Share

บทที่ 3: หวีแห่งพันธสัญญา (1/2)

last update Last Updated: 2025-09-23 01:50:46

ซิงจวนมองลึกลงไปในดวงเนตรขององค์รัชทายาทที่เต็มไปด้วยความสับสนระคนยินดี นางเข้าใจดีถึงคำถามมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจของพระองค์ นางคลายอ้อมกอดอย่างแช่มช้อย กิริยาสง่างามสมฐานะธิดาอ๋อง แต่แววตายังคงเป็นของซิงจวนคนเดิม

“เรื่องราวยังไม่จบเพคะ” นางกล่าวเบาๆ “ข้อตกลงของเรายังคงอยู่”

นางเดินกลับไปยังโต๊ะ หยิบหวีไม้จันทน์หอมสลักลายเมฆขึ้นมาอย่างนุ่มนวล กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนื้อไม้ลอยฟุ้งขึ้นมาในอากาศ

            "หม่อมฉันคิดว่า... ถึงเวลาของของชิ้นที่สองแล้ว"

องค์รัชทายาททอดพระเนตรหวีในมือนาง ความทรงจำอีกระลอกซัดถาโถมเข้ามาในพระทัย เป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสับสนและหลีกหนี พระองค์ทรุดกายนั่งลงอีกครั้ง เริ่มต้นเล่าเรื่องราวบทที่สองแห่งการเดินทาง

“หลังจากที่ข้าสูญเสียเจ้าไป... หัวใจของข้าก็ว่างเปล่า” พระองค์เริ่มต้น “ข้าพยายามตามหาเจ้าอยู่แรมปีแต่ก็ไร้วี่แวว ในขณะเดียวกัน ราชโองการเรื่องการอภิเษกสมรสก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง ข้ายังไม่พร้อมที่จะผูกมัดชีวิตกับสตรีที่ไม่รู้จัก จึงทูลขอพระบิดาออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก อ้างว่าเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและศึกษาเส้นทางการค้า... แต่เหตุผลที่แท้จริงคือเพื่อยื้อเวลาและหลีกหนีความจริง”

“ขบวนของข้าเดินทางเข้าสู่เส้นทางสายไหมอันเลื่องชื่อ... ณ ตลาดแห่งหนึ่งในเมืองโอเอซิสที่ห่างไกล ข้าได้เห็นภาพที่น่าเวทนา พ่อค้าทาสกำลังประมูลขายมนุษย์ราวกับเป็นสิ่งของ ข้าทนดูไม่ได้ จึงตัดสินใจใช้ทองคำจำนวนมากซื้อตัวพวกเขาทั้งหมดไว้ในคราเดียว” องค์รัชทายาทหยุดเล็กน้อย แววตาฉายความเจ็บปวด 

“ข้าไม่ได้ต้องการทาส ข้าเพียงต้องการมอบอิสรภาพให้พวกเขา แต่การเดินทางยังอีกยาวไกล ข้าจึงต้องให้พวกเขาติดตามขบวนของข้าไปก่อน และในบรรดาทาสเหล่านั้น... มีเด็กสาวนางหนึ่งที่ดึงดูดสายตาของข้าเป็นพิเศษ นางมีนามว่า ไลลา”

“ครั้งแรกที่ข้าพบนาง นางอยู่ในสภาพอิดโรย ร่างผอมบางในอาภรณ์ผ้าเนื้อหยาบสีซีดจาง ผิวของนางกร้านแดดและมอมแมมไปด้วยฝุ่นผงแห่งการเดินทาง เรือนผมสีเข้มยุ่งเหยิงปิดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง นางไม่ได้งดงามโดดเด่น... แต่สิ่งที่ทำให้ข้าหยุดมองคือดวงตาของนาง... ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองมาอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะฉายความเหนื่อยล้า แต่มันกลับมีความแข็งกร้าวดื้อรั้นซ่อนอยู่... เป็นแววตาที่ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา มันทำให้ข้านึกถึงแววตาของเจ้า... ซิงจวน... แววตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของคนที่รักในอิสระ”

“ในตอนแรก ไลลาทำหน้าที่ของนางอย่างเงียบงันและไร้ที่ติ นางจัดเตรียมที่พัก จัดหาน้ำและอาหารให้ข้าโดยไม่เคยเอ่ยคำพูดเกินความจำเป็น กำแพงที่มองไม่เห็นกั้นขวางระหว่างเรา สถานะของข้าและนางแตกต่างกันเกินไป นางคือทาสที่ถูกซื้อมา ส่วนข้าคือเจ้านายผู้เป็นเจ้าชีวิต”

“แต่ข้าสังเกตเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกเหนือหน้าที่รับใช้ ในยามที่ขบวนหยุดพัก ข้ามักจะเห็นนางเดินสำรวจไปตามพื้นทรายอย่างเงียบๆ นางรู้วิธีหาพืชทะเลทรายเล็กๆ ที่พอจะใช้เป็นอาหารเสริมให้แก่อูฐได้ หรือสังเกตทิศทางลมเพื่อคาดการณ์พายุทรายล่วงหน้า นางมีความรู้ที่ไม่ได้มาจากตำรา แต่มาจากการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด”

“เหตุการณ์เปลี่ยนไปในคืนหนึ่งขณะที่ข้ากำลังตรวจดูแผนที่อยู่ในกระโจมเพียงลำพัง ข้าเกือบจะเหยียบแมงป่องสีดำตัวใหญ่ที่คลานเข้ามาอย่างเงียบเชียบ แต่ก่อนที่ข้าจะได้ทำอะไร ร่างของไลลาก็พุ่งเข้ามาขวางหน้านางใช้วัตถุบางอย่างปัดมันออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำจนน่าตกใจ” 

“นางใช้มีดเล็กๆ ที่เหน็บไว้ที่เอวเสมอเขี่ยมันออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะหันมาโค้งคำนับให้ข้าอย่างสงบแล้วกล่าวว่า ‘โปรดระวังด้วยเพคะ พื้นทรายยามค่ำคืนไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่เห็น’

“นั่นเป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยประโยคนอกเหนือจากคำว่า "เพคะ" กับข้าโดยตรง และหลังจากคืนนั้น ข้าก็เริ่มมองนางต่างไป ข้าไม่ได้เห็นนางเป็นเพียงทาสอีกต่อไป แต่เห็นเป็นผู้มีประสบการณ์ที่น่าทึ่ง ข้าเริ่มชวนนางสนทนา ถามนางเกี่ยวกับสรรพคุณของพืชต่างๆ หรือวิธีเอาตัวรอดในทะเลทราย”

"ข้าเคยถามนางครั้งหนึ่งว่าเรียนรู้ วิธีพวกนี้มาจากไหน นางเพียงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า ‘'จากชีวิตเพคะ’ คำตอบสั้นๆ นั้นกลับกรีดลึกลงในใจข้า ทำให้ข้าตระหนักถึงความแตกต่างของโลกที่เราทั้งสองอาศัยอยู่

“วันหนึ่งข้าสังเกตเห็นว่าฝ่ามือของนางหยาบกร้านและมีรอยแตกจนเลือดซึมจากการทำงานหนักตลอดการเดินทาง ข้าจึงเรียกนางเข้ามาและมอบตลับยาขี้ผึ้งชั้นดีซึ่งเป็นของใช้ส่วนตัวของข้าให้นาง นางมองข้าด้วยความตกใจ ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวนั้นฉายแววสับสน”

“นางรับมันไว้เงียบๆ โดยไม่เอ่ยคำขอบคุณ แต่ในดวงตาคู่นั้น ข้ารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เปลี่ยนไป กำแพงน้ำแข็งที่นางสร้างขึ้นรอบตัว เริ่มปรากฏรอยร้าวเป็นครั้งแรก นางอาจไม่เชื่อใจในความเมตตา แต่การกระทำเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงการมองเห็นนางเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ค่อยๆ สลายความเย็นชาของนางลงทีละน้อย”

“บทสนทนาของพวกเรายามค่ำคืนข้างกองไฟจึงเปลี่ยนไป ข้าเล่าเรื่องดวงดาวตามตำราดาราศาสตร์ที่เคยร่ำเรียนมาให้นางฟัง ชี้ให้ดูดาวเหนือและกลุ่มดาวจักรราศีที่ข้ารู้จัก นางชี้ไปยังกลุ่มดาวอีกกลุ่มหนึ่งที่ข้าไม่เคยรู้จักแล้วกล่าวว่า ‘นั่นคือดาวนักเดินทางเพคะ มันจะขึ้นทางทิศตะวันออกเสมอ ก่อนที่ดาวเหนือจะปรากฏชัดเจน’ เราต่างแบ่งปันโลกคนละใบให้แก่กันภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน”

องค์รัชทายาทหยุดเล่ากะทันหัน พระองค์เงยพระพักตร์ขึ้นสบตากับซิงจวน แววตาเต็มไปด้วยความละอายใจ 

“ซิงจวน... เรื่องราวต่อจากนี้... มันอาจไม่เหมาะสมนักที่ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง... เจ้าแน่ใจหรือว่าอยากจะฟังต่อ?”

ซิงจวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น แววตาของนางยังคงเรียบนิ่งและเข้าใจ 

“เล่าเถิดเพคะองค์รัชทายาท หม่อมฉันต้องการความจริงทั้งหมด” นางกล่าว “และอย่าเพียงแค่เล่าว่าเกิดอะไรขึ้น... แต่โปรดพรรณนาความรู้สึกของพระองค์ที่มีต่อนางในยามนั้นด้วย หม่อมฉันอยากเข้าใจ”

เมื่อได้รับอนุญาต องค์รัชทายาทจึงหลับตาลง ระลึกถึงความรู้สึกในค่ำคืนนั้น ก่อนจะเริ่มเล่าต่อด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา...

คืนที่พระองค์ได้มอบหัวใจให้ใครบางคนที่ไม่ใข่รักแรก...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 4: ความมุ่งมั่น 

    ซิงจวนมองสบตาองค์รัชทายาท แววตาของนางอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นความรวดร้าวใจของพระองค์"เรื่องราวของพระองค์กับไลลา... โดยเฉพาะค่ำคืนนั้น... หม่อมฉันเข้าใจและให้อภัยเพคะ" นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่หนักแน่น "หม่อมฉันดีใจที่นางได้มอบความอบอุ่นให้พระองค์ในยามที่ท่านอ้างว้างอย่างแท้จริง"องค์รัชทายาทเงยพระพักตร์ขึ้นมองนางด้วยความตื้นตันระคนละอายพระทัย "ซิงจวน... เจ้า...""แต่หม่อมฉันมีเรื่องอยากจะทูลถามองค์รัชทายาทสักเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เพคะ" ซิงจวนกล่าวต่อ สายตาของนางจริงจังขึ้น องค์รัชทายาทพยักหน้าช้าๆ"หากเรื่องราวกลับกัน... หากสตรีที่ท่านต้องเข้าพิธีอภิเษกด้วยนั้น... ไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่สังคมคาดหวัง หากนางเคยมีอดีต... เคยมีสัมพันธ์ทางกายกับบุรุษอื่นมาก่อน... พระองค์จะยังทรงอภัยและยอมรับนางเป็นชายาได้หรือไม่เพคะ?"คำถามนั้นราวกับค้อนที่ทุบลงกลางใจขององค์รัชทายาท พระองค์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ตระหนักถึงความเท่าเทียมที่นางกำลังเรียกร้อง... นางให้อภัยพระองค์ได้อย่างง่ายดาย แล้วพระองค์เล่า? หลังจากครุ่นคิดอยู่เพียงเสี้ยววินาที พระองค์ก็สบตานางอย่างแน่วแน่"ข้า..

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 4 : หวีแห่งพันธสัญญา (2/2)

    “คืนหนึ่งท่ามกลางแหล่งน้ำกลางทะเลทรายใต้แสงจันทร์นวลตา... ข้ามองลึกลงไปในดวงตาของไลลา และไม่เห็นใครอื่นอีกต่อไป… แม้นางจะคล้ายเจ้า และทำให้ระลึกถึงเจ้าอยู่บ่อยๆ แต่นางก็ไม่ใช่เจ้า… ในตอนนั้นข้าเห็นเพียงนาง... สตรีผู้แข็งแกร่งและงดงามในแบบของนางเอง สตรีที่ข้าตกหลุมรักเป็นคนที่สองต่อจากเจ้า”“ข้าโน้มตัวลงไปจุมพิตนาง... และนางก็ไม่ได้ขัดขืน... ซิงจวน... มันไม่ใช่ราคะที่เร่าร้อน แต่เป็นการปลอบประโลมจิตใจที่อ้างว้างของคนสองคนที่ค้นพบความอบอุ่นในอ้อมกอดของกันและกัน ในอ้อมกอดของนาง ข้าพบความอบอุ่นที่ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดจากการสูญเสียเจ้าชั่วขณะ และในอ้อมกอดของข้า นางคงพบความปลอดภัยที่นางโหยหามาตลอดชีวิต เราต่างเป็นที่พักพิงให้แก่กันในดินแดนที่ไม่มีใครเข้าใจเรา แล้วเราก็ตกเป็นของกันและกัน…”องค์รัชทายาทหยุดเล่าชั่วขณะ สุรเสียงของพระองค์แผ่วลงจนแทบไม่ได้ยิน พระองค์ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เพื่อสบตากับซิงจวน พระทัยเต้นระรัวด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกิน... นางนั่งนิ่งราวกับรูปสลัก แววตาทอประกายบางอย่างที่พระองค์อ่านไม่ออกในที่สุด นางก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ น้ำเสียงยังคงราบเรียบแต่แฝงความหนักแน่น "เมื

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 3: หวีแห่งพันธสัญญา (1/2)

    ซิงจวนมองลึกลงไปในดวงเนตรขององค์รัชทายาทที่เต็มไปด้วยความสับสนระคนยินดี นางเข้าใจดีถึงคำถามมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจของพระองค์ นางคลายอ้อมกอดอย่างแช่มช้อย กิริยาสง่างามสมฐานะธิดาอ๋อง แต่แววตายังคงเป็นของซิงจวนคนเดิม“เรื่องราวยังไม่จบเพคะ” นางกล่าวเบาๆ “ข้อตกลงของเรายังคงอยู่”นางเดินกลับไปยังโต๊ะ หยิบหวีไม้จันทน์หอมสลักลายเมฆขึ้นมาอย่างนุ่มนวล กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนื้อไม้ลอยฟุ้งขึ้นมาในอากาศ "หม่อมฉันคิดว่า... ถึงเวลาของของชิ้นที่สองแล้ว"องค์รัชทายาททอดพระเนตรหวีในมือนาง ความทรงจำอีกระลอกซัดถาโถมเข้ามาในพระทัย เป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความสับสนและหลีกหนี พระองค์ทรุดกายนั่งลงอีกครั้ง เริ่มต้นเล่าเรื่องราวบทที่สองแห่งการเดินทาง“หลังจากที่ข้าสูญเสียเจ้าไป... หัวใจของข้าก็ว่างเปล่า” พระองค์เริ่มต้น “ข้าพยายามตามหาเจ้าอยู่แรมปีแต่ก็ไร้วี่แวว ในขณะเดียวกัน ราชโองการเรื่องการอภิเษกสมรสก็ถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง ข้ายังไม่พร้อมที่จะผูกมัดชีวิตกับสตรีที่ไม่รู้จัก จึงทูลขอพระบิดาออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก อ้างว่าเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและศึกษาเส้นทางการค้า... แต่เหตุผลที่

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 2: ความจริงใต้ผ้าคลุม

    พระชายานิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ ปล่อยให้ความเจ็บปวดในน้ำเสียงขององค์รัชทายาทล่องลอยอยู่ในความเงียบงันของห้องหอ ก่อนที่สุรเสียงอันราบเรียบของนางจะดังขึ้นทำลายทุกสิ่ง“หม่อมฉันได้ปิ่นนี้มา... จากคุณชายผู้หนึ่งเพคะ”องค์รัชทายาทขมวดพระขนงกับคำตอบที่ไม่คาดคิด “คุณชาย?”“เพคะ” นางตอบรับ “เมื่อหลายปีก่อน หม่อมฉันในวัยเยาว์รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่ถูกตีกรอบอยู่ในจวนอ๋อง หม่อมฉันปรารถนาจะได้เห็นโลกภายนอก อยากสัมผัสชีวิตของชาวบ้านที่แท้จริง จึงได้ขออนุญาตบิดาปลอมตัวเป็นหญิงสาวสามัญชน ออกไปใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ชายป่า พร้อมกับองครักษ์และนางข้าหลวงคนสนิทเพียงสองคน สวมบทเล่นเป็นพ่อแม่ลูก”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ... เรื่องราวของนางช่างคล้ายคลึงกับของพระองค์เหลือเกิน“มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของหม่อมฉัน” นางเล่าต่อ น้ำเสียงเจือความฝันหวาน “หม่อมฉันได้เรียนรู้วิธีเก็บสมุนไพร แยกแยะเห็ดมีพิษ ได้หัวเราะอย่างเต็มเสียงโดยไม่ต้องกังวลถึงยศศักดิ์ และที่นั่นเอง... หม่อมฉันได้พบกับคุณชายรูปงามผู้หนึ่งที่หนีความวุ่นวายมาพักผ่อนหย่อนใจเช่นกัน เราตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว”องค์รัชทายาทแทบ

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 1: เจรจา

    ความตกตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเฉียบที่แล่นจับขั้วหัวใจอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยววินาทีนั้น ภาพสตรีผู้เป็นที่รักในความทรงจำทั้งห้าซ้อนทับกันราวกับภาพวาดที่ซีดจาง เด็กสาวชาวบ้าน ทาสสาว นางระบำ สาวใช้ และนักบวชหญิง ก่อนจะถูกฉีกกระชากด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นภายใต้ผ้าคลุมหน้าของพระชายา สมมติฐานที่เลวร้ายที่สุดผุดขึ้นในพระทัย เครือข่ายอำนาจของบิดานาง ส่งคนไปจัดการพวกนางงั้นหรือ!?“อำมหิต!” องค์รัชทายาทตวาดลั่น สุรเสียงที่เคยแหบพร่าด้วยความอาลัย บัดนี้สั่นเทาด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน พระองค์ผุดพระวรกายลุกขึ้น ฉลองพระองค์มงคลสีแดงสดสะบัดไหวรุนแรงราวกับเปลวเพลิง ปลายนิ้วของพระองค์ชี้ไปยังกองสิ่งของบนโต๊ะราวกับจะแผดเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน “เจ้าทำอะไรพวกนาง!? ข้าไม่มีอารมณ์ร่วมหอกับเจ้าแล้ว!”พระทัยของพระองค์ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ไม่รอคำตอบใดๆ องค์รัชทายาทหมุนพระวรกาย หมายจะพุ่งไปยังบานประตูสูงใหญ่ที่สลักเสลาอย่างวิจิตร เพื่อหนีจากกรงทองที่น่าอึดอัดและสตรีผู้มีรอยยิ้มราวกับปีศาจ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวที่สาม น้ำเสียงเรียบนิ่งของนางก็หยุดพระองค์ไว้ราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น“หากองค์รัชทายาททรงก้าวออกจากห้องหอในค

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทนำ : คำสารภาพ

    งานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่จบลงแล้ว เสียงดนตรีและการเฉลิมฉลองที่ดังกึกก้องตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน บัดนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบงัน เหลือเพียงความอ่อนล้าที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของทุกคน เว้นเสียแต่องค์รัชทายาทผู้เป็นศูนย์กลางของงานในวันนี้ฉลองพระองค์มงคลลายมังกรห้าเล็บสีแดงสดขับให้พระพักตร์ของพระองค์ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงเนตรคมที่เคยเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น บัดนี้กลับฉายแววหม่นหมองและว่างเปล่า นี่คือการสมรสกับธิดาอ๋อง ที่เกิดขึ้นจากราชโองการของพระบิดา จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อค้ำจุนราชบัลลังก์และถ่วงดุลอำนาจกับแคว้นที่บิดาของนางกุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมดขบวนส่งตัวเคลื่อนไปตามระเบียงยาวที่ประดับด้วยโคมไฟสีแดงสลัว องค์รัชทายาทก้าวพระบาทไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า หัวใจของพระองค์หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยโซ่ตรวนแห่งความทรงจำ พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตร พระชายา ผู้เป็นธิดาของอ๋องนักรบผู้เกรียงไกรที่เดินอยู่เคียงข้างเลยแม้แต่น้อย ในห้วงคำนึงมีแต่ภาพของสตรีอื่น…รอยยิ้มและแววตาใสซื่อของเด็กสาวชาวบ้านในวัยเยาว์…แววตาที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตาของทาสหญิง...ท่าร่ายรำอ่อนช้อยที่แฝงไปด้วยความยั่วยวนของนางระบำในด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status