Share

บทที่ 2: ความจริงใต้ผ้าคลุม

last update Last Updated: 2025-09-23 01:50:26

พระชายานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ปล่อยให้ความเจ็บปวดในน้ำเสียงขององค์รัชทายาทล่องลอยอยู่ในความเงียบงันของห้องหอ ก่อนที่สุรเสียงอันราบเรียบของนางจะดังขึ้นทำลายทุกสิ่ง

“หม่อมฉันได้ปิ่นนี้มา... จากคุณชายผู้หนึ่งเพคะ”

องค์รัชทายาทขมวดพระขนงกับคำตอบที่ไม่คาดคิด 

“คุณชาย?”

“เพคะ” นางตอบรับ “เมื่อหลายปีก่อน หม่อมฉันในวัยเยาว์รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่ถูกตีกรอบอยู่ในจวนอ๋อง หม่อมฉันปรารถนาจะได้เห็นโลกภายนอก อยากสัมผัสชีวิตของชาวบ้านที่แท้จริง จึงได้ขออนุญาตบิดาปลอมตัวเป็นหญิงสาวสามัญชน ออกไปใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ชายป่า พร้อมกับองครักษ์และนางข้าหลวงคนสนิทเพียงสองคน สวมบทเล่นเป็นพ่อแม่ลูก”

หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ... เรื่องราวของนางช่างคล้ายคลึงกับของพระองค์เหลือเกิน

“มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของหม่อมฉัน” นางเล่าต่อ น้ำเสียงเจือความฝันหวาน “หม่อมฉันได้เรียนรู้วิธีเก็บสมุนไพร แยกแยะเห็ดมีพิษ ได้หัวเราะอย่างเต็มเสียงโดยไม่ต้องกังวลถึงยศศักดิ์ และที่นั่นเอง... หม่อมฉันได้พบกับคุณชายรูปงามผู้หนึ่งที่หนีความวุ่นวายมาพักผ่อนหย่อนใจเช่นกัน เราตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว”

องค์รัชทายาทแทบหยุดหายใจ 

“เขามอบปิ่นหยกนี้ให้หม่อมฉัน... เป็นสัญญาใจว่าจะกลับมารับหม่อมฉันไปอยู่ด้วย” นางเว้นจังหวะ พร้อมกับหัวเราะเบาๆ “แต่โชคชะตาก็เล่นตลก... ไม่กี่วันหลังจากนั้น บิดาก็มีราชการด่วน เรียกตัวหม่อมฉันกลับจวนอ๋องอย่างกะทันหัน ทำให้เราต้องคลาดจากกันไปนับแต่นั้น”

เรื่องราวที่เหมือนกันราวกับแกะทำให้องค์รัชทายาทรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า ความหวังที่เคยริบหรี่ดับวูบลง ถูกแทนที่ด้วยความโกรธระลอกใหม่

“อย่ามาล้อเล่นกับข้า!” พระองค์ตวาด “เจ้าได้ยินเรื่องของข้าแล้วจึงมาแต่งเรื่องเลียนแบบรึ! คิดว่าข้าโง่เขลาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ!”

“หม่อมฉันไม่ได้แต่งเรื่องเพคะ” นางตอบกลับอย่างสงบ “เพราะมีอยู่ประโยคหนึ่ง... ที่พระองค์ไม่ได้เล่าออกมา”

“ประโยคอะไร?”

พระชายาหันหน้ามาทางพระองค์เต็มตัว แม้จะอยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า แต่พระองค์ก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องตรงมา 

“ในวันที่พระองค์ชายผู้นั้นมอบปิ่นนี้ให้หม่อมฉัน... พระองค์บอกว่า... ‘รอยยิ้มของเจ้าสดใสกว่าตะวัน ข้าจะปกป้องมันเอง ไม่ใช่ด้วยอำนาจ แต่ด้วยหัวใจของข้า ได้โปรดมาอยู่กับข้าเถอะ’ ประโยคนี้ พระองค์ไม่ได้เล่าเมื่อครู่ใช่หรือไม่เพคะ?”

องค์รัชทายาทตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า เป็นความจริง... นั่นคือคำพูดที่พระองค์กระซิบกับนางในวันนั้น เป็นคำพูดส่วนตัวที่พระองค์ไม่ได้เอ่ยออกมาเมื่อครู่!

“พระองค์เรียกหม่อมฉันแต่พระชายาหลี่ ท่านหญิงหลี่ อาจเป็นเพราะถูกคลุมถุงชน แล้วพระองค์ทรงทราบนามจริงของหม่อมฉันบ้างไหมเพคะ?”

ก่อนที่พระองค์จะได้ตรัสสิ่งใด พระชายาก็ยกมือขึ้นช้าๆ ปลดผ้าคลุมหน้าสีแดงโปร่งบางนั้นออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามหมดจดภายใต้เครื่องประทินโฉมของเจ้าสาว ดวงตาคู่ใสซื่อที่เคยหลอกหลอนพระองค์ในความฝันมาตลอดหลายปีกำลังจ้องมองมา…

จากนั้นนางก็ลุกขึ้นยืน ปลดขอเกี่ยวฉลองพระองค์เจ้าสาวลายหงส์ที่หนักอึ้งออกอย่างไม่ไยดี ปล่อยให้แพรพรรณสีแดงสดกองลงบนพื้น เผยให้เห็นอาภรณ์ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีมอซอที่นางสวมไว้ข้างใน... ชุดของหญิงสาวชาวบ้านที่พระองค์คุ้นเคยเป็นอย่างดี

นางหยิบผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำบนโต๊ะขึ้นมา บรรจงเช็ดเครื่องสำอางหนาเตอะบนใบหน้าออกทีละน้อย จนปรากฏใบหน้าเกลี้ยงเกลาของเด็กสาวในความทรงจำ... เด็กสาวที่มีรอยยิ้มสดใสกว่าตะวันยามเช้าที่พระองค์คุ้นตา...

“ซิงจวน...” สุรเสียงขององค์รัชทายาทสั่นพร่า เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

นางแย้มยิ้ม... เป็นรอยยิ้มที่พระองค์โหยหามาตลอด 

“หม่อมฉันรอคอยวันนี้มาตลอดเพคะองค์รัชทายาท... พระองค์ไม่ได้ผิดสัญญาเลย”

วินาทีนั้น กำแพงแห่งความโกรธแค้นและความสิ้นหวังขององค์รัชทายาทก็พังทลายลงจนหมดสิ้น พระองค์โผเข้าไปกอดร่างนั้นไว้แน่นราวกับกลัวว่านางจะหายไปอีกครั้ง กลิ่นดินและกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ที่เคยเป็นดั่งความทรงจำอันห่างไกล บัดนี้หวนกลับมาอยู่กับความเป็นจริงในอ้อมแขนของพระองค์

“ซิงจวน... เป็นเจ้าจริงๆ... ข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้พบเจ้าอีกแล้วในชีวิตนี้” พระองค์พร่ำบอกด้วยสุรเสียงอู้อี้อยู่ที่ซอกคอนาง

“หม่อมฉันก็เช่นกันเพคะ” นางตอบ กอดพระองค์กลับแน่น “วันที่ต้องจากมาโดยไม่ได้ร่ำลา หัวใจของหม่อมฉันแทบสลาย แต่เมื่อกลับถึงจวน หม่อมฉันก็ตั้งปณิธานไว้... ว่าจะต้องหาทางกลับไปอยู่เคียงข้างพระองค์ให้ได้ หม่อมฉันจึงรบเร้าพระบิดา... ให้อภิเษกสมรสนี้เกิดขึ้นเพคะ”

องค์รัชทายาทคลายอ้อมกอดออก มองหน้านางด้วยความรู้สึกผิดท่วมท้น 

“ข้าขอโทษ... ข้าขอโทษซิงจวน ข้าไม่เคยรู้เลยว่าสตรีที่บิดาเลือกให้คือเจ้า... ที่ข้าออกเดินทางผจญภัยไปไกลแสนไกล ก็เพื่อหนีการแต่งงานที่ข้าคิดว่าไร้ซึ่งความรัก... เพื่อหนีจากสตรีที่ไม่รู้จัก... แต่แท้จริงแล้วคือคนที่ข้าโหยหามาตลอด...”

ความดีใจที่ได้พบรักแรกกลับคืนมาทำให้พระองค์ลืมสิ้นถึงความขุ่นข้องก่อนหน้า แต่แล้วสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นกองสิ่งของอีกสี่ชิ้นที่ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ... หวีไม้จันทน์... กำไลข้อเท้าเงิน... ตลับเงิน... และสมุดบันทึก

“แต่... ซิงจวน” พระองค์เอ่ยถามด้วยความสับสน “ข้าดีใจเหลือเกินที่ได้พบเจ้าอีกครั้ง แต่... แล้วของชิ้นอื่นเล่า... เจ้าได้มันมาอย่างไรกัน?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 13: ระบำแห่งความทรงจำ

    องค์รัชทายาทจ้องมองรอยยิ้มอันสดใสของซิงจวน รอยยิ้มของรักแรกที่พระองค์โหยหามาตลอด คำขอของนางที่ให้หยุดพักเรื่องราวไว้ก่อนนั้น ไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองในพระทัยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับทำให้พระองค์ตระหนักว่า สตรีตรงหน้าไม่ใช่เพียงภาพฝันหรือวีรสตรีในตำนาน แต่คือนางผู้มีเลือดเนื้อ มีความเหนื่อยล้า และมีความต้องการเช่นเดียวกับพระองค์ความรัก ความซาบซึ้ง และแรงปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานานแสนนานได้ปะทุขึ้นในใจของพระองค์อย่างรุนแรง พระองค์ไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ แต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบพระองค์โน้มพระพักตร์ลงไปมอบจุมพิตให้แก่นาง... จุมพิตที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ได้มีความลังเลของอิซาเบลล่า ไม่ได้มีความเร่าร้อนท้าทายของยาซมิน และไม่ได้มีความโหยหาที่เจือความเศร้าของไลลา แต่มันคือจุมพิตขององค์รัชทายาทที่มอบให้แก่พระชายา... ภรรยาเพียงคนเดียวของพระองค์“ซิงจวน...” พระองค์กระซิบเรียกชื่อนาง “ข้ารักเจ้า... รักทุกตัวตนของเจ้า”ซิงจวนยิ้มรับผ่านจุมพิตนั้น นางสัมผัสได้ถึงความรักที่แท้จริงของพระองค์ แววตาของนางทอประกายขี้เล่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เช่นนั้น... พระองค์พูดเองนะเพคะ”ไม่รอคำตอบ แสง

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 12: ความอบอุ่นในดินแดนหิมะ

    รุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องเข้ามาในห้องหอ แต่บทสนทนาแห่งความทรงจำกลับต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว หลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนที่หลอมรวมสองวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียว ความอ่อนล้าและความสุขสมก็ทำให้พระชายาขององค์รัชทายาทผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของพระองค์เสียก่อนที่จะได้เอ่ยถึงปริศนาของตลับเงินตลอดทั้งวัน องค์รัชทายาททรงปฏิบัติพระราชกิจด้วยพระทัยที่ล่องลอย ภาพของซิงจวนในร่างของไลลาและยาซมินยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง ความรัก ความทึ่ง และความรู้สึกผิดที่ถูกชะล้างไปด้วยความเข้าใจ ก่อเกิดเป็นสายใยที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าพันธนาการใดๆ พระองค์เฝ้ารอเวลาค่ำคืนอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเสร็จสิ้นราชกิจทั้งหมด พระองค์ก็รีบเสด็จไปยังตำหนักส่วนพระองค์ของพระชายาทันที แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องรับแขก พระองค์ก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความประหลาดใจห้องที่เคยตกแต่งอย่างวิจิตรตามแบบฉบับตะวันออก บัดนี้กลับถูกเปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิงในวันเดียว พรมขนสัตว์หนานุ่มปูทับพื้นไม้ขัดเงา เก้าอี้นวมบุผ้ากำมะหยี่สีเข้มตั้งอยู่หน้าเตาผิงที่แกะสลักจากหินอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของดินแดนตะวันตกที่พระองค์คุ้นเคย พระองค์ไม่แปลกใจเท่าไรกับการเปลี่ยนแปล

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 11: ระบำแห่งสองวิญญาณ

    ซิงจวนในร่างของยาซมินยังคงยืนอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท แววตาของนางซับซ้อนเกินกว่าจะอ่านได้ มันคือแววตาของนักสู้ผู้ผ่านความตาย แววตาของนางระบำผู้เย้ายวน และแววตาของซิงจวนผู้เปี่ยมรัก... ทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นางเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่แท้จริงเบื้องหลังระบำแห่งเปลวไฟนั้น...“เมื่อหม่อมฉันไปถึงนครซาร์ราบาดในร่างใหม่... หม่อมฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพังเพคะ ความทรงจำของยาซมินได้นำทางหม่อมฉันไปยังที่ซ่อนของคณะระบำที่เหลือ พวกนางคือสตรีนักสู้จากเผ่าเดียวกับยาซมิน ทุกคนต่างมีภารกิจเดียวกัน คือการทวงคืน ‘ดวงเนตรแห่งอัคคี’ กลับคืนสู่บ้านเกิด”“พวกเราไม่ใช่เพียงคณะระบำ แต่คือหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ทุกคนมีหน้าที่ของตนเอง บางคนเชี่ยวชาญด้านการสอดแนม บางคนชำนาญเรื่องยาสมุนไพรและยาสลบ และบางคนคือยอดฝีมือในการต่อสู้ที่ซ่อนคมดาบไว้ใต้ท่วงท่าที่อ่อนช้อย ส่วนหม่อมฉัน... ในฐานะยาซมิน... คือหัวหน้า คือนักวางแผน และเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของคณะ”“โชคดีที่มหาเศรษฐีผู้นั้นเป็นคนลุ่มหลงในกามารมณ์และศิลปะที่ฉาบฉวย แผนการของเราจึงเริ่มต้นขึ้นได้อย่างง่ายดาย เรานำเสนอตัวเองกลาวเมืองว่าเป็

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 10: ความโลภ

    ซิงจวนในร่างของไลลายิ้มบางๆ นางมองลึกเข้าไปในดวงเนตรขององค์รัชทายาทที่ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างท่วมท้นระคนกันไป“เรื่องราวว่าหม่อมฉันได้มาอย่างไรมันน่าเหลือเชื่อ แต่เรื่องราวที่เหลือเชื่อนี้ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงประจักษ์แก่ใจ... แต่หม่อมฉันขอให้พระองค์เชื่อใจ และหลับตาลงก่อนได้หรือไม่เพคะ”แม้จะยังสับสน แต่แววตาที่จริงใจของนางก็ทำให้องค์รัชทายาทพยักหน้ารับอย่างช้าๆ พระองค์หลับพระเนตรลง ซิงจวนจึงหยิบผ้าแพรเนื้อนุ่มขึ้นมาผูกปิดพระเนตรของพระองค์ไว้เบาๆ บดบังการมองเห็นทั้งหมด เหลือเพียงความมืดและเสียงรอบกายพลันเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง...กรุ๊ง... กริ๊ง...เสียงกระพรวนจากกำไลข้อเท้าเงินดังขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่ชัดเจน มันเคลื่อนไหวไปรอบๆ ตัวพระองค์อย่างเชื่องช้า ราวกับการร่ายรำที่มองไม่เห็นหัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ พระองค์ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ตามเสียงกระพรวนที่นำทางไป ไม่นานนักเสียงก็หยุดลง พร้อมกับสัมผัสอุ่นร้อนที่ปลายนิ้วซึ่งกำลังปลดผ้าผูกตาออกเมื่อลืมพระเนตรขึ้น ภาพตรงหน้าก็ทำให้พระองค์แทบหยุดหายใจ...ยาซมิน... นางระบำผู้เลอโฉมในชุดผ้าแพ

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 9: ระบำแห่งเปลวไฟ (2/2)

    "ข้ารู้สึกผิดต่อไลลาอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธแรงดึงดูดที่ข้ามีต่อยาซมินได้ นางคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความแข็งแกร่งของไลลาและความสดใสของซิงจวน นางคือพายุที่พัดเข้ามาในหัวใจที่เคยสงบนิ่งของข้า และทำให้กำแพงที่ข้าเคยสร้างไว้เพื่อรอคอยไลลาพังทลายลง ข้าตกอยู่ในสภาวะที่อันตราย... สภาวะที่พร้อมจะยอมจำนนต่อท่วงทำนองต้องห้ามที่นางกำลังบรรเลง"“หลายวันต่อมา ในค่ำคืนแห่งการเจรจาธุรกิจ มหาเศรษฐีได้จัดงานเลี้ยงส่วนตัวขึ้นอีกครั้ง เหล่านางระบำของยาซมินทำหน้าที่รินสุราและให้ความบันเทิง ข้าสังเกตเห็นว่าพวกนางกำลังมอมเหล้าองครักษ์ของข้าและทหารยามของคฤหาสน์ด้วยสุราผสมยาสลบอ่อนๆ พร้อมทั้งโปรยเสน่ห์ยั่วยวนจนทุกคนเคลิบเคลิ้มและหย่อนยานต่อหน้าที่”“ข้ารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ข้าไม่ได้หลงใหลในเสน่หาผิวเผินเหล่านั้นและไม่ได้ต้องการดื่มสุรา จึงพยายามปลีกตัวออกจากงานเลี้ยงกลับไปยังห้องพักเพื่ออ่านตำรา แต่ยาซมินก็ตามข้ามา นางเข้ามาและรุกข้าอย่างหนักหน่วงด้วยเสน่ห์ทั้งหมดที่นางมี เพื่อให้ข้าดื่มสุราให้ได้” องค์รัชทายาทหยุดเล่า สบตากับซิงจวนอย่างรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่านางมีแผนการบางอย่างจึงแสร้งทำเป็นเผล

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 8: ระบำแห่งเปลวไฟ (1/2)

    องค์รัชทายาทนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นแววตาของไลลา ก่อนจะทอดพระเนตรลงไปยังกำไลข้อเท้าเงินร้อยกระพรวนที่นางหยิบขึ้นมาเป็นชิ้นต่อไป เสียงกรุ๊งกริ๊งแผ่วเบาที่ดังขึ้นปลุกความทรงจำที่ทั้งเย้ายวนและอันตรายให้หวนคืนมาอีกครั้ง“ไลลา... ไม่สิ ซิงจวน...”“จะเรียกหม่อมฉันว่าอะไรก็แล้วแต่พระองค์เถิดเพคะ” ซิงจวนในร่างทาสสาวเอ่ยขึ้น“ก่อนที่ข้าจะเล่าเรื่องต่อไป มีบางอย่างที่ข้าต้องสารภาพตามตรง” พระองค์เริ่มต้นด้วยสุรเสียงที่จริงจัง แฝงความละอายพระทัย “มันอาจทำให้เจ้าเจ็บปวด... นอกจากเจ้าในฐานะไลลาแล้ว ข้าได้เผลอกายและใจให้กับสตรีอื่นด้วย... แต่อย่างไรก็ตาม ข้าขอยืนยันว่าซิงจวนคือรักแรกและรักเดียวของข้าเสมอมา และไลลาคือสัมพันธ์สวาทด้วยรักครั้งแรกของข้า... แต่นางผู้นี้... นางแตกต่างออกไป”เมื่อเห็นซิงจวนพยักหน้ารับฟังอย่างสงบ พระองค์จึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป“หลังจากแยกกับไลลา ข้าเดินทางต่อไปยังแคว้นพาร์ซา เพื่อเจรจาเรื่องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่กับนครซาร์ราบาด ในครั้งนี้ผู้ที่เราต้องเจรจาด้วยไม่ได้มีแต่เจ้าผู้ครองนครโดยตรง แต่ยังมีมหาเศรษฐีผู้กุมอำนาจการค้าส่วนใหญ่ของที่นั่น เขาต้องการสร้างสายสัมพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status