แชร์

บทที่ 1: เจรจา

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-23 01:50:08

ความตกตะลึงแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นเฉียบที่แล่นจับขั้วหัวใจอย่างรวดเร็ว ในเสี้ยววินาทีนั้น ภาพสตรีผู้เป็นที่รักในความทรงจำทั้งห้าซ้อนทับกันราวกับภาพวาดที่ซีดจาง เด็กสาวชาวบ้าน ทาสสาว นางระบำ สาวใช้ และนักบวชหญิง ก่อนจะถูกฉีกกระชากด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นภายใต้ผ้าคลุมหน้าของพระชายา 

สมมติฐานที่เลวร้ายที่สุดผุดขึ้นในพระทัย เครือข่ายอำนาจของบิดานาง ส่งคนไปจัดการพวกนางงั้นหรือ!?

“อำมหิต!” องค์รัชทายาทตวาดลั่น สุรเสียงที่เคยแหบพร่าด้วยความอาลัย บัดนี้สั่นเทาด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน พระองค์ผุดพระวรกายลุกขึ้น ฉลองพระองค์มงคลสีแดงสดสะบัดไหวรุนแรงราวกับเปลวเพลิง ปลายนิ้วของพระองค์ชี้ไปยังกองสิ่งของบนโต๊ะราวกับจะแผดเผามันให้เป็นเถ้าถ่าน 

“เจ้าทำอะไรพวกนาง!? ข้าไม่มีอารมณ์ร่วมหอกับเจ้าแล้ว!”

พระทัยของพระองค์ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา ไม่รอคำตอบใดๆ องค์รัชทายาทหมุนพระวรกาย หมายจะพุ่งไปยังบานประตูสูงใหญ่ที่สลักเสลาอย่างวิจิตร เพื่อหนีจากกรงทองที่น่าอึดอัดและสตรีผู้มีรอยยิ้มราวกับปีศาจ แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวที่สาม น้ำเสียงเรียบนิ่งของนางก็หยุดพระองค์ไว้ราวกับโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น

“หากองค์รัชทายาททรงก้าวออกจากห้องหอในคืนแรก... ลองจินตนาการดูสิเพคะว่ารุ่งเช้าจะเกิดอะไรขึ้น”

คำกล่าวของนางทำเอาพระบาทที่กำลังจะก้าวชะงักงันกลางอากาศ ก่อนที่นางจะเอื้อนเอ่ยประโยคต่อไป 

“ข่าวจะแพร่สะพัดไปทั่ววังหลวงว่าองค์รัชทายาททรงทอดทิ้งพระชายาธิดาอ๋องผู้กุมอำนาจทางการทหารทั้งหมดของแคว้น” นางกล่าวต่ออย่างใจเย็น ทุกถ้อยคำชัดเจนและเฉียบคม “นี่คือการหยามเกียรติบิดาของหม่อมฉันอย่างร้ายแรงที่สุด การแต่งงานที่เป็นดั่งสะพานเชื่อมอำนาจ... ก็จะกลายเป็นชนวนเหตุแห่งสงครามได้โดยง่าย การละทิ้งหม่อมฉันคืนนี้... ไม่ส่งผลดีต่อใครเลย โดยเฉพาะราชบัลลังก์ของพระองค์เพคะ”

องค์รัชทายาทหันขวับกลับมาเผชิญหน้ากับนาง ดวงเนตรลุกโชนด้วยเพลิงพิโรธ

“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไรได้? นั่งมองหน้าสตรีที่อาจจะสังหารคนรักของข้าไปอย่างสงบสุขรึ! ไม่กลัวถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จากความโกรธของข้ารึอย่างไร?!”

“แล้วการทำร้ายหม่อมฉันในตอนนี้ จะช่วยอะไรพวกนางได้หรือเพคะ?” นางย้อนถาม น้ำเสียงยังคงเรียบสนิทไร้ระลอกคลื่น “มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง หม่อมฉันคือพระชายาเอกของพระองค์ คือธิดาของอ๋อง การทำร้ายหม่อมฉันแม้เพียงปลายเล็บ ย่อมหมายถึงการประกาศสงครามกับบิดาของหม่อมฉัน”

องค์รัชทายาทกำหมัดแน่นจนข้อพระหัตถ์ขาวซีดมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นอย่างน่ากลัว พระองค์รู้สึกราวกับเป็นพยัคฆ์ที่ติดอยู่ในกรงทอง ถูกต้อนจนมุมด้วยเหตุผลทางการเมืองที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สตรีตรงหน้านี้ไม่ใช่แค่ภรรยา แต่เป็นผู้กุมอำนาจทางการเมืองที่พระองค์ไม่อาจแตะต้อง และนางก็รู้ดี

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” พระองค์เค้นสุรเสียงถามลอดไรพระทนต์

พระชายาขยับพระวรกายอย่างเชื่องช้า แขนเสื้อปักดิ้นทองลายหงส์สะท้อนแสงเทียนวูบไหว นิ้วเรียวของนางบรรจงจัดเรียงของบนโต๊ะอย่างแช่มช้อย 

“หม่อมฉันเพียงต้องการความจริง เช่นเดียวกับที่พระองค์ต้องการ” นางหยุดมือที่ปิ่นหยกขาวรูปดอกมู่หลานที่เย็นเฉียบ “เรามาทำข้อตกลงกันดีหรือไม่เพคะ?”

“ข้อตกลง?”

“ใช่แล้วเพคะ” นางกล่าว “หากพระองค์ทรงเล่าเรื่องราวความผูกพันกับเจ้าของของแต่ละชิ้นอย่างละเอียด... หม่อมฉันก็จะบอกความจริงแก่พระองค์ ว่าหม่อมฉันได้ของชิ้นนั้นมาอย่างไร”

องค์รัชทายาทนิ่งอึ้งไปกับข้อเสนอที่แปลกประหลาด มันคือเกมจิตวิทยาที่บีบคั้นหัวใจ แต่ในเมื่อไร้ทางออกอื่น และความปรารถนาที่จะรู้ความจริงเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกนางมีมากกว่าสิ่งใด พระองค์ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมเล่นไปตามแผนของนาง

“ตกลง” พระองค์ตอบรับ พลางทรุดพระวรกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามอย่างอ่อนแรงราวกับถูกสูบพลังไปจนหมดสิ้น “แล้วจะเริ่มจากสิ่งใดก่อน?”

นิ้วเรียวของพระชายาชี้ไปยังปิ่นหยกขาวเป็นอันดับแรก แสงเทียนตกกระทบเนื้อหยกนวลเกิดเป็นประกายแวววาว

“เริ่มจากของชิ้นแรกที่พระองค์มอบให้สตรีอื่น... ปิ่นดอกไม้นี่เถิดเพคะ”

องค์รัชทายาทหลับตาลง ภาพความทรงจำในวัยเยาว์ที่เคยเลือนรางกลับชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้น แววตาของพระองค์ก็ฉายแววอ่อนโยนและเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง

“นางคือรักแรกของข้า... ซิงจวน” พระองค์เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ “ตอนนั้นข้าอายุเพียงสิบหกชันษา เบื่อหน่ายชีวิตในวังหลวงที่น่าอึดอัด จึงปลอมตัวเป็นคุณชายตระกูลพ่อค้าหนีออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองเป็นครั้งแรก ที่นั่น... ในป่าลึกริมลำธาร ข้าได้พบนาง เด็กสาวชาวบ้านที่กำลังเก็บสมุนไพร นางมีรอยยิ้มที่สดใสกว่าตะวันยามเช้า และมีดวงตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์”

"ทุกครั้งที่เรานัดเจอกัน มันคือการหลีกหนีจากโลกที่ข้าเคยรู้จักโดยสิ้นเชิง ในวัง... ข้าเรียนรู้ตำราพิชัยสงคราม ปรัชญาการปกครอง และพิธีรีตองอันซับซ้อน แต่กับซิงจวน นางสอนให้ข้ารู้จักแยกแยะว่าเห็ดชนิดใดมีพิษ สอนให้ข้าฟังเสียงนกร้องแล้วบอกได้ว่านั่นคือนกอะไร นางสอนให้ข้ารู้ว่าโลกภายนอกกำแพงวังนั้นมีชีวิตชีวาและงดงามเพียงใด ความรู้ของนางไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในตำรา แต่เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยกายและใจ"

"ข้าจำได้ดีถึงวันที่พยายามจะจับปลาในลำธารด้วยมือเปล่าเป็นครั้งแรก ข้าลื่นล้มจนเปียกปอนไปทั้งตัวและเต็มไปด้วยโคลน แทนที่จะตกใจ นางกลับหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นป่า เป็นเสียงหัวเราะที่บริสุทธิ์และจริงใจที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยิน ในตอนแรกข้ารู้สึกอับอาย แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง ข้าก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ นั่นเป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกว่า... ข้าไม่ได้เป็นองค์รัชทายาท แต่เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง"

"ความผูกพันของเราไม่ได้มีเพียงความสนุกสนาน ยังมีช่วงเวลาที่เงียบสงบซึ่งตราตรึงอยู่ในใจข้าเสมอ เราเคยนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ด้วยกัน มองดูแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่ความเงียบนั้นกลับไม่ได้น่าอึดอัดเลย มันเต็มไปด้วยความเข้าใจและความรู้สึกปลอดภัยที่ข้าไม่เคยได้รับจากที่ใดมาก่อน ในอ้อมกอดของป่าเขาและมีนางอยู่ข้างๆ ข้าค้นพบความสงบสุขที่แท้จริง"

"นางทำให้ข้าตระหนักว่าชีวิตที่ข้ามีนั้นว่างเปล่าเพียงใด ข้ามีทุกอย่าง... ยกเว้นอิสรภาพและความสุขที่เรียบง่าย ซิงจวนมีชีวิตที่ยากลำบาก เสื้อผ้าของนางเก่าและปะชุน แต่แววตาของนางกลับเป็นประกายอยู่เสมอ ข้ามองเห็นความงดงามในความไม่สมบูรณ์แบบนั้น และหัวใจของข้าก็ปรารถนาที่จะปกป้องรอยยิ้มนั้นไว้ ไม่ใช่ด้วยอำนาจ แต่ด้วยความรัก"

"นั่นจึงเป็นเหตุผล... ที่ข้าต้องบอกความจริงกับนาง ข้ารู้ว่ามันอาจทำให้นางหวาดกลัว แต่ข้าทนไม่ได้ที่จะต้องปิดบังตัวตนที่แท้จริงจากคนที่ข้ารักอีกต่อไป ข้าต้องการให้นางเข้ามาอยู่ในโลกของข้า ต้องการมอบชีวิตที่ดีกว่าให้นาง เพื่อที่ข้าจะได้เห็นรอยยิ้มนั้นในทุกๆ วัน ชีวิตของนางเรียบง่ายและอิสระ... เป็นทุกสิ่งที่ข้าไม่เคยมี ข้าตกหลุมรักนางจนหมดหัวใจ โดยที่นางไม่เคยรู้เลยว่าข้าเป็นใคร"

“ข้าตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะรับนางเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของข้าให้ได้ ข้าจึงตัดสินใจเปิดเผยฐานะที่แท้จริงกับนางในวันสุดท้ายที่เราพบกัน ข้าเห็นแววตาตื่นตระหนกของนาง แต่ก็ได้มอบปิ่นหยกนั่นให้นาง... เป็นสัญญาใจ” รัชทายาทหยุดเล่าชั่วขณะ ความเจ็บปวดฉายชัดขึ้นในดวงเนตรขององค์รัชทายาท “ข้าสัญญากับนางว่าจะกลับมารับนางเข้าวังภายในหนึ่งเดือน แต่พอข้ากลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้งพร้อมขบวนเกียรติยศ กลับพบเพียงกระท่อมไม้ที่ว่างเปล่า ชาวบ้านบอกว่านางกับครอบครัวจากไปโดยไม่ทิ้งคำร่ำลาใดๆ ไม่มีใครพบนางอีกเลย...”

องค์รัชทายาทเล่าจบ พระองค์เงยหน้าขึ้นสบตากับผ้าคลุมหน้าของพระชายา ความรู้สึกสูญเสียที่เคยจางหายไปกับกาลเวลา บัดนี้หวนกลับมาทิ่มแทงหัวใจอีกครั้งอย่างรุนแรง

“ข้าเล่าจบแล้ว” พระองค์เอ่ยเสียงหนักแน่น “ทีนี้... บอกข้ามาได้รึยัง ว่าเจ้าได้ปิ่นนั่นมาอย่างไร?”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 13: ระบำแห่งความทรงจำ

    องค์รัชทายาทจ้องมองรอยยิ้มอันสดใสของซิงจวน รอยยิ้มของรักแรกที่พระองค์โหยหามาตลอด คำขอของนางที่ให้หยุดพักเรื่องราวไว้ก่อนนั้น ไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองในพระทัยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับทำให้พระองค์ตระหนักว่า สตรีตรงหน้าไม่ใช่เพียงภาพฝันหรือวีรสตรีในตำนาน แต่คือนางผู้มีเลือดเนื้อ มีความเหนื่อยล้า และมีความต้องการเช่นเดียวกับพระองค์ความรัก ความซาบซึ้ง และแรงปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานานแสนนานได้ปะทุขึ้นในใจของพระองค์อย่างรุนแรง พระองค์ไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ แต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบพระองค์โน้มพระพักตร์ลงไปมอบจุมพิตให้แก่นาง... จุมพิตที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ได้มีความลังเลของอิซาเบลล่า ไม่ได้มีความเร่าร้อนท้าทายของยาซมิน และไม่ได้มีความโหยหาที่เจือความเศร้าของไลลา แต่มันคือจุมพิตขององค์รัชทายาทที่มอบให้แก่พระชายา... ภรรยาเพียงคนเดียวของพระองค์“ซิงจวน...” พระองค์กระซิบเรียกชื่อนาง “ข้ารักเจ้า... รักทุกตัวตนของเจ้า”ซิงจวนยิ้มรับผ่านจุมพิตนั้น นางสัมผัสได้ถึงความรักที่แท้จริงของพระองค์ แววตาของนางทอประกายขี้เล่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เช่นนั้น... พระองค์พูดเองนะเพคะ”ไม่รอคำตอบ แสง

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 12: ความอบอุ่นในดินแดนหิมะ

    รุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องเข้ามาในห้องหอ แต่บทสนทนาแห่งความทรงจำกลับต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว หลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนที่หลอมรวมสองวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียว ความอ่อนล้าและความสุขสมก็ทำให้พระชายาขององค์รัชทายาทผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของพระองค์เสียก่อนที่จะได้เอ่ยถึงปริศนาของตลับเงินตลอดทั้งวัน องค์รัชทายาททรงปฏิบัติพระราชกิจด้วยพระทัยที่ล่องลอย ภาพของซิงจวนในร่างของไลลาและยาซมินยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง ความรัก ความทึ่ง และความรู้สึกผิดที่ถูกชะล้างไปด้วยความเข้าใจ ก่อเกิดเป็นสายใยที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าพันธนาการใดๆ พระองค์เฝ้ารอเวลาค่ำคืนอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเสร็จสิ้นราชกิจทั้งหมด พระองค์ก็รีบเสด็จไปยังตำหนักส่วนพระองค์ของพระชายาทันที แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องรับแขก พระองค์ก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความประหลาดใจห้องที่เคยตกแต่งอย่างวิจิตรตามแบบฉบับตะวันออก บัดนี้กลับถูกเปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิงในวันเดียว พรมขนสัตว์หนานุ่มปูทับพื้นไม้ขัดเงา เก้าอี้นวมบุผ้ากำมะหยี่สีเข้มตั้งอยู่หน้าเตาผิงที่แกะสลักจากหินอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของดินแดนตะวันตกที่พระองค์คุ้นเคย พระองค์ไม่แปลกใจเท่าไรกับการเปลี่ยนแปล

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 11: ระบำแห่งสองวิญญาณ

    ซิงจวนในร่างของยาซมินยังคงยืนอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท แววตาของนางซับซ้อนเกินกว่าจะอ่านได้ มันคือแววตาของนักสู้ผู้ผ่านความตาย แววตาของนางระบำผู้เย้ายวน และแววตาของซิงจวนผู้เปี่ยมรัก... ทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นางเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่แท้จริงเบื้องหลังระบำแห่งเปลวไฟนั้น...“เมื่อหม่อมฉันไปถึงนครซาร์ราบาดในร่างใหม่... หม่อมฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพังเพคะ ความทรงจำของยาซมินได้นำทางหม่อมฉันไปยังที่ซ่อนของคณะระบำที่เหลือ พวกนางคือสตรีนักสู้จากเผ่าเดียวกับยาซมิน ทุกคนต่างมีภารกิจเดียวกัน คือการทวงคืน ‘ดวงเนตรแห่งอัคคี’ กลับคืนสู่บ้านเกิด”“พวกเราไม่ใช่เพียงคณะระบำ แต่คือหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ทุกคนมีหน้าที่ของตนเอง บางคนเชี่ยวชาญด้านการสอดแนม บางคนชำนาญเรื่องยาสมุนไพรและยาสลบ และบางคนคือยอดฝีมือในการต่อสู้ที่ซ่อนคมดาบไว้ใต้ท่วงท่าที่อ่อนช้อย ส่วนหม่อมฉัน... ในฐานะยาซมิน... คือหัวหน้า คือนักวางแผน และเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของคณะ”“โชคดีที่มหาเศรษฐีผู้นั้นเป็นคนลุ่มหลงในกามารมณ์และศิลปะที่ฉาบฉวย แผนการของเราจึงเริ่มต้นขึ้นได้อย่างง่ายดาย เรานำเสนอตัวเองกลาวเมืองว่าเป็

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 10: ความโลภ

    ซิงจวนในร่างของไลลายิ้มบางๆ นางมองลึกเข้าไปในดวงเนตรขององค์รัชทายาทที่ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างท่วมท้นระคนกันไป“เรื่องราวว่าหม่อมฉันได้มาอย่างไรมันน่าเหลือเชื่อ แต่เรื่องราวที่เหลือเชื่อนี้ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงประจักษ์แก่ใจ... แต่หม่อมฉันขอให้พระองค์เชื่อใจ และหลับตาลงก่อนได้หรือไม่เพคะ”แม้จะยังสับสน แต่แววตาที่จริงใจของนางก็ทำให้องค์รัชทายาทพยักหน้ารับอย่างช้าๆ พระองค์หลับพระเนตรลง ซิงจวนจึงหยิบผ้าแพรเนื้อนุ่มขึ้นมาผูกปิดพระเนตรของพระองค์ไว้เบาๆ บดบังการมองเห็นทั้งหมด เหลือเพียงความมืดและเสียงรอบกายพลันเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง...กรุ๊ง... กริ๊ง...เสียงกระพรวนจากกำไลข้อเท้าเงินดังขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่ชัดเจน มันเคลื่อนไหวไปรอบๆ ตัวพระองค์อย่างเชื่องช้า ราวกับการร่ายรำที่มองไม่เห็นหัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ พระองค์ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ตามเสียงกระพรวนที่นำทางไป ไม่นานนักเสียงก็หยุดลง พร้อมกับสัมผัสอุ่นร้อนที่ปลายนิ้วซึ่งกำลังปลดผ้าผูกตาออกเมื่อลืมพระเนตรขึ้น ภาพตรงหน้าก็ทำให้พระองค์แทบหยุดหายใจ...ยาซมิน... นางระบำผู้เลอโฉมในชุดผ้าแพ

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 9: ระบำแห่งเปลวไฟ (2/2)

    "ข้ารู้สึกผิดต่อไลลาอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธแรงดึงดูดที่ข้ามีต่อยาซมินได้ นางคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความแข็งแกร่งของไลลาและความสดใสของซิงจวน นางคือพายุที่พัดเข้ามาในหัวใจที่เคยสงบนิ่งของข้า และทำให้กำแพงที่ข้าเคยสร้างไว้เพื่อรอคอยไลลาพังทลายลง ข้าตกอยู่ในสภาวะที่อันตราย... สภาวะที่พร้อมจะยอมจำนนต่อท่วงทำนองต้องห้ามที่นางกำลังบรรเลง"“หลายวันต่อมา ในค่ำคืนแห่งการเจรจาธุรกิจ มหาเศรษฐีได้จัดงานเลี้ยงส่วนตัวขึ้นอีกครั้ง เหล่านางระบำของยาซมินทำหน้าที่รินสุราและให้ความบันเทิง ข้าสังเกตเห็นว่าพวกนางกำลังมอมเหล้าองครักษ์ของข้าและทหารยามของคฤหาสน์ด้วยสุราผสมยาสลบอ่อนๆ พร้อมทั้งโปรยเสน่ห์ยั่วยวนจนทุกคนเคลิบเคลิ้มและหย่อนยานต่อหน้าที่”“ข้ารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ข้าไม่ได้หลงใหลในเสน่หาผิวเผินเหล่านั้นและไม่ได้ต้องการดื่มสุรา จึงพยายามปลีกตัวออกจากงานเลี้ยงกลับไปยังห้องพักเพื่ออ่านตำรา แต่ยาซมินก็ตามข้ามา นางเข้ามาและรุกข้าอย่างหนักหน่วงด้วยเสน่ห์ทั้งหมดที่นางมี เพื่อให้ข้าดื่มสุราให้ได้” องค์รัชทายาทหยุดเล่า สบตากับซิงจวนอย่างรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่านางมีแผนการบางอย่างจึงแสร้งทำเป็นเผล

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 8: ระบำแห่งเปลวไฟ (1/2)

    องค์รัชทายาทนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นแววตาของไลลา ก่อนจะทอดพระเนตรลงไปยังกำไลข้อเท้าเงินร้อยกระพรวนที่นางหยิบขึ้นมาเป็นชิ้นต่อไป เสียงกรุ๊งกริ๊งแผ่วเบาที่ดังขึ้นปลุกความทรงจำที่ทั้งเย้ายวนและอันตรายให้หวนคืนมาอีกครั้ง“ไลลา... ไม่สิ ซิงจวน...”“จะเรียกหม่อมฉันว่าอะไรก็แล้วแต่พระองค์เถิดเพคะ” ซิงจวนในร่างทาสสาวเอ่ยขึ้น“ก่อนที่ข้าจะเล่าเรื่องต่อไป มีบางอย่างที่ข้าต้องสารภาพตามตรง” พระองค์เริ่มต้นด้วยสุรเสียงที่จริงจัง แฝงความละอายพระทัย “มันอาจทำให้เจ้าเจ็บปวด... นอกจากเจ้าในฐานะไลลาแล้ว ข้าได้เผลอกายและใจให้กับสตรีอื่นด้วย... แต่อย่างไรก็ตาม ข้าขอยืนยันว่าซิงจวนคือรักแรกและรักเดียวของข้าเสมอมา และไลลาคือสัมพันธ์สวาทด้วยรักครั้งแรกของข้า... แต่นางผู้นี้... นางแตกต่างออกไป”เมื่อเห็นซิงจวนพยักหน้ารับฟังอย่างสงบ พระองค์จึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป“หลังจากแยกกับไลลา ข้าเดินทางต่อไปยังแคว้นพาร์ซา เพื่อเจรจาเรื่องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่กับนครซาร์ราบาด ในครั้งนี้ผู้ที่เราต้องเจรจาด้วยไม่ได้มีแต่เจ้าผู้ครองนครโดยตรง แต่ยังมีมหาเศรษฐีผู้กุมอำนาจการค้าส่วนใหญ่ของที่นั่น เขาต้องการสร้างสายสัมพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status