นเจ้าสินะที่ส่งคนพวกนี้มา"
"ใช่แล้วอย่างไร ไม่ใช่แล้วอย่างไร"
"ไสหัวไป ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า"
"มันอยู่ตรงนั้น!!!"
ยังไม่ทันที่ลั่วหนิงฮวาจะได้จากไป ก็ปรากฏชายฉกรรจ์มาเพิ่มอีกสองคน พวกมันจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่กับนางด้วยแววตาที่เหี้ยมโหด
ลั่วหนิงฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มกริ่มในใจ
อ้อ ไอ้หมอนี่โดนคนไล่ฆ่ามา?
เมื่อคิดได้เช่นนั้นลั่วหนิงฮวาจึงรีบเอ่ยขึ้นมาทันที
"พี่ชายเขาอยู่นี่ มาจับตัวเขาไปเลย"
"นี่เจ้า!!!"
"ทำไมเล่า หรืออยากให้ข้าช่วย!!!"
"ใครขอร้องเจ้ากัน!"
"เช่นนั้นก็ดี ข้าไปก่อนละ"
"ช้าก่อน!!!"
"หืม"
"ช่วยข้าด้วย"
"ได้สิ ห้าพันตำลึง"
"หา?"
"ข้าช่วยเจ้า เจ้าจ่ายมา ตั๋วเงินห้าพันตำลึง"
"จะปล้นข้าหรือ!!!"
"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า"
"ก็ได้!!!"
ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังชายฉกรรจ์สองคนนั้นที่เตรียมพุ่งเข้ามาหาพวกนาง
ลั่วหนิงฮวาเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างว่องไว นางฟาดไม้ใส่พวกมันอย่างเต็มแรง ทุกจุดที่ไม้ฟาดใส่ล้วนเป็นจุดสำคัญ พวกมันล้มลงบาดเจ็บร้องโอดครวญอย่างน่าเวทนา
ยะฮู้!!! ช่างสนุกยิ่งนัก
"ยืนบื้ออยู่ทำไม หนีสิ!!!"
ลั่วหนิงฮวากระชากคอเสื้อของชายผู้นั้นให้วิ่งตามนางไปทันที ทั้งสามคนวิ่งมาถึงแม่น้ำหน้าเรือนของลั่วหนิงฮวา ก่อนจะทรุดกายนั่งลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย
"ไม่น่าจะตามมาทันแล้ว"
"ขอบใจเจ้ามาก"
"เอามา ตั๋วเงินห้าพันตำลึง"
ลั่วหนิงฮวายื่นมือไปตรงหน้าชายผู้นั้น เขาถลึงตาใส่นางเล็กน้อย
"เอามา!!! ข้าไม่รับผ่อน จ่ายสดเท่านั้น!!!"
"ชิ!"
เมื่อจนปัญญาเขาจึงนำตั๋วเงินส่งให้นางห้าพันตำลึง โชคดีที่เมื่อครู่เขานำเงินติดตัวมาด้วย หากมิใช่ว่าพบเจอคู่อริเก่า คงไม่ต้องถูกนางรีดไถเช่นนี้แน่
"ข้าชื่อหลัวเฟิง เจ้าล่ะ"
"เรียกข้าว่า หนิงเอ๋อร์ก็ได้"
"หึ ข้าไม่ขอบใจเจ้าหรอกนะ เพราะเจ้าน่ะเอาเงินข้าไปหมดแล้ว"
"เงินเพียงเท่านี้เจ้าย่อมหาใหม่ได้ ดีกว่าต้องตกตายไป หากเป็นเช่นนั้น คู่รักของเจ้าที่เป็นบุรุษรูปงามคงเสียใจแย่"
"นี่เจ้า!!!"
"ข้าเห็น ข้ารู้ โลกรู้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ"
"ห้ามบอกผู้ใด!!!"
"เจ้ามีสิ่งใดมาอุดปากข้าหรือไม่?"
หลัวเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น ในใจนึกสาปแช่งลั่วหนิงฮวาเป็นพันครั้ง
"ข้าจะส่งตั๋วเงินมาให้เจ้าอีก พอใจหรือไม่"
"ดีมากสหายรัก ฮ่า ๆ ๆ"
"ใครสหายเจ้ากัน หึ!!! คราวหน้าอย่าไปที่โรงพนันของข้าอีก ลูกค้าเช่นเจ้าไปบ่อยครั้งเห็นทีโรงพนันข้าคงล่มจมเป็นแน่!!!"
"ข้าชอบโรงพนันของเจ้า ไว้จะแวะไปอีก"
"นี่เจ้า ข้าบอกว่าไม่ให้ไป!!!"
"ข้าต้องฟังเจ้าหรือ ข้าเป็นผู้มีพระคุณของเจ้านะ"
"พระคุณอันใดกัน ข้าจ่ายเงินให้เจ้าไปแล้ว!!!"
"มันคนละส่วนกัน ตั๋วเงินห้าพันตำลึงนี่ถือเป็นค่าทำขวัญที่เจ้าส่งคนมาทำร้ายข้า ส่วนเรื่องที่ข้าช่วยเจ้าถือเป็นบุญคุณ เจ้าต้องตอบแทน"
"เจ้าเล่ห์นักนะ"
"ไม่ได้หรือ เช่นนั้นเห็นทีเรื่องราวของเจ้ากับ..."
"ก็ได้!!! เจ้าต้องการสิ่งใด!"
เมื่อไร้หนทางโต้เถียง หลัวเฟิงจึงต้องจำยอม เขาไม่มีทางยอมให้ท่านพ่อท่านแม่ต้องอับอายขายหน้าเพราะเขาเป็นอันขาด เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงหันไปมองลั่วหนิงฮวาที่ยามนี้มีเพียงใบหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านสิ่งใดแม้แต่น้อย ยิ่งมองเขาก็ยิ่งเสียวสันหลังพิกล
ลั่วหนิงฮวายื่นหน้าเข้าไปหาเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"เรามาทำการค้าขายร่วมกันเถอะ"
รัชศกอี้เฉินปีที่ 30 เข้าสู่ช่วงเหมันต์ฤดู อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นอย่างมาก ยามนี้ลั่วหนิงฮวากำลังนั่งสนทนาอยู่กับโจวอวี้หลันด้านในตำหนักเฟิ่งหวง พวกเขาทั้งสองอายุมากแล้ว แต่ทว่าความงดงามกลับไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย ยามว่างโจวอวี้หลันมักจะเข้าวังมาเยี่ยมนางอยู่เสมอ"พี่หญิง ท่านลองดื่มชาหลงจิ่งถ้วยนี้ดูเถิด รสชาติดียิ่งนัก" "อืม" โจวอวี้หลันยกถ้วยชาขึ้นมาดื่ม รสชาติหวานล้ำและกลิ่นหอมของใบชาทำให้นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ได้ยินว่าสองวันก่อน องค์รัชทายาท องค์ชายรองและองค์หญิง ออกไปเที่ยวเล่นนอกวังหลวงมาหรือ" โจวอวี้หลันเอ่ยถามขึ้นมา ลั่วหนิงฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นางมีพระโอรสสององค์ และองค์หญิงอีกหนึ่งองค์ ลูกทั้งสามมีอายุไม่ห่างกันมากเท่าใดนัก โจวเทียนสิงเป็นองค์รัชทายาท ปีนี้อายุสิบแปดปีเต็มแล้ว โจวเซิงหยวน องค์ชายรองปีนี้อายุสิบหกปีเต็ม และโจวหงอี้อายุสิบสี่ปีเต็ม บุตรทั้งสามของนางนั้นสร้างแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน "พี่หญิง พูดถึงพวกเขาแล้วข้าเหนื่อยใจยิ่งนัก" "เอาเถิด เด็ก ๆ ก็เป็นเช่นนี้ ดูลั่วเฟิงบุตรชายคนเดียวของข้าสิ เขาก็เที่ยวเล่นเช่นนี้ประจำ
"อะ อื้อออ!!!" เสียงครวญครางแผ่วต่ำสลับกับเสียงฝนที่โปรยปรายในยามค่ำคืน สร้างความร้อนรุ่มให้แก่โจวอี้เฉินเป็นอย่างยิ่ง"เด็กดี นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น" "อาเฉินร่างกายท่าน!!! ""มิต้องกังวลท่านหมอเทวดาบอกว่าข้าหายดีแล้ว""อื้ออออ!!!" ลั่วหนิงฮวารู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อถูกโจวอี้เฉินมอบรสจูบที่แสนเร่าร้อนให้แก่นางเช่นนี้ เขาสอดลิ้นอุ่นร้อนเข้าไปเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นชื้นแฉะของนางอย่างเอาแต่ใจ ยามนี้อาภรณ์ที่แสนประณีตงดงามกลับถูกเขาดึงทึ้งลงไปกองกับพื้นเสียแล้ว ร่างกายของนางเปลือยเปล่าอ่อนระทวยอยู่ภายใต้ร่างแกร่งของเขา มือหนาใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนกายขาวผ่องอย่างซุกซน ก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนใบหน้ามาจูบไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของนาง และค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าลงมาที่สองเต้าอวบสวย โจวอี้เฉินครอบริมฝีปากกลืนกินยอดปทุมถันสีหวานของนางอย่างหื่นกระหาย มือหยาบกร้านบีบขยำดอกบัวงามจนเกิดเป็นรอยแดงทั้งสิบนิ้ว "อื้ออออ ข้าเสียว!!!" ลั่วหนิงฮวาแอ่นอกสวยให้เขาเชยชมอย่างไม่ขัดขืน โจวอี้เฉินแลบลิ้นเลียจุกบัวสีหวานของนางอย่างหยอกเย้า ตั้งแต่คลอดพระโอรสองค์แรก เขากับนางก็ห่างเหินเรื่องสัมพันธ์สวาทเช่นนี้มานา
นอกจากจะสังหารโจวเหวินกวงแล้ว หนึ่งเดือนต่อมา โจวอี้เฉินก็พบกับเบาะแสที่จวิ้นอ๋องหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อห้าปีก่อน จวิ้นอ๋องเป็นน้องชายของเสด็จพ่อและเป็นเสด็จอาอีกคนของเขา เมื่อสืบค้นตามคำบอกเล่าของวิญญาณจวิ้นอ๋อง จึงพบว่าเขาถูกโจวเหวินกวงสังหารและฝังร่างไว้ที่ท้ายจวนชินอ๋องอย่างเลือดเย็น เพียงเพราะเขาไปได้ยินว่าโจวเหวินกวงวางแผนจะลอบวางยาอดีตฮ่องเต้ แต่กลับทำไม่สำเร็จ เพราะเสด็จพ่อของเขาก็ทรงระวังพระองค์ไม่น้อยแท้จริงโจวเหวินกวงคิดเรื่องนี้มานานหลายปีแล้ว มิใช่เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ จวิ้นอ๋องก็ไม่ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาถูกฆ่าเพราะมัวเมาสตรีผิดลูกผิดเมียผู้อื่น แต่แท้จริงแล้ว เพราะไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้มาก่อนเพียงเท่านั้น จึงถูกสังหารจนตกตายร่างของจวิ้นอ๋องถูกนำกลับมาฝังในสุสานราชวงศ์อย่างสมเกียรติ "อาเฉินขอบใจเจ้ามาก" "เสด็จอาจวิ้นอ๋องมิต้องเกรงใจ""อาเฉิน เดิมทีข้าจะต้องไปเกิดแล้ว แต่เพราะความงามของลั่วฮองเฮา ข้าจึงอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย" โจวอี้เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็หันขวับไปมองจวิ้นอ๋องทันที "เสด็จอา ท่านอยากตายรอบสองหรือไม่พ่ะ
เมื่อได้รับราชโองการฉบับจริงกลับมาแล้ว โจวอี้เฉินจึงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้หยางโจวพระองค์ใหม่อย่างถูกต้องตามพระราชประเพณี โจวเหวินกวงถูกจับขังเอาไว้ที่คุกหลวง โจวอี้เฉินสั่งให้คนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวเพื่อมิให้เขาลักลอบฆ่าตัวตายได้สำเร็จ เพราะมีความตายที่เขารอจะมอบให้โจวเหวินกวงอยู่แล้ว หยางโจวรัชศกอี้เฉิน ปีที่หนึ่ง วันนี้เป็นฤกษ์มงคลที่โหราจารย์คัดสรรมาอย่างดี ท้องฟ้าและแสงแดดค่อนข้างปลอดโปร่งเป็นใจยิ่งนัก บนถนนซึ่งทอดยาวไม่มีที่สิ้นสุด มีขบวนเกียรติยศขบวนหนึ่ง ค่อย ๆ เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางเสียงดนตรีบรรเลงเพลงขับขานชวนหลงใหล เกี้ยวมงคลสีเหลืองทอง ขนาดสิบหกคนหาม ม่านเกี้ยวปักดิ้นทองลายหงส์น่าเกรงขามโดดเด่นงดงามตระการตามิใช่น้อย เกี้ยวมงคลอันงดงามนี้เคลื่อนขบวนจากจวนตระกูลลั่วมุ่งหน้าสู่วังหลวง สตรีที่คู่ควรกับขบวนเกียรติยศงดงามโอ่อ่าหลังนี้มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น ลั่วหนิงฮวาสวมชุดสีทองปักลายหงส์งามสง่า บนศีรษะประดับมงกุฎหงส์ ขับเน้นให้ใบหน้าสวยหวานดูงดงามน่าเกรงขามไม่น้อย ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวเพื่อมุ่งหน้าสู่พระราชวัง ขบวนเกียรติยศมาถึงวังหลวงอย่างสง่างาม ยามที่นาง
โจวเหวินกวงลนลานปล่อยมือออกจากร่างของลั่วหนิงฮวาก่อนจะทรุดกายลงไปกับพื้น แล้วจึงสั่งเหล่าทหารให้เตรียมต้านรับสุดกำลัง เมื่อหันมาอีกครากลับพบว่านางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว วิญญาณจวิ้นอ๋องและอดีตฮองเฮาบดบังกายนางเอาไว้ อีกทั้งยังบอกนางว่าโจวเหวินกวงคนสารเลวได้สังหารท่านตาของโจวอี้เฉินไปก่อนหน้าแล้ว ลั่วหนิงฮวากำมือแน่น ความเกลียดชังที่มีต่อโจวเหวินกวงยิ่งทบทวีมากขึ้นไปอีกลั่วหนิงฮวามุ่งหน้ามายังตำหนักเย็นซึ่งเป็นที่ที่โจวอวี้หลันถูกจับกุมตัวเอาไว้ ระหว่างทางนางแอบหยิบดาบและธนูของทหารที่วางไว้ติดมือมาด้วย"พี่หญิง!!!" "หนิงเอ๋อร์ เจ้า!!!" "พี่หญิง ฮึก ท่านตาของท่านและท่านพ่อของข้า ถูกประหารสิ้นแล้ว!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่นนั้นก็แทบทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่ ลั่วหนิงฮวาที่ไร้เรี่ยวแรงไม่น้อยไปกว่ากัน ต้องเข้ามาช่วยประคองโจวอวี้หลันเอาไว้ "พี่หญิง หนีก่อนเถิด!!!" "หนีเช่นไร ยามนี้ข้าไม่มีอาวุธเลย!!!" "ไม่ต้องกังวล ระหว่างทางข้าแอบหยิบดาบของทหารและธนูติดมาด้วย โจวอี้เฉินมาถึงแล้ว เราย่อมหนีออกไปได้ รีบไปเถิด ยามนี้กองทัพของอาเฉินและพี่ใหญ่กำลังรอเราอยู่!!!" โจวอวี้หลันที่ได้ยินเช่
ลานประหาร โจวเหวินกวงสั่งให้ทหารนำแม่ทัพลั่วไปมัดขึงเอาไว้ที่กลางลานประหาร ก่อนจะลากตัวลั่วหนิงฮวามายืนอยู่กับเขา และใช้แขนล็อกคอของนางเอาไว้มิให้ขยับหนีไปได้ "หนิงฮวา เจ้าจงดูให้เต็มตาเสียเถิด เพราะต้องการปกป้องเจ้าและคิดขัดคำสั่งข้า พ่อของเจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นใด" "ปล่อยข้า!!!""ปล่อยแน่นอน แต่หลังจากที่ข้าฆ่าพ่อของเจ้าเรียบร้อยแล้ว!!!" "เหวินกวง ไอ้คนต่ำช้า!!!" "มานี่!!!" โจวเหวินกวงฉุดกระชากลากถูลั่วหนิงฮวามายืนอยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพลั่วมากนัก ลั่วหนิงฮวาจ้องมองผู้เป็นบิดาด้วยความเจ็บปวด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าหลั่งรินไม่ขาดสาย แม่ทัพลั่วส่งยิ้มให้บุตรสาวอีกคราหนึ่งด้วยความเหนื่อยล้า เขาตรากตรำอยู่ในสนามรบ ต่อสู้เพื่อแคว้นเพื่อราษฎรมานานหลายปี ไม่ตกตายในสนามรบ แต่กลับถูกสังหารเพราะคนชั่ว ช่างเถิด ชีวิตคนเราก็มีเพียงเท่านี้ จะเกรงกลัวความตายไปไยกัน"อย่ารับปากคนชั่ว นี่เป็นคำขอสุดท้ายของพ่อ พ่อหวังเพียงให้พวกเจ้าจดจำเรื่องราวในวันนี้ให้ดี แล้วจงเข้มแข็ง อยู่ต่ออย่างภาคภูมิ" "ท่านพ่อออออ!!!" "ถึงตายข้าก็ไม่เสียใจ ข้าเป็นทหาร มีเลือดนักรบไหลเวียนอยู่ในกาย ข้