“เจ้าไปพักเรือนกับย่านะ”
ไท้ฮูหยินเลือกที่จะไม่สนใจเชียวเยี่ยน ทว่าเอ่ยชวนหลานสาวคนโตไปอยู่ร่วมเรือนแทน เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งระหว่างอยู่ที่สกุลเชียว แม้ว่าสกุลกวงจะไม่อาจเทียบราชวงศ์ แต่ก็นับว่ามีอำนาจไม่น้อย หากเจ้าสาวของแม่ทัพกวงเฉินหนานเกิดอะไรขึ้น คงยากที่จะหาข้อแก้ตัวได้ เชียวอวิ๋นพยักหน้ารับน้อย ๆ ก่อนจะก้าวตามแรงจับจูงของหญิงชรา โดยไม่สนใจสายตาของพ่อแม่และพี่น้องคนอื่น ๆ วันนี้มันยังเป็นแค่น้ำจิ้ม ยังไม่ได้วางจานหลักลง ฉะนั้นนางไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ว่าพวกเขาอยากจะเห็นสิ่งใดจากนางเจ็ดวันถัดมา กลางดึก ณ กระท่อมชานเมือง
หลังฉากกั้นสีเข้ม ร่างในชุดสีดำสนิทนั่งนิ่ง ฟังการสนทนาของผู้ร่วมประชุม ขุนนางหลายฝ่ายที่ทำการสนับสนุนสายเลือดราชวงศ์เดิม ได้รวมตัวกันเพื่อผลักดันให้มีการทวงคืนบัลลังก์ “อีกไม่เกินครึ่งปี องค์ชายก็พร้อมที่จะกลับมา ข้าหวังว่าพวกท่านทุกคนคงไม่ทำให้ข้ากับองค์ชายผิดหวัง” เสียงที่เปล่งออกมา ถูกดัดแปลงเสียจนยากจะบอกได้ว่าคนที่อยู่หลังม่าน เป็นชายหรือหญิง “นายท่านมิต้องกังวลไปขอรับ ตอนนี้แผนการของเรากำลังสำเร็จไปทีละขั้นแล้วขอรับ” “กวงเฉินหลางไม่ควรที่จะอยู่เมืองหลวงนานเกินไป หลังแต่งงานส่งเขาออกจากเมืองหลวงไปเสีย หวังว่าการทำเช่นนี้ ท่านเสนาบดีจะไม่ขัดเคืองใช่หรือไม่” คำถามของคนหลังม่าน เรียกให้ท่านเสนาบดีหันไปมองยังผู้ถาม ก่อนจะค้อมหัวเล็กน้อย อย่างยำเกรงต่อผู้เหนือกว่าด้วยอำนาจ “นางเป็นเพียงจุดด่างพร้อยของสกุลเชียว ย่อมไม่มีสิ่งใดที่ข้าน้อยจะรู้สึกขัดเคืองขอรับ” “หึ ๆ ดี! ทุกการก้าวเดินย่อมต้องมีการเสียสละ บางทีนางอาจมีความสุขที่ได้เกิดใหม่ และสมบูรณ์แบบในชาติหน้า” “ขอรับ” เชียวอวี้จิ้งรับคำอย่างว่าง่าย ความสงบเยือกเย็นของเขา ยากนักที่ใครจะคาดเดาความรู้สึกได้ ทว่าความภักดีของเขา ไร้สิ่งที่คนหลังม่านรู้สึกเคลือบแคลง การประชุมยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จนใกล้รุ่งสางจึงได้มีการแยกย้ายกันกลับสู่ที่พำนักของแต่ละคน คงจะมีเพียงท่านเสนาบดีเชียวเท่านั้น ที่ต้องจัดการตรวจความเรียบร้อยทุกอย่างให้เสร็จสิ้น ก่อนกลับจวนเป็นคนสุดท้าย ซึ่งมันเป็นเช่นนี้ในทุกครั้งที่มีการประชุม และเขาไม่เคยที่จะขัดข้องกับเรื่องเล็กน้อยนี้เลยสิบห้าวันถัดมา
เชียวอวิ๋นได้ก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวสกุลกวง โดยที่ไม่ได้มีการจัดขบวนใหญ่โตอันใด และนี่คือสิ่งที่หญิงสาวพึงพอใจยิ่งนัก ในยามแต่งมิให้เกียรติ ในยามแยกจากจะได้ไม่มีเรื่องให้เสียดาย กำหนดการแต่งงานถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น เพราะแม่ทัพกวงเฉินหลางต้องออกเดินทางสู่ชายแดน จึงไม่อาจล่าช้าได้ ภายในเกี้ยวเจ้าสาวเชียวอวิ๋นจิบสุราหอมอย่างสบายอารมณ์ นางมั่นใจว่าการแต่งงานในวันนี้ คงเกิดขึ้นแบบขอไปที นั่นก็เป็นผลดีต่อนางเช่นกัน ที่จะได้ไม่ต้องเสแสร้งอ่อนหวานต่อหน้าผู้คน รีบเข้าพิธีรีบเสร็จ เพราะนางยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก “คุณหนูใกล้จะถึงแล้วนะเจ้าคะ” เชียวอวิ๋นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยืนกาสุราออกไปนอกหน้าต่าง และมันก็หายไปจากมือของนางอย่างรวดเร็ว อี้หรูได้แต่ค้อนผู้เป็นนายอยู่ด้านนอก ก่อนจะยิ้มละมุนเหมือนกำลังดีใจ กับการแต่งงานของนายสาวในครั้งนี้ แม้ใจจริงแล้วนางยิ้มไว้อาลัยให้แก่สกุลกวงเสียมากกว่า หลังจากเกี้ยวเจ้าสาวหยุดลงยังหน้าจวน ทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอน พิธีต่าง ๆ เป็นไปอย่างเรียบง่าย จนถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ เชียวอวิ๋นนั่งรอสามีอย่างใจเย็น การที่นางได้มีลมหายใจอีกครั้ง ทำไมถึงไม่เกิดเป็นลูกคนธรรมดา ที่เลือกเส้นทางเองได้ ข้าจะทำเพื่อกอบกู้เกียรติให้แก่เจ้าก่อนเชียวอวิ๋น หลังจากนั้นข้าขอให้เป็นชีวิต ที่ข้ากำหนดเองก็แล้วกัน เสียงฝีเท้าจากด้านนอก ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นอะไรให้กับเจ้าสาวเลย เชียวอวิ๋นรู้ดีว่าสามีรูปงามของนาง มิได้เต็มใจรับสตรีใบ้มาเป็นภรรยา หากไม่เพราะคำว่าครอบครัวต้องเกื้อหนุน มีหรือจะได้มีวันนี้ “ข้าต้องออกเดินทางคืนนี้ เจ้าอยู่ที่นี่ให้สบาย อยากได้สิ่งใดให้บอกแก่พ่อบ้านได้เลย” หลังจากเปิดผ้าคลุมหน้า คำพูดของแม่ทัพหนุ่มก็รัวเร็ว คล้ายกลัวถูกสอดแทรก เชียวอวิ๋นเลิกคิ้วสูง ก่อนจะปลดเครื่องต่าง ๆ บนศีรษะที่นางต้องทนแบกมาตลอดทั้งวันออก การเป็นเจ้าสาวนี่มันทรมานใช่เล่นเลยจริง ๆ แม่ทัพหนุ่มแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่ภรรยาใบ้ของเขา ไม่แสดงออกใด ๆ ทางสีหน้า มิว่าเศร้าหรือต้องการคำอธิบายเพิ่มจากเขา ทว่านางกลับจัดการปลดเปลื้องเครื่องแต่งกาย และเดินหายไปยังหลังฉาก เพื่อชำระร่างกายเอาเสียดื้อ ๆ นางทำเหมือนเขาที่กำลังจัดเตรียมสิ่งของอยู่ เป็นเพียงอากาศธาตุ อย่างน้อยนางควรขอบคุณเขาสักคำ ที่ให้นางได้อยู่ในห้องของเขา แทนการอยู่อีกเรือนหรือห้องอื่น แม่ทัพหนุ่มหันกลับไปยังด้านหน้าประตู เมื่อพ่อบ้านเปิดเข้ามา เพื่อรอรับคำสั่งการ “นางต้องการสิ่งใดก็จัดหาให้ นอกเหนือสิ่งที่ท่านคิดว่าไม่ควรมอบ ก็สามารถเลี่ยงได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากข้า และข้าหวังยิ่งนักว่าในฐานะพ่อบ้านท่านจะทำตัวเป็นกลาง ให้สมกับที่ข้าวางใจ” “ข้าน้อยจะมิทำให้ท่านแม่ทัพผิดหวังขอรับ” เมื่อจัดสิ่งของที่จำเป็นเรียบร้อย พ่อบ้านสูงวัยได้เข้ามาช่วยยกออกไป โดยไม่เอ่ยถามสิ่งใดให้มากความ แม่ทัพหนุ่มมองไปยังฉากกั้น ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ นางคือภรรยาที่ถูกต้อง แต่น่าเสียดายที่นางกับเขา คงอยากที่จะเคียงข้างกันได้เช่นคู่สามีภรรยาอื่น และที่แย่ไปกว่านั้น นางต้องมาเสี่ยงชีวิตไปกับเขาผู้มีภัยอยู่รอบด้าน ประตูปิดลงได้เพียงครู่เดียว ร่างระหงได้ก้าวออกมาจากด้านหลังฉากกั้น รอยยิ้มของหญิงสาวยากที่จะบอกได้ถึงอารมณ์ของนาง คนพวกนี้ช่างกล้ามากที่คิดจะให้นางตายแทนคนอื่น สกุลเชียวรู้อยู่แล้วว่ากวงเฉินหลางตกอยู่ในสภาพเช่นไร พวกเขาเลือกส่งนางมาแทนน้องสาว เพราะถ้ากวงเฉินหลางพลาดพลั้งมา นางก็ยากที่จะรอดชีวิตไปได้ ตามกฎสามีภรรยาที่ต้องรับชะตาร่วมกัน ‘คนเยี่ยงข้ายอมได้ในบางเรื่อง แต่ในบางเรื่องข้าไม่จำเป็นต้องยอม’ “ฮูหยิน”จวนแม่ทัพกวง ร่างสูงอุ้มภรรยาก้าวหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะพาหญิงสาวตรงไปยังห้องอาบน้ำที่เชื่อมติดกัน บ่อน้ำร้อนมีควันลอยอยู่เหนือผืนน้ำ แม่ทัพหนุ่มคำนวณเวลาอยู่ภายในใจ นับตั้งแต่ออกจากวัง จนมาถึงที่นี่ใช้เวลาไปมากน้อยแค่ไหน และตอนนี้ภรรยาเขาเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งก้านธูป แม่ทัพหนุ่มไม่รอช้ารีบปลดเปลื้องอาภรณ์ทั้งของเขาและนาง แล้วพาร่างเปลือยเปล่าของภรรยาลงไปในบ่น้ำร้อน เพื่อชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยคราบเลือด เชียวอวิ๋นภาวนาให้ความร้อนของน้ำ ทำให้ร่างกายของนางฟื้นตัว และฤทธิ์ยาของผู้เป็นอาจารย์หายไป ทว่ามันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อร่างกายของนางกลับร้อนรุ่มราวมีไฟแผดเผาอยู่ด้านในหญิงสาวอยากจะกรีดร้องออกมา ทว่ามันไม่อาจทำได้ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เหมือนรู้ล่วงหน้า ยาประหลาดนี่คงทำขึ้นมาใหม่ ในช่วงที่นางเดินทางออกจากฮั่วโจวแล้วเป็นแน่“อวิ๋นเอ๋อร์ ครั้งนี้พี่จะพยายามถนอมเจ้าให้มาก พอเจ้าหายแล้วเราค่อยทำกันใหม่นะ”เชียวอวิ๋นอยากเอาอะไรมาทุ้มใส่หัวของสามีนัก เขาพูดมาได้อย่างไรว่าค่อยทำใหม่ จะโลกเก่าโลกใหม่ นางก็ยังไม่เคยทำเรื่องแบบนี้เลยนะ ไยเขาไม่ให้นางได้ร่ว
“ดูเหมือนท่านแม่จะผิดหวังไม่น้อย ที่ข้าหายป่วยเร็วเกินไป” เชียวอวิ๋นคลี่ยิ้มร้าย นางแค่อาศัยร่างของสายเลือดสกุลเชียว แต่นางหาได้เป็นสกุลเชียวแม้แต่น้อย ฉะนั้นถ้าต้องลงมือกับใครนางก็มิได้รู้สึกผิด “หากข้าไม่กลับไป ต้วนเหนียงต้องตาย เงินของเจ้ามันไม่อาจซื้อทุกอย่างไรเชียวอวิ๋น” “คำนั้นเก็บไว้ใช้เองเถิดฮูหยินใหญ่ เพราะข้ารู้ดีว่าคนของข้ามีนิสัยเช่นไร” “...” อู๋ชวงขมวดคิ้วจนชิด ก่อนจะขบกรามแน่น เมื่อนึกได้ว่านางกับสามี ถูกตลบหลังจากชายหนุ่มที่รับเงินของพวกนางไปถึงสองพันตำลึง “อยากเล่นละคร สับขาหลอกข้าให้หลงกล ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าการแสดงของท่านล้ำเลิศกว่าผู้ใด” “แต่ฝีมือการเด็ดลมหายใจเจ้า ข้ามั่นใจว่าเหนือกว่าเจ้าหลายเท่านักเชียวอวิ๋น” เชร้ง! การต่อสู้ของสตรีต่างวัยได้เริ่มขึ้นแล้ว รอบบริเวณเต็มไปด้วยเสียงอาวุธกระทบกัน ซึ่งทางด้านนอกประตูวัง แม่ทัพทั้งสองได้แยกกันตีฝ่าคนละฝั่ง กวงเฉินหลางแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเขา จะสามารถเข้ามาถึงเมืองหลวงได้ในเวลาเพียงยี่สิบกว่าวัน เ
ห้าวันถัดมา วังหลวง ทั่วทั้งเมืองหลวง ต่างเต็มไปด้วยพลุไฟและแสงสว่างทุกซอกซอย ไม่เว้นแม้แต่ในวังหลวง ที่เหล่าบรรดาสนมนางใน ขันทีต่างพากันจุดโคมและพลุไฟเล่นกันอย่างสนุกสนาน แน่นอนว่าต้องมีความเข้มงวดในการอารักขา ทหารจำนวนมากได้ถูกส่งเข้ามาคุ้มกัน ซึ่งมิใช่ทหารเกราะทองที่ขึ้นตรงกับฝ่าบาท ขุนนางใหญ่หลายท่านได้เดินทางมาข้าเฝ้า เพื่อร่วมอวยพรในวันดีของแคว้นตำหนักใหญ่ฮ่องเต้กำลังนั่งถอนหายใจอยู่ภายในห้องลับ โดยเบื้องหน้าของเขาคือชายชรา ที่กล้าหนีหน้าไปปลีกวิเวกอย่างสบายใจ ปล่อยให้เขาแบกทุกอย่างไว้เพียงลำพัง“คนเป็นใหญ่นี่มันลำบากมากเลยนะ”ชายชราเอ่ยขึ้น โดยที่มือนั้นยกจอกสุราชั้นดีขึ้นดื่ม ส่วนโอรสสวรรค์ได้แต่ค้อนขวับให้แก่คนพูด“ท่านปู่ไม่คิดที่จะรับมันคืนไปหรือขอรับ”“ที่นั่งตรงนั้นมันเป็นของปู่เจ้า และมาเป็นเจ้า ข้าแก่แล้วชอบนั่งเบาะเล็ก ๆ”ชายชราเก็บความรู้สึกสะเทือนใจเอาไว้ภายใน เมื่อเอ่ยถึงน้องชายที่จากโลกนี้ไปแล้วเหลือไว้เพียงหลานชายคนเดียว ที่เขาต้องรับภาระเป็นเบื้องหลังให้แก่เสวี่ยจ้านหลงจนกว่าจะแกร่งพอและยืนได้โดยที่ไม่ต้องมีปีกของเขาคุ้มกัน ศึกสายเลือดที่
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งก้านธูปทุกอย่างได้จบลง เมื่อแม่ทัพเฉาเชียนผละจากร่างของอี้หรู เข้าจัดการทุกอย่าให้เสร็จสิ้น ก่อนคนที่เขารักจะเป็นอันตรายไปมากกว่านี้ “แม่ทัพกวง หากไม่เป็นการรบกวนท่านจนเกินไป รบกวนรีบนำทางข้าไปยังจวนของท่านด้วย น้องสาวกับคนรักของข้าดูจะย่ำแย่มิน้อยเลย” เฉาเชียนเอ่ยจบก็ได้ก้าวไปยังอี้หรู ที่พิงอยู่ข้างต้นไม้ โดยมีคนของเขาเฝ้าคุ้มกัน ร่างสูงช้อนอุ้มหญิงสาวขึ้นสู่อ้อมแขน ก่อนจะออกมายืนรอรถม้า ที่สภาพพังไปกว่าครึ่ง แต่ก็ยังพอบรรทุกคนเจ็บไปได้อยู่ กวงเจี้ยนอาสาอุ้มลูกสะใภ้เอง เพราะดูจากสภาพของบุตรชายแล้ว เดินได้ก็นับว่าวาสนา แม่ทัพหนุ่มไม่คิดขัดบิดา เขาใช้ดาบช่วยพยุงร่างเอาไว้มิให้ล้มลง อย่างน้อยสกุลกวงก็ยังยืดเวลาไปได้อีกสักระยะ ตราบใดที่เสบียงไม่หายไปและตัวเขายังไม่ตาย ยี่สิบวันถัดมา เมืองหลวง เรือนพักฆราวาสอารามทิศใต้ ร่างสูงใหญ่ของท่านเสนาบดีนั่งผิงอยู่กับหัวเตียง โดยมีภรรยารองนั่งอยู่เคียงข้าง กว่ายี่สิบวันแล้วที่เขาซ่อนตัว เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่“เรียนฮูหยิน ข้าน้อยมีข่าวมาแจ้งขอรับ”
เสียงจากถนนเบื้องหลังของท่านเจ้าเมือง เรียกให้ทุกสายตาหันไปด้วยความแตกตื่น คนบนหลังม้าที่ควบมาอย่างลืมตาย คือเชียวอวิ๋นฮูหยินในท่านแม่ทัพกวง กวงเจี้ยนถึงกับต้องพยายามเรียกสติ สะใภ้ใบ้ของเขาไยจึงเปล่งเสียงออกมาได้ชัดเจนถึงเพียงนี้ ก่อนที่ทุกคนจะสังเกตเห็นชัด ว่ามีร่างของใครอีกคนช้อนอยู่เบื้องหลังของนาง เฉาเชียนฝ่าคู่ต่อสู้ตรงไปหาศิษย์ผู้น้อง หากไม่มีเรื่องหนักหนา คนที่มีความอดทนสูงเยี่ยงเชียวอวิ๋น ไยถึงกล้าเผยความลับของตน ทั้งที่รู้ว่ามีศัตรูอยู่เบื้องหน้า “อย่าให้ใครรอดไปได้” เฉาเชียนตะโกนสั่งการเสียงกร้าว เพื่อมิให้ความลับของเชียวอวิ๋นหลุดรอดไปถึงหูของคนในเงามืด นางต้องเป็นสตรีไร้สามารถในสายตาของคนพวกนั้น จนกว่าทุกอย่างจะสงบลง ชีวิตภายหน้าค่อยว่ากันอีกที“ช่วยเขา! ได้โปรดศิษย์พี่” “อวิ๋นน้อยเกิดสิ่งใดขึ้น” “ท่านแม่ทัพกำลังแย่ เขาถูกพิษและมันเกินกำลังของข้า” แม่ทัพหนุ่มรีบช่วยพาร่างของกวงเฉินหลางลงจากหลังม้า การต่อสู้ยังหนักหน่วง คนของพวกเขายังน้อยกว่าศัตรูอยู่เท่าหนึ่ง กองหนุนก็มิอาจเรียกใช้ได้ เพราะป้ายคำสั่งต้อ
ทหารคนเดิมกระซิบบอกแก่รองแม่ทัพ ที่มองฮูหยินคล้ายว่านางไม่คิดจะเอ่ยสิ่งใด รองแม่ทัพได้แต่อ้าปากหวอ เมื่อรู้ถึงเหตุผลที่ฮูหยินในท่านแม่ทัพไม่คิดเอ่ยสิ่งใดกับเขาหรือใคร ๆ “ฮูหยินโปรดอภัยที่ข้ามิรู้ความ” เชียวอวิ๋นคลี่ยิ้มละมุน ก่อนจะย่อตัวลงสำรวจร่างกายของสามี หญิงสาวคว้าจับข้อมือของเขาขึ้นมาตรวจชีพจร คิ้วงามขมวดชิดกัน เมื่อรับรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้สามีของนางพลาดพลั้งในครานี้หญิงสาวล้วงเอาขวดยาออกมาเทลงไปในปากของสามี ก่อนจะเรียกให้คนของนางมาช่วยพยุงเขาขึ้นหลังมาให้นาง หญิงสาวเหวี่ยงกายขึ้นไปนั่งรออยู่ก่อนผู้ติดตามได้ช่วยพยุงร่างของแม่ทัพหนุ่ม ส่งขึ้นซ้อนด้านหลังของนายหญิง อี้หรูส่งสายรัดเอวให้แก่ผู้เป็นนาย เพื่อผูกติดแม่ทัพหนุ่มมิให้ร่วงลงระหว่างเดินทาง เชียวอวิ๋นได้มอบหมายให้อี้หรูถ่ายทอดคำพูดแทนนาง ก่อนจะควบม้าออกไปอย่างเร่งร้อน เป้าหมายของนางมิใช่จวนแม่ทัพ แต่เป็นคณะขนเสบียง“ฮูหยินให้พวกท่านกลับไปที่จวนท่านแม่ทัพ ทำทุกอย่างให้เงียบเชียบ เหมือนพวกท่านไร้ลมหายใจไปแล้ว”อี้หรูถ่ายทอดคำสั่งของผู้เป็นนาย หลังจากสื่อสารด้วยภาษามือ ที่มีเพียงนายบ่าวเท่าน